เรื่องของเรื่องคือ เราทั้ง 4 คน  กำลังหาทริปเที่ยวในเมืองไทย จะไปเหนือหรือใต้ดี อยู่ๆ คุณสามีเราก็เอ๋ยว่าไปเวียดนามกันไหม เราก็ลังเล เพราะเพื่อนสมาชิก อยากไปกินกุ้งล็อบสเตอร์ เราจึงสรุป OK ไปเวียนนามกลางจ๊ะ 

            เราเดินทางเดือนพ.ย.2022 (ด้วยความเข้าใจว่าคงไม่เจอฝน เพราะน่าจะเข้าหน้าหนาว เดี่ยวไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น)

            เราซื้อตั๋วเครื่องบินกับสายการบิน แอร์เอเชีย ไป-กลับ ตั้งแต่เดือนส.ค.2022 เดินทางเครื่องออกจากกรุงเทพ เวลา 07.15 น. และขากลับ เครื่องออกจากดานัง เวียดนาม เวลา 18.50 น. พร้อมกระเป๋าโหลดขากลับ 20Kg ตกคนละ 4,516.75 บาท ระหว่างนั้นก็คิดว่าขาไปกลัวน้ำหนักกระเป๋าจะไม่พอเลยซ์้อเพิ่ม 20 Kg ราคา 946 บาท (แต่หาร 4 คน ตกคนละ 236.50 บาท) และเพื่อนเรา บอกว่า เธอได้กิน ชานมไข่มุกของสายกลางบินแอร์เอเชีย หรือยัง มันอร่อยมาก // เราก็ไม่ลังเล จัดไป 4 แก้ว แก้วละ 80 บาท ซึ่งจะมีน้ำเปล่า/กาแฟ ให้ เพิ่มจากชานมไข่มุก เราใข้เวลานั่งเครื่องไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที แป๊ปเดียวก็ถึงเวียดนามแล้ว

            ทริปนี้ เราซื้อประกันการเดินทาง ของ MSIG เลือกแบบ Easy Visa Plus คนละ 300 บาท (ติดไว้อุ่นใจ) ด้วย

            สรุป ค่าเดินทางค่าเครื่องบินรวมโหลดกระเป๋า ขา-กลับ 20 Kg + ชานมไข่มุก ตกคนละ         4,833.25 บาท   เดินทางกันเลย Let's go......

           Start วันแรก ตื่นตี 2 อาบน้ำแต่งตัว ขับรถส่วนตัวไปรับเพื่อน และตรงไปสนามบินดอนเมือง จอดรถที่ : ที่จอด.com อยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ไม่เกิน 10 นาที (มีรถค่อยรับส่ง - พนักงานน่ารักมาก ยกกระเป๋า และพูดจาสุภาพมาก) จอดรถ 4 วัน ราคา 637.72 บาท หาร 4 คน ตกคนละ 159.43 บาท เราถึงสนามบินดอนเมือง ตี 4 ก็ไปเช็คอินที่เคาเตอร์ และด้วยความว่า เรามีบัตรเครดิตกรุงเทพร่วมแอร์เอเชีย เลยเข้าช่องพิเศษได้เลย เช็คอีกเสร็จ 

           เราก็เดินเข้า Gate  รอบนี้ สายการบินแอร์เอเชีย ขึ้น Gate 5 แต่ก็จะแวะใช้สิทธิบัตรเครดิต city bank กินฟรี McDonald (เบอร์เกอร์ 1 + พาย 1)(เปิด 24 ชม.) หรือจะเลือก subway (แซนด์วิช Classic ขนาด 6 นิ้ว + น้ำเปล่า 1 ขวด) (เปิดตี 5)  (ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะ ตอนแรกเราเข้าใจว่าได้ทั้ง 2 ที่เลย T_T อดไปจ๊ะ ) ร้านหาง่าย ไม่ยาก ออกจากตรวจร่างกาย เลี้ยวซ้ายเดินมาไม่ไกล อยู่ซ้ายมือ ร้าน Mc กับ Subway อยู่ที่เดียวกัน จากนั้น ประมาณ 6 โมงเราก็เดินไป Gate 5 รอขึ้นเครื่อง

        ** ในที่นี้ เราขอใช้สรุปค่าใช้จ่าย ที่เป็นเงินเวียดนาม โดย 100,000 ดอง เราแจ้งใช้เป็น 100K นะ                    rate ที่เราใช้คำนวน จะเป็น 1.6 คือ 100K จะเท่ากับ 160 บาท เนื่องจากเป็น rate ที่เราแลกไป  ** 

           เราขึ้นมาบนเครื่องบินไม่นาน แอร์ ก็มาเสิร์ฟ ชานมไข่มุก (ขอบอกว่าอร่อยดี) 

