หลังจากออกจากวัดแค คุ้มขุนแผน https://th.readme.me/p/45157 กันแล้วในบทนี้เราจะพาท่านไปอีก 2 วัดสุดท้ายของทริปนี้ในบทความเดียวเลย 

       ออกจากวัดแค ที่มีวิหารมหาอุตม์ กันแล้ว เราจะไปต่อ อุตม์ยงคงกระพันกันต่อที่ที่เป็นโบสถมหาอุตม์ ของวัดสารภี วัดทั้ง 2 อยู่ห่างกันไม่เกิน 2 นาที 

วัดสารภี ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2353 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2497 (ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔, สืบค้นเมื่อเมษายน 2566) ภายในวัดสารภีมีพื้นที่กว้างขวาง มีโบสถมหาอุตม์ที่ด้านในเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปประธาน นามว่า พระพุทธมุนีศรีมงคล หรือ หลวงพ่อใหญ่ หน้าตักกว้าง ๙๐ นิ้ว มีอายุกว่า 100 ปี และด้านหน้าอุโบสถ มีพระสังกัจจายองค์ใหญ่

          และนอกจากนั้นยังมี พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณขนาดใหญ่ในวิหารหน้าอุโบสถ เชื่อกันว่าหากเดินลอดท้องช้างเอราวัณ หรืออการได้ผูกผ้าสามสีที่ช้างเอราวัณ  จะทำให้ทำมาค้าขายร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง และช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป 

          ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับช่วงปีสองปีนี้ที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง เทพแห่งอสูร เทพแห่งความร่ำรวย ซึ่งวัดสารภีแห่งนี้ก็มีอยู่ คือ "ท้าวเวสุวรรณ" สูง 5 เมตร 9 เซนติเมตร. หรือที่ชาวบ้านแถบนี้เรียก ท้าวบรรดาโชค (รูปเก่าเมื่อปี 2565) ซึ่งในวันบวงสรวงเบิกเนตร เกิดอัศจรรย์ พระอาทิตย์ทรงกลด บริเวณเหนือศีรษะท้าวเวสสุวรรณพอดี และนอกจากนี้ยังมี และพญาครุฑเปิดทรัพย์ พระพิฆเนศ พระแม่อุมาเทวี พระแม่ลักษมี ที่อยู่บริเวณใกล้ให้สักการะด้วย

ภาพปี 2565 ตอนยังสร้างไม่เสร็จ

          ออกจากวัด สารภีแดดร้อนแค่เพียงกาย แต่ใจเราไม่ร้อนทุกอย่างก็สบาย จุดหมายที่จะต้องไป จากวัดที่ 4 เข้าสู่วัดสุดท้าย ระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรเว้นระยะห่างพอให้แอร์ในรถได้ทำงานงานได้นานกว่าเดิมหน่อย 

          อย่างที่กล่าวไปในช่วงแรก ต้องยอมรับว่ากระแส การมูเตลูในปีสองปีที่ผ่านมาต้องยกให้กับสาย เทพผู้เป็นใหญ่ เทพผู้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย "ท้าวเวสสุวรรณ " หากจะมาสุพรรณบุรีแล้วก็ต้อง ไปสักการะองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด วัดสุดท้ายของทริปนี้ วัดพังม่วง

พิกัด https://goo.gl/maps/gNjLQZ4PoH9hVxB27

พิกัด >> https://goo.gl/maps/gNjLQZ4PoH9hVxB27

           วัดพังม่วง ตั้งอยู่ใน  อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่บ้านพังม่วง หรือ บางม่วง หรือบางความเชื่อก็สันนิษฐานว่าเป็นชื่อของช้างพังผิวสีค่อนข้างออกม่วง ลักษณะเป็นช้างมงคลตามตำราคชศาสตร์ จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดพังม่วง 

          ซึ่งหมู่บ้านมีชื่อปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์สงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135 ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสด็จยกทัพข้ามลำน้ำสุพรรณ (ท่าจีน) ที่ท่าท้าวอู่ทอง ซึ่งเป็นท่าข้ามลำน้ำมาแต่โบราณ ตั้งอยู่บริเวณวัดพังม่วงในปัจจุบัน (suphan.biz, สืบค้น28/04/2566)

          ภายในวัดติดแม่น้ำท่าจีนบรรยากาศร่มรื่น ภายในพระอุโบสถจะมี พระพุทธโสภิต แปลว่า หลวงพ่อที่มีความงามที่มีอายุเก่าแก่มากถึง 700 ปีพระพุทธรูปศิลปะยุคสุโขทัย ซึ่งจากประวัติเคยโดนระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่เป็นไร และก่อนจะมาเป็นพระประธานที่อุโบสถวัดพังม่วงนั้น เคยเป็นพระพุทธรูปประจำวิหารคด วัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่รัชกาลที่ 2-8 มาก่อน (posttoday, 2560) และยังมี หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระประธานในวิหาร(อุโบสถเก่า) ศิลปะสมัยอู่ทอง

           ส่วนอีกจุดหมายสำคัญของการมาที่แห่วงนี้ก็คือ ท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี สร้างจากทองเหลือง ขนาดความสูง 3.4 เมตร น้ำหนัก 1 ตัน (และมีชาวบ้านบอกว่าปิดทองคำแท้ทั้งองค์) โดยชาวบ้านนำดอกกุหลาบแดง ดอกไม้ ธูปเทียน มากราบไหว้ขอพรโชคลาภ กราบสักการะบูชากันอย่างไม่ขาดสาย จุดประทัดเสี่ยงโชค 

          และอีกหนึ่งไฮไลท์ก็ต้องเป็นเห็นเซียมซีในถังสีแดงขนาดใหญ่ ที่มีกระบอกเซียมซีทำด้วยถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัมส่วนไม้ติ้วขนาดใหญ่ มีจำนวน 20 อัน ปลายด้ามมีเลข 0-9 จำนวน 2 ชุด ถ้ารวมแล้วหนักกว่า 30 กิโลกรัม เอาไว้เสี่ยงทาย เพราะเรายังมีความหวังในงวดหน้า ๆ เสมอ


สวัสดี
-เสือซ่อนยิ้ม-

เสือซ่อนยิ้ม

 วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 21.43 น.

ความคิดเห็น