Part1: The way to Shambha 'LEH'

"ซัมบาลา" ถูกพูดขึ้นมาในขณะที่เพื่อนร่วมทาง 6 ชีวิตนั่งอยู่บนรถโตโยต้าInnovaที่กำลังไต่ไล่เขาพาเราไปยังถนนที่สูงที่สุดในโลกKhardung la pass เเล้วใครจะเชื่อว่าถนนเส้นนี้ตั้งอยู่ในกรอบพื้นที่ของประเทศอินเดีย

หลังจากรถไต่เขาขึ้นมาได้ประมาณ 3 ชม. เราก็ถึงจุดหมายซึ่งเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลกที่รถสามารถผ่านได้ตามชื่อที่ได้บอกไปด้านบน
เเล้วเพื่อนร่วมทางคนนึงก็พูดขี้นมา..กูว่ากูเจอ"ซัมบาลา"ของตัวเองเเล้ว

ครั้งนี้เราตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปหาดินเเดนกลางเทือกเขาหิมาลัยที่ถูกขนานนามว่าเป็นทิเบตน้อย
เเละชื่อจริงของเขาก็คือ "เลห์-ลาดัก" ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียมีพรมเเดนติดกับ
จีนทิเบตเเละปากีสถาน
Remark: เลห์คล้ายๆเป็นชื่อเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตลาดัก(ประมาณนั้น)

การเดินทางครั้งนี้เราใช้เวลาทั้งสิ้น7วัน7คืน รวมวันเดินทางเเละค่ำคืนเเห่งการนอนในสนามบิน
ช่วงเวลาของการเดินทางเป็นช่วงปลายเดือนพ.ค.2561
เป็นช่วงปลายหน้าหนาว(4-6องศาซึ่งก็ยังหนาวมากสำหรับมนุษย์เตาอบอย่างเราชาวไทย)
เเละกำลังจะเข้าหน้าร้อนซึ่งเป็นhigh seasonของการท่องเที่ยวเมืองเลห์

ทริปนี้ขอบรรยายความประทับใจต่างๆที่เกิดขึ้นผ่านรูปภาพเพราะสำหรับที่นี่เราว่ามันยากมากที่จะหาคำ
หรือประโยคสวยๆมาบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันเป็นยังไง พร้อมวิธีการจองตั๋ว เเนะนำร้านอาหาร ที่พัก
เเละคนขับ ถ้าใครถามก็บอกได้เเค่ไปเถอะ อยากให้ไปดูเอง

**ส่วนค่าใช้จ่ายจสรุปให้ตอนท้ายนะจ๊ะ**

แผนการเดินทางทั้งหมดเป็นไปตามรายละเอียดด้านล่าง จริงๆเราใช้เวลาอยู่ในเลห์เเค่ 5 วัน 5 คืนเต็ม

ถ้าถามว่าพอไหมสำหรับที่นี่ ก็พอนะกับการเก็บแลนด์มาร์คสำคัญๆ เเต่สำหรับเราๆว่าน้อยไป
เวลาสำหรับเก็บเกี่ยวความรู้สึกในเเต่ละที่เลยน้อยลงไปตาม

การจองตั๋ว:ผ่านExpedia เลือกต้นทางBKK-IXL(Leh)เลย
*จากประสบการณ์เราว่าได้ราคาตั๋วถูกกว่าเลือกmultiple*

เเละAir india เป็นสายการบินผู้โชคดีที่จะพาเราออกเดินทางในครั้งนี้ ถือโอกาสรีวิวนางด้วยเลยว่า
นางโอเค! อย่าได้ประหวั่น กลิ่นอะไรที่ใครๆว่ากันเเทบไม่มี อาหารอร่อย
(บางอย่าง มื้อหลักถือว่าโอเค ส่วนของว่างที่เป็นถั่วอบนี่เค็มกัดปาก555)

ไฟล์BKK-Dlhi: ออกจากสุวรรณฯตอน 3 ทุ่ม ถึงเดลีประมาณเที่ยงคืน(เวลาอินเดียซึ่งช้ากว่าไทย1ชม.)
ถึงเเล้วส่งกระเป๋าโหลดใหม่เเล้วไปหาที่หลับนอนหน้าเกทได้เลยนะ นอนไปยาวๆ

