สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นการเดินป่าต่างประเทสครั้งแรกของแพรค่ะ เลยตั้งใจเก็บรายละเอียดมาให้ทุกๆคน เผื่อใครที่อยากจะไปผจญภัยด้วยกัน
เวลานึกถึงอินเดีย ทุกคนคิดถึงอะไรกันบ้างคะ เลยคนอาจจะนึกถึงอาหาร ผู้คน วัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่ใครจะรู้ว่าที่ประเทสอินเดียมีป่า เขา ที่สวยมาก วันนี้แพรจะ พาไปเดินป่า 6 วันให้ครบ 3 ฤดู และทำ Social Detox ไปด้วยกัน ที่ Hampta Pass Trek , รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย ค่าาาาา
ตามข้อมูล Hampta Pass เป็นเส้นทางเดินที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างหุบเขา Chandra และ Kullu รัฐหิมาจัลประเทศค่ะ เป็นเส้นทางระดับง่าย - กลาง ผู้ที่ไม่เคยเดินป่า สามารถเดินได้ (แต่ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมตามระเบียบของแคมป์)
🇮🇳 สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปอินเดีย ต้องมีพาสสปอร์ตอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และต้องทำวีซ่ากันด้วยนะคะ วีซ่าอินเดียทำไม่ยากนะคะ สามารถทำออนไลน์ได้ ไม่กี่วันก็ได้แล้วค่ะ
แพรเลือกไปแคมป์ครั้งนี้กับ Indiahikes ค่ะ เป็นบริษัทเอกชนในอินเดีย มีรูทการเดินทางให้เลือกหลายเส้นทาง สะดวกในการเช็คข้อมูล มีรายละเอียดรูทที่เราเลือกจะเดิน และรายละเอียดการเตรียมตัวก่อนเดินให้อ่านครบมากค่ะ
🔺เริ่มจากจองช่วงเวลาที่เราจะเดิน : https://indiahikes.com/hampta-pass#gref
🔺ราคา Hampta Pass Trek จะอยู่ที่ราคา 11,450 รูปี (เงินไทยประมาณ 5,500บาท) และในเว็บก็จะมีให้เช่าของใช้จำเป็นต่างๆ เตรียมโหลด Whatsapp กันไว้เพราะเมื่อเราสมัครแล้ว เค้าจะติดต่อเรา นัดประชุมเตรียมความพร้อมทางนี้นะคะ และด้วยราคาที่ถ้าเป็นเงินรูปี จะค่อนข้างสูง ก็จะเป็นการคัดคนที่มาร่วมเดินทางกับเราไปในตัวนะคะ คนที่มาเดินที่แคมป์ส่วนใหญ่จะเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ เช่นหมอ วิศวะกร ช่างภาพ
🔺ก่อนจอง จะต้องทราบว่าเราต้องมีการออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนก่อนไป คือ วิ่ง หรือ ปั่นจักรยานก็ได้เลือกเอาที่ถนัด
- การวิ่ง 5 กิโลใน 35 นาที อาทิตย์ละ 20 กิโล (หรือ 1 เดือนให้ได้ 80 กิโล)
- ปั่นจักรยาน 22 กิโลใน 1 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 110 กิโลก (หรือ 1เดือนให้ได้ 440กิโล) และส่งบันทึก Summary ให้ทางแคมป์ เพื่อให้แน่ใจว่า ร่างกายของเราจะพร้อมที่จะไปเดินในครั้งนี้ค่ะ
ไปค่ะ เริ่มเดินทางกันเลย
Day 0 กรุงเทพฯ > เดลี > เมืองมานาลิ
แพรแนะนำว่าให้ไปที่เมือง มานาลิ ล่วงหน้าซัก 1 นะคะ เพราะวันเดินทางทางแคมป์จะนัดเช้าหน่อยเพื่อรับบรีฟ จะได้ไม่ต้องรีบเดินทางมากจากที่อื่นค่ะ (ในทริปนี้มีคนเกือบมาไม่ทัน)
