49sgmz3n2l7n

สนามบิน Chitose

“ มันอ่านว่าอะไรนะ สนามบิน ไชโตส หรอ ? ”

สนามบิน ไชโตส ?

เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฮอกไกโดเท่าไหร่ แม้กระทั่งชื่อสนามบิน ที่ควรจะอ่านว่า ชิ-โต-เสะ...

ที่เคยได้ยินสมัยเด็กๆ ก็มีแต่ว่า " ไปฮอกไกโด ไปกินนมฮอกไกโด และไปเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ "

แต่สุดท้าย ทริปฮอกไกโด 12 วันของเรา

เราไม่ได้กินนมฮอกไกโดสักหยด และทุ่งลาเวนเดอร์ก็ไม่ได้เห็น




"ฮอกไกโดเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมฤดูหนาว เนื่องจากฤดูหนาวมีระยะเวลายาวนานกว่าที่อื่น"

"ฤดูใบไม้ผลิเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาที่ภูมิทัศน์จะแต่งแต้มสีสันสวยงาม แถมไม่มีผู้คนจำนวนมากแห่ไปดูซากุระบาน แบบที่โตเกียว"
"ชมลาเวนเดอร์ฟุราโนะได้ดีที่สุดในฮอกไกโดได้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เดือนสิงหาคม "

"เดือนตุลาคมเป็นเวลาที่ดีในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฮอกไกโด! "

     ดูเหมือนว่าข้อความพาดหัวเว็บไซต์แต่ละเว็บต่างก็นำเสนอฤดูท่องเที่ยวในฮอกไกโดที่แตกต่างกันไป โดยน่าจะสรุปได้ว่า ฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) และฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) เป็นฤดูกาลที่คึกคักที่สุดหรือช่วง high season ของฮอกไกโด 

     แล้วช่วงเวลารอยต่อระหว่างฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิที่บางคนเรียกมันว่า low season ล่ะ       

     ถ้าเราไปฮอกไกโดมันจะเป็นยังไง

     การเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ช่วง 24 มีนาคม ถึง 5 เมษายน ที่บางคนเรียกมันว่าช่วง low season
     โดยมีแผนการเดินทางคร่าวๆ คือ

Sapporo-Otaru-Niseko-Noboribetsu-Chitose

zf2ydbqls074
aouh1h5k8ddv
pg4gv99pcn9n
138vump1y3qu
w2ocpxv1g14h




SAPPORO

dysik47gm3vp


     เรามาถึง Sapporo ตอนประมาณ 10 โมงเช้า เดินลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟ JR เพื่อไปที่พักสไตล์เรียวกัง ก่อนจะออกเดินมุ่งหน้าเพื่อไปซื้อของที่ห้าง ESTA ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลสถานี JR ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หลายชั้น มีของให้เลือกซื้อหลากหลาย บางอย่างก็ลดราคา ถ้าจะมาตามหาซื้อของใช้ที่ห้างนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่แย่

     สภาพถนนในซัปโปโร ผู้คนไม่ได้พลุกพล่านเหมือนที่เคยวาดภาพเมืองหลวงของฮอกไกโดเอาไว้ ท้องฟ้าอึมครึมสีเทากับอากาศเย็น 8 องศา ที่มาพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ในยามสาย ทำให้เสื้อกันหนาวราคาสองร้อยบาทจากห้างที่ไทยยังพอเอาอยู่

ge13klbjrijb
eq4chcardokq
11t4dgl5zh73
doyfdqrp4orr
ymvoha5gngeo
nbps58vo4lr9
7rwkrppe4z61
sxseqwj34qc8
ซัปโปโรมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในปี 1972 เมื่อกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวถูกจัดขึ้นที่นี่

    แม้ว่าจะเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของญี่ปุ่น แต่ก็มีเส้นทางการเดินในเมืองไปไหนมาไหนไม่สับสนด้วยการวางผังเมืองโดยใช้ระบบถนนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
   หลังจากซื้อเสื้อ heatex ของ uniqlo เรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงบ่าย เราเสิร์ช หาสถานที่ท่องเที่ยวที่พอจะไปได้ และพบว่าเมืองซัปโปโรดูมีอะไรให้ทำมากมายทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เช่น หอนาฬิกาซัปโปโร หอโทรทัศน์ซัปโปโร ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด นอกจากนี้ยังมี Susukino ซึ่งเป็นย่านโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด และน่าเสียดายหากได้มีโอกาสมาในช่วงฤดูหนาว เทศกาลหิมะซัปโปโร ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่

     สายตาไปสะดุดที่คำว่า ‘ตลาดปลา’ อาจจะเป็นเพราะสัญญาณความหิวจากท้องส่งมา ดังนั้นเป้าหมายแรกที่จะไปก็คงต้องเป็น ตลาดปลานิโจ

vyk29oslkhkg

     ตลาดปลานิโจ เป็นตลาดที่อยู่ใจกลางเมืองซัปโปโรมาก อยู่ไม่ไกลจากซัปโปโร ทาวเวอร์ ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยเมจิ ตอนที่เราไป แต่ละร้านก็มีคนมาต่อคิวเยอะไปหมด

o0fi3bi30pha
4ofz2us4xej0

     เราเลือกร้าน OHISO หลังจากรับบัตรคิว ก็ไปเดินดูบรรยากาศอาหารทะเลสดๆ ที่วางขายในแต่ละร้าน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนจะได้มานั่งกินปลาดิบในร้าน ซึ่งแต่ละเมนู ราคาประมาณ 2 พันเย็น คุ้มมากกับความสดของปลา

      หลังจากกินอาหารเสร็จก็เดินไป Hokkaido university จากตลาดปลานิโจ ใช้เวลาเดิน 30 นาที

      เมื่อไปถึงก็เดินเข้าไปสวนสาธารณะของมหาลัย ภาพใบไม้ที่ร่วงหิมะปกคลุมผืนหน้า เงยหน้ามองฟ้าที่สีเทาครีม เสียงอีการ้อง เริ่มรู้สึกถึงความเหงาเล็กน้อย 

xj1auik8sst2
m7lutzdb7dzw
faf8nez2sf3d
i76elkok1rem

      สนามหญ้าสีเขียวใจกลางมหาลัยผืนนี้ บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ลำธารสายเล็กที่เมื่อเอามือไปสัมผัสก็เหมือนถูกบาดจากความเย็น คงจะต่างจากฤดูใบไมผลิและฤดูร้อนที่ดอกไม้น่าจะแย่งกันบานดูสดชื่นและมีชีวิตชีวา

16tnuiocente

      เราใช้เวลาอยู่ที่สวนนี้ไม่นานก่อนจะออกเริ่มเดินกลับไปเพื่อขึ้นรถบัสไปสวน Moerenuma Park

