ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอนไหนบ้าง ที่ทำให้คุณมีความสุข
บางคนมีความสุขกับของแบรนด์เนม
บางคนมีความสุขกับการทานอาหารดีๆแพงๆ
บางคนมีความสุขกับการขับรถหรู
แต่บางคนมีความสุขกับชีวิตที่พอดีๆ
และบางคนมีความสุข เพียงเพราะ ได้ออกเดินทาง
ทักทายก่อน สวัสดีค่ะเหล่านักเดินทาง แจ๊คมาอีกแล้ว อยากจะชวนเพื่อนๆไปตามหาความสุข ชุ่มฉ่ำ ชมหมอก ในฤดูฝน ที่อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
รู้จักกันมากขึ้น อยากทักทาย พูดคุย ขอคำแนะนำ ได้หมดค่ะแต่ห้ามขอยืมตังค์
ที่นี่นะคะ เพจท่องเที่ยว ถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ
เพจ นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
ฝากกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
ขายของเสร็จละ เดินทางต่อค่ะ อิอิ
ครั้งที่เท่าเท่าไรแล้วก็ไม่รู้นะคะกับการเดินทางไปผจญภัยที่กาญจนบุรี ด้วยเหตุผลเดียวของการเดินทางครั้งนี้คืออยากเจอหมอก แจ๊คขอเรียกมันว่าความสุขนะ เพราะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหมอก ยิ่งตอนที่มันคลอเคลียอยู่กับภูเขา อร๊ายยยยยยยยยยยยย สวรรค์บนดิน
ฤดูฝนนี่แหระ หมอกเยอะดีจะตาย แต่คุณต้องแลกกับความเปียก ความเฉอะแฉะนะ ระวังสุขภาพทั้งตัวคุณ และตัวกล้องด้วยน๊า มีใครเป็นเหมือนเรามั้ย ห่วงกล้องมากกว่าตัวเอง ตัวเปียกช่างมันกล้องต้องไม่เปียก555
เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าช้าอยู่ใย มีความปุปปับมากนะทริปนี้ ตัดสินใจคืนวันศุกร์ คือเราต้องชาร์ตแบตตัวเองละ รู้สึกเหนื่อยกับงาน อาการนี้ถ้าได้ไปตามหาสายหมอกคงสดชื่นน่าดู
ว่าแล้วเช้าวันเสาร์ก็จัดการเก็บของ แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ กาญจนบุรี ไปคนเดียว สู้ตายค่ะ ตลอดทางฝนตกนาจา ทุกครั้งที่ออกเดินทางถ้าฝนตกเราจะหวั่นใจ แต่ครั้งนี้ กลับดีใจ
เพราะในป่ามันจะเกิดหมอกแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อถึงแยกแก่งเสี้ยน เราเลี้ยวซ้าย ตามป้ายไทรโยก เส้นทางนี้แหระ เป็นเส้นทางแห่งความสุขของแจ๊คเลย
วิวข้างทางสวยมาก เป็นเทือกเขา ถูกหยอกเย้าด้วยสายหมอก
บรรยากาศฝนๆชุ่มฉ่ำ ทำให้ในใจเรารู้สึกอิ่ม หรือที่เรียกว่า ฟิน
แหม นี่แค่ข้างทางนะ คือหลายหลายๆจุดทำให้เราอยากจะจอดถ่ายรูป แต่ก็นะเส้นทางบางช่วงมันจอดไม่ได้ไง
ภาพบางภาพ จึงต้องเก็บไว้ในความทรงจำ
เมื่อเข้าเขตอช.ทองผาภูมิ เส้นทางเล็ก โค้ง แต่ขับไม่ยาก(ภูทับเบิก เขาค้อ อินทนนท์ แม่แจ่ม ดอยอ่าง ก็ผ่านมาแล้ว ชีวิตนี้ไม่ต้องกลัวโค้งไหนละ)
