เกาสง (Kaohsiung) เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดอยู่ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน เป็นอีกเมืองที่แนะนำสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวในไทเป เดินทางก็สะดวก จะมาจากไทเปหรือจะบินตรงจากไทยก็ได้ครับ

การเดินทางจากไทเปมีหลายวิธีขึ้นกับ budget ถ้าอยากประหยัดเวลา แนะนำรถไฟความเร็วสูง เพียงแค่ 2-2.5 ชม ก็ถึงแล้ว เวลาซื้อตั๋วให้เลือกสถานีปลายทาง Zuoying ไม่ใช่สถานี Koahsiung นะครับ !!!

การเดินทางในเกาสงค่อนข้างสะดวก มีรถไฟใต้ดิน 2 สายหลัก กับรถรางปุ๊กปิ๊กอีก 1 สาย ซึ่งคลอบคลุมการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เกือบครบ แถม Easy card ใบเดียวก็เอาอยู่ จ่ายได้หมดทั้งรถใต้ดิน รถราง รถเมล์และเรือข้ามฝาก

คอนเซ็ปท์ของเกาสงคือ Creative city สถานที่เที่ยวส่วนใหญ่คือ Arts center ซึ่งปรับปรุงจากโกดังเก่าของท่าเรือ ในส่วนของสายมูก็น่าจะถูกใจเพราะวัดที่นี่เล่นใหญ่มาก ตกแต่งสวยงามอลังการทุกวัด มาเติมพลังบุญแถมรูปปังๆ กลับบ้านไปด้วย

เราจะมาป้ายยาที่เที่ยวในเกาสง ทริปนี้เราอยู่ที่เกาสงกันแบบจุใจ 4 วัน 3 คืน ตามแพลนนี้เลยครับ

DAY 1: 

DAY2:

DAY3:

Day4:

เราเลือกบินกับ China airline ถึงสนามบินเถาหยวนตั้งแต่เช้า มีเวลาเดินเล่นในไทเปนิดหน่อย ก่อนจะเดินทางไปเกาสงช่วงบ่ายๆ ส่วนใครจะบินตรงไปเกาสง ตอนนี้มีไฟล์ทของ China airline, EVA air และ Air Asia

การจองตั๋วรถไฟความเร็วสูง (THSR) แนะนำให้จองล่วงหน้าทางเวปไซต์หรือจองผ่านเอเจนซี่ก็ได้ มีแพคเกจให้เลือกหลายรูปแบบ ทริปนี้เราจองล่วงหน้าผ่าน KK day ราคาเที่ยวละ 1,2XX บาท

นำเวาเชอร์ที่ได้รับมากับพาสปอร์ตไปแลกรับบัตรโดยสาร จากนั้นเช็คหมายเลขขบวนรถว่าจอดที่ชานชาลาไหน ควรไปรอที่ชานชาลาก่อนเวลาที่ระบุไว้ เพราะเวลาบนตั๋วคือเวลาที่รถออกนะครับ

ที่นั่งบนขบวนรถมีแบบ Reserved seat และ Non reserved seat รอบนี้เราจองแบบระบุที่นั่งไปเลย เพราะไม่อยากไปลุ้นหาที่นั่ง จะให้ยืนยาวไปถึงเกาสงก็คงไม่ไหว 555

ตอนจองขอเลือกที่นั่งแบบริมหน้าต่าง จะได้ชมวิวระหว่างทางไปเรื่อยๆ มีทั้งวิวเมือง ทุ่งนา ภูเขา 

เราเลือกรถขบวนด่วนพิเศษ แวะจอดแค่ 3 สถานี ใช้เวลาแค่ 2 ชม ก็ถึงสถานี Zuoying สถานีรถไฟความเร็วสูงที่นี่ใหญ่โตไม่แพ้ที่ไทเป

จากสถานี THSR-Zuoying เราเดินทางต่อด้วย KMRT เพื่อมาเช็คอินที่โรงแรม ซึ่งอยู่ติดกับ KMRT สถานี Formosa Boulevard

หลังเก็บของเรียบร้อย เราก็ไปจุดเช็คอินแรกคือ Sanfong temple วัดของลัทธิเต๋าที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพนาจา เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี 