              สักพัก ทาง กัปตัส ก็แจ้งว่าเรามาถึงเร็วกว่าปกติ 15 นาที มาถึง 8.50 น. ผ่าน ตม. (เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเลย) และก็ไปรับกระเป๋าที่โหลด ที่สนามบินดานัง ไม่ได้กว้างมาก มี 2 ชั้น แต่ดูดี และสะอาดมาก  

              จากนั้น เราก็รอคนขับเรามารับ เราเช่าพร้อมคนขับ 4 วัน (5,000 K ประมาณ 8,000 บาท ตกคนละ 2,000 บาท ต่อคน) เราติดต่อกับ MR.Nguyen Chien ทาง Massage Facebook เขียนเป็นภาษาอังกฤษพอได้ ตอนแรกตกลงจะต้องเปลี่ยนคนขับ แต่สุดท้าย ก็ได้เป็นคนเดิมตลอดทริป คนขับเราชื่อ MR.Vinh เราส่ง ทริปที่เที่ยวของเรา และเค้าจะสรุปค่าใช้จ่ายให้เรา  

           ***เราขอบอกว่าก่อนว่า ถ้าเรามีร้านอาหารของเราอยู่ในใจแล้ว ขอให้เชื่อตัวเอง และก็ระวังเรื่องโดนโกงด้วย เพราะเราโดนมาแล้วจ๊ะ**

              พอคนขับรถมาแล้ว เค้าบริการดี มารับกระเป๋าเราไปไวัที่รถ ค่ารถ จะจ่ายหลังจบทริปในแต่ละวันค่ะ

                 เราฝากเค้าซื้อ SIM 2 SIM ตอนแรกตกลงว่าเป็น SIM Viettel แต่ที่ได้มาเป็น Mobifone , unlimited data 30 วัน ราคา 150K (240 บาท)/ 1 SIM เราใช้ตลอด 4 วัน แชร์ให้สามีใช้ด้วย ใช้ได้ตลอดทริปไม่สะดุดเลย  // คนขับรถ จะเอา SIM ให้เรา ตอนเราขึ้นรถแล้ว แนะนำติด paper clip ไปด้วย

            มาเดินทางกันต่อ เราออกจากสนามบินประมาณ 10 โมง ไปเมือง เว้ ระหว่างทาง เราจะแวะทานอาหารเช้าและชมวิว ที่เส้น Hai Van Pass ชื่อร้านอาหาร Cà Phê Hòn Đá Thuyền เราสั่ง มาม่าใส่ไข่ 4 ชาม (จริงๆ ต้องเรียกว่าจิ้มที่รูปในมือถือมากกว่า) และก็สั่ง โกโก้ และกาแฟใส่นม อย่างละ 1 แก้ว ต้องบอกว่าอาหารธรรมดามาก ส่วน น้ำที่สั่ง ก็ออกรสชาติเป็นไอติมมากกว่า ราคาทั้งหมด 120K(192 บาท)  แต่ที่นี้ มีดี ตรงวิวสวยมากกกกกกกกกก (เอาก.ไก่ไปล้านตัวเลย)

        
           จากนั้นเราจะเดินทางต่อใช้เวลา เกือบ 2 ชม. มาถึงประมาณ 12.30 น. แวะทานข้าวกลางวันก่อน     แต่เนื่องจากเราไม่ได้ดูรีวิวร้านอาหารไว้ เลยเลือกในแผนที่ ได้ร้าน Nhà hàng Hoàng Mai (Restaurant) เลยจาก  Mausoleum of Emperor Khai Dinh ไม่ไกล เป็นอาหาร ระดับภัตตาคาร เราสั่งไป 4 อย่าง มื้อนี้หมดไป 1,245 K (ราคา 1,992 บาท) เราก็ชวนคนขับรถมาทานด้วย 

         หน้าทางเข้าร้านอาหาร สวยไปอีก

         อาหารที่เราสั่งที่เราสั่ง อันแรกจะมีเฉพาะที่เมืองเว้ เท่านั้น (คนพื้นที่เค้าบอก) อารมณ์เหมือนทานหอยทอดแต่ไม่มีหอย เป็นกุ้งแทน

ป๊อเปี๊ยะทอด อันนี้ก็กรอบอร่อย

ถัดมาเป็นกุ้งกระเทียม ใบเขียวๆ ไม่ค่อยอร่อย (มันมีกลิ่น เรารู้สึกเหม็นเขียว) เราเลยเขี่ยออก

 จานนี้เป็นข้าวผัด แต่เค้าดันใส่แตงกวา (ทุกอณู) ไม่อร่อยเลย 

               ใบเสร็จ ค่าเสียหาย

            บรรยากาศรอบๆ ร้าน

ห้องน้ำดูดีมาก

            จากนั่นเราเดินทางต่อ ไม่ถึง 5 นาที ก็มาถึง Mausoleum of Emperor Khai Dinh ค่าเข้าคนละ 150K (คนละ 240 บาท) เป็นสถานที่สวย และน่าชมมาก ข้างใน ไม่ได้ใหญ่มาก แต่บันไดชันหน่อย ถ้ามากับผู้ใหญ่ ต้องระวัง ภายในสวยงาม เราเดินเล่นสักพัก (อากาศวันนั้น ร้อนมาก) 

