ผมกับโคดี้ขับรถกันอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะมาถึง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และยังใช้เวลาอีกขยักหนึ่งรอข้ามแพขนานยนต์เที่ยวสุดท้ายเพื่อข้ามไปยังเกาะคอเขา
เส้นทางจากกรุงเทพฯถึงพังงาในช่วงปลายของฤดูฝนนั้นน่าตื่นตาไม่ใช่น้อย ตลอดทางจากกรุงเทพฯถึงแยกปฐมพรนั้นไร้ฝน แต่พอเริ่มข้ามเขาเพื่อจะข้ามมายังฝั่งอันดามันฝนก็เริ่มตกพรำ ต้นไม้สองข้างทางเขียวชอุ่มชุ่มชื่น เมื่อถึงระนองฝนก็เริ่มตกหนักกว่าเดิม สมเป็นเมืองฝนแปดแดดสี่
ท่าเรือที่เราจะเอารถข้ามแพขนานยนต์ไปยังเกาะคอเขานั้นตั้งอยู่ในบ้านน้ำเค็ม มีรถรอข้ามไปยังเกาะหลายคัน เท่าที่สังเกตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแค่ไม่กี่คน ส่วนคนไทยที่เห็นส่วนมาเหมือนเป็นผู้อาศัยบนเกาะ
โชคดีที่เรามาก่อนเวลาที่แพเที่ยวสุดท้ายจะเต็ม หลังจากถอยรถลงแพเราก็รออีกไม่นานก่อนแพจะเริ่มเคลื่อนออกจากท่า ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเราก็มาถึงเกาะคอเขา
เกาะคอเขามีถนนลาดยางหรือที่เรียกกันว่า ‘ถนนดำ’ เป็นถนนหลักอยู่เส้นเดียว ซึ่งถนนเส้นนี้จะเริ่มต้นจากท่าเรือทางใต้โยงยาวไปถึงทิศเหนือของเกาะ
ผมเพิ่งรู้จักโคดี้เมื่อไม่กี่วันก่อนผ่านเพื่อนอีกทีหนึ่ง โคดี้เป็นอเมริกันที่ทำงานที่อเมริกาเพื่อเก็บเงินแล้วมาใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยครั้งละหลายๆเดือน เห็นว่าไปกลับแบบนี้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ยกเว้นแค่ช่วงโควิด
“จะไปใต้ใช่ไหม พาโคดี้ไปด้วยสิ” เพื่อนผมบอก โคดี้ขี่มอเตอร์ไซเที่ยวไทยมาแล้วหลายที่ แต่เกาะคอเขาเพิ่งเคยมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก
พี่อุทิศเป็นชาวประมงที่เกาะคอเขานี้ ผมรู้จักพี่อุทิศมาแล้วเป็น 10 ปีแต่เพิ่งชวนแกทำท่องเที่ยวด้วยกันไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ปกติผมมาเยี่ยมแกทุกปี พอมาแล้วแกก็จะพาผมเที่ยวเหมือนตามโปรแกรมท่องเที่ยวที่เราเซ็ตกันไว้ รอบนี้ได้โคดี้มาลองเที่ยวด้วย
วันแรกโคดี้แยกตัวไปสำรวจเกาะ ส่วนผมไปวางอวนปลากระบอกกับพี่อุทิศ พี่อุทิศจะขนอวนใส่รถมอเตอร์ไซพ่วงข้าง ผมซ้อนท้าย แล้วแกก็พาขี่รถไปตามหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตาของเกาะเกาะคอเขา มอเตอร์ไซคันเก่าเก่งของแกวิ่งฉิวไปบนหาดทรายอย่างชำนาญ ฝ่าสายลมและแสงแดดจ้า แกหันมองไปที่ผิวน้ำอยู่บ่อยๆ แกบอกว่าปลากระบอกใกล้ฝั่งจะอยู่กันที่ผิวน้ำ เกล็ดสีเงินสะท้อนแสงวิบวับกับแสงแดด ส่วนผมมองยังไงก็ไม่เห็น ทุกอย่างดูจ้าไปหมด