และพวกเราคือตัวแทนคนไทยในทริปนี้ค่ะ 555555 จริงๆปกติจะมีผู้ร่วมทริป 20+ คน แต่เราไปในช่วงหลังพายุที่ค่อนข้างรุนแรงค่ะ มีข่าวน้ำท่วม และถนนขาด เลยมีคนยกเลิกทริปไปเยอะมาก เหลือกันแค่ 11 คนเท่านั้น (ไม่รวมไกด์และสตาฟ)
Day 1 เช้าวันแรก ทางแคมป์จะนัดเราไปที่สำนักงานของแคมป์ก่อน เพื่อแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทริป แจ้งรายละเอียดต่างๆ บรีฟว่าแต่ละวันต้องเจอกันอะไรบ้าง อะไรควรทำไม่ควรทำค่ะ
กระเป๋าที่จะเอาไป จะแบ่ง 2 ส่วน
🎒กระเป๋าเดย์แพค คือกระเป๋าที่เราจะแบกติดตัวไปทุกๆวัน มีของจำเป็นในแต่ละวัน เฉพาะวันนั้นๆ เช่นเสื้อกันฝน น้ำ ของกิน ร่ม หมวก บลาๆ
🐴 กระเป๋าโหลด คือกระเป๋าที่ใส่ของทั้งหมดที่เราจะใช้ใน 6 วันนี้ เราจะต้องให้น้องล่อ แบกไปให้ค่ะ ราคาการจ้าง 5-6 วันนี้ก็ประมาณ 500 บาท สามารถจองล่วงหน้าในเว็บหรือไปจองที่สำนักงานได้เลย
🧳 ของที่จะได้รับจากแคมป์ จะมี ผ้าห่ม , Eco bag ไว้เก็บขยะระหว่างทางที่เราเดิน , ใครเช่าของอะไรจากเว็บไว้ก็ไปรับของกันได้เลย
🔺ระยะเส้นทางการเดินโดยรวม 6 วัน คือ 25 กิโลเมตร แต่วัดจริงเกินนะคะ 555555
มาค่ะ เมื่อพร้อมแล้ว กHออกเดินทางกันเลยยยย
Day 1 เดินทางไป Camp 1 Jobra > 4.5km. > (วัดจริง 4.5)
จากสำนักงานแคมป์ต้องนั่งรถไปจุดเริ่มเดิน ยังไม่ทันเริ่มเดินก็ต้องขึ้นไปสูงมากๆแล้วค่ะ 2,000 กว่าเมตรเข้าไปแล้วค่ะถ้าจำไม่ผิด
วันนี้จะเป็นวันเดียวที่เราจะได้เดินในป่านะคะ มีผ่านลำธาร ทางเดินง่ายๆ ระหว่างทางสวยมากๆ เหมือนไม่มีอยู่จริงเลยค่ะ เดินแวะถ่ายรูปกันไม่หยุด เพราะวันนี้เดินเบาๆ ไม่เร่งรีบกันมากเท่าไหร่ ไม่นานเราก็เดินถึงที่พักแคมป์แรกกันแล้วค่ะ ชื่อว่า Camp 1 Jobra
โดยปกติแล้วจะได้นอนเต้นท์ละ 3 คน แต่ทริปนี้คนน้อยมากเพราะว่าเป็นช่วงหลังพายุ เลยได้นอน 2 คนค่ะ
✅ เต๊นท์สภาพดี สะอาด และอุ่น ในเต๊นท์จะมี ถุงนอนอุ่นๆเตรียมไว้ให้แล้วเพราะอากาศจะหนาวจัดขึ้นทุกๆวันเพราะเราเดินสูงขึ้น และทุกวันที่เราถึงแคมป์ กระเป๋าที่เราโหลดฝากน้องล่อเอาไว้ก็จะมารอ เราก็ไปรับแล้ว เอามาไว้ที่เต๊นท์เราได้เลย ทุกแคมป์จะมีอาหาร(อินเดีย) น้ำดื่ม ชาร้อน ขนม ให้นะคะ
🔺สามารถพกน้ำพริก เนื้อสัตวืแห้งแพคใส่กล่องไปกันได้นะคะ เพราะอาหารอินเดียที่แคมป์มีให้ คนไทยเรากินหลายวันอาจจะเบื่อได้ คนอินเดียบางส่วนจะไม่ทานเนื้อสัตว์ค่ะ ทางแคมป์เลยจะไม่มีเนื้อสัตว์เพื่อมาทำอาหาร
🧻 ห้องน้ำทุกๆแคมป์จะเป็น หลุมขุด และมีเต๊นท์ครอบเอาไว้ค่ะ เมื่อทำธุระเสร็จแล้วก็มีทรายเพื่อกลบเตรียมไว้ให้ ไม่ค่อยมีกลิ่นนะคะ แปลกใจอยู่เหมือนกัน
Day 2 เดินทางไป Camp 2 Jwara > 5 km. > (วัดจริง 5)
