ถ้าใครมีบ้านนอกเป็นของตัวเอง(เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาโล่ดแล่นใน กทม) ก็คงเฉยๆในบรรยากาศบ้านนอก นิ่งๆ ไร้แสงสี ทุกบ้านปิดไปนอนตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง ไม่ได้นอนพร้อมคุณกิติและตื่นพร้อมสรยุทธแบบคนกรุงเทพ

แต่ถ้าคุณไม่มีบ้านนอกไว้ให้กลับในช่วงเทศกาลแล้วหล่ะก็ ลองมาเที่ยวที่บ้านแม่กำปอง เพราะมันจะทำให้คุณตื่นเต้นในทุกสิ่งที่เจอเลยทีเดียว


สมาชิกร่วมชิล ในครั้งนี้มีทั้งหมด5คน ทุกคนไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ก็จะเป็นเพื่อนของเพื่อน ชวนกันมา ดังนั้น นอกจากการไปเจอสิ่งใหม่ๆแล้ว เรายังได้เพื่อนใหม่ จากการเที่ยวด้วยกัน กินนอนด้วยกัน 3วัน2คืน ครั้งนี้ด้วย

ดีๆ ไม่ต้องรู้จักกันมาก่อนหรอกหรอก รู้จักกันมากไปเดี๋ยวเกลียดกันเปล่าๆ ฮ่าาาาาา


ปล.การเดินทางนี้ เราไปมาตั้งแต่เดือน เมษา 2015 ปีกว่าแล้วเพิ่งจะได้เอารูปมาลงสื่อ หนึ่งปีผ่านไปอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็เชื่อว่า คนที่มาเที่ยวหลังจากเราจะได้เห็นอะไรเหมือนกับเรา หรือสวยมากกว่าเรา อย่าให้มันสวยน้อยลงไปกว่าเดิมเลย เที่ยวกันก็ช่วยกันดูแลกันและกันด้วยค่ะ

เอาหล่ะ.........ขอเชิญทุกคนสกอล์ลงด้านล่างต่อค่ะ //ผายมือ





เราเดินทางในช่วงปลายเดือนเมษา เป็นช่วงที่เริ่มจะมีฝนแล้ว ต้นฤดูฝน ฟ้ามีเมฆเยอะ ฟ้าไม่ค่อยใสเท่าไหร่





ลงเครื่องที่ เชียงใหม่เสร็จก็ให้รถจากทางร้านเช่ารถมารับมาส่งที่ร้านเลย เราได้จองรถไว้แล้ว 3คัน คือ

1. suzuki raider 150

2. honda pcx 150

3. yamaha grand filano 125





คันนี้เก๋มาก ถ้าไปคันนี้ น่าจะไม่พ้นโค้งหน้าร้านแน่ คงเทกระจาดอยู่ตรงนี้แหละ (แอ๊คติ้งชนะเลิศ) รถพร้อม หมวกพร้อม คนขี่พร้อม ออกเดินทางได้





แล้วก็เริ่มออกเดินทาง สู่นอกเมือง จุดหมายปลายทางแห่งแรก คือไปหากาแฟชิคๆ ที่มีร้านอยู่บนต้นไม้ใหญ่ กัน





ขับรถมาไกลมาก จนคิดว่าน่าจะหลงทางแล้วนะเนี่ย ทำไมไม่ถึงสักที





มีร้านร้านกาแฟร้านหนึ่งที่ดังมากใน Social นั่นคือร้าน The Giant เป็นร้านกาแฟที่สร้างบนต้นไม้ขนาดใหญ่มากๆ เป็นบรรยากาศล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และเห็นวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาซ้อนกันไปมา ไกลไปสุดลูกหูลูกตา





สะพานไม้ขนาดไม่ใหญ่ ทอดยาวไป ค่อยๆเดินทีละคน เซฟๆค่ะ ไม่รีบๆ ได้ข่าวว่าตอนนี้ทางร้านได้ขยายร้านออกไปตรงพื้นที่ด้านข้างแล้ว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลมา คงเพื่อให้ทุกคนได้มีที่นั่ง ไม่ไปแล้วต้องรอโต๊ะนานๆ





