#เขาหงอนนาค กระบี่ จุดชมวิว 360 องศา กับอีก 1 ภารกิจที่มีความท้าทายกำลังขา ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดที่สวยงาม
สัมผัสธรรมชาติ ท้องฟ้า และทะเลที่สวยงาม ให้ได้เก็บความทรงจำครั้งหนึ่งในขีวิต ช่วงที่ยังมีกำลังให้เดินไปยังที่ๆ อยากไปน้อยคนนักที่จะยอมเอาความลำบากตัวเองขึ้นไป แต่ก็ยังทำให้มีผู้คนหลั่งไหล และสนใจในเสน่ห์ของมัน ข้ามขีดจำกัดของคำว่ายอมแพ้ขึ้นไปพบกับสิ่งสวยงามตลอดเส้นทางขึ้นไป
สำหรับการเดินทางที่เหมาะสม คือรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จะมีลานจอดบริเวณทางเข้าอุทยานหาดนพรัตน์ธารา บนเขาหงอนนาค ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ต้องจอดบริเวณถนนฝั่งเดียว เป็นถนน 2 เลนพอรถสวนทางปกติ
บริเวณด้านหน้าจะเป็นด่านเก็บเงินค่าเข้าอุทยาน คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท ไม่เสียค่ายานพาหนะ เปิดให้เข้าทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 14.00 น. เท่านั้น เพราะนักท่องเที่ยวแต่ละชุดจะใช้เวลาเดินทางไปกลับ ประมาณ 4-5 ชม. โดยทำการลงชื่อ-นามสกุล หมายเลขรถ เบอร์โทรศัพท์ เวลาเข้า และถ่ายเบอร์โทรเจ้าหน้าที่สำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน เวลากลับก็ลงชื่อออก เพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีนักท่องเที่ยวยังหลงเหลืออยู่ไหม
การเดินทางตลอดเส้นทางควรใช้ความระมัดระวังไม่ออกนอกเส้นทางที่กำหนดบริเวณจุดทางเข้า จะมีร้านค้าสวัสดิการอุทยานจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม
ควรเตรียมไว้สำหรับการเดินทาง กว่า 3.7 กม.+ จะมีหลักกิโลเมตรแสดงทุกๆ 500 ม. ตลอดเส้นทาง ด้านซ้ายทางเข้าจะเป็นห้องสุขา ควรเข้าให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง จะมีเสียงน้ำไหลจากลำธารตลอดเส้นทางที่สวยงามบริเวณโซนด้านล่าง
และจุดเช็คอินทางขึ้น ควรสวมรองเท้าผ้าใบโดยเฉพาะ ห้ามใส่รองเท้าเตะเด็ดขาด เพราะตลอดเส้นทางจะเป็นดินและหิน บางช่วงมีความสูงชัน ลื่น ลำบากต่อการเดิน บางช่วงจะมีเชือกสำหรับช่วยปีนป่าย บางช่วงจะมีบันไดสำหรับขึ้น ในทางเดินทางจะมีป้ายบรรยายถึงสภาพป่า และเหล่าบรรดาต้นไม้ สรรพสัตว์ และความมาของป่าที่อุดมสมบูรณ์ ให้อ่านคลายความเหนื่อย จะมีจุดนั่งพักหลายจุด
บางช่วงจะมีสะพานคอนกรีตสำหรับเดินข้ามลำธาร
บริเวณทางแยกแต่ละจุดจะมีป้ายบอกทางถึงสภานที่ท่องเที่ยว และระยะทางแต่ละจุดให้นักท่องเที่ยวทราบ และเลือกที่จะไปเที่ยว แต่ควรเดินกลับเส้นทางเดิมสำหรับครั้งนี้ ผามอนดินแดง ปิดไม่ให้เข้าไปจากจุดแยกต้องเดินไปถึง 4 กิโลเมตร และเป็นทางที่ไม่ได้ใช้งานมีสภาพวัชพืชปกคลุมตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่แนะนำไม่ให้ไป สำหรับน้ำตกช่วงนี้น้ำน้อยแห้ง ต้องเป็นช่วงฤดูกาล