🚈 KMRT: City council exit 4 เดินต่ออีก 10-15 นาที

นอกจากมาขอพรเทพนาจาแล้ว ที่วัดยังมีจุดถ่ายรูปยอดนิยมอยู่ที่ชั้น 3 ของวัด เป็นวิวศาลาตั้งอยู่ท่ามกลางโคมแดง สวยมาก แนะนำให้มาประมาณ 17.30 แล้วอยู่จนเปิดไฟ วิวนี้จะสวยขึ้นอีก 10 เท่า

มาไต้หวันจะพลาดตลาดกลางคืนได้ไง ก่อนกลับที่พัก ขอแวะหาของอร่อยๆ ที่ Liuhe night market

🚈 KMRT: Formosa boulevard station exit 11

ตลาดลิ่วเหอ เป็นตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงของเกาสง มีร้านอาหารให้เลือกเยอะมาก มีทั้งร้านขายอาหารทะเล เมนูของทานเล่นต่างๆ

เราสั่งเกี๊ยวกับโร่วหยวนมากิน อร่อยทั้ง 2 ร้านเลย

🍜 เกี๊ยว https://maps.app.goo.gl/UM7XGt4SCjSWfnyz8

🍜 โร่วหยวน https://maps.app.goo.gl/Hy75ZZkmxVnBEhHj9

ปิดท้ายวันแรก ด้วยวิวสุดปังจากห้องพักครับ เราโชคดีได้อัพเกรดห้องเป็นแบบ City view

แพลนวันที่ 2 เอาใจสายอาร์ทโดยเฉพาะ เราจะไป Arts center กันทั้งวันเลย

เริ่มกันที่ Weiwu Mi Mi village ตึกในย่านนี้ถูกตกแต่งด้วยสตรีทอาร์ท ซึ่งไม่ได้วาดแค่บนกำแพงเท่านั้น แต่เป็นผลงานศิลปะที่วาดทั้งตึกไปเลย 

🚈 KMRT: Weiwuying station exit 4,5

ไม่ได้มีแค่ตึกเดียว !!! แทบทุกตึกในย่านนี้ถูกตกแต่งด้วยผลงานศิลปะ ถ่ายรูปสวยทุกมุม เดินเพลินแน่นอน 

แนะนำให้มาช่วงเช้าหน่อย หรือไม่ก็ช่วงเย็นไปเลย จะได้ไม่ร้อนมากครับ (เกาสงร้อนและแดดแรงกว่าไทเปเยอะมาก)

ต่อที่ Dadong Arts Center ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะ งานแสดง และห้องสมุดสาธารณะ

🚈 KMRT: Dadong station exit 2

ตัวอาคารตกแต่งด้วยงานศิลปะที่มีลักษณะคล้ายบอลลูนสีขาวขนาดใหญ่ มีการจัดแสดงไฟในช่วงเย็นด้วย

ปิดท้ายด้วย The Pier2 Arts Center ศูนย์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเกาสง บริเวณนี้เคยเป็นโกดังเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง ต่อมามีการปรับปรุงจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาสง

🚈 KMRT: Hamasen station (Sizihwan) exit 2
🚆 LRT: Dayi Pier-2, Penglai Pier-2, Hamasen

ในบริเวณนี้จะแบ่งพื้นที่จัดแสดงผลงานออกเป็นหลายโซน ได้แก่
🎨 Kaohsiung Port Warehouse NO. 2 
🎨 Penglai Area of The Pier-2 Arts Center
🎨 The Pier 2 Arts center
🎨 ART CO

เดินจาก KMRT Hamasen station มาที่ KW2 warehouse เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตรงท่าเรือ บริเวณนี้มีท่าเรือข้ามฝากไปยังเกาะฉีจินได้ด้วย

ด้านในมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ มีแม้กระทั่งโฮสเทล !!! 

ข้ามถนนมาที่โซนของ Penglai Area of The Pier-2 Art Center 

โซนนี้ปรับปรุงโกดังสินค้าเก่ามาเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะ ซึ่งจะมีการหมุนเวียนผลงานของศิลปินไปเรื่อยๆ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เรื่องรถไฟ (Hamasen Museum of Taiwan Railway)

มีผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์มาจากเศษเหล็กจัดวางอยู่ในพื้นที่

อีกไฮไลท์คือรถไฟขบวนจิ๋วที่ย่อส่วนจากรถรางเบาของเกาสง มีบริการให้นักท่องเที่ยวนั่งรถไฟจิ๋วขบวนนี้ชมวิวรอบๆ บริเวณนี้ได้อีกด้วย

