เนื่องด้วยช่วงนีี้ (ต้นปี2023) ค่าเงินกีบค่อนข้าวอ่อนตัวอย่างมาก เรากับเพื่อนตั้งเลย mission เล่นๆว่าเงินประมาณ 6 พัน เราจะไปได้ไกลกันสักแค่ไหน  ก็เลยมาจบกับรูทนี้ นั่นคือ กทม หนองคาย เวียงจันทน์ หลวงพระบาง หนองเขียว 

      ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าทริปนี้เป็นแนว Backpack สายธรรมชาติเดินป่า ชมธรรมชาติ ดูวัฒนธรรมแถบอารายธรรม ล้านช้าง ลุ่มแม่น้ำโขง ทุกอย่างเราไปหาเอาหน้างานรายวันเกือบทุกอย่าง ไม่วาจะเป็นที่พัก หรือว่ากิจกรรมที่คิดจะทำ เพราะเป้าหมายแรกของทริปนี้คือ การไปมูเริ่มต้นปีค่ะ ^_^ แต่เมื่อเรามีเวลาเหลือ เลยเลือกที่จะออกมานอกเมืองหลักบ้าง ซิ่งที่ๆพวกเราตัดสินใจกันนั่นคือ หนองเขียว หรือเมืองงอยเก่านั้นเอง

ขอเปิดตัวด้วยรูปเมืองแห่งสายน้ำกับสายหมอกแห่งขุนเขาของที่ หนองเขียว ในยามเช้า

    

       หลังจากตัดสินใจกันคร่าวๆ เราก็ตกลงกันว่าทริปนี้มาลองกันสนุกๆดูว่า ในงบไม่ถึงหมื่นพวกเราจะทำได้ไหม เราเลยเลือกเดินทางนั่งรถไฟจาก กทม ไปหนองคาย แล้วไปต่อที่สะพานมิตรภาพ

รถไฟ กทม-หนองคาย

     หากใครนั่ง MRT ไปลงสถานีบางซื่อ เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานีกลางแห่งใหม่ที่พึ่งเปลี่ยนชื่อหมาดๆ กรุงเทพฯอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) อาจจะงงนิดหน่อยเพราะว่าเหมือนท้ายสถานนี ถ้ายังไม่จองตั๋วให้เดินเข้ามาจองก่อน จากนั้นให้เดินมาทางซ้ายสุดที่เขียนว่าทางรถไฟออกนอกเมือง ประตูต้นๆ หากใครหิวก่อนเดินทางประตู 4 จะมีอาหารขายนะคะ

     ตอนเราไปถึงเกทสถานีที่ขึ้นรถจะยังไม่ประกาศจนกว่ารถไฟจะออกประมาณ 20 นาที ตอนเราไปเขาไม่ขึ้นหน้าจอให้ฟังนายสถานีเรียกเอาว่าขบวนเราเรียกต่อแล้วรึยัง ถ้าใกล้เวลาแล้วแนะนำให้มาอยู่ใกล้ๆค่ะ เผื่อเขาเรียก

       นั่งรถไฟมาจนเช้าถึงสถานีรถไฟนองคาย เมื่อลงมาจะมีคนมากมายมาเรียกชวนไปหน้าด่าน เพราะส่วนใหญ่หลายคนต่อไปลาวกันทั้งนั้น แต่!! อยากแนะนำว่าขอให้ออกมาหน้าสถานีดูค่ารถราคากลางก่อน มีป้ายบอกอยู่หน้าสถานี เขาจะได้รู้ว่าเรารู้ราคากลางแล้ว จะไปไหนก็บอกได้เลย แต่อัพเดทอีกครั้งนะคะว่าราคาป้ายใช่ช่วงนั้นไหม

        วิธีไปลาวมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าสไตล์เราสะดวกแบบไหน ซึ่งเราศึกษามาแล้ว การเดินทางผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว  มีวิธีดังนี้

1.ต่อจากสถานีรถไฟได้เลย รถไฟสาย หนองคาย- เวียงจันทน์

         ซื้อตั๋วจากสถานีหนองคายต่อรถไฟ ลงที่สถานีท่านาแล้งที่ลาวได้เลย (คนละ 20 บาท) เป็นรถไฟสาย หนองคาย- เวียงจันทน์ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากหนองคายไป มีแค่วันละสองรอบ 07.30 และ 14.45 ส่วนขากลับจากท่านแล้งก็จะมีสองรอบ เวลา 10.00 และ17.30 