     เรานั่งรถไฟใต้ดินสายโทโฮไปยังสถานีคันโจโดริ-ฮิงาชิ เพื่อต่อรถบัสท้องถิ่นหมายเลข 69 หรือ 79 ก็ได้  โดยปกติจะมีรถบัส 2 คันต่อชั่วโมง

     ที่รอบัส สภาพเงียบมาก เราต้องรอประมาณ 40 นาที เลยเดินเล่นแถวนั้น ผ่านร้านขนมปังเล็กๆ จึงแวะเข้าไปซื้อเบเกิลร้อนๆ กินสักชิ้น

     เมื่อกลับมาถึงที่รอบัส ไม่นานรถหมายเลย 69 ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ใช้เวลา 25 นาที ราคาตั๋ว 210 เยน ก็มาถึงสวนโมเอเรนุมะ โคเอ็น ฮิงาชิ-กุจิ, モエレ沼公園東口
 
     สภาพสวนแทบจะไม่เห็นผู้คน ภาพตรงหน้าไม่ได้เหมือนในเน็ต ไม่มีดอกไม้บาน ตอนแรกก็พอทำใจมาบ้างว่าคงไม่ใช่ฤดูที่ดอกไม้บาน คนคงไม่ค่อยมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้ แต่เอาวะ เดินเข้าไปดู!

     ต้นสนตามทางและหิมะที่ยังมีให้เห็นอยู่ตามพื้นยังเป็นภาพที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยอย่างเราตื่นตาตื่นใจได้เหมือนเดิม

zv4asohfe60k
cesl4qu4ax2i
fzailnp8ojqa
l055o560uesr

3uh3hmwdx3jk
Mount Moere สร้างขึ้นสำหรับสวนสาธารณะ มีความสูง 62 เมตร และมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนสาธารณะและบริเวณโดยรอบ
w619utq734fd

     สวนสาธารณะเต็มไปด้วยลักษณะที่มนุษย์สร้างขึ้นที่แห่งนี้มอบความรู้สึกของการเดินพาร์ก ที่ไม่เหมือนครั้งไหนๆ

ezgvcqd64111

     เราเดินขึ้นตามขั้นบันได ไปตามเนินภูเขาแล้วหันหลังมามองวิวเป็นระยะ กัดฟันสู้กับลมหนาวและทางที่ชันจนมาถึงยอด ที่พอขึ้นไปถึงยอดก็ไม่พบใครสักคน มีเพียงแค่เรากับเพื่อนที่อยู่บนลานกว้างๆบนยอดภูเขา สายตากวาดมองไปรอบๆ วิวที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกางแขนต้านกระแสลมที่พัดผ่านเราแรงขึ้น

     โคตรสวยเลย แต่หนาวจังโว้ย     

     เห็นวิวแล้วคุ้มค่ากับการเดินขึ้นมา! ว่าแต่เสื้อกันหนาวบางๆ จากไทยของเรา นี่เอาไม่อยู่เสียแล้ว

     There’s no such thing as bad weather!

      (ไม่มีหรอกสภาพอากาศที่แย่ มีแต่การแต่งกายที่ไม่เหมาะสมเท่านั้นแหละ)

       อยู่ดีๆ ประโยคนี้ก็ลอยเข้ามา
        

ok46845yrk1x
mc92xqusnhat
2gt4dyzrwrfz
69ppjv4e0akj
hhe2hvvpruw2
ที่ความสูง 30 เมตร Play Mountain มีขนาดเล็กกว่า แต่มีเส้นทางที่น่าสนใจซึ่งนำไปสู่ยอดเขาอย่างนุ่มนวล
m0wta5kf66sy
mufnnybzanxq
gl44mi0c4icm

เวลาผ่านไปไม่นานผู้คนเริ่มเดินขึ้นมา

tbynbeihythe
vagsabpuup9i
yitf7vrzxi3g
1rfqfmnaq6cp
7rwxtvp4ftn1

     เราใช้เวลาที่สวนแห่งนี้ราวๆ 1 ชั่วโมง ก่อนจะทนความหนาวไม่ไหว แล้วเริ่มเดินกลับ

     ภาพผู้คนจูงหมาเดิน สองพี่น้องโยนลูกบอลเล่นกัน หันไปทางนั้นก็เห็นคนปั่นจักรยานแบบอารมณ์ดี

      ในช่วงเวลาว่างๆ มันคงจะดีถ้าได้มาใช้เวลาที่สวนสาธารณะด้วยกัน

mgzywzoouuds
w88wz9imlef0
h5lgquv2664f
odcxzkjyqulm
n7ixr0aj7818
อาคารปิรามิดที่ทำจากแก้วที่เรียกว่าฮิดามาริมีศูนย์ข้อมูล ห้องโถงใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน และพื้นที่แกลเลอรีสำหรับโนงุจิโดยเฉพาะ

     เรากลับมาถึงซัปโปโรช่วงเย็นๆพอเริ่มมืด แสงไฟถูกเปิด บรรยากาศของเมืองซัปโปโรก็เปลี่ยนไป

ub9fwypi3q01
jqrabhhui8ee
8lzskso8tmpr
c9vabu7et5sh
zlzi5szgtsn4
iiilhra6cqd8

     เมื่อมาถึงที่พักเรานอนเล่นบนเตียงแล้วเริ่มรู้สึกไม่สบายอาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวแล้วปรับตัวไม่ทันหรืออาจเป็นเพราะเราอาจจะแต่งกายไม่ดีมากกว่า ควรจะสวมเสื้อหรือชุดที่หนากว่านี้

     ก่อนเพื่อนจะเรียกให้จิบน้ำร้อนแล้วออกไปเดินหาของกิน

     “You can’t enter without a reservation”

     นี่คือคำตอบกลับหลังจากเดินเข้าไปร้านอาหารมา 6 ร้านแถวๆ ย่านที่พักพร้อมคำถามว่ามีโต๊ะว่างไหม

    จนยอมแพ้ ไปกิน Lawson ที่สุดท้ายก็ซื้อไปหลายอย่างมากเพราะความหิว      

   และเดินกลับด้วยความงงว่าอะไรวะทำไมกินไม่ได้

   นี่คือฉากสุดท้ายของเรากับซัปโปโร...

yxd5by788k7r
tl30gjpywt0f


OTARU

     "เราไปเที่ยวไหนกันดีวะ"

     "มาโอตารุต้องมา music box museum เว่ย"

     หลังจากเดินลากกระเป๋าฝ่าเม็ดฝนบางๆ ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรจากสถานีรถไฟ ก็มาถึงโรงแรม The Nord เพื่อเช็กอิน แล้วเดินตามทางเพื่อไปพิพิธภัณฑ์ music box

ure5ljttyla6

    เราเดินเลียบจากคลองโอตารุมาถึงถนน Sakaimachi Street ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามและมาหยุดตรงสี่แยกเห็นอาคารหินรูปทรงใหญ่ สะดุดตา อาคารรูปหินขนาดใหญ่ที่ข้างหน้ามีนาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam clock) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 5.5 เมตร

