เกาะสีชัง เป็นเกาะที่อยู่ใกล้ กทม. มากๆ เดินทางไปง่ายๆ 
ขับรถจาก กทม. แค่ 1 ชม.กว่าๆ นั่งเรืออีก 45 นาทีก็ถึงแล้ว

คลิปวีดีโอรายละเอียดการเดินทาง

ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักประวัติความเป็นมาของเกาะสีชังกันก่อน สีชัง เป็นอำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรที่มีเรื่องเล่า 1 ใน 24 ที่เขาเล่ากันว่า “ที่ใดมีรักของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ที่นั่นยิ่งอบอวลไปด้วยพลังแห่งรัก” จึงเป็นเรื่องเล่าขานที่ใครหลายคนอย่างเติมพลังความรักให้กับชีวิตต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลในเวลาเพียง 45 นาที

การเดินทาง ในแบบของเรา :-
- สามารถนำรถมาจอดไว้ที่โรงเเรมโนโวเทลฝั่งศรีราชาได้เลย
- เรียกสามล้อไปที่ท่าเรือเกาะลอย
- จ่ายค่าเรือคนละ 50 บาท ใช้เวลานั่งเรือ 45 นาที
- มีรถรับส่งถึงท่าเรือด้วย ไม่ต้องลากกระเป๋าทุกลักทุเลกันให้ลำบาก


คลิปวีดีโอรายละเอียดการเดินทาง

ส่วนใครใช้บริการสปีดโบ๊ทของโรงแรม ก็มีค่าบริการไปกลับคนละ 500 บาท ขึ้นที่ท่าเรือหน้าโรงแรมเลย ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที  เรือออกวันละ 2 รอบ ไป-กลับตามเวลาเลย แต่ถ้าต้องการประหยัดก็สามารถขึ้นเรือโดยสาร จากฝั่งศรีราชาข้ามไปเกาะสีชังได้ทุกวัน โดยขึ้นที่ท่าเรือท่าเรือเกาะลอย 

เช็ครอบเวลาขึ้นเรือให้ดีน้า เรือออกตรงเวลา บนเกาะมีที่เที่ยวเยอะ เดินทางไปแต่ละจุดง่ายมาก จะเช่ามอไซค์ หรือ จะเหมารถเที่ยวก็ได้ ราคาไม่แพง ใครชอบเที่ยว ชอบถ่ายรูป ชอบความชิล เตรียมหาชุดสวย พร๊อพเก๋ๆ ชวนแฟน ชวนเพื่อน ไปเที่ยวเกาะสีชังแบบชิลๆ กัน

ถึงท่าเรือเกาะสีชังแล้ว จะเห็นร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ และสกายแลป ไว้รอบริการ ลองตกลงกับพี่คนขับดูนะ

ส่วนเราโทรนัดกับทางที่พักไว้ให้รอที่หน้าร้าน Inthanin รถจากที่พักจะมารับเราที่นี่

ทริปนี้เราพาทุกคนไปพักผ่อนกันที่ “Novotel Marina Sriracha & Koh Si Chang” ที่พักส่วนตัวหรูหรา ในเครือโนโวเทลที่ทางโรงแรมจะแบ่งเป็นฝั่งศรีราชาและฝั่งเกาะสีชัง  อาคารหลักของโรงแรมจะอยู่ฝั่งศรีราชา มีห้องพักและห้องสวีทรวมกันทั้งหมด 235 ห้อง และโรงแรมในฝั่งเกาะสีชังมีห้องพักและวิลล่ารวม 40 ห้อง โดยจะแบ่งเป็นDeluxe Seaview, Sea View Premier Villa, Marina One Bedroom Pool Villa และ Marina 2 Bedroom Pool Villa  ทุกห้องที่เกาะสีชังจะเป็นห้องที่เห็นวิวทะเลทุกห้องเลย และน่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเกาะสีชัง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 📞 033 265 888
📲 Line@: https://lin.ee/YayPAd8
💻 https://novotelsriracha.com
📸 IG novotel.sriracha
📍https://goo.gl/maps/3us6d99g5D...