สำหรับการเดินทางก็จะเพลิดเพลิน กับเหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ ข้างทางที่หาดูได้ยาก และหลงเหลือให้ดูน้อย ครั้งนี้ถือว่าโชคดี ได้เจอ เต่าช้าง จัดอยู่ในตระกูล เหี้ย ลำตัวสำน้ำคาดดำ ลิ้นขาว ด้านหลังจะเป็นเกล็ดหนามแบบมังกรที่สวยงาม และหาดูได้ยากกำลังหาอาหาร ได้ถ่ายรูป และคลิปในระยะที่ใกล้เพียง 2 เมตร
ตลอดเส้นทางป่าไม้จะอุดมสมบูรณ์ด้วยเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่พันเลื่อยขึ้นไปหาแสงยังยอดของต้นไม้ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยพยุงเหล่าบรรดาไม้ใหญ่ ให้ยืนต้นได้แข็งแรงโน้มกันไปมา ต้านแรงลมฝน พายุไม่ให้หักโค่นล้มง่ายๆ หลังจากผ่านไป
ช่วง 1 กิโลเมตร แรก จะเป็นทางขึ้นที่ชัน จะมีบันไดสำหรับเดินขึ้นที่สะดวก แต่มีสภาพที่ชำรุด ต้องระวังในการเดิน และมีป้ายห้ามขีดเขียนบริเวณบันไดเด็ดขาด แต่ก็ยังมีมือดีหลายคนที่ยังคงขีดเขียนไว้เช่นเดิม ถัดไปก็จะเป็นทางเดินที่ชันและลำบาก มีเชือกคอยช่วยพยุงผูกไว้สำหรับการขึ้น
บริเวณ กม. ที่ 1.5 ก็จะมีลานเก้าอี้สำหรับนั่งพัก ก่อนจะมีบันไดให้ขึ้นไปอีกชั้น
บริเวณ กม.ที่ 2 เราจะสามารถเห็นวิวทะเลบริเวณหน้าผาได้ไกล เห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมาก และเรือที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวเกาะ
บริเวณ กม.ที่ 2.5 จะเป็นจุดแยกสำหรับเดินทางไปเที่ยว ยังผาน้ำหยด ระยะทาง 300 ม. ทางขวา แต่ไม่ได้ไปเพราะน้ำคงน้อย เลยมุ่งหน้าต่อไปยังเป้าหมายหลัก คือ จุดชมวิวทิวทัศน์เขาหงอนนาค บ่อน้ำตานาค จุดชมวิวทิวทัศน์แหลมจมูกควาย
บริเวณ กม. ที่ 3 จะมีป้ายเบอร์โทรสายด่วน แจ้งเหตุฉุกเฉินให้ กรณีฉุกเฉินถ่ายๆ เก็บไว้ได้ โซนนี้จะเป็นพื้นที่น้ำตาลทอง สะดุดตา ด้วยเหล่าบรรดาไม้ต่างๆ ที่มีสีแดงสวยงามจากมรสุมทะเล
บริเวณ กม.ที่ 3.5 จะเป็นทางแยกอีกจุด ถ้าไปทางขวา จะไป บ่อน้ำตานาค ระยะทาง 190 เมตร ตรงไปจะเป็น จุดชมวิวทิวทัศน์เขาหงอนนาค จุดชมวิวทิวทัศน์แหลมจมูกควาย และลานหินแพ
เมื่อเราไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์เขาหงอนนาค จะเป็นลานกว้างมีรั้วกันเพื่อความปลอดภัย สามารถชมวิวถ่ายรูปสวยๆ ที่นี้ได้ เห็นวิวสวยๆไปได้ไกลมีป้ายอธิบายถึงจดต่างๆ ทั้งเกาะ ทะเล และสถานที่สำคัญด้านล่างให้เราเข้าใจ จุดต่อไปจะเป็นหน้าผาหินที่สูงชันยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังในการขึ้นไปอีกเพื่อไปชม เขาหงอนนาค ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้ แต่บริเวณหินผาจุดนั้นจะกั้นไม่อนุญาตให้ขึ้นไปเพราะอันตรายไม่มีอะไรปิดกั้น พลาดพลังตกลงไปถึงกับเสียชีวิตได้ ควรไปเท่าที่ทางอุทยานอนุญาติเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย จุดนั้นจะเป็นบริเวณ กม. ที่ 3.7 ซึ่งเป็นลานหินแพ ลานขนาดใหญ่ที่สวยงาม
เที่ยวไทยกับAn
วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.51 น.