ไฟล์Delhi-Leh: ออกจากเดลี6.45น. ถึงเลห์8.20น. หลังจากสลบไสลกันไปไม่รู้บข่าว ประมาณตี5ก็ได้เวลาตื่นมาทำธุระก่อนขึ้นเครื่อง พบว่าคนอินเดียเดินทางเช้ามาก นี่เกทDomesticนะตี5นางมากันเต็มเลย *เเนะนำสำหรับคนที่ไปถึงตอนเที่ยงคืนเเล้วต้องต่อไฟล์เช้าเเบบเรา รีบตื่นเเล้วไปดูเกทบอร์ดอีกรอบนะ
เพราะมันอาจจะเปลี่ยน นี่เจอมากับตัว555 ดีว่าเพื่อนไปเห็นได้ทัน

Tips: สนามบินอินทิราคานที มีทั้งหมด3เทอมินอล บางสายการบินอยู่คนละเทอมินอล ตอนจองอยากให้เช็คดีๆเพราะเเต่ละเทอมินอลค่อนข้างไกลกัน ถ้าเที่ยวบินตอนมาถึงกับเที่ยวบินตอนจะไปเลห์อยู่คนละเทอร์ฯ
อาจจะต้องเผื่อเวลามาหน่อย เเต่โชคดีที่แอร์อินเดียไฟล์interกับdomesticอยู่เทอร์ฯ3เหมือนกัน

มาถึงสนามบินเลห์พิธีการไม่ยุ่งยาก เเค่ในสนามบินห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ
รอรับกระเป๋าเเล้วกรอก arrival form นิดหน่อยก็ออกได้เเล้ว
เราจองคนขับมาจากเมืองไทย คุยเเพลนเที่ยวทั้ง5วันมาเรียบร้อย เขาจะมารอรับอยู่ด้านนอกหน้าประตูพร้อมป้ายชื่อ

สนามบินเลห์ไม่ใหญ่ พอออกมาด้านนอกอากาศเย็นปะทะหน้าก็ประทับใจเเล้ว

คนขับที่เราดีลไว้ชื่อจิมมี่ เเนะนำนะถ้าใครมีเเพลนจะไป น่ารัก นิสัยดี ภาษาดี ขับรถดีปลอดภัย เเถมเป็นไกด์ให้ในตัว ถ้าที่ไหนมีที่จอดรถจิมมี่จะเดินไปกับเราด้วยทุกที่เพื่อเล่านู่นนี่ให้ฟัง ถ่ายรูปให้ เเนะนำจริงๆ *Contact: [email protected]*
เเละนี่คือ Brother Jimmy and his car

จากนั้น Brother Jim ก็พาพวกเราไปส่งรร.ให้นอนพักปรับตัวกับสภาพอากาศเเละความสูงที่ต้องเจอ

เรากินยาdiamox(Acetazolamide)กันไปล่วงหน้าตามคำเเนะนำของรีวิวก่อนๆกันเเทบทุกคนเเละกินอย่างต่อเนื่องตอนอยู่ที่นู่นเพื่อไม่อยากให้ตัวเองเป็นอะไรที่จะเป็นอุปสรรคต่อความสนุกในครั้งนี้เเละก็โชคดีที่ไม่มีใครมีอาการเเพ้ความสูงเลย เว้นเเต่จะมีเมารถบ้างเล็กน้อย

ที่พักในเลห์:Sangto green guest house ผ่านbooking.com เลือกที่นี่เพราะรีวิวในtripadvisor
น่ารักดี มีห้องสำหรับ3คน อาหารเช้า(ซึ่งrequest fried eggได้เสมอถ้าเบื่อจาปาตี) น้ำอุ่นเเละwifi
(ซึ่งห้ามคาดหวังมากนะ55) *เเนะนำเหมือนกันสำหรับที่นี่ เจ้าของน่ารัก พนักงานน่ารัก ที่พักสะอาด
Chai teaอร่อยยเเถมไม่ไกลจากMain barzaa

มาถึงเช็คอินเข้าห้องเรียบร้อย วิวจากห้องนอนเป็นเทือกเขายาวทอดไปนั่งชมวิวตรงขอบหน้าต่างได้เเป๊บเดียวได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านล่าง Omelette omelette เสียงจากน้องพนักงานของที่พักเรียกให้ลงไปทานอาหารเช้า(น่ารักตรงมาตะโกนเรียกตรงหน้าต่างระเบียงนี่เเหละ)

เราลงไปจัดไข่เจียวรองทอง พร้อมchai teaอุ่นๆซึ่งดีมากกกกหอมเครื่องเทศอ่อนๆ
ช่วยให้หายอึนไปได้เยอะ

จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนร่างกาย เรามีนัดกับBrother Jimอีกทีตอนบ่าย3โมงเพื่อไปเที่ยวใกล้ๆเมืองเลห์กันเย็นนี้