ด้านหลังจะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ Hamasen Railway Cultural Park มีการจัดแสดงรางรถไฟและขบวนรถไฟในยุคเก่าๆ 

มาต่อที่โซนสุดท้าย The Pier2 Art Center โซนนี้กว้างมาก ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง LRT 2 สถานีคือ Dayi Pier 2 (C12) และ Penglai Pier 2 (C13) จะเลือกลงที่สถานีไหนก็ได้ 

ตึกนี้มีภาพวาด 3 มิติ เป็นลวดลายของแลนด์มาร์คเมืองเกาสง ฝั่งตรงข้ามจะมีรูปปั้นมนุษย์หัวเห็ดนั่งอยู่บนโกดัง ซึ่งวันที่เราไป มีคนยกน้องออกไปไหนไม่รู้ !!! เศร้าเลย

หุ่นยนต์ตัวนี้สร้างมาจากเศษเหล็ก ของจริงตัวใหญ่มาก

เดินมาเจอถนนสีรุ้งเหมือนที่ Ximen แต่เป็นคำว่า KAOHSIUNG แทน ด้านหลังเป็นงานศิลปะที่สร้างมาจากตู้คอนเทนเนอร์

เดินมาถึง Great Harbor Bridge เป็นสะพานหมุนได้ที่ยาวที่สุดในเอเชีย 

การออกแบบของสะพานนี้ได้รับแรงบันดาลมาจากหอยกับโลมา ดูไปดูมาก็มีความคล้ายอยู่

ส่วนใครอยากรู้ว่าสะพานจะหมุนได้ยังไง ก็มารอชมได้ จะมีการหมุนสะพานตอน 15.00 ของทุกวัน

บนสะพานก็มุมถ่ายรูปสวยๆ เหมือนกันคับ ถ้าเราเดินข้ามไปอีกฝั่ง ก็มีคอมมูนิตี้มอลล์ให้เดินช้อปปิ้งได้

มุมนี้มองเห็น 85 Sky tower ได้อย่างชัดเจน ถ้าไทเปมี Taipei 101 เกาสงก็มี 85 Sky tower 

มาที่โซนสุดท้าย ART CO ตรงนี้เป็นแหล่งรวมของคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายผลงานศิลปะ แต่ละร้านตกแต่งแบบไม่ยอมแพ้กันเลย

คาเฟ่เยอะมาก แนะนำให้เดินสำรวจก่อน ชอบร้านไหนค่อยเข้าไปนั่งครับ

แนะนำให้มาช่วงบ่ายๆ เดินเล่นเพลินๆ ไปถึงช่วงเย็นได้เลยครับ

เดินจนทั่วแล้วก็ไปถ่ายรูปต่อที่ Kaohsiung Music Center แนะนำให้นั่ง LRT ไปลงที่สถานี Glory pier จะได้ถ่ายรูปแบบเก็บได้ครบทั้งตึก

Kaohsiung Music Center ศูนย์การแสดงดนตรีที่ตั้งอยู่ริมฝั่งของ Love River ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากคลื่นที่กระทบชายฝั่ง ด้วยรูปทรงของตึกที่สวยและดูแปลกตา ตึกนี้จึงกลายเป็นอีกสัญลักษณ์ของเกาสงไปแล้ว

🚆 LRT: Glory Pier 

จุดเช็คอินสุดท้ายของวันนี้คือ Qianzhen star bridge เป็นสะพานที่ใช้สำหรับปั่นจักรยาน เราชอบดีไซน์ของที่นี่มาก มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะเลย

มาทันดูพระอาทิตย์ตกที่นี่พอดี

🚈 KMRT: Kaisyuan Station
🚆 LRT: Cianjhen Star Station

ตั้งใจจะไปหาของกินที่ตลาดรุ่ยฟาง แต่ !!!! ลืมเช็คว่าตลาดปิดวันจันทร์กับวันพุธ 😂 เลยต้องกลับมาหาอะไรกินที่ตลาดลิ่วเหอแทน

เช้าวันที่ 3 เราจะไปไหว้พระขอพรกันที่ Zuoying lotus pond เป็นทะเลสาบที่ขุดขึ้นโดยมนุษย์ ซึ่งรอบทะเลสาบมีวัดที่สำคัญอยู่หลายวัด เรียกว่าไปที่เดียวก็อิ่มบุญไปเลย

