ถ้านึกถึงไต้หวันคนส่วนมากก็คงนึกถึง "ไทเป" แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้เราไปเยือนเช่น "เกาสง-Kaohsiung" เมืองขนาดใหญ่ทางใต้ของไต้หวัน เมืองนี้กำลังเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไต้หวัน ความน่าสนใจของเมืองนี้คือแผนการพัฒนาที่มีจุดมุ่งหมายให้เกาสงกลายเป็น Creative City จึงไม่แปลกที่ทั่วเมืองจะเต็มไปด้วยศูนย์ศิลปะที่ Hipster ทั้งหลายไม่ควรพลาด 

มาดูกันว่าภายใน 72 ชั่วโมงในเกาสง เราสามารถไปที่ไหนได้บ้าง ?

DAY 1

  • Dome of light
  • Cianjhen Star Bridge
  • Pier 2 Art center
  • Hamasen Cultural Park
  • KW2 warehouse
  • Kaohsiung exhibition center
  • 85 Sky Tower
  • Dadong Art Center
  • Liuhe night market

DAY 2

  • Fo Guang Shan
  • Din Tai Fung at Hanshin Arena
  • Lotus pond
  • Ruifung night market

DAY 3

  • Cijin island
  • Shiba cafe

สัญลักษณ์ของเมืองเกาสงก็คือ 85 Sky Tower เป็นตึกที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน ลักษณะตึกถูกออกแบบให้เหมือนอักษรภาษาจีนคำว่า 高 (เกา) เคยครองแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในไต้หวันก่อนที่ตึก Taipei 101 จะสร้างเสร็จ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับเกาสงก่อนการเดินทาง

1. สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้ทั้งรถใต้ดินและรถบัส

2. เกาสงมีรถไฟฟ้าเป็นของตัวเอง

  • รถใต้ดิน(KMRT) แบ่งเป็นสองสายคือ สายสีส้มและสายสีแดง มีจุดเปลี่ยนสายที่สถานี Formosa boulevard
  • รถไฟรางเบา(LRT) สายสีเขียว

3. บัตร easy card สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถบัส เรือ ยกเว้นจักรยานเช่า...ไม่จำเป็นต้องใช้บัตร I-Pass

4. เกาสงมีรถไฟความเร็วสูง(THSR) สถานีชื่อ "Zuoying = จั่วอิง" เวลาจองตั๋วจะไม่มีสถานีเกาสงนะครับ

5. สถานที่เที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่กลางแจ้ง ยิ่งถ้าไปตรงกับช่วงหน้าร้อน...อุปกรณ์กันแดดต้องพร้อม

6. จากสนามบินเข้าเมืองก็สะดวก เพราะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสถานี  Kaohsiung international airport (R4)

เราจองตั๋วแบบบินตรงจากกรุงเทพไปลงที่สนามบินเกาสงเลย ขากลับเราจะแวะเที่ยวไทเปแล้วขึ้นเครื่องกลับที่สนามบินเถาหยวน หรือถ้าไม่ได้บินตรงก็สามารถบินไปลงที่ไทเปแล้วต่อ THSR ไปเกาสงก็ได้ครับ

ปล. ใครอยากชมวิวเมืองเกาสงจากมุมสูง ตอนขาไปให้จองที่นั่งติดหน้าต่างฝั่งปีกซ้ายนะ

วันแรกของการเที่ยวในเกาสง เราเริ่มที่สถานี KMRT Formosa Boulevard ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นสถานีรถไฟฟ้าที่สวยเป็นอันดับ 2 ของโลก

ตัวอาคารด้านนอกก็ถูกออกแบบให้เป็นโดมที่ทำจากกระจก ถ่ายรูปออกมาสวยทั้งกลางวันและกลางคืน

ภายในสถานีมีงานศิลปะที่ออกแบบโดยศิลปินชาวอิตาลีชื่อ Dome of Light สร้างจากแผ่นกระจกสีขนาดใหญ่ ลวดลายแสดงถึงธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม้ ด้วยความสวยงามทั้งภายนอกและภายในอาคารทำให้สถานีรถไฟแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชมตลอดทั้งวัน

ในสถานีมีการแสดงไฟประกอบกับเสียงเพลงให้ชม โดยจัดแสดงเป็นรอบ **รอบการจัดแสดงไฟ**

  • จันทร์-พฤหัส 11.00 15.00 20.00
  • ศุกร์ เพิ่มรอบ 19.00
  • เสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบ 17.00 19.00

