" ไปดำน้ำกัน "
ประโยคบอกเล่าที่พูดขึ้นมาลอยๆ จากใครสักคน ขณะที่นั่งพูดคุยกันตอนกางเต็นท์อยู่ในป่า
จากประโยคบอกเล่า กลายมาเป็นทริปใหม่ ที่มีเวลาเตรียมตัว 1 เดือน
ก็เรามันพวกใจง่ายกันทั้งนั้น 😂😂😂
ทริปนี้พวกเราจะพาเพื่อนๆ ไปทำกิจกรรมใหม่ๆ จากภูเขาสู่ท้องทะเล
ใช่แล้ว พวกเรากำลังจะไปดำน้ำกัน
ทริปนี้เรามีสมาชิกทั้งหมด 8 คน
ซึ่งก็มีคนที่ไปเรียน Scuba และคนที่เรียนจบ Open Water แล้ว
Scuba Diving - Discover scuba diving : เป็นคอร์สที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลองดำน้ำ ในคอร์สจะได้เรียนรู้ทฤษฎีการดำน้ำสั้นๆ เรียนรู้ทักษะด้านความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการดำน้ำ หากชื่นชอบการดำน้ำก็สามารถลงเรียนคอร์สเรียนดำน้ำจริงได้เลย - Open Water Diver : เป็นคอร์สเริ่มต้นของการเรียนดำน้ำลึก หลังจากที่เรียนจบแล้วเราจะได้บัตรดำน้ำที่สามารถดำได้ในความลึกไม่เกิน 18 เมตร - Advance Adventurer : เป็นคอร์สต่อเนื่องที่สามารถเรียนได้หลักจากที่ผ่าน Open Water Diver มีการเรียนทักษะอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การดำดูเรือจม,การดำน้ำตอนกลางคืน,การนำทางใต้น้ำ ฯลฯ และสามารถดำน้ำได้ลึกขึ้นถึง 30 เมตร สำหรับคนที่ต้องการดำน้ำในเชิงสันทนาการ ลงเรียนถึงขั้น Advanced Adventurer ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากต้องการเรียนเพิ่มเติมก็ยังมีคอร์สต่างๆ เพิ่มไปอีก
จุดหมายของทริปนี้ก็คือ "เกาะเต่า" เป็นหนึ่งในจุดหมายของนักดำน้ำที่เค้าไปกัน
สำหรับเพื่อนๆ ลงเรียนกับทาง "Koh Tao Scuba Club"
ส่วนเราไป Fun Dive กับทาง Koh Tao Scuba Club เหมือนกัน
สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับคอร์สเรียน Open Water ตอนที่ไปได้โปร คนละ 9,490 บาท/คน
ราคานี้รวมที่พัก 2 คืน + ฟรีถ่ายรูปใต้น้ำ
สำหรับ Fun Dive เราจองไว้ 4 dive ราคา 3,400 บาท/คน
การเดินทาง
พวกเราเดินทางกับทางบริษัทลมพระยา โดยเราจองเป็นแพคเกจ รถบัส + เรือ คิดว่าเป็นวิธีที่น่าจะสะดวกที่สุดสำหรับชาวออฟฟิศแบบพวกเรา เพราะรถออกจากข้าวสารตอนกลางคืน (21.00 น.) ไปถึงเกาะเต่าช่วงเช้า ค่าใช้จ่ายสำหรับแพคเกจรถบัส + เรือ 1,550 + 1,250 = 2800 บาท/คน (ขาไปเราจองเป็นรถ Vip ส่วนขากลับเป็นรถธรรมดา)
** แนะนำว่าใครอยากนั่งสบายๆ ให้จองรถแบบ Vip นะ ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย
เราเดินทางกันวันที่ 28 April 23 หลังจากเลิกงานเสร็จแล้วก็กลับไปอาบน้ำ เก็บของ แล้วออกไปขึ้นรถที่ข้าวสาร [ goo.gl/maps/Pn9PJhZnzHvKw1fF7 ] วันที่เราไปคนเยอะมาก เพราะตรงกับวันแรงงานตามกำหนดรถจะออกตอน 21.00 น. แต่จริงๆ แล้วเราได้ออกกันจริงๆ ตอน 21.30 น. (เลทนิดหน่อย...)