        ซิ่งวิธีนี้ถ้าใครจะเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์จะค่อนข้างหารถเข้าเมืองยากกว่าวิธีอื่นสักหน่อยค่ะ

2.หารถไปหน้าด่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว

        สกายแลป คนละ 50 บาท ไปส่งถึงแค่หน้าด่าน จากนั้นหารถต่อไปหน้าด่านลาวคนละ 35 บาท ประมาณ 10 นาที เมื่อผ่านเข้าลาวแล้ว ก็หารถประจำ สาย 14 (คนละ 12,000) กีบ เข้าเมืองสุดสายจะมาจอดที่ตลาดเช้า เลี้ยวมาทางขวา จะเห็นท่ารถเมล์จอดอยู่

         วิธีนี้ต้องต่อรถหลายรอบ แต่ว่าไม่ต้องรอใครกะเวลาได้ หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ หารกันราคาเหมาไม่แพง

3.รถ บขส ระหว่างประเทศ หนองคาย - เวียงจันทน์

       เราเลือกวิธีนี้ หาสกายแลปมาท่ารถสถานีขนส่งหนองคาย คนละ 50 บาทแล้วซื่อตั๋วรถระหว่างประเทศ หนองคาย - เวียงจันทน์ คนละ 55 บาท ส่งถึงตัวเมืองเวียงจันทน์ที่ตลาดเช้าเลย รถจะผ่านด่านเข้าไปพร้อมกันเราเลย

       วิธีนี้ไม่ต้องรถมากแต่ว่าจะต้องรอทุกคนในรถให้ผ่านด่านพร้อมกันทุกคน!! รถจึงจะสามารถออกได้ วิธีนี้ถึงไม่สามารถกะเวลาถึงได้หากใครรีบ

ช่องที่ขายตั๋วระหว่างประเทศบางวันอาจคิวยาว ตอนไปถึงคนแรกๆพอดีจากนั้นคิวยาว
จากหนองคายมีรถไปลาวได้สองเมือง อ้างอิงจากหน้าเค้าน์เตอร์ขายตั๋วที่ไปวันนั้น

รถบัส หนองคาย - เวียงจันทน์

        เมื่อขึ้นรถถ้าเป็นคนไทยเขาจะแจกใบ ตม ให้เรากรอกระหว่างนั่งรถค่ะ ตั๋วเราระบุที่นั่งด้วยนะคะ ถ้าไม่มั่นใจถามเขาก่อนนั่งตรงไหน

เราเลือก รอบ 10 โมง เตรียมปากกาไปกรอกเอกสารด้วยน้าาา

     เมื่อข้ามถึงลาวแล้วสิ่งแรกที่อยากไม่อยากให้ลำคาญเขาคือ คนที่ขายซิมการ์ดจ้า หน้าด่านราคาถูกมาก ใช้ได้จริงเราได้ในราคา 100 บาท ใช้ได้ยันจบทริป ถึงขากลับใกล้จะช้าบ้างแต่โอเคเลย อีกอันนึงคือ แลกเงิน หน้าด่านราคาดี แลกมาใช้บางส่วนก่อนได้

           รถจะมาจอดที่สถานนี Bus Center ที่ตลาดเช้า จากนั้นก็เดินเข้าที่พัก หลังจากศึกษามาทั้งหมดวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแลกเงินกีบ นั่นคือการเอาเงินสดไทยมาแลกที่ลาวเลย และแบงก์ที่ให้เรทดีและเชื่อถือได้ ก็คงหนีไม่พ้น Phongsavanh Bank จ้าา ในเวียงจันทน์มีเยอะเลย ยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวมีบูธเล็กๆตั้งอยู่ เรทดีกว่าที่ไทยอีก

          จากนั้นทริปเราแผนคือ ไปหลวงพระบางพรุ่งนี้ สามารถนั่งรไปได้ ใช้เวลา 9 ชั่วโมง แต่ตอนนี้รถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน เสร็จแล้ว ก็ย่นเวลาได้เยอเหลือสองชั่วโมง แต่ว่า ณ ตอนที่เราไปยังไม่มีขายออนไลน์ เราจะต้องไปซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์ หรือหน้าสถานีเท่านั้น ถ้าตรงช่วงเทศกาลก็ขอให้เช็คเวลาให้ดีๆ หรือไปจองล่วงหน้าก่อน