🚈KMRT: Ecological district station exit 1 ต่อรถบัสสาย R35 ลงที่ป้าย Lianchi tan

วัดแรกคือ Chiji Temple เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเป่าเซิงต้าตี้ (Baosheng Dadi) เทพเจ้าแห่งการแพทย์ คนไต้หวันนิยมมาขอพรเรื่องสุขภาพ ฝั่งตรงข้ามของวัดคือเจดีย์คู่มังกร-พยัคฆ์ เราดันมาตรงกับช่วงที่กำลังปิดเพื่อซ่อมแซม 

เจดีย์หลงหู (Dragon and Tiger Pagodas) เจดีย์คู่สูง 7 ชั้น ด้านหน้ามีรูปปั้นมังกรและเสือขนาดใหญ่ คนไต้หวันมีความเชื่อว่า หากเดินเข้าทางปากมังกรแล้วออกทางปากเสือ จะเป็นการเปลี่ยนจากโชคร้ายให้กลายป็นโชคดี

วัดที่ 2 คือ Chi Ming Tang temple เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้ากวนอูและเทพเจ้าต่างๆ ตามความเชื่อของลัทธิเต๋า 

ฝั่งตรงข้ามคือ Spring and Autumn Pavilions ศาลากลางน้ำที่มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมขนาดใหญ่ รวมไปถึงรูปปั้นสัตว์มงคลต่างๆ ตามความเชื่อของชาวไต้หวัน

ด้านหลังของรูปปั้นมังกร จะมีสะพานเชื่อมต่อไปยังศาลากลางน้ำอีกแห่ง (Wuliting) ตรงนี้เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน 

ถ้าเราเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของศาลากลางน้ำแห่งนี้ แล้วมองย้อนกลับมาที่วัด ก็จะได้วิวจากมุมสูงแบบไม่ต้องใช้โดรนเลย

วิวนี้ถูกจัดได้ว่าเป็นวิวที่สวยที่สุดอีกมุมของไต้หวัน ยิ่งถ้ามาช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงจะสวยกว่านี้เยอะ

วัดที่ 3 คือ Zuoying Yuandi Temple สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเสวียนอู๋ (เทพเจ้าดาวเหนือ) มีรูปปั้นของท่านขนาดใหญ่มากตั้งอยู่กลางสระบัว

ระหว่างทางเดินไปยังรูปปั้นเทพเจ้าสเวียนอู๋ จะมีรูปปั้นแม่ทัพสววรค์เรียงรายเต็มสองข้างทาง

ชาวไต้หวันนิยมกราบไหว้เทพสเวียนอู๋ เพราะมีความเชื่อว่าท่านมีพลังในการปกปักอภิบาลและปราบศัตรู รวมถึงขจัดสิ่งเลวร้ายออกจากชีวิต

วัดสุดท้ายของวันนี้ คือ Kaohsiung City Temple of Confucius วัดขงจื้อขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองเกาสง ตัวอาคารสวยงามมาก รอบวัดมีสวนเล็กๆให้นั่งชิว หรือจะหลบแดดไปจิบกาแฟในคาเฟ่ก็ได้

หลังจากเดินจนครบแล้ว เรานั่ง UBER กลับมาที่ KMRT: Ecological district station ช่วงบ่ายเราจะไปเที่ยวที่เกาะฉีจิน (Cijin island)

วิธีเดินทางไปเกาะฉีจิน ให้นั่ง KMRT มาที่ Hamasen station แล้วเดินมาที่ Gushan Ferry Pier เพื่อรอขึ้นเรือข้ามฝากไปที่เกาะฉีจิน

ตึกที่อยู่ใกล้กับท่าเรือข้ามฝากถูกทาสีด้วยสีสันที่สดใส คล้ายกับหมู่บ้านชาวประมงเจิ้งปิ่งที่เมืองจีหลง นั่งเรือจากฝั่งแค่ 5 นาที ก็ถึงที่เกาะฉีจินแล้ว

เกาะฉีจิน (Cijin island) เกาะขนาดเล็กที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินเกาสง แต่ถูกขุดพื้นที่เชื่อมต่อด้วยเหตุผลด้านการสัญจรของเรือขนส่งสินค้า ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและสถานที่พักผ่อนของคนเกาสง

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่เกาะฉีจินคือการเช่าจักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าเพื่อปั่นชมวิวรอบเกาะ แต่ละร้านก็จะมีการตกแต่งจักรยานเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยว

ไม่ไกลจากท่าเรือคือถนนโบราณ Qijin Old Street มีร้านขายอาหารทะเลสดๆ ขนมและชานม รวมถึงคาเฟ่