   อาคารแห่งนี้คือ Music Box Museum

rpn95zk96xql
9mnxp1g3kv71
1aunyd905wxo

     เมื่อก้าวเดินเข้าไปข้างในห้องตรงกลางที่มีเพดานสูง ก็เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกของเสียงเพลง ไม่ว่าจะไปอยู่ตรงจุดไหนของอาคาร เสียงเพลงก็เข้าไปถึง 

     หากใครอยากจะตามหาเจ้าของเสียง คงไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยต้นกำเนิดเสียงนั้นมาจากกล่องเพลงรูปร่างหน้าตาหลากหลาย  ทั้งกล่องเพลงรูปทรงม้าหมุนและตุ๊กตาของเล่น อีกทั้งยังทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น แก้ว ไม้ เซรามิก

     กล่องเพลงบางอันไม่ได้มีแต่ความน่ารักอย่างเดียว แต่ยังน่ากินอีกด้วย อย่างกล่องเพลงรูปทรงซูชิ

of7x6c762tll
1igpxyzd6rpf

     music box museum มีสามชั้น แค่เพียงขึ้นไปถ่ายรูปจากชั้นสองลงมาก็ให้ภาพที่สวยงาม

dctg8hnxgw01
xyjmq2k0uiru
xe2c794vg420
emk4oswhgz0b
97js99ucrmww
dctbi6xffauf

     ภาพผู้คน หยิบกล่องเพลงแล้วเอาขึ้นมาแนบหูเพื่อฟังเสียงชัดๆ ดูจะเป็นภาพที่หาไม่ยากในสถานที่แห่งนี้ และเมื่อทุกคนทำสิ่งนี้พร้อมกัน ก็เกิดปรากฏการณ์ เสียงเพลงตีกัน

     หากจะบอกว่าเสียงมันตีกันไปหมดก็คงไม่แย่สักทีเดียว 

     เพราะอย่างน้อยก็เป็นเสียงเพลงเพราะๆ ที่ตีกัน

     เมื่อขึ้นบันไดมาชั้น 2 ก็พบกับพิพิธภัณฑ์จำลอง ประวัติก่อนจะมาเป็นกล่องเสียง

t5cntv6byra8
akfl78bg2ci0

     มีกล่องเพลงหลากหลายรูปแบบที่สำหรับเราแล้วดูจะจับต้องได้ยากทั้งราคาและสิ่งของ

2g6a3o67i659
kqlmh2r3hwbe
86xchxrm2855

     ออกมาข้างนอกที่ถนนเส้นเดิม สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของฝาก ทั้งเครื่องแก้ว เครื่องประดับ เรากับเพื่อนก็ว่าถนนมันไม่ได้ยาวอะไรเลย แต่เดินวนกลับไปมากันตั้งแต่ 11 โมง จนเกือบถึง 5 โมง...รู้ตัวอีกทีเงินในกระเป็าก็หายไปหลายเยนแล้ว

     ต้องบอกว่าเมืองนี้ตอบโจทย์ของคนที่อยากหาขอฝากไปให้ใครสักคนจริงๆ

wvdbfys0bp6d
kn838v1uwn9d
lxfxiu2ir8kq
4emmwhyojk65
06ts3gekfbqx
gl1wz4ghicnc

    พอฟ้าเริ่มมืดก็ได้เวลาของความหนาวเข้ามาเยือน

m0pt9owvt7t9
jrqoi2lkj9c5
xa0d1gumsxbq

     "ไหนคลองโอตารุวะ"

      "ก็ที่เราเดินผ่านมานั่นแหละ  เรียกคลองแล้ว"

      ฝนเริ่มตกลงมาเบาๆ ทำให้อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ผู้คนกำลังถ่ายรูปคลองอยู่บ้างประปราย ไม่เกรงกลัวหยดน้ำที่กำลังหล่นลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน

     "หมดแล้วหรอคลองโอตารุ ทำไรกันต่อดี" เสียงเราถามเพื่อน

     "นั่นไง สนใจป้ะ" 

     เพื่อนชี้ไปให้เห็นภาพคนกำลังก้าวขาขึ้นเรือ เราสองคนไปสอบถามราคา ได้ความว่า ค่าขึ้นเรือราคา 2000 เยน นั่งประมาณ 40 นาที รอบที่เราจะไปคือรอบ 19.00 น.

5g810czaz84p
คลองยังทำหน้าที่เป็นสถานที่หลักของเทศกาล Snow Light Path Festival ของเมืองอีกด้วย
jzp0aojx598s
80ijtfejk3ks

     "คลองโอตารุในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของท่าเรือในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 มีเรือน้อยใหญ่ขนส่งสินค้าไปยังโกดังที่ตั้งอยู่ริมคลอง" 

      เสียงภาษาอังกฤษสลับญี่ปุ่นอันนุ่มนวลจากชายวัยกลางคนผู้เป็นทั้งคนขับเรือและผู้บรรยายในเวลาเดียวกัน
    


     หากตอนกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้ชมงานจากศิลปินที่ตั้งใจนำเสนอผลงานของพวกเขากับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา

     คลองโอตารุตอนกลางคืนก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างไป เพราะช่วงนี้จะมีการจุดตะเกียงแก๊สแบบเก่า เขาบอกว่าบรรยากาศจะโรแมนติกเป็นพิเศษ

gcaeqk6ntnlc



q3nzfu6cbogc
ล่องเรือชมบ้านเมือง เห็นเรือจอดอยู่มีตัวอักษรญี่ปุ่น ผ่านโกดังเก่าที่เคยเอาไว้ถ่ายหนัง
8f8wly1dfrx1

     "อนุญาตให้ขนถ่ายเรือขนาดใหญ่ขึ้นได้โดยตรง ด้วยการเคลื่อนไหวของพลเมือง ส่วนหนึ่งของคลองได้รับการบูรณะอย่างสวยงามในช่วงทศวรรษที่ 1980 แทนที่จะถูกฝังกลบ ในขณะที่โกดังต่างๆ ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และร้านอาหาร"

       เสียงผู้บรรยายยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด

goqgw2mt9ghi
f9j85asnlmq3
6fuo9hooi7xk
nkt0fn699u6d
la1phxwrhte4
uqbhh6v3z7w3
ผ่านสถาปัตยกรรมบ้านหินสไตล์ยุโรปที่มาผสมเข้ากับสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
ixncfpl5v9nm
ใต้สะพานนี้มองดีๆมีนกอาศัยอยู่ด้วย
0p6posufvu55

u90dfax6miva

      เรือดำเนินไปได้ครึ่งทาง คนขับก็หันเรือกลับ คนที่ตอนแรกนั่งฝั่งซ้ายใกล้ชิดต้นไม้ คราวนี้ได้มานั่งฝั่งขวา ใกล้ชิดกับตึก อาคารบ้าง