        ที่เวียงจันทน์จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วในตัวเมือง อยู่ที่ตึกเวียงจันทน์เซนเตอร์ ชั้นล่าง ของ LCR ปิดบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ ตอนไปกำลังจะปิดเลย แต่ว่าของเราจองไม่ทันเขาบอกว่าโคต้าวันนี้หมดแล้ว ต้องไปจองหน้าสถานีวันพรุ่งนี้เอาเอง ที่หลวงรพะบางก็มีในตัวเมืองอยู่ใกล้กับไนท์บาร์ซ่า เดินลงมาทาง Coffee club เพราะสถานีรถไฟลาวจีน ค่อนข้างออกไปนอกเมืองเลย 

เคาน์เตอร์ขายตั๋วรถไฟความเร็วสูงที่เวียงจันทน์เซนเตอร์

แสงสีน้ำพุหน้าประตูชัย

       เดินเล่นรอบเมืองถ้ามีเวลาเหลือแนะนำเลยว่าให้กะเวลามาดูน้ำพุสักหน่อย สวยงามไม่ใช่น้อย มีหลายเพลงด้วย น้ำพุจะเริ่มประมาณ 6 โมงกว่าๆ ได้ตอนแรกนั่งรถไม่มีท่าทีว่าจะมีการแสดงรอแล้วรอเล่า สุดท้ายก็มาแบบตกใจ คนจากที่ไม่มีก็มาจากไหนไม่รู้ 

แนะนำว่าให้มารอมุมที่เห็นประตูชัยด้วย เพราะประตูชัยจะเปิดไฟด้วยสวยมาก

ตลาดสีหอม (เซนเตอร์พอยเวียงจันทน์)

          คนลาวหลายคนอาจแนะนำตลาดริมโขงแต่เราจะแนะนำที่นี่ถ้าเป็นของกิน เพราะริมโขงตรงเต้นท์ไม่มีของกินเท่าไหร่ ต้องเดินฝั่งถนนถึงจะมี ซึ่งตลาดสีหอมก็อยู่ไม่ไกลจากตลาดริมโขงนัก มีของกินเยอะอยู่ จะมีร้านแหนมเนืองคนลาวกินเยอะมาก อยากบอกว่าถ้าใครแหนมเนืองโอเคเลย แต่ถ้าใครไม่กินหวานอย่าสั่งจิ้มจุ่มเด็ดขาดค่ะ หวานมาก

        ส่วนอีกอันอยากแนะนำส่วนตัวคือชานมอันโด่งดังของ จีน Mixue อร่อยกว่าไทยและราคาถูกมาก ตอนไปจัดโปรพอดี ตกแก้วละ 20 บาทยังมีเลย กินทุกวันที่อยู่เวียงจันทน์ จนเพื่อนถามว่าจะไม่กินอย่างอื่นเลยหรอ เอ้าก็มันถูกมากอะ มีไอติมด้วย555

ร้านอาหารแถว ถนน สีหอม ที่เวียงจันทน์

รถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน

        เมื่อวานที่คุยกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ LCR บอกว่าให้ไปรอบัสข้างๆไปสถานีรถไฟได้เลย แต่ดันเข้าใจผิด ไม่ใช่ข้างตึก แต่เป็นที่ท่ารถที่ตลาดเช้าค่ะ ต้องเข้าไปข้างในนะ ถ้าใครจะไป เราเลยกลัวไม่ทันรถไฟเหมารถสกายแลปไปกันเอง แล้วดันเจอรถที่เขาว่าพอดี สาย 28

แถวรอต่อซื้อตั๋ว ที่เวียงจันทน์คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นสถานีต้นๆ มีทั้งคนไทย ลาว จีน เวียดนาม ต่างชาติ

          หลังจากไปยืนรอเช็คตารางรถ เราเลยทำตารางภาษาไทยออกมาให้เลย เราจะเลือกเป็นบางเมืองสำหรับเมืองท่องเที่ยว เผื่อว่าหลายคนอาจจะได้ใช้ แต่ควรอัพเดทอีกครั้ง เพราะว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลง 

         ขบวน ที่ขึ้นต้น ด้วย C คือรถไฟความเร็วสูง ส่วน K คือรถไฟธรรมดาและอาจแวะสถานีอื่นๆอีก ส่วนขบวนเสริมก็จะมีวิ่งเฉพาะบางวันหยุดที่คนเยอะๆค่ะ ควรเช็คที่หน้าสถานีอีกทีนะคะ