Cijin Beach ชายหาดที่ทอดยาวตลอดความยาวของเกาะ เป็นสถานที่พักผ่อนของคนเกาสง แต่ชายหาดที่นี่ลงเล่นน้ำไม่ได้นะครับ ทะเลที่เราเห็นข้างหน้าคือมหาสมุทร

ใครชอบถ่ายรูปก็ปั่นจักรยานไปถ่ายรูปตาม Photo spot ที่อยู่บนชายหาด จุดที่ฮิต ได้แก่

  • Rainbow Church
  • Qijin Coastal Park
  • Cijin Windmill Park

ไม่ไกลจากชายหาดมีอุโมงค์ที่เชื่อมต่อไปยังภูเขาที่อยู่บนเกาะ (Cijin Tunnel) ในอุโมงค์ประดับด้วยหลอดไฟจำนวนมากคล้ายกับดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

อีกฝั่งของอุโมงค์จะเป็นหน้าผา (Coral Reef Cliff) วิวตรงนี้สวยมาก ลมทะเลพัดเย็นสบาย 

จุดหมายสุดท้ายของเราคือ หอประภาคารที่อยู่บนเขา (Kaohsiung Lighthouse)

ด้านบนมีจุดชมวิวที่มองเห็นวิวพาโนรามาของเมืองเกาสง 

ตรงนี้เป็นวิวของท่าเรือ Gushan ferry 

ด้านบนมีคาเฟ่ Shoreline Coffee & Roaster สั่งชาหรือกาแฟมาจิบระหว่างชมวิวได้ เสียดายที่ฟ้าปิดแถมมีเมฆฝน เลยไม่มีโอกาสได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกจากบนเกาะเลย

เย็นนี้เรามาที่ตลาดกลางคืนรุ่ยฟง (Ruifeng Night Market) ได้มาสักที 555

🚈KMRT: Kaohsiung Arena station exit 1

เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในเกาสง มีสตรีทฟู้ดมากกว่า 100 ร้าน เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีโซนขายเสื้อผ้า ของใช้และซุ้มเล่นเกมส์ต่างๆ แนะนำว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

Blogs นี้อาจจะเน้นที่เที่ยว ไว้รอ Blogs ถัดไปจะมารวบรวมของอร่อย ร้านดี ร้านเด็ดของเกาสงให้อีกทีครับ

เช้าวันสุดท้าย เราไปที่ Kaohsiung LRT Green Tunnel หรือที่คนส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า Totoro Tunnel จุดเช็คอินใหม่ของเกาสง 

🚆 LRT: Fine Arts of Museum

เป็นรางรถ LRT ระหว่างสถานี Neiwei Art Center และ Kaohsiung Museum of Fine Arts ซึ่งสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นอัลมอนด์มาดากัสการ์ คล้ายกับฉากที่อยู่ใน Totoro จนกลายเป็น Photo spot แห่งใหม่ ใครจะมาถ่ายรูปก็ต้องระวังนะครับ ควรรอให้ขบวนรถออกจากสถานีก่อน 

ก่อนกลับไทเป เราแวะชมผลงาน Dome of light งานประติมากรรมกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ภายในสถานี KMRT Formosa Boulevard

🚈KMRT: Formosa Boulevard station

เป็นผลงานการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี โดยใช้กระจกสีมากกว่า 4,000 ชิ้น ถ่ายทอดแนวคิดของธาตุทั้ง 4 ไ้ด้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ 

เที่ยวแบบจุใจมาก ถึงเวลากลับไปไทเปแล้ว ขากลับเราก็เดินทางด้วย THSR สะดวกและประหยัดเวลามาก 

สุดท้ายขอฝาก "เกาสง" เป็นอีกเมืองที่เหมาะกับการมาฮีลใจ (แค่ต้องระวังฮีทสโตรกเพราะอากาศร้อนเหลือเกิน) น่าจะถูกใจทั้งสายมู สายชิล สายอาร์ตแน่นอน #ไต้หวันไม่ได้มีแค่ไทเป

สำหรับใครที่กำลังหาแพลนเที่ยวไทเป กดตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ เล่าไว้แบบละเอียดยิบ เที่ยวตามได้แบบไม่หลงแน่นอน

>> TRAVEL GUIDE TAIPEI: https://th.readme.me/p/45899

CALL ME KG

 วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.53 น.

ความคิดเห็น