4az9vwbfgcct

     เคยได้ยินมาว่าคลองโอตารุนั่นโรแมนติก เราได้แต่นึกสงสัยว่า ถ้าไม่ได้มากับคนรู้ใจหรือคนที่แอบชอบ เราจะไปรู้สึกโรแมนติกได้อย่างไร

     ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังจากขึ้นจากเรือมาแล้ว ได้มาเดินเลียบคลองอีกครั้ง สภาพแวดล้อม อากาศที่เย็น บ้านเรือนที่สวย แสงไฟสีส้มที่เปิดอยู่ทั่วเมือง

     มันทำให้เรารู้สึกโรแมนติกจริงๆ 

     โรแมนติก…แม้จะไม่มีใคร


Niseko

 เช้าถัดมาเรารีบออกจากที่พักมุ่งหน้าไปสถานีรถบัสที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Otaru เพื่อขึ้นบัสไป Niseko

 เจ้าหน้าที่บอกให้เราขึ้นบัสหมายเลข 6 แล้วไปเปลี่ยนบัสที่สถานี Kutchan

เมื่อรถบัสหมายเลข 6 มาถึงเราคอนเฟิร์มเส้นทางกับคนขับ จากนั้นเขาช่วยยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เก็บใต้ท้องรถ ก่อนที่เราจะก้าวขาขึ้นบัสคันนี้

“ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ เตรียมตัวให้ดี วิวข้างทางต่อจากนี้ อาจทำให้ท่านรู้สึกฮายโดยไม่รู้ตัว”

ต้องขออภัยในความยากที่จะหาคำมาบรรยายวิวเส้นทางระหว่างโอตารุไปนิเซโกะ แต่เชื่อว่าบางครั้งภาพบางภาพก็ไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยาย และเราได้ใช้ความพยายามเต็มที่แล้วในการเก็บภาพเหล่านี้จากการย้ายที่นั่งไปหลายที่นั่งในรถบัสเพื่อถ่ายภาพทั้งสองข้างทาง

ttcivrssujkn
5yn34emi023y
aycjjl036jrt
zjiq4uu0gl00
w85nldvym0zs
วิวข้างทางเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ฮายขึ้นๆ
kl6gwcecdjfx
izerpcyb6jtd
aopcirbf5ule
rdf7wnv2q141
s35grecqgfiu
ehysxjn0b2vn
1rbnc8rmtqif
r8yg59xz04ck
m2xca5wvkox5
1s9pd39liszh
นิเซโกะตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ห่างจากซัปโป2 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถยนต์ พื้นที่นี้ยังขึ้นชื่อว่ามีผลิตผลและการเกษตรที่ยอดเยี่ยม รวมถึงมีแม่น้ำที่สะอาดที่สุดในญี่ปุ่น

    ฤดูเล่นสกีฤดูหนาวในนิเซโกะมีระยะเวลายาวนานกว่า 5 เดือนตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ดังนั้นเวลาที่ดีที่สุดที่จะมาถึง Niseko คือเมื่อไหร่กัน?
    จากการหาข้อมูล ขอแบ่งเป็นช่วง high กับ low ง่ายๆ คือ

    ช่วง High Season อยู่ที่ประมาณวันที่ 20 ธ.ค. ถึง กลางเดือน ก.พ
เป็นฤดูที่มีหิมะมากที่สุด สภาพหิมะขาวโพลนสวย เล่นสกีจัดต็มไปกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม
แต่ราคาที่พักสูงที่สุด

    ช่วง low season อยู่ประมาณช่วงเดือนเมษายนถึงประมาณ 5 พฤษภาคม
ช่วงนี้ ฐานหิมะมีขนาดใหญ่ ที่พักถูกและเยอะ คนน้อย ไม่วุ่นวาย พื้นที่เล่นสกีอาจจะมีพอให้เล่นได้บ้างถึงช่วงต้นเดือน พ.ค. แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่เริ่มปิด และการเล่นสกีจะถูกจำกัดพื้นที่

     แน่นอนตอนนี้เรามาในช่วง low season...

      สถานที่ที่เรากำลังมุ่งหน้าไปคือ หมู่บ้าน Niseko (Niseko Village) ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่เล่นสกีฮิราฟุ (Hirafu) และอันนุปุริ (Annupuri) 
      มีภูมิประเทศที่นุ่มนวลไปด้วยหิมะ เนินเขาด้านล่างเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเล่นสกี และบนภูเขามีบางเส้นทางที่ยาวและชัน เหมาะสำหรับนักเล่นสกีที่มีประสบการณ์ 

     หมู่บ้านนิเซโกะยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
เช่น Hilton Niseko Village, Higashiyama Niseko Village และ a Ritz Carlton Reserve

     และสำหรับที่พักของเรากับเพื่อนในคืนนี้คือ โรงแรม Hilton

5vqk2v07b437


75eulau29wmi
axhyewtf6xzj

     สำหรับการเดินทางมา หมู่บ้าน Niseko มีบริการรถรับส่ง Niseko United ในช่วงฤดูหนาวและรถประจำทางท้องถิ่นตลอดทั้งปี 

    แต่หากใครมาไม่ทันรอบบัส ก็มีแท็กซี่ให้บริการจากสถานี JR Kutchan และสถานี Niseko JR ได้

    อย่างเช่น...เราในตอนนี้

     เมื่อลงที่ Kutchan สภาพเมืองเงียบเหงา ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว ร้านอาหารต่างๆ ล้วนปิด อาจเพราะเป็นวันอาทิตย์

     เดินไปถึงสถานี JR พร้อมกับเห็นแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่

     "หรือเราขึ้นคันนี้ไปดี"

     เราเปิดรูปโรงแรม Hilton ให้คนขับดู เขาหยิบเครื่องคิดเลขแล้วกดราคา 5000 เยน

     เรากับเพื่อนหันมาพยักหน้าพร้อมกันเป็นอันตกลง


     ผ่านไปประมาณยี่สิบนารถก็พาเราไปถึงโรงแรม Hilton


     โรงแรม Hilton Niseko Village

      สกีรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาอันนูปุริ ถ้ามองออกไปไกลตาหน่อยจะเห็นสนามกอล์ฟ และหากได้มาในช่วงฤดูร้อนสามารถขึ้นบอลลูนลมร้อนและขี่ม้าได้
       เมื่อเดินเข้าไปข้างในโรงแรม มีการตกแต่งหรูหรา นักท่องเที่ยวที่จะมาเล่นสกีค่อนข้างบางตา แต่เรายังแอบได้ยินภาษาไทยอยู่บ้าง

qwru8a9py983
0eodd3n28be5
kyltexrfe7e8
ร้านขายของที่ระลึก มินิมาร์ท ที่มีตัวเลือกอาหารสำเร็จรูปไม่มากนัก แต่จะเน้นไปที่พวก energy bar, เครื่องดื่มชูกำลังมากกว่า