ตารางรถไฟ เวียงจันทน์ - บ่อเต็น

ตารางเดินรถไฟ ขาไปจากเวียงจันทน์ - บ่อเต็น 

ตารางรถไฟ  บ่อเต็น-เวียงจันทน์

ตารางเดินรถไฟ บ่อเต็น-เวียงจันทน์

หลวงพระบาง

        พวกเราใช้เวลาสองชั่วโมงก็ถึงหลวงพระบาง แนะนำว่าให้รีบออกมาพร้อมคนอื่นลงมาชั้นล่างเลี้ยวขวา จะมีรถตู้เข้าเมือง เพราะว่าถ้าพร้อมคนรถเต็มจะออกเลยไม่ต้องรอ คนละ 35,000 กีบ หรือถ้าคนน้อยก็มายืนรอที่ป้ายสีน้ำเงินๆนี่ได้เลย แบบเหมาก็มี ถ้าโรงแรมอยู่ในละแวกไหนก็บอกคนขับได้เลย ตอนเรานั่งก็เปิด google map ไปด้วย ดูสถานที่ใหญ่ๆ ใกล้ๆที่พักแล้วถามพี่เขาว่าผ่านไหม ถ้าผ่านจอดให้ลงหน่อยนะคะ 

       ส่วนขากลับถ้าไม่ได้ไปไหนต่อ รู้จุดและวันเวลาที่แน่ชัดก็นัดแนะคนขับให้มารับถึงโรงแรมได้เลย ค่ารถเท่ากับขามา 35,000 บาท แต่ควรคุยกันให้รู้เรื่องก่อนจากกันจะได้รู้ว่าขามาเคยมาด้วยกันแล้ว ซึ่งเราว่าการจัดการของหลวงพระบางค่อนข้างเป็นระบบ ทุกอย่างราคาเดียวกันทั้งเมือง ไม่ต้องต่อราคามีราคาป้ายที่ชัดเจนแน่นอน

รถเข้าเมืองและเบอร์โทรคนขับของเราแต่แนะนำว่าควรเอาให้มาโทรเบอร์ที่เขาให้มาจะได้จำกันได้ว่าเคยคุยกันไว้

     มาถึงหลวงพระบางมื้อแรกที่ต้องนึกถึงก็ต้องตำหลวงพระบางซิจ๊ะ ร้านริมทางธรรมดาแต่ไม่ธรรมดานะจ๊ะเดินไปหลงๆ ก็พึ่งรู้ว่าจัดว่าเด็ดในย่านนั้น !! ทั้งก๊วยเตี๋ยว ทั้งตำ คนท้องที่กินทั้งนั้น

       ใครเจอร้านนี้อยากบอกว่าลองเข้าไปนั่งกินดูราคาไม่แพงแถมได้ชิมอาหารพื้นบ้านจริงๆ หน้าซอยมีร้านน้ำแขวนขนม เราเลยซื้อมาชิมราคาไทยตกชิ้นละ 6 บาท อร่อยมาก มะพร้าวกับแป้งๆไส้มีน้ำตาล ประทับใจในราคา 6 บาท จนคิดว่าจะเหมาทั้งพวงไปฝากคนที่บ้าน ร้านไหนก็ไม่เหมือนร้านป้าเลย

วัดเชียงทอง

        ตรอกซอกซอยทะลุถึงกันหมดเลย กับมุมมหาชนที่วัดเชียงทองหน้าต่างนี้

     หลวงพระบางเป็นเมืองไม่ใหญ่มากสามารถเดินได้รอบๆ หรือถ้าพักบางโรงแรมก็มีให้ยืมจักรยานด้วยนะคะ แต่มีค่าจอดบางที่ เราเลือกที่จะเดินกันไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีตรอกซอกซอยที่สามารถเดินทะลุกันได้ตลอด เมืองนี้ที่พลาดไม่ได้ก็คือวัดเชียงทองค่ะ มุมมหาชนคือริมหน้าต่างกับศิลปะกันงดงาม ค่าเข้าวัดเชียงทอง 20,000 กีบ ต้องแต่งชุดสุดภาพขายาว หรือว่าผ้าซิ่นเข้าวัดนะคะ

