สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ 

#เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง #เที่ยวฮ่องกง2023

1.นักท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ ธุรกิจ ประชุม สามารถอยู่ฮ่องกงได้ 30วันโดยที่ไม่ต้องทำวีซ่า ใช้แค่พาสปอร์ตและกรอกใบ ตม. เข้าประเทศเท่านั้น ถ้าอยู่เกิน 30วันหรือไปเพื่อเรียน ฝึกอบรม ทำงาน ตั้งถิ่นฐานที่ฮ่องกง ต้องทำวีซ่าก่อน

2.ฮ่องกงใช้เงินสกุล HKD หรือ ฮ่องกงดอลลาร์ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน 1HKD ≈ ประมาณ 4.6 บาท

3.เวลาที่นี่เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง สภาพอากาศโดยทั่วไปคล้ายไทย เที่ยวได้ทั้งปี แต่หน้าหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์อากาศจะหนาวกว่าไทย เฉลี่ยประมาณ 15 องศา และควรระวังช่วงที่ฝนตกมากที่สุดคือประมาณเดือนสิงหาคม *แนะนำโหลดแอพเช็คสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ MyObservatory

*ส่วนซิมเน็ต เราซื้อจากแอพ Klook ซิมการ์ด LTE 80GB สำหรับใช้ในฮ่องกง 30วันและโทรในประเทศ 1,000นาที โดย CMHK เน็ตเร็ว ไม่มีสะดุด ให้เน็ตมาเยอะมาก เหลือเฟือค่ะใช้ไม่หมด 55555 รับซิมได้ที่สนามบิน เคาน์เตอร์ A13 นะคะ

4.ตอนลงจากเครื่อง จะเจอเจ้าหน้าที่ ตม. 2จุด จุดแรกคือจะมาดักหน้าทางออกเครื่องเลย เขาจะสุ่มเรียกถามใครที่เขาเอะใจอยากคุยด้วย และจุดที่สองตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ก็ตามปกติเหมือนกันทุกประเทศ 

เตรียมคำตอบตม.ให้ชัดเจนว่ามาทำอะไร มากับใคร มากี่วัน กลับวันไหน ไปเที่ยวไหนบ้าง พักที่ไหน มีตั๋วกลับหรือยัง พกเงินสดมาเท่าไหร่ พาสปอร์ตพกเล่มเก่าไปด้วย ถ้าโดนถามว่าเคยไปไหนมาบ้างจะได้ยื่นได้เลย และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องตอบอย่างฉะฉาน มั่นใจ โดยเฉพาะผู้หญิงจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ (จริงๆ ตม.ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะคะถ้าเรามาเที่ยวจริงๆ ทำแพลนมาเอกสารครบก็ผ่านค่ะ บางคนไม่ถามเลยด้วยซ้ำ แต่เตรียมเผื่อไว้ก่อนดีที่สุดนะคะ อย่างเราไม่โดนถามอะไรเลย ผ่านฉลุย อุตส่าห์เตรียมเอกสารมาแน่นมาก) *อย่าลืมกรอกใบเข้าประเทศนะคะ แอร์จะแจกให้เขียนบนเครื่องค่ะ

5.การเดินทางไปฮ่องกง บินจากไทยใช้เวลา 3 ชั่วโมง เราบินกับคาเธ่ย์แปซิฟิก สายการบิน 5ดาวของฮ่องกง ได้ราคาโปรตั๋วไปกลับประมาณ 7พันบาท (ปกติ 14,000บาท) https://th.readme.me/p/46761

6.ที่พักทั่วไป เริ่มคืนละประมาณ 2,000 บาท ส่วนเราพักโรงแรม 5ดาวแถวมงก๊ก ราคาสูงนิดหน่อยแต่ความสะดวกสบายครบ และต้องการห้องกว้างๆค่ะ https://th.readme.me/p/46806

7.แพลนเที่ยว

-วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันลม https://th.readme.me/p/46809