     เนื่องจากเรามาถึงก่อนเวลาเช็กอิน 4 ชั่วโมง จึงทำการฝากกระเป๋า แล้วออกไปเดินสำรวจตรงข้างๆ โรงแรมมีลานกิจกรรม เห็นคนกำลังเล่นสกี มีอุปกรณ์มากมายวางอยู่และมีอาคารตั้งอยู่ข้างๆน่าจะเป็นที่สอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมของรีสอร์ทแห่งนี้

      เราเดินเข้าไปข้างใน ไปแอบเหล่มองตารางคอร์สสอนสกีพื้นฐาน แต่ไม่ทันไรก็เห็นป้ายขนาดใหญ่ตั้งว่า "คลาสวันนี้เต็มแล้ว" 

     เมื่อเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เธอกล่าวว่า สำหรับคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานเลยสามารถลงเรียนได้โดยจะให้เริ่มจากพื้นน้ำแข็งที่เป็นทางเรียบๆ ไม่ต้องกังวลและถ้าจะให้ดีในช่วง low season แบบนี้ ถึงคนจะน้อยแต่ก็ควรจองลวงหน้ามาก่อนเพราะบางคนก็อยากมาฝึกเล่นสกีช่วงนี้เพราะคนไม่พลุกพล่าน

tx4rrgclf0fm
dmo848e69vs8
hczyg4eulf7x
8astn5aw2oc1

       เราเลยเดินไปหาเคาน์เตอร์ข้างหน้าสอบถามพนักงานว่ามีกิจกรรมอะไรที่ทำได้บ้าง เธอแนะนำว่าสามารถนั่งกระเช้าไปยังยอดเขาเพียง 10 นาทีจะอยู่ข้างบนนานเท่าใดก็ได้ก่อนหมดเวลาปิด แล้วค่อยนั่งกระเช้าลงมา พร้อมชมทิวทัศน์ภูเขาโยเท

       ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว จะเดินไปไหนก็ยาก เรากับเพื่อนจึงไปขึ้นกระเช้าชมวิว ราคา 2500 เยน

9z1zssngfjac
mltxbc12b369

n0t3grgtbkzt
kxi8xtwzykn6
tq27ta7u1bjc
g9mf41emi6re

       เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว เรากับเพื่อนก็ถ่ายรูปและเล่นหิมะไปพลาง น่าแปลกที่ขึ้นมาแล้ว แทบไม่เห็นใครเลย จะมีบ้างก็แต่ คนมาเล่นสกี สองสามคน เขาขึ้นมาเพราะตรงนี้เป็นจุดปล่อยตัวสกีลงไปข้างล่าง

kmtds1rgmt3w
uhwkj7nff72c
ssgn3u8podot
c68nqo4fbz6j

     เห็นเด็กๆ กำลังเล่นปาหิมะกัน เราเลยอยากลองบ้าง ด้วยความที่ใส่ถุงมือเจลที่ซื้อมาจากไดโสะ ซึ่งมันทำให้มือเราเย็นกว่าเดิม ความพยายามในการสร้าง snow man คงต้องยอมแพ้ให้กับมือที่ชา

p1wc08anijyc
ครอบครัวจากออสเตรเลีย มาพักผ่อนที่สกีรีสอร์ตเช่นกัน

      เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เพลิดเพลินไปกับวิวหิมะที่ถึงแม้จะไม่ได้ขาวโพลนทั้งหมด แต่ก็ถือว่าอลังการมากสำหรับเรา เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไอจีสตอรี่เพื่อน เห็นภาพภูเขาไฟฟูจิจากสตอรี่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองภูเขาโยเทตรงหน้า 

      หากโตเกียวมีภูเขาไฟฟูจิ ฮอกไกโดก็มีภูเขาไฟโยเท (Mount Yotei)

      ภูเขาไฟโยเทคงเป็นภูเขาไฟฟูจิแห่งฮอกไกโดสินะ

w55swbs2g4r1

      ก่อนที่จะนั่งกระเช้าลงมา และได้เห็นวิวที่แตกต่างจากตอนขาขึ้น 

juvzerb5nrop
ropj2cxtxczi
9xu3bilmr533
lllc3jjswxqx
0yarmv8g1qp1

      เมื่อกลับมาถึงโรงแรม เพื่อนไปกินอาหารของทางโรงแรมราคา 6000 เยน เป็นบุฟเฟต์ เนื่องจากช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงที่คนมานิยมเล่นสกีกัน ร้านอาหารหลายแห่งแถวนี้จึงไม่เปิด ตัวเลือกมีไม่มากนัก ระหว่างอาหารของโรงแรมและร้านสะดวกซื้อข้างล่าง

      และเนื่องจากเงินเราเริ่มหมด จึงซื้อราเมนสำเร็จรูปมานั่งกินบนห้องพร้อมชมวิว บนห้องแทน

      แม้ว่าอาหารค่ำมื้อนี้จะไม่ได้เลิศหรู แต่อย่างน้อยมันก็คงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอก ที่จะได้ซดน้ำราเมน สลับกับการเงยหน้าขึ้นมามองวิวภูเขาที่ Niseko แบบนี้     

fv3j6qk57n0g
lyya6pf8k4i7
ehr02r6gl1aj

hw404x5c1qsh

d2c77v6ij4pn

      หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ออกมาเดินเล่นข้างล่าง มือสองข้างอยู่ในกระเป๋าแจ็กเกต เดินไปตามทาง บรรยากาศที่แสงตะวันใกล้จะหายลับไปจากท้องฟ้า ทิ้งไว้เพียงท้องฟ้าสีน้ำชาให้ซึมซับบรรยากาศชั่วขณะหนึ่ง เสียงร้องของกาดังไปทั่วเชิงเขา จนเกือบลืมไปแล้วว่าที่นี่ยังมีโรงแรม มียานพาหนะ หากไม่ได้ยินเสียงรถยนต์กำลังเคลื่อนมาข้างหลัง

vpjuop8p6pzm

    เดินย้อนกลับมาทางโรงแรม แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่ง เราหยิบเศษกิ่งไม้ที่หล่นไปเติมหน้าตาให้กับมัน หันไปอีกมุมก็เจออีกตัวหนึ่ง… อีกตัวหนึ่ง… สรุปแล้วได้บังเอิญพบตุ๊กตาหิมะสี่ตัว  
    

99jt4x67c3ub

     รองเท้าผ้าใบที่เป็นรองเท้าวิ่งคู่โปรดของเรา บัดนี้น้ำจากหิมะเริ่มละลายแทรกซึมเข้าไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเราต้องบอกลาเจ้าตุ๊กตาหิมะเหล่านี้เสียแล้ว

vlo99uo77ceu

      เราเดินเข้าไปข้างหลังโรงแรม ที่ตั้งสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด น่าจะเป็นแหล่งซื้อของฝากที่เวลานี้ร้านต่างๆ ได้ปิดแล้ว เหลือแต่เพียงร้านชาบู ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วถนน น่าเสียดายที่แม้จะอยากกินแค่ไหนแต่ก็ต้องฝืนใจเดินหันหลังกลับไป

nv6p3rhsvzno
g5bwxm2tx54e
6g5gf65hdsof
m9jej34jx4dl
8bugba7yer28

     ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ แสงอาทิตย์สุดท้ายได้บอกลาเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นการปรากฏตัวของแสงดาวที่เริ่มกระพริบเข้ามาแทนที่ เรายืนจ้องดวงดาวเหล่านั้นสักพัก