      แต่ที่วัดเชียงทองมีอะไรมากกว่านั้นนะ!!! หลายคนอาจจะไม่รู้

     เรือนหลังเล็กๆด้านหลัง นั่นคือ หอพระม่าน ที่มีการปิดประตูอย่างมิดชิด จะดูพระพุทธรูปด้านในได้เพียงผ่านช่องเล็กๆเท่านั้น แต่ละปีจะมีการทรงน้ำท่านช่วงสงกรานต์ปีละครั้งเท่านั้น แล้วท่านก็เป็นที่นับถือของคนลาวมากๆเรื่องขอบุตร และที่ต้องปิดเรือนอย่างมิดชิดก็มีเหตุเช่นกัน เนื่องจากท่านเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่สำคัญมากของหลวงพระบางค่ะ มีความเชื่อเรื่องฝนตกต้องตามฤดูกาลด้วย

      ศาลาหอพระม่าน กับศิลปะอันงดงามในวัดเชียงทอง

พระธาตุพูสี

         อีกอันที่ทำให้เมืองนี้เริ่มมีสีสันคือการเดินเลาะริมแม่น้ำโขงเรื่อยๆ แล้วก็เดินบันไดขึ้นเขานิดหน่อย ขึ้นไปไหว้พระธาตุ ซึ่งระหว่างทางจะมีรอบพระพุทธบาท กับถ้ำ ให้แวะสักการะ จากนั้นก็ถึงยอดที่มีวิวตัวมืองหลวงพระบางที่โอบล้อมด้วยภูเขาสวยๆ


หนองเขียว Nong Khiew

      ส่วนต่อมาเป็นเมืองที่บางคนจะต้องตัดสินใจก่อนไปเพราะจากนี้จะเป็นเมืองบนเขาที่กิจกรรมคือเดินป่าชมธรรมชาติ ถนนหนทางที่ไปก็ยังไม่ดีนัก เรียกว่าบางช่วงเหินก็ว่าได้ 555 นั่งรถต่อจากหลวงพระบาง 5 ชั่วโมง 

      การเดินทางตอนนี้หนองเขียวเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวต่าวชาติในสาย Backpack & hiking เลยมีรถจากตัวเมืองหลวงพระบางวิ่งเข้าหนองเขียวเลย ซึ่งเราลองเช็คราคา ทั้งตัวเมืองราคาเท่ากันหมดเลย เลยตัดสินใจจองกับทางโรงแรมที่นอนเลย เพราะรถจะได้มารถหน้าโรงแรม 130,000 กีบ ต่อคน

รถตู้ หลวงพระบาง - หนองเขียว กระเป๋าต้องแพ็กดีๆเพราะจะไปอยู่บนหลังคารถ

         จากหลวงพระบางจะเริ่มมีรถต่อไปหลายเมืองหลายประเทศแล้วหากเราอยากต่อไปที่ไหนก็ถามได้เลย มีทั้งรถ ทั้ง รถไฟ บางที่มีล่องเรืองกลับไทยด้วย ราคาค่อนข้างชัดเจน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ 

     เดินมาจนกว่าจะเจอร้านอาหารนี้ให้เดินขึ้นไปทางซ้ายจะเป็นทางขึ้นสะพานเข้าหมู่บ้าน

     หลังจากถึงท่ารถหนองเขียว จะมีรถพาเข้าตัวเมืองหนองเขียว แต่ถ้าใครไม่นั่งรถก็เดินมาเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายเข้ามาด้านใน เดินไปเรื่องๆสัก 20 นาทีได้ จนกว่าจะเจอบ้านที่เป็นทางแยก ให้เราขึ้นไปทางซ้าย เพื่อเข้าตัวเมือง ถ้าคุณจองที่พักเราแนะนำว่าให้คุณลองเดินข้ามสะพานมาก่อน ตัดสินใจ เพราะว่าที่เที่ยวหลักๆ จะอยู่หลังข้ามสะพานมา ถ้าไม่แน่ใจให้เดินตามเนินเขามาจนกว่าจะเจอสะพานเข้าหมู่บ้าน

เราได้ที่พักริมสะพานเลย ราคาตกคนละร้อยบาทนิดๆ เดินเข้าไปถามได้เลย ส่วนใหญ่ไม่มีในเน็ต