พี่อุทิศตะเบ็งเสียงบอกว่าเจอปลาแล้วก่อนรีบจอดรถ จากนั้นก็รีบเตรียมอวนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตาเหลือบมองไปที่ผิดย้ำเป็นระยะเพื่อดูตำแหน่งของฝูงปลา ส่งอวนด้านหนึ่งในผม ส่วนแกรีบจ้ำลงน้ำแล้วไล่ความลึกไปเรื่อยจนน้ำเกือบถึงคอ โบกไม้โบกมือให้ผมดึงอวนไปในทิศทางที่แกบอก
เหมือนเจ้าปลาฝูงนั้นจะรู้ว่ามีพรานปลามือฉมังกำลังทำงานเลยพากันหลบหนีไปได้ มีพวกที่หนีไม่ทันติดอวนมานิดหน่อย จากนั้นเราก็ย้ายที่วางอวนแต่เหมือนวันนี้จะโชคไม่ดี ปลาไม่เข้าฝั่ง
ทั้งผมและพี่อุทิศก็ไม่ด้ซีเรียสอยู่แล้วเพราะการมาล้อมอวนครั้งนี้คือการมาหากับข้าวสำหรับไปทำเสริมมื้อเย็น ถึงไม่ได้ปลากระบอกแต่ก็มีอาหารอย่างอื่นปรุงจากวัตถุดิบสดๆจากทะเลกินอยู่ดี
วันรุ่งขึ้นเรานัดโคดี้สายๆ ช่วงนี้ของปีเป็นช่วงเวลาของการหาแมงพลัด แมงพลัดถือเป็นอาหารตามฤดูกาลของคนที่นี่ พี่อุทิศพาเดินลัดเลาะไปตามป่าสน มองหาแมงพลัดที่เกาะอยู่ตามกิ่งสน เมื่อหาเจอก็ใช้ไม้ไผ่ยาวที่นำมาด้วยฟาดตีฟั่บๆไปที่กิ่งนั้น เจ้าแมงพลัดก็จะร่วงตกลงมา บางตัวกลับตัวได้กลางอาอากาศก็จะบินหนีไปเกาะที่กิ่งอื่น ซึ่งก็อยู่ในระยะสายตาของเราและระยะเอื้อมของไม้ไผ่อยู่ดี
บ่ายแก่ๆวันนี้ฟ้าครึ้มอีกแล้ว บรรยากาศก้ำกึ่งระหว่างฝนตกและไม่ตก กลิ่นฝนลอยมาจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไป
ตอนนี้เราอยู่กันที่ชายหาดแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลึก หาดที่นี่ไม่มีทรายแต่เป็นโคลน เป็นหาดที่ชาวประมงใช้จอดเรือ ผมกับโคดี้ถอดรองเท้าทิ้งไว้บนหาดตามที่อุทิศแล้วเดินย่ำโคลนไปที่เรือของแก วันนี้เราจะล้อมอวนกันอีกรอบแต่ย้ายที่ พี่อุทิศจะพาเราไปล้อมอวนปลากระบอกที่เกาะพระทอง
นั่งเรือเพียง 10 นาทีเราก็มาถึงหาดแห่งหนึ่งของเกาะพระทอง มองไปรอบๆแถวนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูง เงียบสงบ นกหน้าตาแปลกๆ ปูเป็นฝูงเต็มหาดที่พร้อมจะวิ่งแตกฮือเมื่อเราเข้าไปใกล้ เกาะคอเขาตอนนี้อยู่ฝั่งตรงข้าม คราวนี้ผมมองเห็นฝูงปลากระบอกผิวน้ำ
ถึงวันนี้พี่อุทิศจะใช้อวนขนาดเล็กกว่าเมื่อวานแต่ผลลัพธ์ช่างแตกต่าง ปลากระบอกทั้งฝูงใหญ่ทั้งขนาดกำลังน่ากินติดอวนเป็นจำนวนมากน่าจะเกือบร้อยตัวในการล้อมอวนเพียงครั้งเดียว นอกจากจะได้เกินจะพอกินแล้วพี่อุทิศจะได้ทำไปแบ่งเพื่อนบ้านและนำไปแบ่งขายที่ตลาด
ใครจะไปรู้ว่าหาดเงียบๆที่นี่จะสิ่งมีชีวิตอีกอย่างที่กินได้ซ่อนอยู่ข้างใต้ เจ้าตัวนี้เรียกว่าเป็นสัตว์ลึกลับ ถ้าไม่รู้วิธีหารับรองไม่มีวันที่จะเห็นตัว
พี่อุทิศนำท่อพลาสติก PVC สีฟ้าขนาดเล็กมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์การล่าเจ้าสัตว์ตัวนี้ เจ้าแท่งมีลักษณะเป็นก้านยาวเหมือนตะเกียบแต่อ่อนและสามารถดัดโค้งได้ระดับหนึ่งซึ่งมีเหตุผลของมัน มีปลายแหลมเหมือนหัวลูกศร
