ONE DAY in AYUTTHAYA – 2nd TIME since 2018


จริง ๆ เราไปอยุธยามาแล้วครั้งแรกตอนปลายปี 2018 ซึ่งผ่านไปประมาณ 5 ปีแล้ว บางที่ที่เราเคยไปแล้ว เราก็ไม่อยากไป แต่สำหรับอยุธยาแล้ว เป้นที่ที่เราไปว้ำได้เสมอ อาจเป็นเพราะที่เราชอบเป็นคนชอบประวัติศาสตร์ เลยรู้สึกว่าอยุธยาเป็นเมืองที่มีสเน่ห์มาก แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์เต็มไปหมด เหมือนเป็นการมาเที่ยว แต่ก็มาเรียนรู้ มาศึกษาไปด้วย

สามารถดูรีวิวอยุธยาของเราครั้งแรกได้ที่ https://th.readme.me/p/22096 ครั้งนั้นเราเช่าจักรยานต์ เลยในหนึ่งวันวันนั้น ไปได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่รอบนี้เราเช่ามอไซต์ เลยตั้งใจจะไปให้ได้มากที่สุด

แฮชแท้กสำหรับทริปนี้คือ #AuszzXAyutthaya


เริ่มเดินทางกันเลย

เราตั้งใจจะไปถึงอยุยาเร็วที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวมากที่สุด เราออกจาห้อง 06:00 ไปซื้อตั๋วรถที่สถานขนส่งหมอชิตตรงรถตู้และมินิบัส และรถออกประมาณ 07:00

แล้วเราก็มาถึงประมาณแปดโมงนิด ๆ ไปลงตรงคิวรถในอยุธยาเลย เพราะร้านที่เราจะไปเช่ามอร์ไซต์ก็อยู่ไม่ไกลจากคิวรถ

เดินตามแมพเพื่อไปที่ร้านเช่ามอไซต์ คือร้าน Nature HOMESTAY & SCOOTER RENTAL Ayutthaya แล้วคือพี่เขาดูแล ให้ข้อมูล บริการดีมากกก

ได้มอร์ไซต์มาแล้ว พร้อมเที่ยววว

แน่นอน จะเริ่มด้วยอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

ซื้อบัตรก่อนเลย ถ้ามาแค่วัดเดียว 10 บาท ถ้าซื้อแบบราคาเหมาทั้ง 6 วัด คือ 40 บาท ซึ่งแน่นอน เราซื้อแบบเหมา ๆ

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ 4,810 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ ตามถนนสายเอเซีย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร ได้รับการพิจารณาเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ในนาม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (Historic City of Ayutthaya)

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้จดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ภายใต้ชื่อ "นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร" ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์พิจารณาให้เป็นมรดกโลก เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

ซึ่งแต่ละวัดที่อยู่ใน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ก็อยู่ไม่ไกลกัน สามารถจอดมอร์ไซต์ล่ะเดินข้ามกันได้ หรือบางทีก็อาจต้องขับมอร์ไซต์ไปอีกหน่อยก็ถึง เราจำไม่ได้น่ะว่าแต่ละวัดที่ไปคือวัดอะไรบ้าง แต่เป็นวัดที่อยู่ใน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ทั้งหมดเลย



เริ่มรู้สึกหิว และเราได้รีเสิร์ชหาร้านก๊วยเกี๋ยวฮาลาลมาสองร้าน โดยที่ร้านแรกที่เราจะไปกินก็คือ ม๊ะยัม ก๊วยเตี่ยวเรืออยุธยา ฮาลาล เป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาฉบับดั้งเดิม ปรุงสูตรโบราณในสไตล์มุสลิม อร่อยจริง ๆ แล้วเป้นร้นฟิลชางบ้านริมคลองมาก ๆ

ต่อไปที่เราจะไปก็คือคาเฟ่กันต่อ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคาเฟ่ในอยุธยามีเยอะมากกก ซึ่งเราปักมาสองคาเฟ่ แล้วทั้งสองคือให้ฟิลต่างกันสุด ๆ