จากนั้นก็แวะมากินอาการเช้าแถวสถานี เป็นร้านน้ำเต้าหู้และอาหารเช้าสไตล์ไต้หวันที่เปิด 24 ชม

เราสั่งแซนวิชไส้แฮม ไส้หมูหยอง+ไข่ดาว โรตีไส้ชีส

ปิดท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ที่ทำจากถั่วเขียว…อร่อยยยยย หอมกลิ่นถั่วและไม่หวานไป ร้านอยู่ใกล้ KMRT formosa boulevard exit 1

นั่ง KMRT มาที่สถานี Kaisyuan (R6) exit 1 เพื่อมายัง Cianjhen Star Bridge เป็นสะพานที่สร้างขึ้นให้ชาวเมืองใช้ปั่นจักรยาน แต่กลับมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปจนกลายเป็น Photo spot ที่โด่งดังใน IG

สะพานนี้เป็นจุดเชื่อมต่อของ KMRT กับ LRT สถานี Cianjhen Star (C3) ซึ่งแพลนของเราวันนี้จะเที่ยวตามสถานีของ LRT ไปเรื่อยๆ ... LRT เป็นรถไฟรางเบาทีมีเส้นทางเป็น City loop สถานีส่วนใหญ่จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รอบเมือง

เราแวะจุดแรกที่สถานี C10: Glory Pier เป็นจุดชมวิวริมน้ำและชมวิวเมืองจากมุมสูงด้วย แต่เหมือนจะมาผิดเวลาเพราะแดดแรงมาก 555 คิดว่ามาช่วงเย็นๆ วิวน่าจะสวยและไม่ร้อนครับ

นั่ง LRT มาถึงสถานี Dayi Pier 2 (C12) จุดเริ่มของศูนย์ศิลปะ Pier 2 ที่ถูกดัดแปลงจากโกดังเก็บสินค้าท่าเรือที่ถูกทิ้งให้ร้าง โดยฝีมือของศิลปินชาวท้องถิ่น มีงานศิลปะจัดแสดงอยู่แทบทุกมุม


Pier 2 Art center มีมุมสวยๆเยอะแต่ยังคงเหลือกลิ่นไอของโกดังเก็บสินค้าสมัยก่อนอยู่ ภายในมีคาเฟ่ให้เลือกนั่งเยอะ รวมถึงร้านขายผลงานศิลปะน่ารักๆให้เลือกซื้อด้วย

รูปปั้นสองตัวนี้เป็นสัญลักษณ์แทนชาวเกาสงที่เคยเป็นกลุ่มแรงงานที่ร่างกายกำยำบึกบึน 👷 รูปปั้นแต่ละคู่จะมีการวาดลวดลายแตกต่างกันออกไป

แวะมาหลบแดดที่ Now and Then cafe

รสชาติอาหารและขนมอร่อยแต่เครื่องดื่มไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ที่ชอบคือวนิลาลาเต้ 

📌: Now and Then cafe by NYBC

🏃: LRT C12 เดินตรงมายังศูนย์ศิลปะแล้วเลี้ยวขวามาจนซอยสุดท้ายเลย

ถัดจาก now and then cafe มีร้านขายพายสับปะรด Sunny Hill สาขานี้ก็ออกแบบให้ดูเก๋สมกับที่ตั้งในศูนย์ศิลปะเลย แค่แวะเข้ามาในร้านพนักงานก็จะเสริฟขนมให้ชิม 1 ชิ้นพร้อมกับชาร้อน 1 ถ้วยทันที

พื้นที่ในศูนย์ศิลปะ Pier 2 กว้างมาก สามารถเดินชมวิวมาเรื่อยๆตามทาง หรือจะเลือกนั่ง LRT ก็ได้ครับ

Pier 2 Art Center: จะตั้งอยู่ระหว่าง LRT สถานี C12 -> C13

ลายที่วาดบนตึกนี้ คือสถานีรถไฟของเกาสงและสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมือง

มีการจัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะในโกดังขนาดเล็กๆ 

ตลอดทางเดินของศูนย์ศิลปะ Pier 2 จัดแต่งด้วยผลงานศิลปะที่เป็นงานปั้น ลายกราฟิตี้สวยๆบนตึก และหุ่นยนต์ขนาดยักษ์