เราได้นั่งชั้นล่างซึ่งมีแค่พวกเรา ขึ้นรถได้ก็เม้ามอยกันสนุกสนานด้วยความตื่นเต้น (คุยกันไม่เลิก 555) สักพักก็เริ่มง่วงก็แยกย้ายกันไปนอน ระหว่างทางก็จะมีแวะทานอาหารที่ทับสะแกตอนประมาณช่วงตี 3 และเดินทางต่อไปยังท่าเรือ
Day 1
เราถึงท่าเรือกันประมาณ 6 โมง ลงจากรถแล้วก็ไปรับตั๋วเรือที่เค้าเตอร์ ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเรือ สะพานที่เดินไปขึ้นเรือสวยมาก บรรยากาศยามเช้าก็ดีสุดๆ ไปเลย และมาทันเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ
ใช้เวลาอยู่บนเรือ 1.45 ชั่วโมง นั่งฟังเพลง เดินไปถ่ายรูปบรรยากาศบนเรือ สักพักก็ถึงแล้ว "เกาะเต่า ... มันว้าวมาก" ความรู้สึกแรกตอนมาถึงก็คือที่นี่ประเทศไทยจริงๆ ป่ะเนี่ย มีแต่ต่างชาติเต็มไปหมด
ออกจากท่าเรือเราก็เดินไปที่ร้านดำน้ำ 📍Koh Tao Scuba Club ความโชคดีคือร้านอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก ถึงร้านก็เข้ารายงานตัว (เหมือนเด็กเข้าโรงเรียนมั้ย) เซ็นเอกสารต่างๆ
คนที่เรียนก็แยกไปเรียน ส่วนเราไม่ได้เรียนที่นี้ก็ว่างมาก เลยเดินออกมาหาอะไรกินกันก่อน เราก็กินร้านข้าวแถวๆ ท่าเรือ ฝากกระเป๋าไว้ที่ร้านแล้วก็เดินตัวปลิวมาได้เลย กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่งให้กำลังใจเพื่อนๆ ที่ร้าน เพราะเรายังเข้าที่พักไม่ได้ แต่นั่งไปสักพักก็เริ่มเบื่อ เลยติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์จากที่ร้านออกไปตะลอนเกาะเต่ากัน ก่อนอื่นเราแวะมาหาเพื่อนที่สระก่อน (ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ วันละ 250 บาท)
เป็นยังไงเพื่อนๆ เราตั้งใจเรียนกันสุดๆ ส่วนพวกเราก็ไปแอบฟังครูสอน เอาจริงๆ บางอย่างก็ส่งคืนครูไปแล้ว 555
พอเพื่อนๆ เราเรียนทฤษฎีกันเสร็จ ก็เตรียมตัวไปเรียนปฏิบัติ ส่วนเราก็ไปหาคาเฟ่นั่งต่อ
เราไปนั่งกันที่ 📍Ban Taray Koh Tao สั่งน้ำปั่นเย็นๆ ขนม ของหวาน ไอติม เต็มอัตรา วิวที่ร้านก็คือดีมาก มองเห็นทะเล เกาะเล็กเกาะน้อย
นั่งชิลกับวิวทะเลสักพักก็ได้เวลาเช็คอินแล้ว ที่พักของเราทั้งทริปนี้ 📍Blue Wave House เป็นโรงแรมที่เราจองผ่านร้านดำน้ำ คืนละ 800 บาทเองแก เข้ามาเก็บของ อาบน้ำ พักร้อนกันสักหน่อยและกัน แล้วค่อยออกไปข้างนอก
ที่พักก็โอเคนะ อยู่ 2 คนแบบไม่อึดอัด มีที่ตากผ้าเปียกหน้าห้องด้วย ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ ทีวี ตู้เย็น ไดร์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่นครบเลย บรรยากาศภายในโรงแรมก็ร่มรื่นดี
หลังจากพักผ่อนกันแล้ว ก็ได้เวลาออกไปโลดแล่นกันต่อ เราไปกันที่ร้าน 📍Blue water เป็นร้านที่เพื่อนในแก็งค์แนะนำว่าดี
