วันนี้เราจะพาไปพักโรงแรมที่เราว่าวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเลย " SO/Bangkok" นั่นเอง ที่โรงแรมนี้สวยขนาดไหน ขนาดที่ให้เรากลับไปพัก 2 รอบในรอบสัปดาห์เลย มีอะไรน่าสนใจบ้าง เด๋วเราไปดูด้วยกัน
เรามา Check-in ที่ชั้น 9 เลย เป็น Park Lobby จุดเด่นของที่นี่ ก็คือ วิวสวนลุมและกลุุ่มอาคารตรงถ.สุขุมวิท หลังสวน วิวเหมือนภาพวาดเอามาก
บริเวณ Lobby ก็มีบาร์เล็กๆ สำหรับนั่งชมวิวด้วย และ Welcome Drink ก็แลกได้ที่นี่ได้
สำหรับสมาชิก Accor Plus จะขึ้นไปเช็คอินที่เลาจ์ชั้น 25 แทน
ระหว่าง Check-in ก็มี Welcome Drink ให้ก่อนเข้าห้อง เป็นน้ำลิ้นจี่ สับปะรด ใบเตย มะนาว ผสมกันมาใน 1 แก้ว สดชื่นมาก เปรี้ยวนำหวานนิด ง่วงๆอยู่ตื่นแน่นอน
ห้องพักที่ So/Bangkok จะตกแต่งโดยอ้างอิงจากธาตุทั้ง 5 วันนี้ ห้องแรกที่พัก คือ "ธาตุดิน"
ห้องแรกที่ เป็นห้องแบบ So Suite "Earth Element" ตัวแทน "ธาตุดิน"
เดินเข้าไปในห้อง อารมณ์แรก คือ เหมือนถ้ำ และผนังก็จะมีภาพเขียนเหมือนภาพฝาผนัง และห้องก็จะดูทึมๆ เหมือนอยู่ในถ้ำ และภายในห้อง มีห้องแต่งตัวแยกออกมาอยู่ด้านหน้าห้อง
ขยับมาด้านในหน่อยก็จะเป็นห้องดื่มกาแฟ มีโซฟานุ่มๆให้นั่งสบายๆ แต่เสียดายที่ห้องนี้ไม่มีทีวี เลยได้แต่นั่งดื่มเฉยๆเท่านั้น
จุดเด่นของห้องนี้ คือ ห้องนอน ขนาดของห้องใหญ่ เตียงตั้งหันหลังให้หน้าต่างที่เห็นวิวสวนลุมแบบเต็มตา เตียงนอนใหญ่นุ่ม สบาย
ห้องน้ำเดินเข้ามาก็เจออ่างอาบน้ำก่อนเลย และอ่างล้างหน้าก็จะเป็นแบบ His&Hers ขนาดใหญ่ และอีกด้านก็เป็นห้องอาบน้ำและห้องสุขภัณฑ์ ส่วนอุปกรณ์ในห้องน้ำก็จะแยกเป็นของท่านชาย และ ท่านหญิง ซึ่งของข้างในก็แตกต่างกัน
ถ้านั่งแช่อ่างตอนกลางคืนแบบนี้ ก็จะเห็นวิวสี่แยกวิทยุ แต่ก็แอบเขิลนิดหน่อย ไม่เป็นไร เพราะวิวสวยและดีมาก
ช่วงกลางคืน ก็จะมีแม่บ้านมา Turndown ให้ พอปิดม่านทั้งห้อง บรรยากาศเหมือนในถ้ำอย่างแน่แท้ อารมณ์เหมือนถ้ำที่มีภาพเขียนฝาผนัง
ห้องต่อไปที่ได้มีโอกาสไปพัก คือ "Water Element" ตัวแทน "ธาตุน้ำ"
เปิดประตุเข้ามาก็เป็นทางเดินยาว ตกแต่งโทนสีดำ-ทอง ห้องแรกที่เจออยู่ด้านขวามือ คือ ห้องนอนและห้องแต่งตัว และถ้าเดินไปสุดทางเดินก็จะเป็นห้องนั่งเล่น
ห้องนี้พิเศษ คือ มีโต๊ะแต่งหน้าในห้องนี้เลย แต่โทนสีห้องก็จะออกส้มๆ แต่งหน้าอาจจะยากหน่อย
ห้องนอนจะออกแนวขรึม ผู้ใหญ่หน่อย และห้องนี้ห้องนอนจะมืดกว่า ห้อง Earth Element แต่ทุกอย่างเตียง หมอนไม่แตกต่างกัน