     เราคิดถึงตุ๊กตาหิมะสี่ตัวเมื่อครู่ 

     เรื่องความหนาวคงไม่ต้องเป็นห่วง แต่จะมีสักตอนที่ตุ๊กตาเหล่านั้นจะรู้สึกเหงาบ้างไหมนะ

    

5bhow5s51icg

     


Noboribetsu

    เราออกเดินทางแต่เช้าจากนิเซโกะ กลับไป JR เพื่อนั่งรถไฟกลับไป โอตารุ และ ซัปโปโร ก่อนจะไปสถานี Noboribetsu  Sation JR ticket counter
     เปิดฉากด้วยการที่เพื่อนขึ้นไปซื้อตั๋วไม่ทันในเวลาเปลี่ยนขบวนรถไฟสามนาที และเจ้าหน้าที่ไม่ให้กลับเข้าเกตถ้ายังไม่ถึงเวลารถใกล้จะมา ตอนแรกเรากะจะนั่งเฝ้ากระเป๋า หนึ่งชั่วโมง 
    เพราะสถานีนี้ไม่มีลิฟต์ 

พอหันซ้ายหันขวา ไม่มีคน เอาวะ ทิ้งกระเป๋าไว้ใต้บันได แล้วออกไปรอกับเพื่อนดีกว่า

     ก่อนที่จะรู้ตัวว่าปักหมุดเลือกสถานีผิด เราไม่ต้องรอเปลี่ยนสายแล้ว เราสามารถขึ้นรถบัสไปต่อจากสถานีนี้ได้เลย

     ทำให้ต้องกลับไปลากกระเป๋าขึ้นบันไดมาอยู่ดี สุดท้ายเพื่อนเสนอว่า เอาฝากไว้ที่สถานีดีไหมตอนเที่ยวจะได้ไม่ต้องแบกไปมา

     เราสองคนโอเค ค่าฝากวันละ 600 เยน โดยเขานับเป็นข้ามคืนไปเลย ไม่นับแบบครบ 24 ชั่วโมง


      โนโบริเบ็ตสึเป็นเมืองออนเซ็นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของฮอกไกโด ผู้คนจำนวนมากมาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ผ่อนคลายจากน้ำพุร้อนธรรมชาติ นับตั้งแต่มีการค้นพบบ่อน้ำพุร้อนในช่วงปลายยุคโทคุกาวะ (ค.ศ. 1603–1867)

     เราเดินขึ้นเนินเล็กน้อยจากสถานีบัสเราก็มาหยุดอยู่ข้างหน้าป้ายบอกสถานที่เที่ยวหลักๆ ของเมือง พร้อมอ่านคำโปรย

     โนโบริเบทสึภูมิใจเสนอสวนสนุกและการศึกษา 3 แห่ง

    Bear Park
     เพื่อเรียนรู้ สังเกต และป้อนอาหารหมีสีน้ำตาล 

     Marine Park NIXE
      เพื่อเพลิดเพลินไปกับขบวนพาเหรดนกเพนกวินยอดนิยม 

    Date Jidaimura
     เดินทางสู่ยุคซามูไรและนินจา

     แต่วันนี้เราไม่ได้ไปสักที่ที่กล่าวมา  เพราะเราจะไปหุบเขานรก

bkgkguvjed5z
dajbb3qu1d0b

     Jigokudai จิโกคุดานิ (地獄谷) หรือ "หุบเขานรก" ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองเดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถบัส Noboribetsu Onsen หุบเขาแห่งนี้มีปล่องไอน้ำร้อน ธารกำมะถัน และการปะทุของภูเขาไฟอื่นๆ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนหลักของโนโบริเบทสึ

9hu45mhgy98z



      เมืองโนโบริเบทสึค่อนข้างเล็กและกลิ่นกำมะถันเหม็นอับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลอดถนนทางเดินไป hell valley นั้นมีโรงแรมออนเซ็นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตลอดสองข้างทาง ที่ว่ากันว่ามีน้ำร้อนประมาณ 10 ประเภทที่มีปริมาณแร่ธาตุต่างกันในพื้นที่

     เรารู้สึกว่าเมืองนี้สภาพอากาศค่อนข้างอุ่นกว่าเมืองที่ผ่านมา มีกลิ่นและไอความร้อนจากกำมะถันเป็นเอกลักษณ์ เดินไปไหน ก็ได้ยินเสียงเพลงญี่ปุ่นจังหวะเนิบช้าไปตลอดถนนเส้นหลัก และให้ความรู้สึกสูงวัยอย่างบอกไม่ถูก ฮ่าๆ

     รูปปั้นปีศาจขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ถือกระบองขนาดใหญ่ ทาสีด้วยสีน้ำเงินเข้มและสีแดงเข้ม แสดงถึงภารกิจในการปกป้องบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมากของโนโบริเบทสึ

fq7gqed32ifj
v6w2r9pnon6i
la6z7537u0te
zaijwb9c5vrz

     ภาพภูเขาโทนสีส้มน้ำตาลปนกับเฉดสีเทาอย่างกับภาพวาดที่ได้รับการละเลงสีอย่างลงตัวปรากฏอยู่ตรงหน้าให้ความรู้สึกไม่เหมือนภูขาไหนๆด้วยไอกำมะถันที่กำลังลอยออกมาแทรกไปตามช่องว่างระหว่างผาหินและอากาศ

bfx3cwdw4vsh
hp4clvovu779
f0g913mvjdz6
gq5tgfakmvgk
pwllw8apgk52
gpfmzarnol01
uwt0jlyjlpyx
33uoj7d085ss
cwqsne8kwdc4
227p4ea1ctzt

    จากหุบเขา มีเส้นทางเดินที่น่าสนใจผ่านเนินเขาที่ปกคลุมด้วยป่าเหนือโนโบริเบทสึ เราเดินตามเส้นทางประมาณ 20 ก็มาถึงบนจุดชมวิวเล็กๆ บนยอดเขา มองลงไปเห็นทะเลสาบ Oyunuma 
ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่มีไอกำมะถัน และมีบ่อกำมะถันที่มีอุณหภูมิพื้นผิว 50 องศาเซลเซียส