บรรยากาศภายในร้าน กาแฟราคาแรงพอสมควร แต่ถ้าลองคิดว่าเค้าต้องขนน้ำแข็งข้ามเขามากี่ลูกให้พวกเรากิน ก็จะรู้สึกดีขึ้นค่ะ คือหนทางมันไกลจริงๆ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ไกลจนนึกว่าหลงไปแล้ว ไกลจนคิดว่า เรามาทำอะไรที่นี่ ราคาก็สมเหตสมผลอยู่ กาแฟก็อร่อยดีค่ะ





กินกาแฟนชื่นชมร้านและป่าเขาได้สักพัก ก็ออกเดินทางต่อ สู่บ้านแม่กำปอง ระหว่างทางก็แวะพักรถ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก





บ้านแม่กำปอง...อ.แม่ออน เชียงใหม่ ตรงนี้เป็นปากทางเข้าหมู่บ้าน มุมนี้สวย เห็นบ้านเรือนเล่นระดับอยู่บนไหล่เขาอย่าง เหมือนเป็นการเชิญชวนเราให้เราลองเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คน ภายในหมู่บ้านแห่งนี้





ออกเดินทางกันต่ออีกนิด เข้าสู่หมู่บ้านแม่กำปอง





บ้านพักเราเป็นโฮมสเตย์ รวมข้าว2มื้อ คนละประมาณ500บาท เจ้าของบ้านดูแลเอาใจใส่ยังกะลูกกะหลาน การที่เราจะได้นอนบ้านหลังไหนนั้น ขึ้นอยู่กับทางเค้าจะจัดให้ คือหมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีการจัดการแบบเป็นระบบ เจ้าของบ้านจะได้เงินส่วนหนึ่ง และอีกส่วนที่เหลือจะเก็บเข้าสหกรณ์ เป็นเงินหมุนเวียนในชุมชน





เจ้าของบ้านเสียสละไปนอนชั้นล่าง เพื่อให้เราได้ครอบครองชั้นบนทั้งชั้น มีสองห้องนอน มีห้องโถงใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า ต่างถิ่นไปแบบนี้……...เราทั้ง 5 คน ออกมานอนกองรวมกันข้างนอกค่ะ อากาศที่นี่พอตกค่ำแล้ว อากาศก็จะเย็นลง แต่ช่วงที่ไปนั้นเป็นช่วงต้นฝน ยังไม่ได้หนาวมาก นอนสบายเหมือนเปิดแอร์ 18องศา





วันที่ไปนั้น หมู่บ้านมีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มเหมือนกัน ต่างก็ไปนอนบ้านต่างๆ ตามที่เค้าจัดให้ เราต่างก็ตั้งใจไปสัมผัสวิธีชีวิตของชุมชนแห่งนี้ว่า กินอยู่อย่างไร ทำอะไรกัน จากการพูดคุยกับเจ้าของบ้าน ก็ตอนที่เค้าทำกับข้าวให้กินนั่นแหละค่ะ ได้ข้อมูลมาเยอะเลย


อาหารที่ทางเจ้าของบ้านทำให้กิน คืออร่อยทุกอย่างจริงๆ น้ำพริกหนุ่ม หนังไก่ ไข่เจียว ผัดผัก บางทีก็อยู่ที่ดวงด้วยนะว่าบ้านที่เราได้พัก เจ้าของทำกับข้าวอร่อยมั๊ย โชคเข้าข้างเรา บ้านนี้ทำกับข้าวอร่อย เป็นอาหาร 2มื้อ ที่อิ่มหนำสำราญเติมข้าว 3จาน ส่วนอีกมื้อหนึ่งเป็น ต้มยำ นำพริกอ่อง ผัดผัก และไข่เจียว อิ่มจุกกันถ้วนหน้า





รถมอไซของเจ้าของบ้าน มีไว้ใช้งาน และคงใช้มานานแล้วด้วย และน่าจะใช้ต่อไปจนกว่าจะหาอะไหล่เปลี่ยนไม่ได้





แวะทักทายหมา(พุดเดิ้ล)บนดอย หมาที่นี่รับแขกทุกตัวค่ะ ดูเป็นมิตรมาก





ออกไปเดินเล่น ดูรอบๆหมู่บ้านค่ะ เค้าอยู่อย่างไร ทำอะไร ค้าขายอะไร วัด น้ำตก ต้นไม้ ดอกไม้ เดินดูไปเรื่อยๆชิลๆค่ะ