สะพานที่บอก ในยามเช้า งดงามมาก หมอกระภูเขาพร้อมกันแม่น้ำสุดลูกหูลูกตา

ผาแดง        

    กิจกรรมอันยอดฮิตของการมาหนองเขียว นั่นคือการขึ้นชมวิว ผาแดง เขาทำป้ายใหม่แล้วนะ ทางเข้าค่อนข้างจะงงสักหน่อยเพราะมีบ้านคนขนาบทางขึ้น ซึ่งระหว่างทางขึ้นเราจะต้อง เสียค่าเข้าคนละ 20,000 กีบ บางคนจะเลือกดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือว่า พระอาทิตย์ตก บอกก่อนนะคะ ว่าวางแผนดีๆ เพราะเราใช้เวลาขึ้น 2 ชั่วโมงนิดๆ และขาลงอีก อาจจะไวกว่าขาขึ้นหน่อย เตรียมน้ำไปด้วย ดังนั้นถ้าใครจะขึ้นตอนเช้าแล้วต้องรีบลงมาเพื่อตีรถกลับไม่แนะนำ 

    ส่วนเรากับเพื่อนไม่รู้มาก่อนว่าจะไกลขนาดนี้ 555 เพราะว่าไม่มีระยะทางบอกเดินไปแบบไร้วี่แวว คนเดินสวยทางมาเรื่อยๆ ป่ารอบตัวเริ่มเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ ทั้งป่าร้อนชื้น ป่าไผ่ ป่าหิน ป่ากล้วย โขดหิน ไม่แนะนำให้ไปช่วงหน้าฝนหรือว่าฝนตกเพราะดินลื่น 

ควรใส่รองเท่าให้เหมาะสมและเสื้อผ้าเผื่อร้อน เห็นบางคนถอดเสื้อเดินเลย แมงหวี่เยอะมากบางจุด

      วิวที่ได้ขึ้นไปถ้าอากาศไม่ดีก็อาจจะไม่เห็นวิวได้เพราะเมืองนี้หมอกค่อนข้างเยอะ ตอนเช้าอีกวันที่เราตื่นจากด้านล่าวมองไม่เห็นภูเขาเลย ดีใจที่ตัดสินใจมาตอนเย็นที่มีแดด เลยได้เห็นวิวด้านล่าง ธรรมชาติของลาวยังคงไว้อยู่เยอะมากจริงๆ ใครแนวนี้แนะนำเลยว่าเป็นรูทเส้นทางที่น่าสนใจไม่น้อย

        หลังจากที่อยู่ลาวมาหลายวัน บอกเลยว่าสิ่งที่ตัวเองกับเพื่อนต้องสั่งคือข้าวผัด อร่อยทุกร้านจริงๆ แล้วจานเดียวก็แบ่งกันได้สองคนด้วยเพราะจานใหญ่ แนะนำข้าวผัดแฮม ร้านที่อยู่ริมสะพานข้าวแรก ดีงามมากแฮมจริงๆเครื่องเยอะไม่จกตา

     หนองเขียวจริงๆเราว่าถ้านอนอีกสักคืน ก็คงได้ทำกิจกรรมอื่นๆอีก แต่ว่าเรามีเวลาแค่คืนเดียวขากลับเราสามารถหารถจากในเมืองหนองเขียวได้เลย ถ้าจะลงตัวเมืองหลวงพระบางก็บอกเขาได้เลยเพราะว่ารถมีแบบตีเข้าเมือง กับตีเข้าท่ารถ กรณีไปเมืองอื่นต่อ หรือว่าบางคนก็ไปสนามบินก็มี ส่วนเรากลับไปนอนหลวงพระบางต่ออีกคืน เลยให้เขาไปจอดในเมือง ราคา 140,000 กีบ ต่อคนค่ะ 

   เราเลือกที่จะกลับทางเดิมที่มานั่นคือนั่งรถกลับจากหนองคายค่ะ เลยจะตีรถไฟกลับไปเวียงจันทน์ ซึ่งจะเป็นทริปสายมู 1 วันเต็มๆที่ เวียงจันทน์ ซิ่งเดี๋ยวเราจะทำแยกอีกค่ะ

    หวังว่าข้อมูงของเราจะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจจะเดินทางรูทนี้นะคะ หากใครมีข้อมูลอยากคุยสอบถามหรือว่าอยากดูข้อมูลอื่นๆ เราอาจอัพเดทเพิ่มเติมไว้ในเพจ Unable_trip ค่ะ

Mallibell

 วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 02.06 น.

ความคิดเห็น