ตรงนี้ก็เป็นอีกมุมยอดฮิตของ Pier 2 Art center

เดินมาตาม Pier 2 เรื่อยๆ จนถึงถนนใหญ่ เราจะมองเห็นโกดังเรียงกันอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่นี้คือที่ตั้งของศูนย์ศิลปะอีกแห่งคือ Hamasen Cultural park ถ้าใครเดินไม่ไหวก็นั่ง LRT มาสถานี C14: Hamasen หรือ ถ้านั่ง KMRT ก็ให้มาลงที่สถานี Sizihwan (O1) ก็ได้ครับ

Hamasen Cultural park ดัดแปลงมาจากชุมทางรถไฟเก่าที่ญี่ปุ่นเคยสร้างไว้สมัยอาณานิคม รัฐบาลของเกาสงได้ปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้สำหรับพักผ่อน ภายในสวนก็มีการนำเอาขบวนรถไฟเก่ามาวางไว้

ภายในโกดังเก่ามีการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนกันไป นอกจากนี้ในศูนย์ศิลปะแห่งนี้ ยังมีการจำลองรถไฟขนาดจิ๋วให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองนั่งด้วย

มุมบนซ้ายคือรถไฟขนาดจิ๋วที่ให้นักท่องเที่ยวนั่งเพื่อชมบรรยากาศรอบๆ งานศิลปะส่วนใหญ่ที่นี่สร้างขึ้นมาจากเศษเหล็กและอลูมิเนียม สะท้อนให้เห็นว่าเกาสงเคยเป็นฐานในอุตสาหกรรมหนักมาก่อน

ควรเลี่ยงช่วงแดดแรงเพราะเป็นที่โล่งหาที่หลบแดดยากครับ ควรหาช่วงอากาศดีๆคงเหมาะกับการมานั่งชิว

เดินไม่ไกลจาก Hamasen cultural park ก็ถึง KW 2 ware house, Banana Pier เป็นศูนย์การค้า ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ

ข้างในมีร้านค้ามากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้ายขายของและเสื้อผ้า นอนจากนี้ยังเป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวพระอาทิตย์ตกกันด้วย

จากนั้นเรานั่ง LRT มาที่สถานี Kaohsiung Exhibition Center เพราะใกล้สถานีนี้มีสวน Singuang riverside ซึ่งเป็นจุดที่เห็น 85 Sky Tower ได้อย่างชัดเจน

ด้านข้างจะเป็นตึก Kaohsiung Exhibition Hall ที่ตัวอาคารออกแบบได้สวยไม่แพ้กัน

เสพศิลปะให้สุดกันไปเลย... ปิดท้ายที่ Dadong Art Center เป็นศูนย์ศิลปะที่จัดแสดงงานต่างๆและเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อีกแห่งของเมืองเกาสงด้วย การเดินทางก็ง่าย นั่งรถ KMRT มายังสถานี Dadong exit 2 ก็ถึงเลยครับ

ความเก๋ของที่นี่คือการตกแต่งผนังด้วยแผ่นกระจกที่สลับลายกับพื้นปูน และยังใช้ผ้าใบมาตกแต่งให้คล้ายกับบอลลูน ช่วงเย็นที่นี่ก็จะเปิดไฟที่บอลลูน ไฟจะเริ่มเปิดประมาณ 18.00 ครับ

ปิดท้ายวันที่ตลาดกลางคืนลิ่วเหอ ที่นี่ครึกครื้นไม่แพ้ไทเป สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารให้เลือกชิม  ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล ราคาไม่แพงมาก เดินกินกันตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยได้เลย

📌: Liuhe Night Market

🏃: KMRT Formasa Boulevard exit 11 

  • สเต็กเนื้อคือดีมาก ทำมาสุกกำลังดี ข้างในยังชุ่มฉ่ำ เลือกซอสที่ใช้ผัดได้หลายรสชาติ
  • ลูกชิ้นปลาก็ดี เนื้อแน่นๆสัมผัสได้ถึงเนื้อปลาเน้นๆ
  • หอยทอด อาหารทะเลทอดเป็นอีกเมนูยอดฮิตที่ขายกันหลายร้านมากๆ
  • ไส้กรอกไต้หวัน มากี่ทีก็ต้องกินเพราะมันอร่อยมากๆ 

มาลองหมาล่าแบบต้นตำรับ เผ็ดร้อนถึงใจมากๆ มีให้เลือกหลากหลายมากๆทั้งเนื้อสัตว์ เครื่องใน ลูกชิ้น


ที่แปลกตามากๆคือ เค้กเลือดหมู (ข้าวที่ผสมเลือดแล้วเอาไปนึ่ง) ลองมาชิมดูนะครับ

มีอาหารน่าลองเยอะมากๆ บางอย่างไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำแต่อร่อย แนะนำปลาหมึกย่าง นมมะละกอ นมเผือก 
กินจนต้องกลิ้งกลับ....