ห้องน้ำห้องนี้ไม่ได้กว้างเหมือนห้อง Earth Element แต่ก็ใช้งานก็ครบถ้วน มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่รอบอ่างค่อนข้างเยอะ ส่วนอ่างล้างหน้าก็เป็น His & Her แต่ไม่ได้ใหญ่มาก และมีของใช้ในห้องน้ำแยกชาย-หญิง เหมือนกัน
เดินเข้ามาสุดทางของห้อง จะเป็นห้องนั่งเล่นที่ใหญ่ สว่างและโปร่ง เพราะห้องนี้ใช้กกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องไม่รู้สึกอึดอัด ถึงแม้การตกแต่งภายในจะเป็นโทนสีดำก็ตาม
จุดเด่นของห้องนั่งเล่นนี้ คือ ห้องน้ำ ที่เป็นห้องแบบ Powder Room นั่งปลดทุกข์ วิวดีที่สุดในกรุงเทพแล้วมั้ง แต่เวลาใช้ก็แอบเขิลนิดนึง
ตอนเย็นแม่บ้านก็มา Turndown ให้
ห้องต่อไป คือ " Wood Element" ตัวแทน "ธาตุลม" ห้อง Type: So Studio
ภายในห้องจะตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้รู้สึกอบอุ่น เหมือนอยู่บ้าน ห้อง Studio ไม่ได้ใหญ่เหมือนห้อง Suite แต่ในความรู้สึกเราว่ากำลังดี
ตื่นเช้ามา เราลงมาทานอาหารกันที่ชั้น 7 ห้องอาหาร Red Oven ซึ่งเป็นตัวแทนของ "ธาตุไฟ" นั่นเอง
วิวห้องอาหาร หลักล้าน สวยมากๆ ตอนเช้าได้แดดอ่อนๆ ห้องอาหาร Red Oven มีเพดานสูง และกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องอาหารดูโล่ง โปร่ง สบาย และไลน์อาหารเช้าเยอะมาก
ส่วนชั้น 25 ที่คลับเลาจ์ ซึ่งที่นี่เราสามารถขึ้นมาใช้บริการได้ทั้งวัน (เฉพาะ Club Benefit เท่านั้น) ตอนบ่ายก็จะมี Afternoon Tea และช่วงเย็นก็จะมี Tapas และคลับเลาจ์นี้ ก็สามารถสั่งอาหารเล็กๆน้อยๆ (เมนู Room Service) มาทานได้เหมือนกัน
ชั้นล่างของโรงแรมเป็นที่ตั้งของร้าน ChocoLab เป็นคาเฟ่เครื่องดื่มและช็อคโกแลต รสชาติหลากลาย ให้เลือกเยอะแยะเลย หรือถ้าได้ Welcome Drink ก็ลงมาแลกที่นี่ได้เหมือนกัน
อีกไฮไลท์ของโรงแรมนี้อีกอย่าง คือ "Sunday Brunch" ที่ได้รับความนิยม แบบแรงไม่ตกเลย เต็มทุกสัปดาห์ ที่ห้องหาร Red Oven อยู่ชั้น 7 (ห้องเดียวกับอาหารเช้า)
ไลน์อาหารเยอะมาก นานาชาติ จริงๆ และเมนูที่ทุกโต๊ะต้องสั่งกัน คือ "ฟรัวกราส์" นั่นเอง
ตอนนี้เหลือแต่ห้อง Metal Element ตัวแทน "ธาตุเหล็ก" ที่ยังไม่ได้เข้าไปพัก ถ้ามีโอกาสได้ไปพัก แล้วจะพาไปดูกันนะ
** ถ้าชอบการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม แค้มปิ้ง มาเจอเราได้ที่
www.facebook.com/followmeonear...
www.facebook.com/pratuneung
www.pratuneung.com
Pratuneung
วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 10.33 น.