ทางช่วงแรกๆผิวถนนยังดีอยู่ สภาพเหมือนทำใหม่
แต่ขับๆไป ทางบางช่วงแย่ค่ะ เคยไปเส้นทางนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน (ตอนนั้นไปบ้านอีต่อง ซึ่งเลยอช.ไป ถึงตรงบ้านอีต่องก็ 399 โค้ง)
รู้สึกว่าปีนี้ทางแย่กว่าเดิม เป็นเพราะฤดูฝนด้วยแหระ ถนนบางช่วงทางเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ดีที่ไม่ค่อยมีรถสวน หลบหลุมได้เต็มที่
รถตามหลังก็ไม่มี เอาจริงๆนะ เจอรถสวน2คันเอง เงียบอะไรปานนั้น แต่โดยรวมถนนก็ไม่แย่มากนะ ขับได้อยู่ค่ะ มิราจคันน้อยของแจ๊คไปได้สบายๆ
อย่าไปกังวลกับทางมากเลย เรามาคุยเรื่องหมอกกันดีกว่า
เมื่อเราขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเข้าไปไกล้หมอก บางช่วงหมอกฟุ้งอยู่ตรงหน้า
ยื่นมือออกไปนอกรถ ให้ไอหมอกปะทะมือ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นค่ะ
ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน มีจุดชมวิว จุดชมวิวกม.12 หรือเรียกว่าจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล๊อคก็ได้
ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ มีห้องน้ำ มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีจุดรับสัณญาณโทรศัพท์
ขณะนั้นมีฝนเป็นละอองเบาๆ แบบน่ารักๆ ลุยได้ ไม่เปียก แวะพักรถ พักคน เก็บภาพ
ช่วงนี้มีหมอกให้เราชมกันตลอดวัน
วิวที่เห็นก็แล้วแต่ลมค่ะ แป๊ปเดียวลมพัดหมอกบังวิวหมดเลย แต่ก็พอจะมีจังหวะที่จะเก็บภาพอยู่บ้างค่ะ
เลยจากจุดชมวิวนี้ ก็จะมีอีกที่คือ จุดชมวิวกม.19 จุดนี้มีแค่ศาลาชมวิวนะ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีเจ้าหน้าที่ แต่เราไม่ได้แวะ
เพราะหมอกลงจัด ขาวไปหมดเลย มองไม่เห็นเขาเลย
ขับต่อไปเรื่อยๆ เจอหมอกตลอดข้างทาง แป็ปนึงก็ถึงที่ทำการอช.ทองผาภูมิ
การเดินทางมาที่นี่ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัว ก็เดินทางแบบนี้ค่ะ
จากกทม. ง่ายๆก็นั่งรถตู้ไปลง บขส.เมืองกาญจน์
จากบขส.ให้นั่งรถประจำทาง หรือรถตู้ ไปลงที่ตลาดทองผาภูมิ
จากตลาดทองผาภูมิ นั่งรถ สองแถว สายทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง รถสายนี้จะผ่านอช.ค่ะ
ที่ทำการอุทยานอยู่ติดถนนเลย
จ่ายค่าธรรมเนียมก่อนที่ด้านหน้า
ราคาตามนี้ค่ะ
สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
สำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
รถยนต์ 30 บาท จักรยานยนต์ 20 บาท
ค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คัน