วิถีฮิปสเตอร์





บ.แม่กำปอง





หลังบ้านมีทางเดินไปดูน้ำตก เป็นน้ำตกเล็กๆ ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้าน ดังนั้นโฮมสเตย์บางหลังจะติดน้ำตกเลย ไหลผ่านข้างบ้าน บรรยากาศดีมากๆ
อากาศก็กำลังเย็นสบาย ซื้นๆ เย็นๆจมูก ลำธารไหลผ่านเอื่อยๆ น้ำใสแจ๋ว





ดอกลำโพงเป็นดอกไม้ที่เราจะพบเห็นได้ทั่วไป ขึ้นดี ขึ้นดก ขึ้นทุกบ้าน ขึ้นตลอดทาง มีหลายสีด้วย เป็นดอกไม้ท้องถิ่น เหมือนเราเจอดอกเฟื่องฟ้า ดอกคุณนายตื่นสาย ตามบ้านในกรุงเทพ อะไรแบบนั้นแหละค่ะ





วัดกันธาพฤกษา (วัดแม่กำปอง) วัดเดียวในหมู่บ้าน สร้างมาในยุคเดียวกับการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชุมชน ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมของภาคเหนือ โดยมีพระอุโบสถตั้งอยู่กลางน้ำ ส่วนวิหารหลังเก่าเป็นไม้ทั้งหลัง หน้าจั่วหลังคาวัดแกะสลักจากไม้สักเป็นลวดลายแบบล้านนา (ช่วงสาระ เปิดกูเกิ้ลมาค่ะ)





หลังคาวัดมีต้นแบบนี้ขึ้นคลุมทั้งหลังคา อาจเพราะอากาศที่เย็นและชื้นตลอดปี และอยู่ใกล้น้ำตก ไม่เฉพาะหลังคาวัด รูปปั้น รั้ว ราวจับ ทางเดิน ก็มีต้นนี้ขึ้นหมด ขนาดตามพื้นก็ยังขึ้นค่ะ





ถ่ายรูปหมู่กันสักรูป





ตื่นเช้ามา กินข้าว เก็บของ แวะเติมน้ำมันแล้วออกเดินทางกันต่อ





ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีวิวมหาศาลมาก ร้านชมนก ชมไม้ เป็นร้านกาแฟชื่อดังอีกร้านใน social ค่ะ ที่คนมาเที่ยวบ้านกำปองต้องแวะชมจุดชมวิวตรงนี้ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง กาแฟสดทางร้านก็ขั้วเองค่ะ ลองมาชิมกันได้





จุดหมายถัดไปคือ น้ำตกแม่กำปอง น้ำตกมีหลายชั้นมาก ชั้นนี้อยู่แถวล่างๆเลย สวยมากอ่ะแก๊ สามารถไต่ขึ้นไปได้อีก สูง ขึ้นไป แต่เราไม่ได้ไปจนสุดทางหรอก เพราะเวลาไม่พอ เดี๋ยวจะไปถึง น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเย็นเกินไป





กิ่วฝิ่น จังหวัดจำปาง อยู่บนยอดเขาสูง เห็นวิวได้180องศา มองลงไปเห็นเขาข้างล่าง ยึกยักๆซ้อนกันไปมา สวยมาก ถ่ายมายังไงก็ไม่สวยเหมือนไปดูเอง ดังสำนวน 10ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ถ้าผ่านมาก็มาแวะกันนะคะ สวยจริงๆ





แล้วเราก็ออกเดินทางต่อไป สู่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ไปนอนแช่ออนเซ็นกันดีกว่า ตามมาด้วยกันนะคะ





ถ้าชอบดูรูป หรืออยากรู้วาวันต่อไปเจออะไร ไปไหนมาบ้างก็ตามชมรีวิววันต่อไปได้ค่ะ



วันที่2 : ร้อนกายแต่ว่าเย็นใจ ที่บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน




วันที่3 :"วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" มหัศจรรย์แห่งศรัทธา





SandyHappy

 วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.01 น.

ความคิดเห็น