     หากเดินตามทางลงมา จะเจอถนนลานจอดรถ และทะเลสาบ Oyunuma เมื่อลงมาถึงตรงจุดนี้จะได้ใกล้ชิดกับเจ้าทะเลสาบแห่งนี้มากขึ้น ทำให้ตะลึงในความสวยที่อยู่ตรงหน้า อากาศที่เย็นมาพบเจอกับไอกำมะถันที่ร้อน แล้วมีตัวเรายืนอยู่ตรงกลาง เป็นความรู้สึกที่พิเศษเสียจริง

15b6tnhkuaf9
4rh7m2vnwbd5
แม่น้ำยังร้อนอยู่ไหลผ่านป่าทำให้มองเห็นได้จากนอกโลก
yt59ks38m9xu

     เดินตามถนนออกไปแล้วเลี้ยวขวาเล็กน้อยจะเจอบ่อโคลนที่เล็กกว่าและร้อนกว่าในบริเวณใกล้เคียง สังเกตเห็นว่ากำลังเดือดปุดๆ เลย

kacuhde8205t
3at46bku128g
n4bxweqwnfhu
1yrzvbkxo5ro
x1m986ls8jlk
r18ebxu8vpq7

      แม้ในเว็บท่องเที่ยวจะแนะนำว่าถ้าได้มาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในโนโบริเบทสึในช่วงกลางเดือนตุลาคม จะยิ่งเพิ่มสีสันให้กับทิวทัศน์ที่งดงามอยู่แล้ว แต่เรากลับไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันไม่ได้ขาดอะไรไปเลย

7z4wg3a53235
tcm8sef4mus4
h6l9mo2yby8f

      เมื่อเดินออกมาจากหุบเขานรกเราก็กลับไปที่ โรงแรม Noboribetsu Onsen Dai-I hi Takimotokan 

     โรงแรมที่มีบริการออนเซ็นระดับพรีเมียมในตัว มีชุดให้เปลี่ยน เปิด 24 ชั่วโมง 

avrk0efy3a7b
rtys1sjrm17c
3v4vg7s2uzyo

     ออนเซ็นเป็นสัญลักษณ์วัฒนธรรมของการผ่อนคลาย ของคนญี่ปุ่น แร่ธาตุในน้ำช่วยรักษาอาการปวดข้อ ช่วยการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือด เราจึงไม่พลาดที่จะไปเปิดประสบการณ์แช่ออนเซ็นครั้งแรก

      เรากับเพื่อนผลัดกันมาในเวลาเที่ยงคืน เพราะคนน่าจะน้อยดี

      เราเดินตามทางไปที่ออนเซ็น ซึ่งแบ่งฟากชายและหญิง ก่อนเข้าจะมีให้หยิบผ้าเช็ดตัว และผ้าขนหนู

เข้าไปข้างในมีล็อกเกอร์ให้ใส่ของ ตอนเราไปคนบางตาแล้วจริงๆ ห้องแรกที่เข้าไปเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ตรงนี้ก็คือถอดออกให้หมด 

     เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าห้องข้างใน ที่จะเห็นไอน้ำเกาะเป็นฝ้าที่กระจก สัมผัสได้ถึงไอความร้อน เปิดประตูเข้าไป มีที่ให้อาบน้ำล้างตัวก่อน แล้วจึงค่อยๆ ไปตักเอาน้ำอุ่นๆ ในบ่อค่อยๆ ลูบตัว เพื่อวอร์มร่างกาย

      เสร็จแล้วก็พร้อมเปิดประสบการณ์ออนเซ็น ครั้งแรก!

     บ่อออนเซ็นที่นี่มีหลายบ่อมาก แต่ละบ่อมีอุณหภูมิต่างกัน ตั้งแต่เย็นมากๆ และค่อยๆ ไต่ระดับไปจนถึงร้อนสุดๆ บางบ่อเราก็แช่แค่ขา บางบ่อก็ลงไปแช่ทั้งตัว 

    ขณะแช่ ก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กพับเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางไว้บนหัว กันหน้ามืด เพราะขณะแช่น้ำร้อนอุณหภูมิสูงทั้งตัว บริเวณหัวจะเย็นกว่าส่วนอื่น ถ้ามีผ้าปิดที่ศีรษะจะช่วยลดอาการหน้ามืดได้       

    ที่ประทับใจมากก็คือกลิ่นแร่ธาตุของกำมะถัน ในแต่ละบ่อที่แตกต่างกันไป แต่ละบ่อมีป้ายบอกว่าแช่แล้วช่วยอะไร เช่น ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนเลือดของระบบย่อยอาหาร ช่วยอาการปวดหลัง และอีกมากมาย

   ไฮไลต์สำหรับเราต้องยกให้ในส่วนของ Open air ที่เมื่อผลักประตูออกไป ผิวหนังก็กระทบเข้ากับอากาศภายนอกที่โคตรเย็นในเวลาเที่ยงคืน เรารีบหย่อนตัวเองลงบ่อออนเซ็น ทำให้ค่อยๆ ช่วยปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายเรามากขึ้น อย่าเรียกว่าค่อยๆ ปรับเลน ณ ตอนนั้นเหมือนเอาความเย็นสุดๆ มาปะทะความร้อนแบบสุดๆ 

    เราแช่ออนเซ็น พร้อมมองออกไปเห็นวิวป่า ในเวลากลางคืน มีต้นไผ่ต่างๆ และก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งสลับกัน เราจ้องมองไปสักพัก ก็เห็น….ตัวอะไรกำลังเคลื่อนไหว

     มันคือ สุนัขจิ้งจอก!

     รูปร่างท้วมๆ ขนสีเทาน้ำตาล กำลังดมใบไม้บนพื้นหญ้า เราขยี้ตาอีกครั้งว่าจริงหรือเปล่า

     แต่เห็นผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ เธอก็จ้องมันเหมือนกัน

     อืม…คงจะจริงแล้วสินะ

     นี่มัน ออนเซ็น กลางป่ากลางเขาจริงๆ                  

     เราใช้เวลากับออนเซ็นเกือบหนึ่งชั่วโมง (ซึ่งมันนานไป) ก่อนจะลุกขึ้นจากบ่อแล้วออกมาที่ห้องแต่งตัว ที่นี่เขามีน้ำดื่มบริการ หลังขึ้นจากออนเซ็นแล้ว เรากินไป สามแก้ว ชดเชยน้ำที่สูญเสียไป            

     ไม่รู้ว่าถ้าได้ไปแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นอีก จะมีที่ไหนมาทำให้ประทับใจได้เท่านี้ไหม 

    เพราะต้องบอกว่า การแช่ออนเซ็นที่โนโบริบัตสึ ครั้งแรก เขาทำไว้ดีจริงๆ 

tdsjyk678int
2vo0q7eaqq14



    เช้าวันต่อมาเราไป Oyunuma River Natural Footbath ซึ่งเดินจากโรงแรมประมาณ 15 นาทีเพื่อแช่น้ำร้อนออนเซ็นตามธรรมชาติ มันคือจุดเล็กๆ บนแม่น้ำ Oyunuma
      แม่น้ำสายนี้ไหลมาจากทะเลสาบและโดยทั่วไปมีอุณหภูมิพื้นผิวประมาณ 40-50°C

mhmzfdqoliev
jsi90s4vk7lh
4q0ke56naqn5
0jgn3chhchsl

     ริมสระน้ำเล็กๆ มีการสร้างแท่นไม้ให้ผู้มาเยือนสามารถห้อยเท้าลงไปในแม่น้ำเพื่อเพลิดเพลินกับสายน้ำบำบัด 