อาหารเค้าอร่อยนะว่าไม่ได้ กินของคาวเสร็จก็ไปหาของหวานกินกันต่อ เป็นร้านไอศครีม
📍Permpooncup มีไอติมหลายรสชาติให้เลือก ราคาไม่แพงด้วย และมี Topping ใส่ให้ด้วย
เรากินไอติมเสร็จก็กลับไปที่ร้านดำน้ำ เพื่อนๆ ก็กลับมาจากเรียนพอดี
ดูเพื่อนของเราสิตั้งใจสุดๆ แถมด้วยหน้าตาเหนื่อยล้ากันสุดๆ เหมือนกัน หลังจากผ่านการเรียนวันแรกเพื่อนก็ดูเอ็นจอยอยู่นะ พรุ่งนี้เพื่อนก็จะลงทะเลแบบเต็มวันแล้ว ส่วนฝั่งเราก็เริ่มดำ dive แรก วันนี้ก็แยกย้ายกันไปกินข้าว พักผ่อน เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้
Day 2
เช้านี้ตื่นเช้ามา อาบน้ำ เตรียมตัว รอรถมารับที่โรงแรมเพื่อไปขึ้นเรือกัน
วันนี้เราดำกันทั้งหมด 2 dive โดยหลีดของเราวันนี้คือครูส้ม เค้ามีฉายาด้วยนะ #ครูส้มใจดีที่สุดในโลก ไปตามกันได้ทุกช่องทาง
📍กองหินชุมพร (Chomporn Pinnacle) และ 📍เรือหลวงสัตกูต (HTMS Sattakut Wreck) ไปดูภาพบรรยากาศใต้น้ำกันเลย
ลงน้ำครั้งแรกหลังจากที่ห่างหายไปตั้งแต่เรียนจบ มันก็จะตื่นเต้นสักหน่อย แต่ยังโชคดีที่ dive site นี้ดำไม่ยากมาก ที่นี่ปลาเล็กปลาน้อยชุมมาก น้ำไม่ได้ใสมากเท่าไร แต่ก็ถือว่ายังโอเคอยู่ ครูส้มก็พาเราดำดูตัวเล็กตัวน้อย นูดี้ ปลาที่อยู่ตามซอกหินบ้าง เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง 😂😂
ไปต่อกันที่เรือหลวงสัตกูต กันต่อเลย
Oh my GOD!!!! ขึ้นมาอยากจะร้อง น้ำขุ่นมากกกกกกกกก !!!!!!!! จริงๆ ที่ดูมาเรือสวยอยู่นะ อยากกลับมาซ้ำอีกรอบเลย อยากเห็นตอนน้ำใสๆ กับเค้าบ้าง เสียดายที่เราถ่ายเป็นภาพนิ่งมาน้อย ส่วนใหญ่เราถ่ายกันแต่วิดีโอ จบแล้ววันแรกของพวกเรา ใครว่าดำน้ำไม่เหนื่อย ขอเถียงสุดใจเลยนะ
กลับห้องไปหาอะไรกิน และพร้อมนอน เราได้ข้าวกลางวันมาคนละกล่อง แต่ในเมื่อใช้พลังงานไปเยอะเลยเพิ่มมาม่ากันอีกคนละซอง หลังจากกินเสร็จก็ทำการปิดสวิทซ์ตัวเอง
วันนี้เราไม่มีกิจกรรมอะไรต่อเลย กินแล้วก็นอน ตื่นมาตอนเย็นออกไปหาอะไรกิน กินเสร็จก็กลับมานอนเอาแรง พรุ่งนี้มีนัดเช้ามืดอีก ขอพักผ่อนก่อนแล้วกัน
Day 3
วันนี้นัดแบบเช้ามากๆ เพราะวันนี้เราจะไปดำกันที่ 📍Sail Rock ซึ่งต้องนั่งเรือออกประมาณ 2 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาแบบงัวเงียมาก เก็บของ แต่งตัวเสร็จ รถก็มารับเราไปที่เรือ สมาชิกมากันครบแล้วก็ไปขึ้นเรือกันเลย เค้าว่าที่ Sail Rock มีสิทธิ์ลุ้นตัวใหญ่ด้วยแหละ
ขึ้นเรือไปสักพักก็ไปเตรียมประกอบอุปกรณ์ ประกอบชุดเสร็จก็นั่งๆ นอนๆ พอใกล้ๆ ถึงหลีดจะมาบรีฟ site อีกที ซึ่งหลีดของเราวันนี้ชื่อ ราอูน
วันนี้เราดำที่ Sail rock ทั้ง 2 dive เลย พร้อมแล้วก็ลุยยยยย .....