วันนี้อุปกรณ์กันฝนได้ใช้งานเต็มที่สุดๆ ทั้งชุดกันฝน ร่ม เพราะฝนตกกันตั้งแต่เริ่มเดินเลยจ้า หมอกก็ลง เปียกกันแต่เช้าเลย เส้นทางจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ทางเป็นเนินหิน จะมีช่วงเดินผ่านน้ำตก เดินยากพอตัว และวันนี้ต้องให้ซิปไลน์สั้นๆ เพื่อข้ามลำธาร (บางคนอาจจะเจอน้ำนิ่งๆ เคสเราน้ำเชี่ยวค่ะ เพราะเป็นช่วงพายุและฝนกำลังตก)
ถึงแคมป์ 2 ก็แยกย้ายกันหาที่อุ่น ดื่มน้ำชากันหน่อย แคมป์นี้มีทุ่งดอกไม้ด้วย แต่ก็ยังมีหมอกลงอยู่ สวยไปอีกแบบนะคะ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้แดดที่แคมป์นี้ซะแล้วค่ะ แต่โชคดีที่ตอนเช้าก็มีแดดออกมาจนได้ สวยมากเลย เป็นคนไทยมานานไม่เคยชอบแดด มาอยู่ที่นี่วิ่งหาแดดกันตลอด เพราะเห็นแบบนี้หนาวมากเลยนะคะ
เช้าวันที่ 3 ได้มีเพื่อนร่วมทริปถอดใจ 2 คนค่ะ เนื่องจากอาจจะเตรียมร่างกายมาไม่พร้อม และไม่เคยเดินป่ามาก่อน เลยอาจจะไม่พร้อมในการอยู่กินกลางป่าเขา เลยขอตัวแยกเดินกลับทางกลับค่ะ ทำให้ทริปนี้ เราเหลือเพื่อนร่วมทางกัน 9 คน
Day3 เดินทางไป Camp 3 Balu Ka Ghera > 5km.
วันนี้เป็นที่เราจะได้เห็นหิมะกันแล้วค่ะ ทางของวันนี้จะต้องเดินผ่านน้ำตกบ้าง ผ่านลำธารบ้าง สำหรับวันนี้สำหรับแพรถือว่าเดินได้ชิลๆค่ะ มีฝนตกระหว่างทางด้วย จนต้องทำให้เราต้องของหลบกับแคมป์ขายของระกว่างทาง อย่างเพิ่มงง ว่ามีร้านขายของได้ยังไง คุณลุงก็เดิน ก็ขนของมากะล่อเหมือนพวกเราค่ะ ตั้งเป็นเต๊นท์ มีขายขนม อาหารง่ายๆ เราก็เลยแวะกินไข่เจียว ขมมปัง กาแฟร้อนๆระหว่างทาง
มีช่วงนึงของวัน พวกเราได้นั่งพักกันเงียบๆ ริมลำธาร ไกด์บอกว่า ลองไม่จับมือถือถ่ายภาพ แล้วนั่งนิ่งๆกันซักครู่ดู ต้องบอกว่ามันฮิลใจมาก เสียงน้ำไหล บวกกับวิวของภูเขา หญ้าเขียวๆ มันดีมากจริงๆนะ และไม่นานพวกเราก็ออกเดินกันต่อ เพื่อไปที่แคมป์ที่ 3 ค่ะ
แคมป์นี้ พอถึงแล้วตื่นเต้นมากกกกก เพราะเราจะได้เห็นวิวของภูเขาน้ำแข็งค่ะ ที่เราต้องผจญภัยต่อกันในรุ่งขึ้น สวยมากกกก หนาว เย็นเจี๊ยบบบ
คืนนี้เป็นคืนที่ทุกคนค่อนข้างจะตื่นเต้นค่ะ เมื่อกินข้าวเย็นกันเสร็จ จะมีการรับบรีฟของการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันที่ค่อนข้างจะอันตรายที่สุด วันพรุ่งนี้เราจะต้องเดินไปที่จุดสูงสุดของรูทนี้ค่ะ นั่นก็คือ Hampta Pass ที่ความสูง 4,300 เมตร
ที่ต้องบรีฟกันอย่างเข้มข้นก็เพราะว่า สภาพอากาศที่นี่ครบ 3 ฤดูในวันเดียวค่ะ และมีความเป็นไปได้ว่า ขณะที่เรากำลังเดินบนภูเขาหิมะ อาจจะมีหมอกลงหนากระทันหันได้ และจะส่งผลให้เรามองไม่เห็นทางค่ะ ไกด์จึงแจ้งโค้ดคำพูด ว่าถ้าได้ยินคำนี้ให้หมอบ ให้วิ่ง หรือให้ไปหาไกด์ที่ใกล้ตัวเองที่สุด และเราต้องเดินเป็นแถวเรียง 1 เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย หรือถ้าเลวร้ายที่สุด หมอกลงจนไม่สามารถเดินต่อไปได้ เราต้องเดินกลับแคมป์ทันทีค่ะ