เดินตามพี่ พี่อุทิศบอก อย่าเดินแรง เพราะแรงสะเทือนจะทำให้มันหนี อย่าเดินแซง เพราะอาจจะเหยียบรูมันไม่รู้ตัวแล้วมันจะหนีไป
พี่อุทิศหารูของมัน ซึ่งถ้าเรามองมันก็คือรูบนทรายธรรมดา แต่พี่อุทิศมองออกว่ามีเจ้าตัวนี้อาศัยอยู่ แกไม่ลังเลเลย เอาก้านพลาสติกนั้นทิ่มพรวดลงไป พอรู้สึกว่าเสียบโดนแล้วทีนี้ต้องรีบช่วยกันขุด เพราะถ้าขุดช้ามันจะดูดทรายเข้าตัว ทำให้ตัวมีแต่ทราย เอาไปล้างยังไงก็ล้างทรายไม่หมด กินไม่ได้
เพรียงทราย มีรูปร่างยาวๆเหมือนหนอน โดยตัวมันเองไม่มีรสชาติแต่รสสัมผัสเวลาเคี้ยวนี่เคี้ยวมันดีเลย หนึบๆ น่าจะเหมือนไส้เป็ดแต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเจ้าแต่ละอย่างที่จับมาเอาไปทำเมนูออะไรได้บ้าง
ช่วงที่เราอยู่บนเกาะพระทองฝนไม่ตกเลย แม้ว่าจะครึ้มมากและเห็นเมฆฝน แต่พอกลับถึงบ้านพี่อุทิศปุ๊บฝนก็เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ภรรยาพี่อุทิศเตรียมกับข้าวหลายอย่างรอไว้แล้ว แต่ยังเอาเพรียงทรายไปทำกับข้าวเพิ่มเติมให้โคดี้ลองอีก… กลิ่นข้าวหุงใหม่ลอยอบอวล กลิ่นแกง น้ำพริกกะปิรสเด็ดสุดเผ็ด กุ้งทอด ปลากระบอกทอด แมงพลัดคั่วกะทิ แกงปลาหน่อไม้ดอง
ทริปนี้ที่ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นที่บ้านพี่อุทิศน่าจะเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับโคดี้เพราะฮีดูเอนจอยอีตติ้งมากๆ
เป็นความตั้งใจของเราที่จะให้ผู้มาเยือนได้ชิมอาหารตามบ้าน นั่นก็เพราะอาหารตามบ้านคือปลายทางของทุกกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์ในการหาอาหารเพื่อที่จะหล่อเลี้ยงชีวิต
การเดินทางไปเที่ยวเกาะคอเขา:
1. ต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม
พิกัด: https://goo.gl/maps/Nb6ViNtG6Tfscaux7
2. สามารถนำรถทุกชนิดข้ามแพขนานยนต์ไปได้ แพจะมีเวลาออก
3. ถ้าไปด้วยเป็นมอเตอร์ไซหรือไม่มีรถ สามารถขึ้นเรือหางยาวได้
ที่พักบนเกาะ:
บนเกาะพอมีที่พักให้เลือก ลองดูพวกบังกะโลของชาวบ้าน ล่าสุดเห็นมีที่ตั้งเต็นท์ด้วย
หากต้องการให้พี่อุทิศพาเที่ยวสามารถสอบถามมาทาง inbox ของ Folkation ที่ https://www.facebook.com/folkationthailand
และนอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านที่เราทำงานด้วยอีกหลายที่
Folkation คือใคร?
เราทำท่องเที่ยวชุมชนร่วมกับชาวบ้านหรือหมู่บ้านธรรมดาๆที่ไม่ดัง ไม่มีคนรู้จัก
เรารับทำการท่องเที่ยวที่จะนำเสนอวิถีวิตชุมชนและรับรีวิวด้วยนะ
Folkation
วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 22.15 น.