ต้องบอกก่อนว่า เราออกเดินทางโดยที่ไม่ได้จองที่พัก ตั้งใจนอนบ้านพักของอช.เพื่อตื่นมาดูหมอกได้เลย โทรตอนถึงเมืองกาญจน์แล้ว
เบอร์นี้ค่ะ 034 510979 พี่จนท.บอกว่าต้องจองล่วงหน้า 15วัน แต่มีบ้านว่างอยู่ ให้ walk in ได้เลย
เรื่องที่พักไม่ค่อยกังวล จริงๆเราเคยไปเส้นนี้แล้ว เคยไปพักที่บ้านอีต่อง(เลยอช.ไป 8 กม.) ถ้าอช.เต็มก็ไปพักที่บ้านอีต่อง ถ้าเต็มอีก ก็นอนเต๊นท์
ตอนนี้ ฝนก็ยังตกอยู่นะตกหนักกว่าเดิม พี่จนท.บอกมีบ้านว่าง เราก็ขับรถเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เราจะเจอกับพนักงานต้อนรับก่อน 5555 เจ้านกเงือก น่ารักมากๆ เดินเข้าไปรอพี่ จนท. เห็นมัน กระโดดเล่นอยู่ที่สนาม สักพักขึ้นไปอยู่บนหลังคา
เลยอดถ่ายไกล้ๆเลย เคยไปเจอที่ป้อมปี่ตัวนึง ขี้เล่นเหมือนกัน ชอบแกล้งคน หรือมันคือนิสัยของนกเงือก
ก่อนอื่น พี่ จนท.บอกก่อนเลยว่า ในห้องไม่มีอะไรนะ ที่นี่จะมีไฟใช้แค่ 6 โมงเย็น- 2 ทุ่ม ในห้องไม่มีปลั๊กไฟ
ศูนย์อาหาร เปิดถึง5โมงเย็น ในห้องไม่มีปลั๊กไฟแล้วชาร์ตไฟยังไง ถ้าจะชาร์ตแบต ไปฝากพี่จนท.ชาร์ตได้ค่ะ
โอเค หนูอยู่ได้ จัดการเรื่องที่พัก ได้บ้านริมผา 1 คืนละ800 จริงๆมีบ้านทาร์ซานว่าง เป็นบ้านอยู่บนต้นไม้ ชมวิวได้เต็มที่ไม่มีต้นไม้บัง แต่มัน1500
ไม่ๆๆมันแพงไป เราไปคนเดียวขอถูกสุด จ่ายเงิน กรอกรายละเอียดแล้วก็ขับรถขึ้นไปบ้านพัก ทางไม่ดีเลย
ถึงแล้วจ้ะบ้านเรา บ้านริมผา 1 เดินโคตรไกลจากลานจอดรถ เอาจริงๆก้ไม่ไกลเท่าไรนะ 5555 แต่ทางมันเป็นเนินเล็กๆเดินขึ้นลงแล้วเหนื่อยค่ะ
บ้านสร้างไว้ริมผา ตามชื่อเลย ในห้องมีแค่เครื่องนอน ห้องน้ำเป็นชักโครก มีน้ำ 1 ขวด ทิชชู่1 ม้วน
จากระเบียงห้องชมวิวได้ไม่เต็มที่เพราะมีต้นไม้บัง ไม่เป็นไร เราเดินไปชมวิวข้างนอกบ้านได้ จะมีจุดชมวิวกูดดอยและจุดชมวิวเนินช้างเผือก
วันนี้มีคนพักในบ้านพักหลังอื่นอยู่บ้าง ลานกางเต๊นท์ไม่มีคน
มีแต่ความเงียบมาก ไม่ค่อยเจอผู้คนเลย โห ถ้าจิตไม่แข็งนี้อยู่ยากนะ ยังดีที่มีป้อมประชาสัมพันธ์ มีพี่จนท.อยู่1คน
ขนสัมภาระเข้าบ้านเสร็จ จะอยู่ในห้องก็ไม่น่าจะทางเลือกที่ดี คือไฟยังไม่มา ห้องออกจะมืดๆ จะนั่งชิลที่ระเบียงก็ไม่ได้ ฝนตก
งั้นก็ออกไปลุยฝนเลยละกัน เดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศค่ะ กางร่มถ่ายรูป ลำบากเกิ๊น
มาดูบรรยากาศกันนะ
ลานกางเต๊นท์ และตามต้นไม้ อุดมไปด้วยพืชที่เรียกว่ามอส เขียวไปหมดเลยค่ะ ดูชุ่มชื้นมาก
เดินมุมนู้นมุมนี้ เดินไปดูบ้านทาร์ซานกัน อยู่บนต้นไม้เลยค่ะ
ไปที่จุดชมวิว กูดดอย และเนินช้างเผือก เดินสลับๆไปวนเรียนอยู่แถวนี้ เพื่อรอจังหวะที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น เผื่อทิศทางลมจะเป็นใจ