และทริปนี้เราก็เลือกมาพักกันบนฝั่งเกาะสีชัง ถ้าใครจะมาพักที่นี่ก็สามารถขับรถมาจอดที่โนโวเทลมารีน่าศรีราชา แล้วนั่งเรือสปีดโบ้ทของทางโรงแรมไปฝั่งเกาะสีชังได้เลย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เรือจะมีรอบ 11.00 (ราคาไป-กลับ 600/คน) แต่ถ้าใครอยากประหยัดงบแบบเราก็สามารถนั่งเรือธรรมดามาได้ ขึ้นที่ท่าเรือเกาะลอย คนละ 50 บาท ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที

มาถึงเกาะสีชังรถจากทางโรงแรมก็มารับ หรูหราหมาเห่ามากๆ เลยจ้า  ใช้เวลานั่งรถไปยังโรงแรมประมาณ 10 นาที ระหว่างทางไปเสียวปนสวยตลอดทางเลยแหละ  ทางมาโรงแรมค่อนข้างแคบ แต่วิวสวยมากๆ 

เมื่อมาถึงที่โรงแรมก็มาเช็คอินกันก่อนเลย ซึ่งบริเวณล็อบบี้พี่ๆ พนักงานต้อนรับเราอย่างดีเลย 

มี Welcome Drink ให้ด้วย เย็นชื่นใจมากๆ สำหรับใครที่เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็มานั่งพักชมวิวทะเลกันก่อน

หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อย เราก็ขึ้นห้องพักของเรากัน ที่พักที่นี่เหมาะแก่การมาพักผ่อนเอามากๆ เลย คือที่พักทุกห้องของที่นี่สามารถมองวิวทะเลได้แบบ 180 องศาเลย ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีวิวระเบียงที่สามารถนั่งดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ตอนเช้าได้เลย

เราพักห้อง Deluxe Sea View จะตั้งอยู่โซนด้านบน พักได้ห้องละ 2 ท่าน มองเห็นวิวทะเลสูงๆแบบเต็มๆ เห็นวิวทะเลแบบกว้างมาก มีระเบียงให้ออกไปชมวิวทะเลด้วยแหละ

ห้องนอนขนาดใหญ่ เตียงนุ่มแบบได้ใจ พร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้ ทั้งในห้องและนอกห้อง ที่เราสามารถนั่งชมวิวทะเลได้ชัดเจน  ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบเลย มีเตารีดให้ด้วย อันนี้ชอบจริงจัง

สไตล์การตกแต่งภายในก็จะเรียบง่าย เน้นใช้โทนสีสบายตา พื้นที่กว้างขวางไม่อึดอัด ซึ่งในห้องจะแบ่งเป็นห้องนอนและห้องน้ำ

ภายในห้องจะแบ่งเป็นห้องนอนและห้องน้ำที่แบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน ทำให้ภายในห้องกว้างขวางและมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลย

ไม่ว่าจะเป็นแอร์ โทรทัศน์ ไดร์เป่าผม น้ำร้อน-เย็น กาน้ำร้อน ภาชนะ มินิบาร์ เตารีด ที่รีดผ้า 

รวมถึงมีระเบียงให้เราเดินไปนั่งรับลม ชมวิวทะเลด้านนอก

มาถึงแล้วว้าวเลย เป็นการติดเกาะที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และวิวทะเลดีงามมากๆ

จะบอกว่าถึงที่นี่จะอยู่บนเกาะ แต่ถ้าพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ที่นี่ไม่แพ้บนฝั่งเลยน้า

Facility ส่วนกลางของที่นี่ เริ่มกันที่ห้องฟิตเนตกับวิวทะเล มีกำลังใจในการออกกำลังกายเลยแหละ

สระว่ายน้ำของที่นี่เป็นแบบ Infinity Pool รูปทรงดีไซน์เก๋มาก วิวสวยสุดๆ มองเห็นวิวทะเลได้แบบพาโนรามาเลย ด้านข้างมีสระเด็กๆ ด้วยน้า ปลอดภัยหายห่วง 

ไฮไลท์คือสระว่ายน้ำส่วนกลาง ที่มองเห็นวิวทะเลแบบพาโนราม่า ไฮโซสุดๆ
เล่นน้ำ ว่ายน้ำ คงไม่เท่าไหร่แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูไฮโซที่สุด ♂️
ยิ่งโดนแดดยิ่งแสงกระทบตัดกับสีฟ้าสดใสของสระว่ายน้ำและร่มสีแดง ถ่ายรูปสวยปังมากๆ