ตามแผนที่ได้คุยกันไว้เเต่ต้น(การเที่ยวในเลห์ดีอย่างตรงที่มืดช้า ฟ้าที่นี่จะมืดจริงๆประมาณเกือบๆ2ทุ่ม
ซึ่งทำให้เราเที่ยวได้เยอะขึ้น)

DAY1:
Leh palace - Namgyal tsemo monastery - Shanti stupa(for sunset) -
Main barzaa - Tibetan kitchen

Leh palace:

Namgyal tsemo monastery:

Shanti stupa:

Main barzaa:

ปิดท้ายวันนี้ที่Tibetan kitchen:

ความตั้งใจที่จะมาทานร้านนี้เพราะหม้อไฟทิเบต แต่หม้อไฟทิเบตต้องสั่งล่วงหน้า1วันเลยอดคะ เเต่ได้ทานอาหารพื้นเมืองอื่นๆเเทนซึ่งอร่อยเเละอร่อยสำหรับร้านนี้ ราคาอาจจะเเพงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ เเต่เเนะนำสำหรับใครที่อยากลองอาหารถิ่นเเบบอร่อยๆ บรรยากาศดี ซักมื้อวันมาถึงหรือวันกลับก็ถือว่าคุ้ม!!

มื้อนี้เราเลยถือโอกาสชวน Brother Jimมาร่วมโต๊ะละลายพฤติกรรมด้วยกันซะเลย
ก่อนจะต้องฝากชีวิตไว้กับฮีอีก4วัน

Tips: อาหารเเนะนำก็ต้อง Momo(mokmok)ที่นี่อร่อยสุดจากหลายร้านที่ชิม/thenthuk จะเป็นซุปเส้นhomemadeเหมือนเอาเส้นราดหน้ามาตัดสั้นๆเราสั่งเเบบใส่เนื้อเเพะ ใครทานเเพะได้ก็สั่งนะอร่อยทานร้อนๆ/chowmeinเป็นคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวผัดบ้านเรา / เเละที่พลาดไม่ได้..ไก่ทันดูรี!จัดอาหารอินเดียซักจานเด๋วจะหาว่ามาไม่ถึง

ทานเสร็จ ละลายพฤติกรรมBrother Jimเสร็จ ก็ได้เวลาส่ง6ชีวิตกลับที่พักไปนอนเอาเเรง
เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเเต่เช้าไปเที่ยวนอกเมืองกันเเบบเต็มๆวัน
__________________________________________________________________
Part2: The way to moon land:

DAY2:

Magnetic Hill - River Confluence - Likir - Alchi - Moonland - Lamayuru

วันนี้เราจะออกเดินทางไปด้านตะวันตกของเมืองเลห์ตอน8โมงเช้า

6ชีวิตจัดการภาระกิจเสร็จสิ้นก็ลงมาทานอาหารเช้าของที่พัก

อาหารเช้าของที่นี่หลักๆเลยก็จาปาตี หรือเเป้งโรตีมีไส้บางๆคล้ายมะตะบะเเกงก็ไม่แย่ เเต่สำหรับเราขอเป็นไข่ดาวกับขนมปังจะถูกจริตกว่าทานคู่กับchai tea ร้อน

*สำหรับที่นี่อาหารเช้าใครอยากได้ไข่ดาว ขนมปังก็บอกเขาได้เลยนะ เด๋วเขาจัดให้*

จากนั้นก็ได้เวลาล้อหมุน(จริงๆคือจิมมี่มารอครึ่งชม. ได้ละ)
เส้นทางไปดินเเดนโลกพระจันทร์วันนี้ มีแลนด์มาร์กหลายที่ให้เราเเวะเก็บพ้อยท์
(เรียงไปตามroute tripด้านบน)
ออกมาได้พักเดียวbrother Jimก็แวะข้างทางให้เราได้เก็บภาพวิวงามๆกันเล็กน้อย
ก่อนจะมุ่งหน้าสู่1st stopของวันนี้

Magnetic hill: เนินพิศวงเมืองเลห์
เราไม่พิศวงกับเนินพิศวงเท่าไหร่เพราะที่ไทยก็มี เเต่เราพิศมัยกับฉากหลังของเนินพิศวงนี่มากกว่า
ไม่พูดพร่ำดูกันไปเลยตามรูป

*เก็บภาพกันจนหนำใจ ก็ได้เวลาพิสูจน์ความอินเดียอย่างแท้จริงครั้งที่1 >>ห้องน้ำจ๊ะ!!!