เปิดหมอกให้เราเห็นภาพภูเขาโผล่ขึ้นมาจากหมอกบ้าง
คือช่วงเย็นนะ วันนี้มีหมอกทั้งวันเลย แต่เป็นหมอกฟุ้งๆ
ถ้าจะใช้โทรศัพท์ก็ตรงนี้เลย มีจุดรับสัณญาณอยู่ค่ะ ตรงอื่นไม่มีจ้ะ ตัดขาดโลกภายนอกเลย
หมอกไม่นิ่งอยากให้เป็นทะเลหมอก แต่แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
บางชาวงเวลา หมอกก็จางลง ได้เห็นวิวภูเขา
สักพักหมอกมาอีกแล้วค่ะ จนมืดค่ำหมอกก็ยังไม่ไป ลมก็มา ฝนก็มาเบาๆอย่างต่อเนื่อง
จุดชมวิวเนินช้างเผือก มองไม่ค่อยเห็นวิวเลยยยยยยยย
เดินเก็บภาพ รอพี่จนท.เปิดไฟ พอไฟติด ก็จัดการ ไปฝากชาร์ตแบตกล้องค่ะ ปกติจะปล่อยไฟแค่ 2 ทุ่ม แต่วันนี้ วันเสาร์ปล่อยถึง3ทุ่มค่ะ
ช่วง 6โมงเย็น อุณหภูมิ22องศา
เสียบแบตเสร็จ ฝนก็เทลงมา วิ่งเข้าบ้านเลยจ้าาาา เดี๋ยวไกล้ๆ3ทุ่มค่อยไปเอา
ฝนตกหนักมาก ลมแรง อากาศเย็น
ก็เป็นเรื่องธรรมดานะ เที่ยวหน้าฝน ก้ต้องเจอฝนดิ่ ถ้าไม่เจอฝนอ่ะแปลก
ฝนก็ฝน เปียกก็เปียก อย่าไปซีเรียสเนอะ แค่มองให้มันเป็นความสุข
คืนนี้จะเจออะไรมั้ย เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันคะ ดีใจจังที่ทุกคนชอบแจ๊คมาต่อให้จบละนะคะ
หลังจากวิ่งหนีฝน เข้าบ้าน เราจะเล่าให้ฟัง ว่าเป็นไง ในบ้านอากาศชื้นค่ะ อย่างที่เห็น เป็นบ้านไม้ไผ่ อากาศเข้ามาได้สบายๆ
ถามว่าหนาวมั้ย ไม่หนาวเท่าไรนะ แต่มันชื้นๆอ่ะ ฟิวแบบอยู่ในป่าดิบชื้น เข้าใจใช่มั้ย 555 เออๆ ช่างมันเถอะ ที่สำคัญน้ำเย็นมากกกกกกก
ถ้าจะพูดถึงระเบียงก็เปียกทุกอนู ออกไปนั่งไม่ได้เลยจ้า แล้วเราจะทำอะไรดี ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเลย แต่เราเอาโน๊บุ๊คไปด้วยนะ
นั่งแต่งรูปสิ่ เขียนรีวิวไว้ด้วย มันช่างเป็นเวลาที่ดี เพราะถ้ากลับกทม.ก็จะไม่ค่อยว่างทำ
แต่เดี๋ยวแบตก็หมด ไม่มีปลั๊กเสียบไง ก็ต้องปิดไป หันมาพิมพ์ word ในโทรศัพท์แทน พอได้อยู่
ไกล้จะ 3 ทุ่มแล้ว ฝนไม่มีท่าทีที่จะหยุดตก แถมลมแรงด้วย ประเด็นคือต้องออกไปเอาแบตกล้องที่ชาร์ตไว้ ทั้งมืด ทั้งฝน ทั้งลม
เอาวะ คงไม่มีอะไรหรอก คว้าร่มคู่กาย เดินขึ้นเนินน้อยๆ ไปเอาแบต
ออกจากห้องไป โห ก็ตามนั้นอ่ะ มืดมาก แต่เรามีไฟฉาย ใครจะมาที่นี่สำคัญเลยไฟฉายเนี่ย
ไม่มีคนเลย ใช่สิ่ใครจะออกมาล่ะ ฝนลงหนักขนาดนี้
เดินไปถึงป้อม มีพี่จนท.นั่งอยู่คนเดียว ในป้อมเล็กๆ เงียบๆ ขีดเส้นใต้ว่า เงียบมาก ถ้าให้เราไปนั่งอยู่งี้คงเหงาแย่
คุยเรื่องฟ้าฝน พี่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี่มันคือช่วงเวลาของเค้า
ทำให้เรารู้สึกว่า คนที่จะมาทำงานแบบนี้ ต้องใจรัก เข้าใจธรรมชาติ และที่สำคัญเราว่าพี่จนท.ทุกคน ต้องเสียสละมากๆเลย