ทางขึ้นสุสาน ติดถนนเลย 

                 อันนี้เป็นตั๋วสำหรับเช้าสถานที่ ยื่นให้พนักงานได้เลย

             บรรยากาศรอบๆ สุสาน

              ภายในสุสาน ก็สวยไม่แพงข้างนอกเลย

มุมนี้ มองออกไปข้างนอกสวยดี

เป็นภาพวาดด้วยเท้า สวยมาก

            An Dinh Palace (พระราชวัง) ค่าเข้าคนละ 50K ( คนละ 80 บาท) ภายในห้ามถ่ายรูป จะเป็นสถานที่จริง เราอยู่ที่นี้ไม่นานประมาณ 30 นาที

            ภายในวัง ไม่ได้ใหญ่ มี 2 ชั้น คงสภาพเหมือนเดิมไว้

            ด้านหน้าวัง

           สวนด้านหลังวัง

            จากนั้น เราก็เดินทางไป Hue Historic Citadel (พระราชวังเว้) ค่าเข้าคนละ 200K (คนละ320 บาท) ตอนแรกกะจะอยู่ 1 ชม.30 นาที แต่กว่าเราจะดู จริงๆ ก็ 2 ชม.แล้ว ยังไม่ได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ 

พระราชวังเว้ เป็นสถานที่ ที่สวยงามและคงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ที่ควรมา

            คนขับรถจะมาจอดตรงที่จอดรถ และเราเดินเข้าพระราชวัง ไม่ไกล ทางเดินร่มรื่น ตอนเราไป ฝนทำท่าว่าจะตก ก็เลยทำให้ไม่ร้อนเท่าไร

          เราก็มามาซ์้อตั่วเข้าชมพระราชวัง  จะมี บัตรแข็ง ไว้สำหรับ เข้าพระราชวังด้านใน และบัตรอ่อนไว้เข้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราไมไ่ด้เข้า เพราะเวลาไม่ทัน

          แผนที่สำหรับเดินชมพระราชวัง

            ประตู ทางเข้าพระราชวังก่อนยื่นบัตรแข็ง

              ประตูนี้ เป็นประตูที่ให้เฉพาะกษัตริย์ เข้า-ออก เท่านั้น

          เราเข้ามาทางด้านข้าง หลังจากเดินผ่านประตู เราก็เดินขึ้นมาชั้น 2 จะพบกับกลองใบใหญ่ และ ตราประจำกษัตริย์ ของเวียดนาม สวยมาก


วันที่เรามา มีมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วย ใส่ขุดประจำชาติ สวยและดูมีเอกลักษณ์มาก


เราเดินไปไม่ไกล จะเห็นประตุทางเข้า ข้างในเป็นที่อนุเสาวรีย์ระลึกถึงกษัตริย์เวียดนาม

ตอนเราไป เจ้าหน้าที่ มีบรรเลงเพลง ลักษณะเหมือนเพลงสรรเสริญ

บรรยากาศภานใน

             เดินมาเรื่อยๆ ก็ชมบรรยากาศไปรอบๆ

เราก็แวะพัก ดื่มน้ำ จะมีร้านขายน้ำในพระราชวัง ราคามีให้เห็นชัดเจน

           นั่งพักจนหายเหนื่อยก็เดินชมพระราชวังต่อ

         จุดนี้จะเป็นสถานที่ใช้แสดง แต่เรามาไม่ทัน การแสดงจบไปแล้ว


            จากพระราชวังเว้   เราก็เดินทางต่อไป Thien Mu pagoda (วัดเทียนมู่ พระเจดีย์เทียนมู่) กว่าเราจะไปถึงก็ 17.00 น. เดือนนี้ ฟ้ามืดเร็วมาก แต่ก็สวยไปอีกแบบ วัดแห่งนี้เป็นวัดแบบญี่ปุ่น มีสวนญึ่ปุ่นด้วย

ต้นบอนไซ สวยมาก

                    รถออสตินสีฟ้านี้ มีประวัติว่าในปี พ.ศ. 2506 พระภิกษุทิกกวางหยก วัย 73 ปี เจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ได้ใช้รถคันนี้เป็นพาหนะไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์ซิตี้ในปัจจุบันเพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลโงดินห์เดียมที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกและใช้ความรุนแรง