จบวันแรกแบบพุงกาง !!!! พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวฉบับสายบุญ พาตะเวนไหว้พระทั่วเกาสง

เริ่มต้นที่วัดฝอ กวง ซาน เป็นพุทธสถานขนาดใหญ่ของเมืองเกาสง มีความอลังการงานสร้างมากๆ

การเดินทาง เริ่มจาก KMRT สถานี Zuoying exit 1 ให้หาป้ายรถเมล์ทางซ้ายมือ เพื่อต่อรถบัสสาย 8501 ก่อนขึ้นให้ถามคนขับก่อนว่าผ่านวัดฝอ กวง ซานหรือเปล่า เพราะบางคันไปถึงแค่ EDA world

เมื่อผ่านตึกด้านหน้าของวัดเข้ามา จะเจอลานกว้างที่ด้านหน้าจะมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยเจดีย์ทั้งหมด 8 องค์ (แทนด้วยมรรคองค์ 8) ในรูปดูอลังการแล้วแต่ถ้าได้มายืนตรงนี้ จะยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของที่นี่

ภายในเจดีย์แต่ละองค์มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถเข้าชมได้ฟรี

ตามทางเดินจะมีงานปูนปั้นเป็นรูปพระอรหันต์ รวมถึงงานปั้นภาพนูนต่ำแสดงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าให้ชมอีกด้วย

สุดทางเดินเราก็พบกับตึกพิพิธภัณฑ์ที่ด้านบนมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่น ล้อมรอบด้วยเจดีย์อีกสี่องค์ ซึ่งแสดงถึงอริยสัจ 4 ภายในอาคารมีห้องจัดแสดงนิทรรศการมากมายรวมถึงร้านขายของที่ระลึกด้วย

ขากลับให้มารอรถบัสที่ป้ายเดิม จะมีป้ายแสดงรอบรถและปลายทางของรถแต่ละคัน ให้เลือกรถคันที่จอด Zuoying THSR  หลังจากรถบัสมาถึงเราก็มากินมื้อกลางวันที่ Hanshin Arena เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของเกาสง ข้างในมีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย

🏃: KMRT Kaohsiung Arena exit 5 

เราเลือกร้าน Din Tai Fung กินกี่ครั้งก็รู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ไทย 555 นอกจากอาหารอร่อยแล้วการบริการของพนักงานที่นี่ก็ดีมากเช่นกัน

มาถึงที่นี่ต้องลอง เสี่ยว หลง เปาสักหน่อย วิธีกินให้เจาะรูที่แป้งเพื่อชิมซุปข้างในก่อน แล้วค่อยจิ้มด้วยซอสปรุงรสและขิง

  • ข้าวผัดพอรคชอปอร่อยมาก หมูทอดที่โปะมาให้ก็ชิ้นใหญ่บึ้ม
  • เกี๊ยวกุ้งคลุกซอสเผ็ด ไส้กุ้งข้างในเด้งมาก ตัดเลี่ยนด้วยซอสเผ็ดคือลงตัวสุดๆ
  • บะหมี่หมูสับ ออกจะจืดไปสักนิดเลยไม่ค่อยถูกปาก

Appetizer อร่อยทุกจานแต่ที่โดนใจสุดๆ คือมะเขือม่วงราดซอส อิ่มมากกก...หมดนี้ราคา 2,500 NTD 

จุดหมายต่อไปคือ Lotus Pond เรานั่ง Taxi จากหน้าห้างไปเลยเพราะไม่ไกลมาก ค่ารถแค่ 120 NTD หรือถ้าใครอยากนั่งบัสก็นั่ง KMRT ไปสถานี Zuoying แล้วต่อรถบัสสาย R51 (ป้ายรถอยู่ใกล้ exit 1)

Lotus pond เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกาสง เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่รอบสระเรียงไปด้วยวัดและศาลเจ้าต่างๆ ซึ่งเดินถึงกันได้หมด เรามาเริ่มต้นกันที่วัดขงจื้อก่อน

ปล. พึ่งมาทราบทีหลังว่า เค้าให้เดินในทิศตามเข็มนาฬิกา เริ่มต้นจากเจดีย์มังกร-เสือก่อน