คาเฟ่แรกนั่นก็คือ Ayutthaya Retreat

ร้านอาหารตกแต่งสไตล์ย้อนยุค สวยมากๆ อาหารอร่อยราคาไม่แพง ขนมไทยก็อร่อยมีเมนูหลากหลาย มีความสุขเล็กๆในวันสบายๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นั่งพักจิบเครื่องดื่มให้มีความสุข เดินชมบึงบัวที่รายล้อมไปด้วยบ้านไทยและของตกแต่งโบราณ สนุกสนานไปกับการถ่ายภาพตามมุมสวยต่างๆหรือจะนอนเล่นไกวเปลรับลมเย็นที่ อยุธยา รีทรีต คาเฟ่เรือนไทย ริมสระบัว ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตามแบบฉบับของบ้านทรงไทยสไตล์อยุธยากรุงเก่าแท้ๆ

เป็นคาเฟ่ทีมีความ อยุธย้าาาาาาา จริง ๆ เราสั่งเมนูนี้มา น้ำอัญชันนมสดข้างบนโรยด้วยสายไหม สีสวยล่ะอร่อยมากด้วย ส่วนเค้กมะพร้าวก็ครีมมี่สุด ๆ เคลือบด้วยไบตองให้ฟิลไท้ไทย สมชื่อเมืองเก่าอยุธยามากกก 💜💙💚🧡



สำหรับอีกคาเฟ่ก็คือ Sala Ayutthaya

ศาลาอยุธยาเป็นโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักเพียง 26 ห้อง แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ River View และ Superiors ตัวอาคารสองชั้นออกแบบให้กลมกลืนกับกำแพงอิฐสีส้มที่เรียงเป็นแนวอย่างสวยงาม ทุกห้องพักมีความเป็นส่วนตัว ไร้เสียงรบกวนจากภายนอก แม้จะมีรถผ่านด้านหน้าโรงแรมตลอดก็ตาม

นอกจากเป็นที่พักระดับพรีเมี่ยมที่วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเลิศแล้ว ยังมีคาเฟ่ฟิว Eatery and Bar บนดาดฟ้า และห้องอาหารในตัวโรงแรมด้วย ไม่พอแค่นั้น ยังมีมุมถ่ายรูปกับกำแพงอิฐแบบเมืองเก่าที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ส่วนตรงคาเฟ่บนดาดฟ้านั้นมีความโมเดิร์น มินิมอล ขาว ๆ คลีน ๆ ทุกส่วนสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวย เป็นสถานที่ที่ลงตัวมากจริง ๆ



ทัวร์คาเฟ่ไปแล้ววว มาอยุธยา อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับอยุธยา คู่กับสยาม ก็คือ ช้าง เราเลยต้องไปถ่ายรูปกับน้องช้างสักหน่อย ที่ วัดช้างอยุธยา แล เพนียด

ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองชนชาติไทยมาแต่อดีต ครั้งหนึ่งประเทศสยามเคยใช้ "ช้างเผือก" เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ช้างมีบทบาทสำคัญในการสร้างชาติตามประวัติการทำยุทธหัตถี จึงเป็นสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชนทั่วไป เพื่อให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของช้างจึงมีประกาศในพระราชกิจจานุเบกษากำหนด "วันช้างไทย" ขึ้นในวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี

วังช้างอยุธยา แล เพนียด หรือชื่อเดิมนั้นจะเรียกว่า ปางช้างอยุธยา แล เพนียด อยู่ใน ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพิกัดเที่ยวที่เข้ามาทำให้การท่องเที่ยวของเมืองเก่าแห่งนี้คึกคัก โดยในช่วงที่องค์กรยูเนสโกนั้น มีการประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาเป็นมรดกโลก ที่นี่ก็ได้มีส่วนรวมในการจัดงานด้วย เพราะมีการนำช้างกว่า 109 เชือกมานำขบวนนั่นเอง โดยนำมาทำพิธีคล้องช้างตามตำราหลวง เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2540

นอกจากจะทำเป็นที่เที่ยวแล้ว ก็ยังมีโครงการต่างๆ เกี่ยวกับช้างมากมาย ทั้ง ศูนย์การผสมพันธ์ช้าง(สืบสานสายพันธุ์) โครงการอนุบาลช้างน้อย โครงการบ้านพักช้างชรา โครงการฝึกช้างแบบตำราหลวง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักพิงและดูแลช้าง อย่างที่ตั้งใจเหมือนความหมายของชื่อ วังช้างอยุธยา แล เพนียด เลย