           จากนั้นเราก็นั้น คนขับมารับ เพื่อกลับที่พัก Cherish hotel  ที่พักมีอ่างอาบน้ำด้วย ราคาคืนละ 1,338.17 บาท (จองผ่าน Agoda) ตกคนละ 669.135 บาท ที่พักนอนสบายมาก 

               ใกล้ๆ ที่พัก มีร้านอาหารชื่อ Hanh Pancake อันนี้ ตามคนที่เข้ารีวิวมา แค่มาลองนิดหน่อย 245K (ราคา 392บาท ตกลงละ 98 บาท) 

             จากนั้น เราก็เดินไปกิน เฝอ ซึ่งออกจากร้าน Hanh pancake ไปทางซ้ายมือ ตรงสามแยก มีร้านก๋วยเตี๋ยว เลยสั่งไป หมู 2 เนื้อ 3  ชามละ 50K และค่าน้ำ อัดลม 3 กระป๋อง กระป๋องละ 10K รวมแล้ว 280K (ราคา 448 บาท ตกคนละ 112 บาท)  ร้านนี้อร่อยมาก ไม่มีชื่อร้าน เป็นร้านนั่งข้างทาง

            หลังจากนั้นเราก็กลับที่พัก ตรงที่พักจะมีร้านขายของชำ ร้านนี้ เราโดนโกงค่าน้ำเปล่า แนะนำเพื่อนๆ ไปซ์้อใน minimart หรือ ห้างจะดีกว่า เพราะ ติดป้ายชัดเจน ราคาแน่นอนกว่า น้ำ 1 ลิตร ราคาในห้าง 9.9 K วันแรกซ์้อที่ร้านของชำ 15K วันที่สองไปซื้อร้านเดิม 20K ก็แปลกใจ แต่เรารีบ ก็เลยซ์้อแล้วขึ้นรถต่อ มารู้ความจริง ก็วันที่สามก่อนกลับเมืองไทย 5555 ตอนนี้ก็ของนอนเอาแรงก่อนนะคะ
         
           เช้าวันที่สอง เราไปทานอาหารเช้าที่พักโรงแรม  มีอาหารหลากหลาย อร่อย จากนั้น เราออกจากโรงแรมประมาณ 8.30 น. เพื่อไปเช็คอินโรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills 

ระหว่างทางวิวสวยเหมือนกันนะเนี่ย

            เราถึงประมาณ 10.30 น. เราจองผ่าน Agoda  ในราคาห้องละ 2,142.46 บาท (ตกคนละ 1,071.23 บาท) เป็นห้อง Standard เตียงคือดีมากนอนสบายมาก อุปกรณ์ในห้องน้ำ ครบ มีน้ำเปล่า 350 ml ให้ 2 ขวด และชาฟรี ในส่วน สบู่ แชมพู่เค้าคือ หอมมาก เราเอากลับบ้านมาด้วย 

มาเช็คอินกันก่อน

            จากจุดตรงเช็คอิน เราก็จะซื้อกระเช้า ซึ่งราคากระเช้าจะรวมเครื่องเล่นด้วย เราจ่ายด้วยเครดิต KTC ตกคนละ 550 K (ราคา 812.085 บาท) (มีค่าประกันความเสี่ยง 2%) จากไปลุยกันเลย
             มีเรื่องให้เล่าเพิ่มหลังจากที่เราเช็คอิน + ซื้อกระเช้าแล้ว ทาง พนักงานก็จะพาเราไปขึ้นกระเช้าชั้นบน และก็พาเราขึ้นกระเช้า เราก็เห็นแถวที่นักท่องเที่ยวไม่ได้มาพักต่อยาวมาก แต่พนักงานก็พาเราไปตรงไปกระเช้าเลย เราจึงโดนมองแรง เหมือนเราแซงคิว T_T (จริงๆ ก็แซงคิวจริง) แต่ก็ขึ้นมาแล้ว ไปต่อเลย ตลอดทางขึ้น ฝนตกตลอดเห็นแต่ หมอก และฝน ก็ยังพอจะเห็นน้ำตก                  


           เราเตรียมเสื้อกันฝนมาด้วย ได้ใช้เลย แต่ใครไม่เอามาเค้าก็มีขายนะคะ


            เราเข้าไปเซ็คอืนโรงแรมด้านบนอีกครั้ง และฝากกระเป๋าไว้ก่อน จากนั้น เราก็ไปเที่ยวเล่นในสวนสนุก Fantasy Park ไปเล่นสนุกกัน

เดินไปด้านใน จะมี ทั้ง 3D,4D  และเครื่องเล่นอื่นๆ เราเล่นกันสนุกไปเลย 

อันนี้เล่นอันแรก สงสัยจะแก่แล้ว มึนหัวเลย แต่สนุก

         อันนี้ ออกแนวมาผีสิงห์ ให้เรายิงปืนใส่ผี ปกติเรากลัวมาก แต่เค้าให้ยิง ยิงกระจาย เราได้ที่ 1 ด้วย (ขอโม้หน่อย)