Kaohsiung city confucius temple เป็นวัดขงจื้อที่ใหญ่ที่สุดในเกาสง บรรยากาศภายในวัดเหมือนพระราชวังที่เกาหลีเลย 😂 มีช่างภาพพานางแบบมาถ่ายชุดฮันบกด้วย


ในวัดมีร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์จีนชื่อ Mango culture  ใครเดินไหว้พระจนร้อนก็แวะมาพักได้ครับ เครื่องดื่มสดชื่นดี ขนมโก๋อร่อย

ต่อมาคือวัดหยวนตี้เป็นศาลาที่ตั้งอยู่กลางสระบัว ขนาบด้วยศาลาเป่ยจี้ ตรงกลางมีรูปปั้นของเทพเจ้าเสวียนอู่ (เจ้าพ่อเสือ, เทพดาราเจ้าแห่งทิศเหนือ) เป็นเทพเจ้าที่ชาวลัทธิเต๋าให้ความนับถือมาก 

ตามทางเดินไปยังรูปปั้นเทพเจ้าเสวียนอู่ มีงานปูนปั้นรูปแม่ทัพสวรรค์เรียงตลอดทางเดิน

เดินถัดมาอีกนิดก็ถึงศาลาชุนชิว (Chunqiu) หรือศาลาฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ด้านหน้ามีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมและรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ 

เราสามารถเดินเข้าอุโมงค์ตรงปากมังกรเข้าไปชมข้างในได้ด้วย

ด้านหลังจะมีศาลากลางน้ำตั้งอยู่ วิวตรงนี้คือดีมาก 

ที่สุดท้ายคือเจดีย์หลงหู (Longhu Pagodas) หรือเจดีย์มังกรเสือ แลนด์มาร์คอีกที่ของเมืองเกาสง

เจดีย์มังกร-เสือ เป็นเจดีย์สูง 7 ชั้นตั้งอยู่คู่กัน ทางเข้าเจดีย์จะมีรูปปั้นมังกรและเสือขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยสระบัว ชาวไต้หวันเชื่อว่าการเดินเข้าทางปากมังกรแล้วออกทางปากเสือจะขจัดโชคร้ายแล้วเปลี่ยนการเป็นโชคดีให้กับเรา  

หลังเดินจนทั่วเราก็นั่ง taxi มาที่ตลาดกลางคืนรุ่ยฟง มาต่อคิวชิมไก่ทอดเจ้าดัง Angel fried chicken อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ต่อด้วยสเต็กและเต้าหู้เหม็นมาชิมซะหน่อย 😁😁 พอกินเสร็จดันอิ่มซะงั้น เลยเดินสำรวจอะไรต่อไม่ไหวแล้ว ไว้ทริปหน้าต้องกลับมาซ่อมใหม่อีกรอบ

เช้าวันสุดท้ายในเกาสง...ปิดท้ายกันที่เกาะฉีจิน เป็นเกาะขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เกาสง ใช้เวลานั่งเรือข้ามฝากไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว การเดินทางเริ่มที่ KMRT Sizihwan Exit 2 เดินต่อไปยัง Gushan ferry station เพื่อนั่งเรือข้ามฝากไปยังเกาะ

เกาะฉีจินเป็นอีกที่พักผ่อนของชาวเกาสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลและจะมีจุดให้เราถ่ายรูปเยอะมาก ถ้าจะให้สะดวกก็แนะนำให้เช่าจักรยานไฟฟ้าดีกว่าครับ บริเวณท่าเรือจะมีร้านให้เช่าเยอะ

  • 2 ที่นั่ง ราคา 300 NTD/ชม. (ชม.ถัดไป 100)
  • 4 ที่นั่ง ราคา 400 NTD/ชม. (ชม.ถัดไป 200)

แค่วิวตรงท่าเรือก็สวยแล้ว มองเห็นตึก 85 sky tower อย่างชัดเจน ก่อนจะเริ่มเที่ยวก็แวะมาไหว้ขอพรกับเจ้าแม่ทับทิมที่ชาวประมงที่นี่นับถือกันก่อน

ตอนเช่ารถ…พนักงานที่ร้านจะให้แผนที่เราพร้อมกับแนะนำว่าควรไปจุดไหนบ้าง และมีจุดไหนที่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปเพราะถ้าฝ่าฝืนก็ต้องโดนค่าปรับ จุดแรกที่เค้าแนะนำให้มาคือ Cijin star tunnel