-วัดหวังต้าเซียน (ด้ายแดง) https://th.readme.me/p/46810

-วัดพระใหญ่ กระเช้านองปิง https://th.readme.me/p/46813

-ดิสนีย์แลนด์ https://th.readme.me/p/46814

-จิมซาจุ่ย https://th.readme.me/p/46826

*ราคาธูปไหว้

-วัดแชกง 80HKD (มีธูปเล็กหนึ่งกำ + ธูปใหญ่ 3 + แผ่นเขียนขอพร + การ์ด 3 มิติ)

-วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮ่องฮำ 78HKD

-วัดหวังต้าเซียน 10HKD (ซื้อข้างนอกวัดได้ธูปสวยๆ 9 ดอก) หน้าวัดมีแผ่นทอง + เครื่องรางขาย เพื่อเอาไปทำพิธีด้านใน รับโอนเป็นเงินไทยได้ k bank 

8.การใช้จ่ายที่ฮ่องกงควรพกไปทั้งบัตรและเงินสด เพราะวัดต่างๆและร้านอาหารท้องถิ่นส่วนใหญ่รับแค่เงินสด ควรแลกเงินสดมาเผื่อด้วยนะคะ

9.บัตร YouTrip (แนะนำควรมีไว้กดเงินสด)

โหลดแอพ คลิ๊ก https://apps.apple.com/sg/app/...

-ใช้แลกสกุลเงิน ถ้าต้องใช้จ่ายเงินสดก็กดที่ตู้ HSBC หรือ Bank of China ไม่มีค่าธรรมเนียม

-แตะจ่ายไปช้อปปิ้ง ทานอาหาร เข้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่น เรทดีกว่า ไม่มีค่าธรรมเนียม

-ใช้เดินทาง สามารถแตะจ่ายค่าโดยสารรถบัสบางคันได้ และซื้อ Airport Express ที่เคาน์เตอร์สนามบิน

-เที่ยวใน Hong Kong Disneyland ใช้จ่ายในร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมได้

10.บัตร Octopus Card (จำเป็นต้องมี)

-สามารถใช้ชำระค่าบริการต่างๆในฮ่องกงได้เกือบทั้งหมด เรียกง่ายๆ คือการใช้แทนเงินสดนั่นเอง ใช้ได้ทั้งการขึ้นรถ MTR (รถไฟใต้ดิน) รถราง รถบัส

-ซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น ร้านอาหาร ซื้อตั๋วหนัง จ่ายค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

*เราซื้อบัตร Octopus ในแอพ Klook (ซื้อขาดไม่ได้เช่า 50HKD) เมื่อคุณนำบัตรมาคืน เจ้าหน้าที่จะคืนเงินที่เหลืออยู่ในบัตรให้แก่คุณ เคาน์เตอร์รับบัตร – คืนบัตรของ Klook จะอยู่ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า terminal1 (A13) เปิด 08.00 - 21.00น.

วิธีเติมเงินบัตร Octopus ที่ตู้สถานีรถไฟฟ้า

1.เสียบบัตร

2.ใส่เงิน จะเติมได้แค่แบงค์ 50 กับแบงค์ 100 เท่านั้น

3.กดปุ่มยืนยันล่างสุด ปุ่มที่4

11.การเดินทาง สามารถใช้ GPS ได้เลย แค่เลือกสถานที่ปลายทางแล้วก็เดินทางตามที่ GPS แนะนำ

-เราใช้ GPS ดูเส้นทางรถบัส และรถเมล์ (แนะนำให้โหลดแอพ Citybus ในแอพจะบอกเวลาเดินรถ จะได้ไม่​เสียเวลารอ​รถนานๆ) การขึ้นรถเมล์ ให้ขึ้นประตูหน้า ที่จ่ายเงินจะอยู่ข้างคนขับ แตะบัตรOctopus จ่ายได้เลย ตอนลงก็กดกริ่งแต่รถจะจอดตามป้ายอยู่แล้ว ลงประตูหลังนะคะ