ใครที่มาว่ายน้ำแล้วอยากจิบเครื่องดื่ม หรือทาน Afternoon Tea ก็สามารถสั่งที่บาร์ได้เลย 

เค้ามี Afternoon Tea หน้าตากิ๊บเก๋บริการให้ด้วยน้า

ส่วนเราไม่ว่ายน้ำเพราะอากาศเย็นมากๆ เลยสั่งชุด Afternoon Tea มานั่งทานกันชิลๆ ริมสระว่ายน้ำเลย

ลงไปด้านล่างบริเวณท่าเรือ มีสนามเด็กเล่นให้เราได้ใช้บริการด้วย มากันเป็นครอบครัวไม่ต้องกลัวเด็กๆ เหงาเลยน้า มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ กดชัตเตอร์กันรัวๆ เลยแหละ

หรือถ้าใครอยากออกไปเที่ยวรอยพระพุทธบาท ช่องเขาขาด สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้ริมน้ำ (เรือนเขียว) หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ บนเกาะสีชัง ก็สามารถติดต่อกับพนักงานหน้าล็อบบี้ได้เลย หรือใครที่อยากเช่ารถจักรยานยนต์ ที่โรงแรมก็มีให้เช่าเหมือนกัน

ส่วนเราเลือกใช้บริการรถของโรงแรม เพื่อความสะดวก สถานที่ที่เราไปในทริปนี้ รอยพระพุทธบาท ช่องเขาขาด สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้ริมน้ำ (เรือนเขียว) 


จุดชมวิวมณฑป รอยรอยพระพุทธบาท

ช่วงเย็นแนะนำให้มาขึ้นมาชมวิวด้านบน บรรยากาศดี มองเห็นวิวมุมสูงแทบทั้งเกาะสีชังเลย
ช่วงที่เมืองทั้งเมืองเริ่มเปิดไฟจะสวยมาก ปล.ทางขึ้นจะค่อนข้างชันนิดนึงนะ สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาได้


ช่องเขาขาด (ช่องอิศริยาภรณ์)

ช่องเขาขาด จะเป็นบริเวณที่อยู่ติดกับแหลมมหาวชิราวุธ ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ
หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นภาพเขาที่ขาดออกจากกันเลย มีสะพานสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์

การเดินทางมาช่องเขาขาด

ถ้ามาจากท่าเรือเทววงษ์ ก็สามารถตรงไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกทิวไผ่ จากนั้นเลี้ยวขวา ไม่นานก็จะเจอกับ ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด จะอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ แต่ถ้ามาจากท่าเรือเทววงษ์ ก็ให้ขึ้นไปทางศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ แล้วเข้ามาทางซอยข้างโรงพยาบาล จากนั้นเลี้ยวขวาไป จะอยู่ทางด้านขวามือ

เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยสุด ๆ บนเกาะสีชัง สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ครบทั้งทะเล ภูเขา และสิ่งปลูกสร้างในประวัติศาสตร์

มีลักษณะคล้ายกับแหลมพรมเทพ แต่เล็กกว่าเป็นแหลมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะสีชัง มีสะพาน ที่ทอดยาวยื่นออกไปยังแหลม

จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นวิวบนเกาะสีชังได้สวยงามอีกจุดนึง มีการทำสะพานริมเขาให้เดิมชมวิวกันได้อย่างสบาย ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นหน้าผาสุงริมทะเล แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ หน่อยนะครับ เพราะจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบหลายอารมณ์เลยทีเดียว

วิวสวยมาก น้ำใส ธรรมชาติสุดๆ

จุดชมวิวบนเกาะที่บริเวณนี้ก็ไม่ธรรมดาะ เพราะสามารถเห็นความงดงามของท้องทะเลสีฟ้าสวยๆ คลื่นที่มากระทบหินผา เทือกศิลามหาวชิราวุธ นี้ ได้แบบสวยงามมากได้ถึง 360 องศา คือเห็นทั้งเกาะ หน้าผา ทะเล รวมไปถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถือได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดบนเกาะสีชังเลย

โดยในปัจจุบันนั้นนักท่องเที่ยวจะนิยมมาที่นี่เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ตกปลา ตกหมึก กัน เป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดเมื่อมาที่ เกาะสีชัง

สามารถเดินลงไปได้ไกลสุด ๆ เลย และทริปนี้เราใส่รองเท้า Nike TC7900 ใส่สบายสุดๆ

ถ่ายกับฝาท่อรูปกระรอกขาวน่ารัก ๆ แวะมาถ่ายเท้าเช็คอินแบบนี้ก็เก๋ไปอีกแบบ


สะพานอัษฎางค์ 

สะพานไม้แลนด์มาร์คสีขาวยื่นลงทะเลสุดคลาสิค  ที่เห็นแล้วจำได้เลยว่าที่นี่คือเกาะสีชัง หนึ่งในจุดเช็คอิน มุมถ่ายพรีเวดดิ้งยอดฮิต จนได้ฉายาว่า สะพานสุดโรแมนติก ลมพัดเย็นสบาย เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนชิล ๆ

สะพานท่าเรือขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทาสี ทอดยาวลงไปในทะเล   

สะพานทรงไทย บวกบรรยากาศที่เงียบสงบ รู้สึกได้ถึงความโรแมนติกของสถานที่แห่งนี้ ทำให้มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันเยอะมาก

ใครไม่ได้มามุมนี้เหมือนไม่ถึงเกาะสีชัง

มุมนี้ลมเย็นมาก นั่ง ๆ ไปเกือบหลับเลย ฮ่า ๆ 


เรือนไม้ริมน้ำหรือเรือนเขียว

ใกล้กับสะพานอัษฎางค์ จะมีเรือนไม้ริมน้ำหรือเรือนเขียว ที่ปัจจุบันเรือนไม้นี้เปิดเป็นร้านกาแฟสำหรับนักท่องเที่ยว ขายอาหารว่างและเครื่องดื่ม ภายในพระจุฑาธุชราชฐาน เดิมเป็นเรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเสด็จมาเกาะสีชังเป็นประจำ

เรือนไม้สีเขียว เด่นสง่า ติดทะเล ปัจจุบันยังคงทรงสภาพที่เรียบร้อย 

หลังจากถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเสร็จเรียบร้อย เราก็ขึ้นรถมุ่งหน้ากลับเข้าที่พักมื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องไว้กับห้องอาหารของโรงแรม

Set อาหารเย็นจากทางที่พัก อร่อยทุกเมนูเลยแหละ เป็นการกินขาแกะครั้งแรกเลยแกรร๊

แซลม่อนสเต๊ก

ยูแอสการ์ลอป หอยเชลล์

มัชรูมซุป (ซุปเห็ด)

อะโวคาโดสลัด

แลมแช้ง (ขาแกะ)

ม๊อกเทล สีชังไอซ์แลนด์ กับ โรสเบอรี่เท็น

ปิดท้ายด้วยมื้ออาหารเย็นด้วยไอศกรีม มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ ลงตัวสุดๆ เลย

ทานอาหารมื้อเย็นกันที่พัก นั่งมองวิวทะเลไป ทานอาหารไป มีความสุขสุดๆ เลย ทานอาหารเรียบร้อยก็ไปนั่งชิวๆ ริมสระว่ายน้ำ นอนฟังเสียงคลื่นลม มันดีสุดๆ

นั่งสักพักอากาศเริ่มเย็นเราก็ขึ้นห้องนอน เปิดช่องดู Youtube เสร็จก็อาบน้ำ เข้านอน


Day 2

ตื่นเช้ามารู้สึกสดชื่นสุดๆ ยืนชมวิวจากระเบียงห้องพักสักแปบ เราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะนัดรถของโรงแรมไว้ว่าเราะไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่กันตอน 9.00 น. เราต้องรีบไปทานอาหารเช้าก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง

ห้องอาหาร FOOD EXCHANGE ห้องอาหารแห่งเดียวของที่นี่ ให้บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ มีอาหารให้เลือกหลากหลายมากๆ 