จากนั้นเราก็ไปดูไดโนเสาร์

      หิวแล้ว ตอนนี้ เวลาประมาณ 13.00 น.เราก็มาซื้อตั๋วบุฟเฟต์กลางวัน โดยใช้บัตรเครดิต KTC คนละ 300K (คนละ 442.185 บาท) อาหารมี อาหารเวียดนาม, ไทย, อินเดีย และก็สลัด รสชาติอาหารกลางๆ แต่มีให้เลือกหลากหลาย สามีเราว่า อาหารอินเดียอร่อยทีสุด

เนื้อวัวนะจ๊ะ กระทะนี้

เรานั่งตรงทางลงบันไดเลื่อน

หลังจากอิ่มแล้ว ก็ต้องไปเดินย่อยกัน เราไปปราสาดวงจันทร์ ด้วยการนั่งรถราง จะอยู่ชั้นล่าง ตรงที่เราทานบุฟเฟต์กลางวันกัน

ภายในปราสาท ตรงจุดนี้ จะมี 5D  หลายจุดยังปิดบริการอยู่

มีการแสดงโชว์ด้วย แต่เราไม่ได้ดู

ไปดู 5D กัน

บรรยากาศในตัวปราสาท

          จากนั้น เราก็ไปเดินเล่น Gold Bridge (สะพานมือ) แต่กลุ่มพวกเราให้ชื่อใหม่ว่า Gold time เพราะมีเวลาถ่ายรูปสวยๆ น้อยมาก อยู่ที่ดวงจริงๆ (เดี่ยวจะมาบอกว่าเพราะอะไร) ตรง Gold bridge เดินไปสุดท้าย ก็จะเป็นสวนฝรั่งเศส โรงบ่นไวน์(อันนี้ไม่ได้เข้า หมดเวลาก่อน) และไปเดินเล่นเขาวงกต (เอาจริง เราแอบกลัว แต่เราไปแฟน แฟนเราเดินชิวเลย) 

          ป้ายทางไป Gold Bridge

ถึงแล้วจ๊ะ

จากนั้นก็เดินไปสุดทางสะพานมือ ไปสวนฝรั่งเศสกัน

เดินต่อไปวัด ใกล้สวนฝรั่งเศส


เดินย้อนกลับมา  ก็เจอน้องฝนตกจ๊ะ

           เราก็ต้องรีบขึ้น Cable car ก่อน 5 โมง ใช้เวลาไม่นาน เราก็ไปเอากระเป๋าเข้าห้องพัก  ตอน 18.00 น. แล้วไปสระว่ายน้ำอุ่น ว่ายเล่นสบายตัวเลย มี 2 บ่อให้แช่ด้วย 

           จนประมาณ 19.00 น. เราก็แต่งตัวไปทานข้าวเย็น แต่เราเลือกกันนาน  ทำให้ร้านอาหารปิดหมดแล้ว ส่วนใหญ่ 19.30 น.ก็เริ่มปิดกันแล้ว ตรงที่เราพัก มีร้านอาหารชื่อ  L'Etable Restaurant Bana Hills Danang  เค้าบอกว่าต้องรีบสั่งเพราะจะปิดร้านแล้ว ก็เลยสั่งเบอร์เกอร์ หมู 3 เนื้อ 1 จะบอกว่าอร่อยมาก ราคา เบอร์เกอร์หมู 299K เนื้อ 309K และขนมเค้ก 119K  (เราจ่ายด้วย KTC แต่แยกจ่าย หมู 1 เนื้อ 1 ขนมเค็ก 1 รวมเป็นเงิน 1,071.56 บาท ตกคนละ 535.78 บาท)

ต่อด้วยขนมหวาน

ทางเข้าที่พักคืนนี้

ที่นอนหลับสบายมาก

ภายในห้องน้ำ

อุณหภูมิ คืนนี้ 

                 เช้าวันที่ 3 ตอนแรกตั้งใจจะตื่น ตี 4 ครึ่ง เพื่อที่จะออกจากที่พัก ตี 5 ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ ดูจากสภาพอากาศหมอกเยอะมาก เราจึงตัดสินใจ ออก 6 โมงแทน ตรงไป Gold bridge โดยนั่งกระเช้า วันที่เราไป กระเช้าเปิด 6.30 น. แต่เรามาช้าไป  3 นาที ปรากฏว่าฝนตกทาง เจ้าหน้าที่เลยต้องให้เรารอ กว่าจะไปจริง ก็ 7.00 น. T_T เพื่อนที่มากับเรา  ลงไป 6.30 น.พอดี  ได้ถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ ส่องออกจากเมฆ แต่ไม่ถึง 5 นาที ฝนก็ตกเลยจ๊ะ ส่วนเราก็ติดแง๊ะ อยู่ตรง Cable car  ** ถึงว่า มีแต่คนบอกว่า มาที่นี้ ต้องมากะดวง จึงเป็นที่มาขอคำว่า Gold Time จริงๆ เราอยู่ตรง Gold bridge ถึง 7.30 น. 