ไฮไลท์ของ Sail rock นอกจากที่เค้าจะมาลุ้นตัวใหญ่กันแล้ว ที่นี่ก็มี “the Chimney” ที่มีสามทางเข้า/ออก, ที่ 6 เมตร, 10 เมตร และ 18 เมตร. วันนี้เราได้ลอดเราเข้าที่ 18 เมตร แล้วมาออกที่ 6 เมตร สำหรับเรามันน่าตื่นเต้นมาก ตอนนั้นไม่ได้โฟกัสอะไรเลยนอกจาก เอาให้ตรงรูนะ อย่าไปชนนะ ตั้งสติไว้ 555 ก็มือใหม่เนาะ มันตื่นเต้นมากเป็นธรรมดา ส่วนปลาที่นี่ก็มีเยอะพอสมควร แต่น่าเสียดายน้ำขุ่นมาก สงสัยได้กลับมาซ้ำอีกรอบแน่ๆ เลย
เสร็จแล้วก็ขึ้นเรือกลับฝั่งกัน ระหว่างทางกลับก็เจอฝนกันชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว
เย็นนี้เรามีนัด Hang out กับเพื่อนๆ หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็พากันแว๊นมอเตอร์ไซต์ไปหาด มาเร็วไปหน่อยพอทันได้เห็นพระอาทิตย์ตกพอดี เสร็จแล้วก็ไปหาร้านนั่งชิล เป้าหมายของวันนี้คือดูโชว์กระบองไฟ ต้องสักหน่อยอ่าเนาะ บรรยากาศมันได้
Day 4
สำหรับวันนี้ตื่นเช้ามากินอาหารเช้าโดยที่ไม่มีอะไรเร่งรีบ แพลนวันนี้ก็เที่ยวไปเรื่อยๆ เริ่มกันที่ 📍จุดชมวิวจอห์น สุวรรณ จุดนี้ต้องวอร์มขากันสักหน่อย แต่พอถึงด้านบนแล้ว ได้เห็นวิวแบบพาโนรามาก็หายเหนื่อยเลย
เดินต่อกันที่ 📍 จุดชมวิวเวสต์โคสต์ จุดชมวิวที่มีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ด้านบน
หลังจากถ่ายรูปนี้เสร็จฝนก็ลงเม็ดเลย หลบฝนกันแทบไม่ทัน พอฝนซาเราก็ขี่รถกลับไปที่พัก ไปพักขาที่ห้องก่อนแล้วกัน
มื้อเย็นของพวกเราวันนี้ฝากท้องกันที่ 📍ครัวลุงแป๊ะ ร้านอาหารพื้นบ้าน สั่งมากันเยอะมาก ที่สำคัญอาหารอร่อย ถือเป็นร้านลับเลยก็ว่าได้ เพราะทางเข้ามาตอนกลางคืนนั้นแอบมืดและลึกอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าใครไปเที่ยวแวะเข้าไปทานกันได้นะ
Day 5
วันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน เราพอมีเวลาว่างช่วงเช้าก่อนขึ้นเรือ เลยนัดกันไปเล่นน้ำที่ 📍Shark Bay ที่นี่ขึ้นชื่อว่ามีฉลามครีบดำเข้ามาว่ายน้ำบ่อยๆ แค่เราออกไป Snorkeling ก็อาจจะมีโอากาสเห็น เราไปเช่าอุปกรณ์เสื้อชูชีพจากร้านอาหารตรงนั้นแล้วลงไปได้เลย
เสียดายวันที่เราไปคือคลื่นแรงมาก ออกไปไม่เท่าไรก็เหนื่อยมากแล้ว เราเลยนั่งเล่นกันตรงชายหาดกันสักพักแล้วก็กลับที่พัก
อาจจะเล่นไม่สนุกหน่อยเพราะระหว่างทางที่มาเราเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย รถมอเตอร์ไซต์ล้มเพราะลื่นทรายข้างทาง เลยได้แผลกันไป อุตส่าห์ระวังมาทั้งทริป แต่ก็ยังดีที่มาเป็นเอาวันสุดท้ายก่อนกลับ
เราก็ไปล้างแผลที่โรงพยาบาล เคลียค่าใช้จ่ายกับทางร้านเช่ารถ เสร็จแล้วก็ขึ้นเรือกลับบ้านเรากันเถอะ
หลังจากจบทริปนี้เราก็มีไฟในการดำน้ำมากขึ้น อาจจะเพราะตอนที่เราเรียนจบตอนนั้นดันมีโควิดเข้ามาพอดี รวมถึงเพื่อนที่ไปดำน้ำมีน้อยมาก แล้วต่างคนต่างมีภาระกิจของตัวเอง พอมารอบนี้เราก็มีกลุ่มเพื่อนดำน้ำมากขึ้น หวังว่าเราจะมีทริปดำน้ำกันอีกเรื่อยๆ นะ
🤿 🌊 🤿 🌊🤿 🌊🤿 🌊🤿 🌊🤿 🌊
เที่ยวแบบเรา : Once-a-month
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 15.52 น.