ทานเสร็จเราก็ขึ้นรถไปสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ 


ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่’ เกาะสีชัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชลบุรี

และถ้าจะพูดถึงเรื่องความเชื่อ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องการขอพร ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ ประชาชนคนชลบุรีต่างให้ความเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน ด้วยความเชื่อของชาวบ้านท้องถิ่นจากรุ่นต่อรุ่น ถ้ามาเกาะสีชังต้องแวะมาสักการะกันด้วยน้า

สถานที่ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เกาะสีชัง ที่ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพนับถือ  ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย 

ถ้าใครไม่อยากขึ้นบันได ที่นี่เค้ามีรถรางให้บริการ แต่ต้องมี 6 คนน้า

และถ้าจะพูดถึงเรื่องความเชื่อ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องการขอพร ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ ประชาชนคนชลบุรีต่างให้ความเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน ด้วยความเชื่อของชาวบ้านท้องถิ่นจากรุ่นต่อรุ่น ถ้ามาเกาะสีชังต้องแวะมาสักการะกันด้วยน้า

เค้าว่ากันว่าถ้าใครที่มาเกาะสีชังครบ 3 ครั้ง สิ่งที่ขอจะเป็นจริงและสมหวัง เป็นความเชื่อที่บอกต่อกันมา

จากบริเวณศาลมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างสวยงามชัดเจน

กลับมาจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เราก็เก็บสัมภาระเตรียมเช็คเอาท์เดินทางกลับกันเลย โดยขากลับเราจะขึ้นเรือสปีทโบ้ทจากท่าเรือของโรงแรมเลย

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที จากท่าเรือ 333 เกาะสีชัง ไปยังท่าเรือ 339 ที่ฝั่งศรีราชา

ไปรับตั๋วสำหรับขึ้นเรือที่เคาน์เตอร์ มีรถกอลฟ์บริการขับมาส่งถึงท่าเรือ หรือใครจะเดินเล่นถ่ายรูปแบบเราก็ได้น้า มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ 

มีท่าเทียบเรือส่วนตัวเป็นสะพานยาวสีขาวทอดออกไปในทะเลซึ่งจัดเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่  ถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ อ่ะแกรร๊

ขึ้นเรือมาแล้วก็อย่าลืมใส่ชูชีพกันด้วยละทุกคน เพื่อความปลอดภัย ถ่ายรูปกันสักหน่อย

แล้วเราก็มาถึงท่าเรือ 339 ฝั่งศรีราชาด้วยความปลอดภัย จะบอกว่าตรงท่าเรือถ่ายรูปสวยสุดๆ เลย

สิ่งที่ประทับใจที่สุดสำหรับเรา ก็เห็นจะเป็นการบริการ ของพนักงานทุกคน ตั้งแต่ รปภ. , ห้องอาหาร ไปจนถึง หน้าล้อบบี้ มีรถมารับถึงท่าเรือ พาเที่ยวทั่วเกาะ พร้อม รปภ. ดูแลดีมากๆ ตั้งแต่เข้าพัก จนเช็คเอาท์ยังไปส่งถึงท่าเรืออีกด้วย เกาะสีชังมีเสน่ห์ยิ่งกว่าที่คิด ที่น่าประทับใจไปซะทุกอย่างเลยเชียวล่ะ
ใครที่อยากมาพักผ่อนฟิวติดเกาะ ทะเลสวย เงียบสงบ แนะนำให้มาที่นี่เลย เดินทางไม่ถึงชั่วโมง


เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองไปเที่ยวดู

ช่องทางการติดต่อ :-

Facebook https://www.facebook.com/EnvyJ... : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ
YouTube : เที่ยวให้คนอิจฉา

#รีวิวโรงแรม #ที่พักเกาะสีชัง  #เกาะสีชัง #Novotelmarina #kohsichang #โนโวเทลเกาะสีชัง
#Novotelmarinasrirachakohsichang   #โรงแรมเกาะสีชัง #รีวิวเกาะสีชัง #รีวิวโรงแรม #รีวิวศรีราชา #ศรีราชา #ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เกาะสีชัง #สะพานอัษฏางค์ #เรือนไม้สีเขียว #ช่องเขาขาด

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.49 น.

ความคิดเห็น