โลเคชั่นห้องน้ำคือน่ารักมากเลยนะ เเต่จะชื่นชมด้านนอกแล้วเก็บภาพกลับไปอย่างเดียวมันเสียมารยาท555 ก็ต้องจัดจะได้ฝึกกำลังขา พลังปอดกันตลอดทริป

ออแล้วอย่าลืมเตรียมทิชชู่เเห้ง-เปียกไปด้วยนะ

River confluences:
มุ่งหน้าต่อไปยังแลนด์มาร์คสุดฮิตอย่างจุดตัดของแม่น้ำ2สายอย่างZanskar riverที่ไหลมาจากบนภูเขาสีของZanskarเลยมีสีฟ้าเข้มบ้างหรือบางฤดูก็จะเป็นสีน้ำตาลเพราะน้ำเเข็งละลายและชะดินภูเขาลงมาด้วย แล้วมาจบกับIdus river(สีชาเขียวลาเต้)และไหลต่อไปยังปากีสถานก่อนไหลลงทะเลอะราเบียน

เราโชคดีเจอช่วงที่แม่น้ำทั้ง2สายมีสีตัดกันสวยงามชัดเจน

จุดนี้สามารถยืนชมเเลนด์สเคปสวยๆจากด้านบนอย่างเดียว หรือใครอยากสัมผัสใกล้ชิดก็บอกคนขับให้พาลงไปด้านล่างได้ ลองเอามือจุ่มน้ำเย็นๆดูซักหน่อย

แล้วไปต่อตามRoute tripกันเลย...

เพราะภาพที่เราพบเห็นตลอดทางหลังจากนี้ และสถานที่ทางศาสนาอย่างmonasteryต่างๆที่เราแวะชมก็สวยเกินกว่าจะให้เห็นตัวอักษรยุบหยิบมากมาย รวมถึงสถานที่ๆเป็นชื่อตอนนี้ด้วยmoonland

ไปพร้อมกันเลยคะ>>

Likir monastery:

Alchi monastery:

Moonland:

And the last stop Lamayuru monastery:
Monasteryที่อยู่ท่ามกลางดินเเดนโลกพระจันทร์ ภูเขาหินทรายที่ถูกเบรคด้วยต้นไม้สีเขียวเป็นหย่อมๆ

เสร็จจากLamayuru monastery ก็เริ่มเย็นเราจึงมุ่งหน้ากลับตัวเมืองเลห์เพื่อไปเดินเล่นmain barzaarและทานมื้อเย็นที่ร้านLamayuru(ก็อินเนอะไปมาก็ต้องกลับมากินที่ร้านชื่อเดียวกัน555)

ทางกลับก็ทางเดียวกับขามานั่นแหละ ใช้เวลาไม่เกิน3ชม.ก็ถึงmain barzaarแล้ว

และในระหว่างรออาหาร ออกไปเดินสำรวจด้านนอกกันหน่อย ในเมืองช่วงที่เราไปอากาศเย็น
แบบเย็นเลยแหละอย่างที่บอก ต้องใส่เสื้อกันหนาวอะเดินชิลๆได้เเป๊บนึงเพราะเย็นจริงไรจริง5555

แล้วก็แว๊บเข้าไปซื้อขนมปังร้านGusmoติดรถไว้สำหรับพรุ่งนี้เพราะหนทางยาวไกลเหลือเกิน ซึ่งอยู่ติดกับLamayuruอะเเหละไม่ต้องไปไหนไกล แต่จริงๆGusmoก็มีอาหารขายด้วย เห็นเขาว่าพวกพิซซ่าอะไรอร่อยเเต่เราไม่ได้ลอง ร้านออกแนวฮิปๆหน่อยคนเยอะกว่าLamayuruนะตอนเราไป ส่วนมากเป็นวัยรุ่นและฝรั่ง(จริงๆคงอาจเพราะหลายคนเริ่มถวิลหาอาหารที่เคยกินปกติตอนอยู่บ้านเมืองตัวเอง555)
ใครมีเวลาก็ลองไปชิมกันดูเอา

^^อันนี้อร่อยแนะนำเป็น..Fried chicken with garlic gravy อะไรซักอย่างอยู่ในหมวดอาหารจีน^^

อิ่มท้องแล้วก็รีบเข้าที่พักเลยคะวันนี้เพราะพรุ่งนี้เรามีหนทางอันแสนไกลรอเราอยู่
นัดกันไปเลย 6 โมงเช้า No late babe!!!(อันนี้คนขับไม่ได้บอกเราบอกกันเองเพราะรู้จักกันดี5555)
_________________________________________________________________________

Part3-end แบ่งไปไว้อีกโพสน้า^^

Mongkud

 วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 10.08 น.

ความคิดเห็น