ระหว่างทางเจอชาวบ้านที่มาตกปลากันเต็มไปหมด วิวทะเลระหว่างทางที่เดินไปสวยมาก เดินไม่นานก็ถึงอุโมงค์ดวงดาว เป็นอุโมงค์ที่ผนังด้านในมีการจัดไฟให้เป็นรูปกลุ่มดาวต่างๆ

ไม่ไกลจาก Cijin star tunnel ก็ถึง Cihou fort และ Cihou light house เป็นป้อมและประภาคารเก่าที่อังกฤษเคยสร้างไว้ ทั้ง 2 จุดมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ ให้จอดจักรยานไฟฟ้าไว้ตรงป้าย (รูปบนขวา) จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ประภาคารก่อน เดินจนทั่วแล้วค่อยไปต่อที่ Cihou fort (ด้านซ้ายมือของ Light house มีป้ายบอกทางให้เดินไป Cihou fort)

Cihou fort เป็นอีกจุดชมวิวที่ได้รับความนิยม บริเวณโดยรอบยังคงเหลือซากของสิ่งปลูกสร้างในสมัยก่อน เมื่อปืนขึ้นมาก็สามารถชมวิวพาโนรามาของเมืองเกาสงได้

เราขับจักรยานไฟฟ้ามาเรื่อยๆจนถึง พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย เป็นอีกจุดถ่ายรูปยอดนิยมบนเกาะฉีจิน

ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ก็ถึงอีกจุดถ่ายรูปยอดฮิตคือ Rainbow church

ขับกันมาจนสุดทางจนถึงลานกังหัน ที่นี่เป็นจุดสุดท้ายของเกาะฉีจิน

กลับมาคืนรถตอนเที่ยงพอดี เจ้าของร้านเช่ารถไฟฟ้าเลยแนะนำให้มาชิมอาหารทะเลที่ Miaoqian street จากท่าเรือให้เดินตรงเข้าซอยข้างสถานีตำรวจประมาณ 200 เมตรก็ถึงแล้ว

พนักงานที่ร้านใจดี ช่วยสุดๆ เค้าให้เลือกเราอาหารทะเลก่อน แล้วจะแนะนำว่าจะปรุงด้วยวิธีไหนเช่น นึ่งซีอิ๊วหรือนิ่งกระเทียม อร่อยเกินคาดมากๆ ชอบสุดคือปลาหมึกทอดกระเทียม กุ้งนึ่งกระเทียมและปลานึ่งซีอิ๊ว ปิดท้ายด้วยผลไม้ที่แถมให้อีกจานใหญ่ มื้อนี้หมดไป 1,800 NTD คุ้มมากๆ ใครมาถึงเกาะฉีจินต้องมาลองชิมอาหารทะเลที่นี่นะครับ

หลังจากนั่งเรือข้ามฝากกลับมาที่ Gushan Ferry อยากให้มาลองน้ำแข็งใสร้านนี้เลย

ความเก๋ของร้านนี้คือลูกค้าสามารถใช้ปากกาเขียนที่ผนังได้ตามใจชอบ ส่วนเมนูน้ำแข็งใสมีให้เลือกเยอะมาก ขนาดของชามเราสามารถเลือกตามจำนวนคนที่ไปได้เช่น X2 X3 ไปเรื่อยๆๆๆ จนถึงX20 ยกมาเป็นกะละมังเลยทีเดียว

ชิมสองเมนูนี้ เผือกกับถั่วแดง X1 และ ผลไม้รวมกับพุดดิ้ง X2

ปิดท้ายที่ Shiba Cafe ร้านดังใน IG เราชอบการตกแต่งร้านของที่นี่มากๆ สวยทุกมุม

🏃: KMRT Formosa Boulevard exit 2

เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือแพนเค้ก แพนเค้กของร้านนี้นุ่มละมุน กินคู่กับกาแฟร้อนคือดีเลย ส่วนเครื่องดื่มที่เป็นโซดาไม่แนะนำนะ 555 ชิมแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ จบจากคาเฟ่นี้ก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยังไทเปแล้ว

ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว มาถึงตรงนี้คิดว่าหลายคนคงอยากมาสัมผัสที่นี่กันแล้ว รับรองว่าจะหลงเสน่ห์ที่เกาสงแน่นอนครับ #ครั้งแรกที่เกาสงไม่หลงได้ไง !!!

OUTSIDE MY ROOM

 วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.07 น.

ความคิดเห็น