    ตอนที่เท้าสัมผัสน้ำให้ความรู้สึกอุ่นๆ

    และอบอุ่นมากขึ้นเมื่อเห็นภาพคุณลุง คุณป้าชาวญี่ปุ่นมาเริ่มต้นเช้าอันสดใสที่สถานที่แห่งนี้ บ้างก็พูดคุยกัน บ้างก็พกหนังสือเล่มเล็กๆ ติดตัวมาอ่านด้วย

oqrsum7k6dwp
vrl6nn63qr59

o0sciso4xxbd

   เราใช้เวลานั่งเอาเท่าแช่น้ำประมาณสี่สิบนาที ก่อนจะยกเท้าขึ้น เอาเท้าผึ่งแดดให้แห้ง ถ้าหากไม่อยากเสียเวลารอให้เท้าแห้ง การนำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาด้วยก็คงเป็นความคิดที่ไม่เลว

    เราเดินไปตามทางป่าก็กลับโผล่ที่ ทะเลสาบ Oyunuma เหมือนเดิม
    เราจึงตัดสินใจเดินรอบทะเลสาบนี้อีกครั้ง

vekv59xausmy
jdngkq4k3r95
jgpu1sxs4429

nv16cpwyc2l0

    ก่อนจะเดินลงไปรอเพื่อนที่สถานี JR ระหว่างทางก็เห็นกวางตัวใหญ่สองตัววิ่งเล่นกันไปตามถนน คนที่นี่ไม่ได้ตื่นเต้นกับภาพนี้ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

    เมื่อไปถึงสถานี JR เพื่อนเรายังเที่ยวอยู่ที่หมู่บ้านนินจา ยังไม่เสร็จ เราจึงเดินไปท่าเรือ ใกล้ๆ สถานี

    เห็นเด็กผู้ชายสองคนกำลังตกปลาอยู่ในขณะที่เราก็เดินถ่ายรูปท่าเรือไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆตอนสุดท้ายถุงเต็นท์ของน้องก็ปลิวมา ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็กเล็กน้อย


    ก่อนจะนั่งรถไฟกลับไปชิโตเสะ เพื่อรอขึ้นเครื่องบินกลับไทย

f960vuyxmf5c
ka8utlocvc10
mimargbm9gmv
hwgbsa3xyo9w
b91t34jzr80x
ie4xe3l5ie02
g4nvj7ez19qg
fcwa134b99ro



     แถมเมือง Tobetsu เมืองชนบทเล็กๆห่างจากซัปโปโร 1 ชั่วโมง ที่โคตรอบอุ่น

d0mklwlpp2u9

     คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้จะเป็นนักเรียนนักศึกษาที่เช่าหอพักหรืออพาร์ตเมนท์อยู่และคนสูงวัย วัยเกษียณทำให้บรรยากาศไม่ได้มีแสงสีอะไรนัก จากการมาอยู่ที่นี่ได้ห้าวันเพราะมาเรียนวิชาเลือกที่มหาลัยใกล้ๆ เมืองนี้ นักเรียนที่นี่ล้วนบอกว่าไปกลับซัปโปโรเกือบทุกสัปดาห์เพราะเมืองนี้มันน่าเบื่อจริงๆ

     แต่เรากลับชอบบรรยากาศเมือง Tobetsu มากๆ ตอนกลางคืนดูดาวและตามหา fox (เพราะนักเรียนที่นี่บอกว่าบางคืนจะเห็น Fox เดินตามถนนเลย)

     มีหิมะขาวประปรายตามพื้นหากวันไหนเปิดหน้าต่างตอนกลางคืน แล้วเฝ้ารอ 

     คืนไหนโชคดีอาจได้เห็นหิมะตกลงมาบ้าง

    เหมือนกับคืนสุดท้ายของเรา ที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอยากเปิดหน้าต่างตอนตีหนึ่งแล้วยืนเฉยๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง จู่ๆ ปุยหิมะสีขาวก็ตกลงมาต่อหน้า เราได้จ้องมองหิมะเหล่านั้นแบบนิ่งๆ แม้ในใจจะโคตรตื่นเต้น

   ผ่านไปไม่ถึงห้านาที 

   หิมะที่หล่นมาจากท้องฟ้าใน Tobetsu ก็หายไปแล้ว

rdn17ynpnuzk
5x9bezz6jmp8
3sxb9gixu10g
zo9uqzy0ynye
lcfjihw9vysk
aukjd3l1gdlv
k8dxj9taz1vs
kcwg8pu20l7f
gwos7u97r9j6
219jiep2sjgd
1snrslqfb5ky
z0l9ezng67vq
9ragxuhz4edf

 
 เอาเข้าจริง ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน… เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมฮอกไกโดจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราต้องการเห็นมากที่สุดและมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด
   หลังจากเที่ยวห้องไกโด 12 วัน เราก็ค่อยๆ ลืมคำว่า low season ไปเหมือนคำนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรแล้ว

  อาจเป็นเพราะ

  ซัปโปโร เมืองหลวงแห่งฮอกไกโด เต็มไปด้วยตึก อาคารสูงใหญ่ ความเจริญ แสงสีต่างๆ แต่ก็ยังมีพื้นที่สวนสาธารณะที่ได้เห็นคนมาใช้เวลาร่วมกัน

  โอตารุ ทำให้เราได้เข้าใจคำว่าเมืองที่โรแมนติกนั้นเป็นอย่างไร

  นิเซโกะ ให้วิวภูเขาที่อลังการมาพร้อมกับบรรยากาศอันเงียบสงบปนความเหงาในยามค่ำคืน

   โนโบริบัตสึ เมืองที่ให้ความผ่อนคลายหลังจากเที่ยวติดต่อกันมาหลายวัน ด้วยการเปิดประสบการณ์แช่ออนเซ็นกำมะถัน


   โทบัตสึ เมืองชนบทเล็กๆ ที่เราได้เห็นหิมะตกท่ามกลางแสงดาวครั้งแรกในชีวิต

   ถ้าหลายเดือนที่นานาเว็บไซต์กล่าวมาเป็นช่วง high season แล้วเราได้มาในช่วงที่คนเขาบอกว่า low season แต่กลับประทับใจขนาดนี้

    

เช่นนั้นแล้ว เที่ยวฮอกไกโดอาจจะไม่มี 'เวลาแย่' จริงๆ!

x6rsm7ps0k77



ความคิดเห็น