![](/f/45159/6448dc53f0f7a53eb999875e.jpg)
หลังจากออกจากวัดแค คุ้มขุนแผน https://th.readme.me/p/45157 กันแล้วในบทนี้เราจะพาท่านไปอีก 2 วัดสุดท้ายของทริปนี้ในบทความเดียวเลย
ออกจากวัดแค ที่มีวิหารมหาอุตม์ กันแล้ว เราจะไปต่อ อุตม์ยงคงกระพันกันต่อที่ที่เป็นโบสถมหาอุตม์ ของวัดสารภี วัดทั้ง 2 อยู่ห่างกันไม่เกิน 2 นาที
![](/f/45159/6448dca55c2e1e0cd88c07c9.png)
วัดสารภี ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2353 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2497 (ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔, สืบค้นเมื่อเมษายน 2566) ภายในวัดสารภีมีพื้นที่กว้างขวาง มีโบสถมหาอุตม์ที่ด้านในเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปประธาน นามว่า พระพุทธมุนีศรีมงคล หรือ หลวงพ่อใหญ่ หน้าตักกว้าง ๙๐ นิ้ว มีอายุกว่า 100 ปี และด้านหน้าอุโบสถ มีพระสังกัจจายองค์ใหญ่
![](/f/45159/6448e78bbfc9360cede259c8.jpg)
![](/f/45159/6448e7d45c2e1e0cd88c07cc.jpg)
![](/f/45159/6448e823f0f7a53eb999875f.jpg)
และนอกจากนั้นยังมี พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณขนาดใหญ่ในวิหารหน้าอุโบสถ เชื่อกันว่าหากเดินลอดท้องช้างเอราวัณ หรืออการได้ผูกผ้าสามสีที่ช้างเอราวัณ จะทำให้ทำมาค้าขายร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง และช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับช่วงปีสองปีนี้ที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง เทพแห่งอสูร เทพแห่งความร่ำรวย ซึ่งวัดสารภีแห่งนี้ก็มีอยู่ คือ "ท้าวเวสุวรรณ" สูง 5 เมตร 9 เซนติเมตร. หรือที่ชาวบ้านแถบนี้เรียก ท้าวบรรดาโชค (รูปเก่าเมื่อปี 2565) ซึ่งในวันบวงสรวงเบิกเนตร เกิดอัศจรรย์ พระอาทิตย์ทรงกลด บริเวณเหนือศีรษะท้าวเวสสุวรรณพอดี และนอกจากนี้ยังมี และพญาครุฑเปิดทรัพย์ พระพิฆเนศ พระแม่อุมาเทวี พระแม่ลักษมี ที่อยู่บริเวณใกล้ให้สักการะด้วย
![](/f/45159/6448e8bd60a1d30d158892ce.jpg)
ออกจากวัด สารภีแดดร้อนแค่เพียงกาย แต่ใจเราไม่ร้อนทุกอย่างก็สบาย จุดหมายที่จะต้องไป จากวัดที่ 4 เข้าสู่วัดสุดท้าย ระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรเว้นระยะห่างพอให้แอร์ในรถได้ทำงานงานได้นานกว่าเดิมหน่อย
อย่างที่กล่าวไปในช่วงแรก ต้องยอมรับว่ากระแส การมูเตลูในปีสองปีที่ผ่านมาต้องยกให้กับสาย เทพผู้เป็นใหญ่ เทพผู้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย "ท้าวเวสสุวรรณ " หากจะมาสุพรรณบุรีแล้วก็ต้อง ไปสักการะองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด วัดสุดท้ายของทริปนี้ วัดพังม่วง
![](/f/45159/644bccc4de85ad30d0c72988.png)
![](/f/45159/644bce231d8e4930d1ee53a7.png)
พิกัด >> https://goo.gl/maps/gNjLQZ4PoH9hVxB27
วัดพังม่วง ตั้งอยู่ใน อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่บ้านพังม่วง หรือ บางม่วง หรือบางความเชื่อก็สันนิษฐานว่าเป็นชื่อของช้างพังผิวสีค่อนข้างออกม่วง ลักษณะเป็นช้างมงคลตามตำราคชศาสตร์ จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดพังม่วง
ซึ่งหมู่บ้านมีชื่อปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์สงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135 ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสด็จยกทัพข้ามลำน้ำสุพรรณ (ท่าจีน) ที่ท่าท้าวอู่ทอง ซึ่งเป็นท่าข้ามลำน้ำมาแต่โบราณ ตั้งอยู่บริเวณวัดพังม่วงในปัจจุบัน (suphan.biz, สืบค้น28/04/2566)
![](/f/45159/644bcfc21d8e4930d1ee53a8.jpg)
![](/f/45159/644bcfb2de85ad30d0c72989.jpg)
ภายในวัดติดแม่น้ำท่าจีนบรรยากาศร่มรื่น ภายในพระอุโบสถจะมี พระพุทธโสภิต แปลว่า หลวงพ่อที่มีความงามที่มีอายุเก่าแก่มากถึง 700 ปีพระพุทธรูปศิลปะยุคสุโขทัย ซึ่งจากประวัติเคยโดนระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่เป็นไร และก่อนจะมาเป็นพระประธานที่อุโบสถวัดพังม่วงนั้น เคยเป็นพระพุทธรูปประจำวิหารคด วัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่รัชกาลที่ 2-8 มาก่อน (posttoday, 2560) และยังมี หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระประธานในวิหาร(อุโบสถเก่า) ศิลปะสมัยอู่ทอง
![](/f/45159/644bd1a41e8adf30d27461c3.jpg)
![](/f/45159/644bd2ac1d8e4930d1ee53ab.jpg)
ส่วนอีกจุดหมายสำคัญของการมาที่แห่วงนี้ก็คือ ท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี สร้างจากทองเหลือง ขนาดความสูง 3.4 เมตร น้ำหนัก 1 ตัน (และมีชาวบ้านบอกว่าปิดทองคำแท้ทั้งองค์) โดยชาวบ้านนำดอกกุหลาบแดง ดอกไม้ ธูปเทียน มากราบไหว้ขอพรโชคลาภ กราบสักการะบูชากันอย่างไม่ขาดสาย จุดประทัดเสี่ยงโชค
และอีกหนึ่งไฮไลท์ก็ต้องเป็นเห็นเซียมซีในถังสีแดงขนาดใหญ่ ที่มีกระบอกเซียมซีทำด้วยถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัมส่วนไม้ติ้วขนาดใหญ่ มีจำนวน 20 อัน ปลายด้ามมีเลข 0-9 จำนวน 2 ชุด ถ้ารวมแล้วหนักกว่า 30 กิโลกรัม เอาไว้เสี่ยงทาย เพราะเรายังมีความหวังในงวดหน้า ๆ เสมอ
![](/f/45159/644bd19a1d8e4930d1ee53a9.jpg)
![](/f/45159/644bd2441d8e4930d1ee53aa.jpg)
สวัสดี
-เสือซ่อนยิ้ม-
เสือซ่อนยิ้ม
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 21.43 น.