คิดดูดิ่มาอยู่ในป่าในเขา ห่างไกลความเจริญ สัญญาณโทรศัพก็ไม่ค่อยมี
ไฟฟ้าก็มีใช้อย่างจำกัด อะไรหลายๆอย่างไม่ได้สะดวกสบาย ขอบคุณนะคะเหล่าผู้พิทักษ์ผืนป่าไทย
เมื่อเรากลับเข้าบ้าน ก็ไกล้เวลา 3 ทุ่มแล้ว เตรียมนอนค่ะ พอได้เวลาตัดไฟ จะมีสัญญาณบอกคือ ไฟจะดับและติด ในช่วงเวลาสั้นๆ 3รอบได้มั้ง
แล้วก็จะดับไปเลย มืดสนิท อย่างที่เราเคยบอกไว้นะ ต้องจิตแข็ง ถ้าเราจิตอ่อน เราจะจินตนาการว่ามันมีสิ่งที่น่ากลัวอยู่ แล้วเราก็จะกลัว
แจ๊คไม่กลัวนะ แจ๊คมีพระ 555 ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขาก่อน เพื่อความอุ่นใจ คืนนี้นอนหลับสบายค่ะ
DAY 2 ตื่นมาด้วยความหวัง ว่าเราจะได้เจอทะเลหมอก
เราตื่น 6 โมงเช้า ดูสภาพอากาศ แบบว่า ฝนจ้ะ พี่ฝนยังอยู่ ไม่หนักมาก หมอกมีค่ะ ระเบียงหลังห้องนี่ขาวไปหมดเลย
มองไม่เห็นอะไรเลย จน 7 โมงกว่า เราออกเดินสำรวจตรงจุดชมวิว ไปยื่นรอ หาจังหวะดีๆเก็บภาพ
ได้แค่ประมาณนี้ค่ะ
คล้ายๆกับเมื่อวาน
ถ่ายหลายมุม
รูปเพียบค่ะ
จนสุดท้ายพี่ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก จบค่ะ ถ่ายรูปไม่ได้ละ ต้องกลับมานั่งหงอยที่มุมห้อง
ชุ่มฉ่ำกันไป
เห็นฝนมั้ยคะ
จนสุดท้ายดูทรงแล้ว ไม่หยุดง่ายๆค่ะ เราเลยตัดสินใจ กลับดีกว่า เอากุญแจไปคืน และประทับตราอช.
ถึงเวลาต้องบ๊าย บาย อช.ทองผาภูมิ ขอบคุณนะ ที่มอบความสุขให้เรา ถ้ามีโอกาสจะกลับมาใหม่
ฝนยิ่งตกหนักเรื่อยๆ เลยต้องเปลี่ยนแผน แผนที่คิดไว้คือจะไปหาอะไรกินที่บ้านอีต่อง และไปถ่ายภาพที่เนินช้างศึก
ลงจากทองผาภูมิ แล้วไปแวะ น้ำตก ผาตาด แต่ทุกอย่างต้องพับเก็บ ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะ เนินช้างศึกกับบ้านอีต่องเคยไปแล้ว
ออกจาก อช.แล้วกลับเลยค่ะ ขณะขับรถลงฝนก็ยังตกหนัก
จอดเก็บวิวข้างทางเหมือนเดิม เห็นแล้วอดไม่ได้จริง แต่ได้มุมง่อยๆหน่อยนะ ไม่ได้ลงจากรถค่ะ ลดกระจกแล้วถ่าย 5555
อยากนั่งมองแบบนี้ทั้งวัน
จอดตลอดทาง ร้องอร๊ายยยยยยย ตลอดทาง 5555 ก็วิวมันสวยอ่า
ภาพจากโทรศัพท์ไม่ค่อยสวยนะ
สรุปว่าฝนตกไม่หยุดเลย จนถึงตัวเมืองถึงเบาๆลง
การเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปตามแผน อยู่แต่ในอช. ฝนก็ตกหนัก แต่เชื่อมั้ยเรามีความสุขจัง
เราได้พบว่าความสุขไม่ได้อยู่แค่ที่ปลายทาง
แต่ความสุขเกิดขึ้นตั้งแต่เราเริ่มออกเดินทาง....
ไว้พบกันใหม่นะคะ
https://www.facebook.com/journeymemories
แจ๊ค นักเดินทางตัวน้อย
นักเดินทางตัวน้อย
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.09 น.