โซนห้องน้ำ

ขึ้นมาด้านบน ก็พอได้ถ่ายรูป

ทางไป Alpine Coaster จะต้องเลี้ยวซ้าย   แต่อันนี้เค้าไม่ได้ แอบเสียดาย

        ไปกินข้าวกันดีกว่า ที่พักรวมอาหารเช้า มีให้เลือกหลากหลาย และเราก็เริ่มไปเที่ยวเล่นรอบๆ และเดินไปพนักงานว่า วันนี้ Alpine Coaster จะเปิดไหม ทาง พนักงานบอกว่าไม่เปิด เพราะสภาพอากาศ เราก็เลยไปเล่น Tower Drop และไปถ่ายรูปเล่น

จากนั้นเดินทางไป ไปชมวิวเมืองบานาฮิลล์ ตรงวัดด้านบน กัน

ถึงวัด ต้นไม้ สวย มีร้านน้ำชา  ได้ชมวิวเมืองบานาฮิลล์

ร้านน้ำชา จะเป็นจุดพักเหนื่อย ก่อนขึ้นไปตัววัด

วิวเมืองบานาฮิลล์

ภายในวัดด้านบนบานาฮิลล์

ด้านบนเป็นหอระฆัง

ไปเดินเล่นต่อรอบๆ เมือง

ไปเดินเล่นถ่ายรูป

และไปเล่นเครื่องเล่นนี้

        หมดเวลาแล้ว ต้องรีบไปเก็บของเพื่อ check out ทางโรงแรมให้ check out ไม่เกิน 10.30 น.

         หลังจากนั้น เราก็เดินทางนั้ง Cable car ไปข้างล่าง ขากลับโชคดี ฟ้าเปิด เลยได้เห็นบรรยากาศ มันชั่งสวยงามมาก เห็นน้ำตกชัด  มันต่างจากข้างมาจริงๆ เพราะข้างมา ไม่เห็นอะไรเลย (หมอก + ฝน)

         รถมารับเราแล้ว เดินทางกันต่อไปที่ The Marble Mountains (ภูเขาหินอ่อน) ซึ่งเป็นทางผ่านไปฮอยอัน มีลักษณะเป็นยอดเขาสูงตั้งตระหง่านอยู่เหนือพื้นดิน 5 ลูก ที่นี้มีค่าเข้า คนละ 40K และค่าลิฟต์ขาขึ้น 15K ให้ระวังเนื่องจาก ตอนเราซื้อ เราให้ไป 400K แต่เจ้าหน้าที่ คืนเงินเรามาแค่ 25K (40 บาท) เราก็ยื่นงง จนเพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าเราโดนโกงแล้ว เราก็เลยไปติดต่อ เจ้าหน้าที่ ยังได้ทันพูดอะไรก็คืนเงินเรา กลายเป็นว่า เราจ่ายแค่ค่าขึ้นลิฟท์ เท่านั้น ไปชมกันเลย

ถ่ายในลิฟต์แก้ว             

         ขึ้นลิฟต์มา แล้วเราก็เดินตามแผนที่ แฟนเราบอกว่า แผนที่เหมือนไม่ตรงกับจุดที่ระบุไว้ ไม่เป็นไร เราก็อ่านป้ายเอา เราไม่ได้ไปทั้งหมด เราไปแค่บางจุด 

          จุดแรกคือ จุดที่เราขึ้นจากลิฟต์ เดินมาไม่ไกล จะเห็น Xa Loi Tower (เจดีย์เจ็ดชั้น)

         

         เราตั้งใจเดินที่ จุดที่ 10 Hyuen Khong Cave เราจึงเดินต่อไปตอนเราไปเป็นช่วงเที่ยงพอดี แดดร้อนมาก ไปจ๊ะ เราสู้ ไปถึงจุดที่ 10  Hyuen Khong Cave  ภายในมีองค์เทพหลายองค์ ภายในเราจะเห็นแสงส่องมาตรงกับหินอ่อนตรงศาลเจ้าพอดี สวยมาก 

จากนั้นเราเดินทางต่อไปที่ View point คือสวยมาก ถึงจะร้อนและเหนื่อย ควรเอานำมาด้วยน

ต่อจากนั้น เราพักตรง ระฆัง จุด Tam Thai pagoda  และเราก้เดินทางลงจากเขา ไปแวะทานน้ำที่ร้าน Ca Phe Chon Legeng Revived