-แผนที่กระดาษใช้ดูเส้นทาง MTR (แผนที่ขอได้ทุกสถานีของรถไฟฟ้า ดูง่าย) *หรือจะโหลดแอพ MTR hong kong ก็ได้ค่ะ ค่ารถไฟฟ้าเริ่มที่ประมาณ 30บาท

-รถแท็กซี่ มิเตอร์เริ่มที่ประมาณ 160บาท จะจอดตามจุด บางจุดโบกแล้วไม่จอด 55555 ส่วนใหญ่คนขับ​พูดภาษาอังกฤษ​ไม่​ได้ ต้องเตรียม​ที่​อยู่​ที่มีภาษา​จีนหรือ​นามบัตร​โรงแรม​มาด้วยก็จะง่ายต่อการสื่อสาร​ค่ะ หรือจะโหลดแอพ Uber เรียกรถก็ได้นะคะ (ผูกบัตรเครดิตหรือเดบิตในแอปได้เลย)

*นอกจากนี้ยังมี เรือข้ามฟาก รถราง (ส่วนมากรับเฉพาะเงินสด)

วิธีเดินทางจากสนามบินฮ่องกง เข้าเมือง

1. รถไฟ Airport Express (AE) เป็นวิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองฮ่องกงที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุด แต่ราคาอาจจะสูงอยู่บ้าง โดยจะวิ่งตรงจาก Airport ไปสุดที่สถานีรถไฟของเกาะฮ่องกง (Hong Kong Island) โดยจะจอดเพียงแค่ 3 สถานีซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟใต้ดินMTR เท่านั้นคือ ซิงยี่ (Tsing Yi Station), เกาลูน (Kowloon Station) และ สถานีฮ่องกง (Hong Kong Station) ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 25นาทีก็เข้าถึงตัวเมือง และยังมีบริการรถ Shuttle Bus รับส่งฟรีกับโรงแรมใหญ่ๆในฮ่องกงหลายโรงแรม อยู่ที่ 2 สถานีคือที่สถานี Kowloon Station สำหรับโรงแรมที่อยู่ฝั่ง Kowloon และสถานี Hongkong Station สำหรับโรงแรมที่อยู่ฝั่งเกาะฮ่องกง โดยสามารถสอบถามจากพนักงานที่ขายตั๋วได้เลย หรือเช็คได้จาก เว็บไซต์นี้

-จากสถานี Airport ไปลงที่สถานี Tsing Yi ราคาผู้ใหญ่แบบเที่ยวเดียว 60เหรียญ ไปกลับ 110เหรียญ ราคาเด็กมีแบบเดียว 30เหรียญต่อเที่ยว

-จากสถานี Airport ไปลงที่สถานี Kowloon ราคาผู้ใหญ่แบบเที่ยวเดียว 90เหรียญ ไปกลับ 160เหรียญ ราคาเด็กมีแบบเดียว 45เหรียญต่อเที่ยว

-จากสถานี Airport ไปลงที่สถานี Hong Kong ราคาผู้ใหญ่แบบเที่ยวเดียว 100เหรียญ ไปกลับ 180เหรียญ ราคาเด็กมีแบบเดียว 50เหรียญต่อเที่ยว