คืนนี้มีเพื่อนร่วมทริปคนอินเดียเสียน้ำตา เพราะอาจจะทั้งตื่นเต้นและกดดันค่ะ แต่พวกเราทุกคนก็ต่างพูดปลุกใจกัน ว่าเราต้องทำได้อย่างแน่นอน และเราจะพิชิตเป้าหมายไปด้วยกัน
🔺คืนนี้ทุกคนจะได้รับ สไปส์หรือว่า โซ่หมุดที่ต้องให้ครอบรองเท้าเรากันอีกที เพื่อให้เดินบนหิมะ (ทางแคมป์จะถามไซต์เราไว้แล้วก่อนเดิน)
Day4 เดินทางไป Hampta Pass และ Camp 4 Shea Goru > 6km. > (วัดจริง 7)
วันนี้ เราต้องออกกันแต่เช้สกว่าทุกวันค่ะ เพราะว่าที่บอกไป อาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และวันนี้ก็เป็นวันที่เราเดินไกลที่สุดด้วย เช้านี้เราจะต้องแพคอาหารไปกินกันระหว่างทางค่ะ เพราะว่าอาจจะใช้เวลาเดินกันทั้งวัน จุดแรกที่เราต้องไปถึงให้ได้ก่อนก็คือ Hampta Pass เป้าหมายของเราในทริปนี้ค่ะ ระหว่างทางคือ เหนื่อยมาก ออกซิเจนเริ่มน้อยลง หายในเริ่มลำบาก และเป็นทางชันตลอดทาง ก่อนถึงทางน้ำแข็งเราจะเจอกับทางที่เต็มไปด้วยหินค่ะ ต้องระวังในการเดินมากๆ เมื่อถึงจุดที่เป็นหิมะหนา ไกด์จะให้เราเอาสไปส์ออกมาและครอบรองเท้า จะได้เดินกันง่าย
ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่สุดท้าย พวกเราก็ ..... ทำสำเร็จจ้าาาาาาาาา
คือที่ตื่นเต้น และกังวลกันเมื่อคืนคือหายไปเลย ต้องบอกว่าสภาพอากาศเป็นใจทีมเราสุดๆค่ะ ไม่มีหมอก ไม่มีฝนเลย เดินกันได้ไวมาก แต่ก็ยังต้องระวังในการเดินบนหิมะที่กลายเป็นน้ำแข็งกันอยู่ ลื่นกันสนุกเลยจ้า คว่ำกันไปหลายคน และที่สำคัญคือไม่ควรจะแยกจากกลุ่มเพื่อน เพราะภูเขาตรงนั้นมันสีขาว และเหมือนกันไปหมด คือถ้าเดินแตกแถวแล้วหลง จะหากันยากมากค่ะ แล้วก็ต้องระวังการเดินติดโขดหิน เพราะบางทีข้างใต้อาจจะเป็นธารน้ำแข็งที่ยังมีน้ำไหลเชี่ยวอยู่
หลังจากที่เราเดินข้ามภูเขาหิมะกันมาแล้ว เราก็ต้องรีบเดินไปที่แคมป์กันต่อค่ะ เรามีแวะนั่งกินอาหาร ขนมที่แพคกันมา กินไปชมวิวไป เพลินกันมาก และก็เดินกันต่อจนถึงแคมป์ที่ 4 ค่ะ
จริงๆแล้วอีกวันนึงที่เราจะเดินไปแคมป์ที่ 5 เราต้องนอนกันอีกคืน แต่เนื่องจากทีมเราคนน้อยมากเราจึงตกลงกันว่าเมื่อถึงแคมป์ที่ 5 เราจะกลับเข้าเมืองกันเลยไม่นอนต่อ คืนนี้เลยมีกิจกรรมอำลากันเล็กน้อย แน่นอนค่ะ น้ำตาแตก เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งสนุกร่วมกันมาหลายวัน (กิจกรรมตรงนี้ขออุปไว้น้า อยากให้ไปสัมผัสกันด้วยตัวเองค่ะ)
คืนส่งท้ายย ร่ายรำกับเพลงอินเดียกันวะหน่อย
Day5 เดินทางไป Camp 5 Chhatru แคมป์สุดท้ายแล้ว
แอบใจหายอยู่น้าเช้านี้ ต้องบอกว่าชาวแก๊งค์ของเราที่ร่วมเดินทางด้วยกันมา ระหว่างทางมีการช่วยเหลือกันอยู่ตลอด แถมยังมีการเล่นเกมส์ด้วยกันทุกคืน แลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม วึ่งแพรคิดว่ามันคือคีย์หลักของการมาเดินทาง คือการได้มาพบผู้คนใหม่ๆในสถานที่ใหม่ๆค่ะ