          เนื่องจากเรากับแฟน ไม่กินกาแฟ จึงสั่ง Avocado Smoothie แต่หมด เลยสั่งเป็น Mango Smoothies (40K) แทน และ Chocolate Milkshake (35๋K) ส่วนเพื่อนสั่ง Coconut Coffee (40K) และBac Xiu (30K) ร้านนี้ ลงจากเขาร้อนมาแถวดื่มเย็นๆ ก็อร่อยดี 

         เดินทางต่อไปฮอยอัน แต่เราแวะทานข้าว ตอนแรกกะจะไปกินที่ ฮอยอัน แต่เราเองก็เปลี่ยนใจไปหาอะไรทานรีบทะเล ซึ่งตอนแรกเรามีร้านที่จะไป แต่คนขับเราแนะนำให้มาร้านนี้ ซึ่งราคาแพงใช่ได้เลย T_T แต่ก็อร่อยอยู่ ชื่อร้าน Hoa Don Thanh Toan หมดไป 1,470K ตกคนละ  367.5K (588 บาท) จะมีอะไรบ้างที่เรากินไปดูกัน 

ปลาจาระเม็ดทอด

หอยหวานๆจ๊ะ

วิวติดทะเล

        จากนั้นเราเดินทางไปเมืองมรดกโลก เมืองสีมัสตาร์ด และสะพานญึ่ปุ่น 

ศาลเจ้า มีค่าเข้า 

        เราแวะไปร้าน Tamy coffee ถ่ายรูปวิวหลังคาบ้าน ได้สั่ง Egg Coffee (59K) เพื่อนบอกอร่อยมาก Coconut Coffee (65K) อันนี้เพื่อนบอกอร่อยกว่าร้านแรก ส่วนเราสั่ง Avocado (62K) นัวๆ และMatcha latte (52K) ถ่ายรูปเพลินๆ ตอนเรามาถึงร้านก็ประมาณ 16.00 น. เราอยู่ถึง 16.30 น. 

หุ่นกระบอกเวียดนาม

        เราก็เดินไปร้าน Mot ไปเกิน 10 ก้าว ร้านที่ใครๆ ก็ต่อมาลอง อร่อย เหมือนน้ำผึ้งผสมมะนาว แต่รสจะอ่อนกว่าหน่อย 15K (24บาท)

         จากนั้น เราก็ไปก็เดินริมแม่น้ำทูโบน จุดตรงนี้เรามาถึง 16.50 น. ถ่ายรูปสวยๆ เราไม่ได้ ลงเรือนะ

      เราต้องเดินทางกลับดานังกัน เดินทางประมาณ 40 นาที จุดมาต่อไป เราไปถนนคนเดิน ไปดูซิว่าเราจะกินอะไรและหมดไปเท่าไรกัน  

      ที่เราสั่งมาจะเป็นเซตกุ้งล็อบสเตอร์ 2 ตัว และอื่นๆ ราคา 600K  และก็เดินไปซื้อหนวดปลาหมึกยัก 70K และของกินเล่นอีก 70K น้ำ 2 ขวด (40K)  รวม 780K (1,248 บาท คนละ 312 บาท) เราบอกตามความรู้สึกเรานะ อาหารรส กลางๆ แนะนำให้หาร้านทานอร่อยๆ เลยดีกว่า 

ชุดที่เราสั่ง

แม่ค้าพูดเก่ง ขายเก่ง พูดไทยชัดมาก

อันนี้เป็นจานของแถมของเรา ตาม 5 รอบจ๊ะ กว่าจะได้ 

 จากนั้นเราก็ข้ามไปที่ Ca Chep Hoa Rong และเดินไปสะพานแห่งความรัก

จะเห็นวิว Dragon River Bridge ด้วย

      เหนื่อยแล้ว เข้าที่พักกัน คืนนี้เราพักที่ Avora hotel คืนละ 1,063.695 บาท (คนละ 531.8475 บาท) 

           จากที่พัก เราเดินไปรอดูมังกรพ่นไฟ ตรงข้ามโรงแรม ติดกับแม่น้ำ Han (จะพ่นไฟ ตอน 21.00น. เจ้าหน้าที่บอกว่าจะมีทุกวันศุกร์,เสาร์ และอาทิตย์) จะปิดถนนตรงสะพาน 15 นาที ดูอยู่ไกล ก็โอเคอยู่ 

           ใกลที่พักเรามีร้าน mini mark เลยซื้อน้ำเปล่า 1 ลิตร (10K) กับเลย์(35K)  และเข้าที่พัก วันนี้เหนื่อยแต่ก็สนุกดี

           วันสุดท้ายของทริปเราแล้ว วันนี้ เมฆเยอะมาก ตอนเช้าเราไปเดินตลาด Han แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรมาดูเฉยๆ และก็แวะ Cong Café สั่ง Coconut Chocolate (65K)  เราสั่งกลับบ้าน รสชาติคืออร่อยมากๆ