อย่างที่บอก ว่าเราได้รีเสิร์ชหาร้านก๊วยเกี๋ยวฮาลาลมาสองร้าน โดยร้านแรกเราไปกินมาแล้วก็คือ ม๊ะยัม ก๊วยเตี่ยวเรืออยุธยา ฮาลาล และตอนนี้จะไปกินร้านที่สองต่อ บอกเลยร้านนี้เด็ดสุด ๆ

นั่นก็คือร้าน ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน อยุธยา ร้านแรกและร้านเดียวในอยุธยาที่เลือกใช้ ‘ผักหวาน’ เป็นวัตถุดิบหลัก ใช้มากถึงวันละ 30-40 กิโลกรัม เปิดมานานโขจริง​ ​ๆ​ ตั้งแต่พ.ศ. 2552 ยังสังเกตได้จากการต่อเติมห้องอาหารที่มีทั้งแบบเก่าและทันสมัยปะปนกัน​ เมนูเน้นไปที่อาหารไทยยอดนิยม แต่การมีผักหวานอยู่ในทุกจานทำให้น่าสนใจว่ารสชาติและเนื้อสัมผัสจะแตกต่างไปจากที่เคยกิน แล้วร้านยังได้ Michelin Guide ด้วยน่ะ การันตีสุด ๆ

แล้วคืออร่อยมากจริง ๆ กินสองสามถ้วยยังได้เลย



กินอิ่มแล้ววว แต่การเที่ยวของเรายังไม่จบ ยังเหลืออีกที่ที่รู้สึกว่าการมาอยุธยายังไงก็ต้องมาที่นี่ นั่นก็คือ ตลาดน้ำอโยธยา

จากการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองมรดกโลก ซึ่งเป็นอดีตราชธานีของไทย และเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ที่รวบรวมแหล่งโบราณคดี วัฒนธรรมอันเก่าแก่ โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และวัดสำคัญต่างๆ คณะผู้บริหารจึงมีแนวคิดบริหารพื้นที่ภายในจังหวัด ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้ชื่อ ตลาดน้ำอโยธยา

ตลาดน้ำอโยธยามีร้านค้ามากถึง 249 ร้าน ประกอบด้วยเรือสินค้าขายอาหารจำนวน 50 ลำ ตลาดนัดชุมชนวิถีไทยอีกกว่า 40 ร้าน และร้านค้าบริเวณเรือนไทยอีก 159 ร้าน มีสะพานเดินริมแม่น้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อสินค้าจากลุ่มชาวบ้าน ต่างอำเภอหรือสินค้า OTOP มากมายหลากหลายชนิด

ตลาดน้ำอโยธยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้งในด้านการแต่งกาย ด้านสถาปัตยกรรมที่งดงามทรงคุณค่า และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณี การละเล่น การแสดงพื้นบ้าน ของกินของใช้ยุคเก่า รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยๆ ที่เรียบง่าย โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเวลา 19.00 น.



ตั้งแต่เช่ามอร์ไซต์จนถึงเราเดินออกจากตลาดน้ำ ซึ่งตอนประมาณ 16:00 กว่า เราตั้งใจจะคืนมอร์ไซต์ตอน 17:00 เพื่อขึ้นรถกลับรอบสุดท้ายคือ 17:30 ดังนั้น เรายังมีเวลาเหลืออีก

เราเป็นคนชอบเดินตลาดเย็นตลาดกลางคืนมาก แล้วตอนขับมอร์ไซต์บังเอิญผ่านตลาด เลยแวะ ได้ไก่ย่างมากิน ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดริมถนน อยู่ข้างองค์การ์โทรศัพท์ ตลาดนี้เลยชื่อว่า ตลาดองค์การโทรศัพท์ อยุธยา

แวะ Amezon สักหน่อย อยากได้โกโก้มากกกกกก


แล้วก็ถึงเวลาคืนมอร์ไซต์ และขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพ


อีกครั้ง สำหรับแฮชแท้กสำหรับทริปนี้คือ #AuszzXAyutthaya

แล้วเจอกันทริปต่อไปครับ

GO WITH AUSZZ

 วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.25 น.

ความคิดเห็น