เดือดกันตั้งแต่เช้า เข้านี้เราต้องเดินข้ามแม่น้ำกันค่ะ และเป็นแม่น้ำที่มาจากธารน้ำแข็ง หู้ยยย เย็นขาจะขาด วิธีการเดินก็คือพวกเราทุกคนต้องเกี่ยวแขนกัน และเดินกันเป็นแถวเดียว เย็นแค่ไหน สภาพเป็นอย่างที่เห็นรูปแรกเลยค่ะ วันนี้เส้นทางช่วงแรกไม่โหดมาก จะมีจุดแวะพักที่เราจะได้เห็นวิวที่สวยมากๆเลย วันเวอร์มาก
แต่พอลงจากเขาไปแล้ว เราจะเจอเส้นทางที่เป็นเนินหินถล่ม ที่ค่อนข้างไกล มันทำให้เดินยากมาก ใช้แรงในการเดินมาก เหนื่อยและอันตรายพอสมควร จุดนี้ไกด์จะแบ่งเราเป็นกลุ่ม เพื่อพากันเดินไปค่ะ จะได้ดูแลกันได้ง่ายขึ้น
ถึงแคมป์แล้วจ้าาาาา น่ารักมาก วันนี้ทางแคมป์ทำเค้ก เพื่อฉลองให้พวกเราด้วยค่ะ พวกเราทำสำเร็จแล้วจ้า แคมป์สุดท้ายก็สวยไม่แพ้แคมป์อื่นเลย เห็นแดดแบบนี้ยังหนาวอยู่นะคะ 555555
เนื่องจากเราตกลงว่าเราจะกลับกันภายในวันนี้เมื่อถึงแคมป์แล้วเราก็เคลียร์ของคืน เตรียมตัว และรอรถมารับกันค่ะ *(ค่ารถมารับเข้ามานาลิ ประมาน 9,000 รูปี นั่งกันมาในรถกี่คนก็จับหารไปเลยจ้า)
สำหรับทริปนี้ก็จบลงแล้วนะคะ ที่เพื่อนๆได้เห็นภาพที่สวยงามนี้ แพรจะบอกว่ามันเป็นส่วนน้อยมากๆเลยของทริป เพราะในบางจุดแพรก็ไม่สามารถยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพได้ เพราะต้องโฟกัสกับการเดิน หรือบางครั้งมันก็สวยจนลืมถ่ายค่ะ แพรว่ามันคือเสน่ห์ของการท่องเที่ยว เราต้องไปเห็นมันด้วยตาตัวเอง ถ้าเพื่อนๆได้ไป ก็อาจจะได้เห็นมุมที่แพรไม่เห็นเช่นกันค่ะ อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสมันด้วยตัวเอง ทั้งความสัมพันธ์ของทีม ไกด์ หลีด ที่ดูแลเรา พูดคุยเล่นเกมส์กัน ความใส่ใจของแคมป์ ความสนุก ความตลก ความเละเทะ ความเหนื่อยแทบขาดใจระหว่างทาง ความสวยงามของธรรมชาติ ลองไปกันซักครั้งนะคะ ไปมองโลกจากอีกมุมนึงด้วยกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่แพรคิดว่าแพรได้รับจากการเดินทางครั้งนี้ คือการก้าวผ่านความกลัว ความกังวลที่ตัวเองมี และสร้างภาพจำใหม่เกี่ยวกับประเทศที่แสนมหัศจรรย์นี้ มากไปกว่านั้นคือมิตรภาพค่ะ แพรก็ไม่รู้หรอกนะคะ ว่าเราจะได้เจอเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆอีกเมื่อไหร่ หรือที่ไหน แต่อย่างน้อยครั้งนึงพวกเราเลยพบกัน และก็ยังได้มีช่วงเวลาดีๆด้วยกันมากๆในทริปนี้ เป็นอีกความทรงจำที่แพรว่าทุกคนก็คงจะเก็บไว้ในใจอีกนาน
หวังว่าทุกคนจะสนุก และได้รับประโยชน์จากการเขียนรีวิวของแพรนะคะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการผจญภัยของตัวเองน้า
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :)
Pattanan Pukanan
วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 16.59 น.