จากในเดินเล่นริมแม่น้ำ Han 

       จากนั้นกลับโรงแรมไปทานอาหารเช้า (ที่พักรวมอาหารเช้าแล้ว) 

            เราออกจากโรงแรม ประมาณ 9.00 น. ไปวัด Chua Linh Ung ใช่เวลาเดินทาง 30 นาที ถึงวัด 9.30 น. เป็นวัดที่มีเจ้าแม่กวนอิน องค์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก สวยมาก

ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิม

แจกัน แกะสลัก ใบใหญ่ และสวยมาก

           เดินชมไปเรื่อยๆ ฝนตกจ๊ะ เราก็เลยมาหลบฝน ในศาลา มีองค์เจ้าแม่กวนอินแกะสลักด้วยไม้ สวยมาก เราอยู่ที่นี้ถึง 10.30 น. 

        เดินทางต่อไป  San Tra Maina ที่เค้าว่าเป็น เหมือน ซานโตรินี่  เป็นคาเฟ่ที่มีโทน ขาว ฟ้า สวยดี  วันนี้ ฝนตก ต้องค่อยดูจังหวะดีๆ รีบไปถ่ายรูป เแต่ตกไม่หนัก ในคาเฟ่ มีทัี้งของคาวและน้ำหวาน พวกเราสั่ง Milk Coffee(50K) Salted Coffee (55K) และ Coca cola 2 กระป๋อง (40K กระป๋องละ 20K) พอฝนหยุดเราก็รีบไปถ่ายรูปกัน อยู่ที่คาเฟ่ 1 ชั่วโมง 30 นาที กันไปเลย 

                  ตอนแรกมีแพลนจะไปอีก 1 ที แต่ด้วยฝนตก อดจ๊ะ เราจึงไปทานข้าวที่ Pho Hong Pho Bo คือเป็นมื้อที่อร่อยอีกมื้อ ราคาเฝอ หมู , เนื้อ ก๋วยเตี๋ยว ชามละ 55K , หมูกรอบ 100 K และปอเปียะกุ้ง 10 ตัว 250K (อันนี้อร่อย สั่งมา 2 จานเลยจ๊ะ มื้อนี้เราหมดไป 985K (ประมาณ 1,576 บาท คนละ315.20 บาท) ร้านนี้มีน้ำชาเย็นฟรี ให้เราด้วย เราได้ชวนคนขับรถมาทานด้วยกัน

ป๊อเปี่ยะกุ้ง จัดไป 2 จานเลยจ๊ะ

        ตอนนี้ ฝนก็ยังไม่หยุด เราจึงตัดสินใจไปห้าง Vincom Plaza ไปเดินเล่น  เพื่อได้ของฝาก แต่ๆๆ ไม่ได้อะไรจ๊ะ ได้แต่ ขนม one one และโค๊ก เดินอยู่ 1 ชม. ก็เรียกคนขับรถมารับ ไปสนามบินดานังกลับบ้านกัน 

        เรามาถึงสนามบินดานัง เวลา 14.38 น. เครื่องบินออก 18.50 น. แต่เนื่องจากที่ไทย มีส่งผู้นำประเทศกลับ APEC  + ฝนตกหนักมากที่กรุงเทพฯ ทำให้เครื่องบินมีการดีเลย์ ได้ขึ้นเครื่องบินจริง ตอน 19.30 น. 

เกือบเกิน 

ดื่มน้ำฟรี ดื่มจนอิ่มเลย

หยิบขนมที่ซูเปอร์มากินระหว่างรอเครื่องขึ้น ก็อร่อยดี และก็เลย์ ชีส

บินดึงไทยแล้วจ๊ะ

       มาถึงไทยเวลา 21.20 น. เราก็เรียกคนขับรถ : ที่จอดรถ.com มารับไปที่จอดรถ และแวะไปส่งเพื่อน แต่ด้วยความหิว และอยากอาหารไทย จัดร้านข้าวต้ม ตรงที่ไปส่งเพื่อน กินให้หายอยาก จบทริปอิ่มมากเลย

       มาสรุปค่าใช้จ่ายกัน ตกคนละ 14,604 บาท

-ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ                          4,834 บาท

-ค่าเช่ารถ   4 วัน                                 2,040 บาท 

-ค่าเข้าสถานที่ + กระเช้าขึ้นบานาฮิลล์    1,477 บาท

-ค่าที่พัก 3 คืน                                     2,273 บาท

-ค่าอาหาร + เครื่องดื่ม + ขนม              3,400 บาท

-ค่าประกัน  MSIG   + ที่จอดรถ              460 บาท

-ค่า SIM 1 SIM ใช้ 2 คน                        120 บาท

        จบทริปเวียดนามกลางแล้ว เดี่ยวทริปหน้าไปไหนกันต่อ รอตามชมนะคะ

Sukorn

 วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.57 น.

ความคิดเห็น