2. การนั่งรถบัสเข้าเมือง ที่สนามบินจะมีรถบัสมากมายหลายสายที่วิ่งเป็นเครือข่ายกระจายไปทั่วทั้งฮ่องกง เป็นวิธีการเดินทางที่ค่อนข้างประหยัด และสะดวกสบายพอสมควร เพราะมีโอกาสสูงมากที่รถบัสจะวิ่งผ่านไปใกล้กับโรงแรมที่เราพักเลย ถึงแม้ว่ารถบัสแต่ละสายจะเสียค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน แต่จะอยู่ประมาณ 30-40เหรียญ ซึ่งก็ยังถูกกว่าวิธีการเดินทางแบบอื่นอยู่ดี แต่คุณจะต้องรู้ว่าโรงแรมของคุณอยู่ที่ไหน ถนนอะไร และรถบัสสายไหนที่จะผ่าน ไปสอบถามที่ประชาสัมพันธ์บริเวณที่ขึ้นรถบัสเลยก็ได้ โดยจะใช้เวลาประมาณ 40-50นาทีกว่าจะถึงตัวเมือง รถบัสสายเด่นๆจะมี A21 ผู้ใหญ่ 33เหรียญ เด็ก 16.5เหรียญ ที่จะวิ่งไปใจกลางของเกาะฮ่องกง และรถบัสสาย A11 ผู้ใหญ่ 40เหรียญ เด็ก 20เหรียญ ที่จะวิ่งผ่านใจกลางของฝั่งเกาลูน (Kowloon)

3. การนั่งรถบัส ไปต่อรถไฟใต้ดิน สายสีส้ม Tung Chung Line วิธีนี้จะเป็นวิธีการเดินทางเข้าเมืองที่ประหยัดที่สุด โดยค่ารถบัสจากสนามบินไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน Tung Chung Station จะประมาณ 3.5เหรียญ และค่ารถไฟใต้ดินเข้าเมืองอีกประมาณ 16เหรียญ รวมเป็น 20เหรียญ แต่วิธีการนี้จะค่อนข้างยุ่งยากหน่อย เพราะสายสีส้มไม่ได้วิ่งตรงเข้ากลางเมืองจึงต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟอีก 1-2ต่อ เพื่อไปลงที่อยู่ใกล้โรงแรม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-50นาที

วิธีการเดินทางก็ง่ายๆ จากสนามบินให้ไปขึ้นรถบัสที่ Ground Transportation Bus Centre Terminus สาย A1 ซึ่งจะอยู่ทางขวาสุดจะเห็นนักท่องเที่ยวยืนต่อคิวรอกันพอสมควรเลย เมื่อขึ้นรถบัสแล้วสามารถใช้บัตร Octopus แตะที่แท่นข้างคนขับได้เลย ราคา 3.5เหรียญ ใช้เวลาประมาณ 15นาทีก็มาลงที่ห้าง City Gate Outlet ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Tung Chung Station แล้วสามารถต่อรถไฟใต้ดินเข้าเมืองได้เลย ใครจะไปสถานีในเมือง เช่น Tsim Sha Tsui Station ก็สามารถไปเปลี่ยนเป็นสายสีแดงได้ที่สถานี Tsin Yi Station เป็นต้น

4. ใช้บริการแท็กซี่จากสนามบิน จะสะดวกสบายที่สุด เพราะขึ้นจากสนามบินไปลงที่หน้าโรงแรมได้เลย โดยทั่วไปจะนั่งได้ไม่เกิน 4คน จะใช้เวลาประมาณ 30-40นาที ค่าโดยสารจากสนามบินไปบริเวณเกาะฮ่องกงประมาณ 290-320เหรียญ เมืองเกาลูนประมาณ 225-250เหรียญ และเสียค่ากระเป๋าอีกใบละ 5เหรียญ ถ้ามากัน 4คนพอดี การเดินทางด้วยแท็กซี่อาจจะถูกกว่าการนั่งรถไฟ Airport Express

12.ย่านไหนมีอะไรเที่ยว

-ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) แหล่งเที่ยวฮิต อยู่ใกล้อ่าววิคตอเรีย มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และใกล้ท่าเรือ Star Ferry ไปยังฝั่งเซ็นทรัลเกาะฮ่องกง

-ย่านมงก๊ก (Mong Kok) คึกคักที่สุดเหมาะกับการช้อปและถ่ายรูปสตรีท

-ย่านเซ็นทรัล (Central) ย่านเก่าแก่และศูนย์กลางเศรษฐกิจ และวัดศักดิ์สิทธิ์

-ย่านคอสเวย์เบย์ (Causeway Bay) แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมไฮเอน

-ย่านเกาลูนตะวันตก (West Kowloon) แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์

-เกาะลันเตา (Lantau Island) มีดิสนีย์แลนด์ กระเช้านองปิง เอ้าท์เล็ต และหมู่บ้านชาวประมง อยู่ในบริเวณเกาะนี้

13.อาหารเฉลี่ยมื้อละ 300-500 บาท การสั่งอาหารโปรดอย่าวู่วาม เพราะอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเสิร์ฟจานใหญ่เบิ้มมาก 1เซตทาน 2คนยังได้

-ร้านอาหารหลายๆร้าน จะมีเมนูอาหารตามช่วงเวลานะคะ Breakfast/ Lunch/ Tea time/ Dinner อยากจะทานข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดงตอนเช้าไม่ได้นะ ตอนเช้าจะเป็นเมนูโจ๊กค่ะ ยากอีกกกกก 555555

-ช่วงเวลาอาหารถูกที่สุด คือ ช่วง tea time เริ่มตั้งแต่ 2pm - 5pm โดยประมาณ

-ช่วงเวลาที่ราคาอาหารแพงคือ ช่วง Dinner

-เวลาสั่งอาหารถ้ามีเพิ่มน้ำในเซ็ทได้ จะถูกกว่าสั่งน้ำแยกนะคะ

-ทิชชู่ควรพกติดกระเป๋า บางร้านไม่มีให้

-แก้วน้ำร้อนที่พนักงานเอามาให้ เอาไว้ลวกช้อนนะคะ จะล้างหรือไม่ล้างก็ได้ เขาไม่ได้บังคับ

-ไปทานอาหารที่ร้าน ไม่ต้องคาดหวังการบริการนะคะ สไตล์ฮ่องกงส่วนใหญ่จะแค่เข้ามากิน จ่ายเงิน จบค่ะ และหากพนักงานร้านพูดเสียงดัง วางจานดัง คือเรื่องปกติ ต้อง​ทำใจและปล่อยผ่าน

-ถ้า​จะ​ไป​กิน​ร้าน​อาหาร​ชื่อ​ดัง ควร​เผื่อเวลาต่อคิวด้วยนะคะ คน​เยอะ​มาก

14.ห้องน้ำสาธารณะ ไม่ได้สะอาดมาก พอเข้าได้ ไม่มีทิชชู่และทุกที่ไม่มีสายชำระนะจ๊ะ *แต่ห้องน้ำที่สนามบินสะอาดมาก แอร์เย็นฉ่ำ

15.การข้ามถนน ถ้​าไม่มี​สัญญาณ​ไฟให้ระวัง ดูให้ดี รถที่นี่ขับเร็วแรง ให้รถไปก่อนเขา​ไม่​ค่อย​จอดให้ข้ามนะ

16.เวลาขึ้น-ลงบันไดเลื่อน ให้ยืนชิดขวาเพราะฝั่งซ้ายเอาไว้เดินค่ะ

17.เซเว่นที่นี่ไม่ได้มีทุกอย่างเหมือนไทยนะคะ ครีมซองไม่มี ผ้าอนามัย​บางที่ก็ยังไม่มี จงเตรียม​มาเองค่ะ

18.ควรเตรียมร่ม หมวก และเสื้อคลุมมาด้วยค่ะ เพราะฮ่องกงอากาศแปรปรวนบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก

19.รองเท้าผ้าใบ แนะนำให้ใส่สบายๆไม่รัดเท้าจนแน่น พื้นไม่แข็ง เพราะฮ่องกงเป็นเมืองที่ต้องเดิน เดิน แล้วก็เดินเยอะมาก เดินจนน่องบวม ต้องกลับมากินยาคลายกล้ามเนื้อที่โรงแรมทุกคืน 555555 ฟิตร่างกายมาให้พร้อมด้วยนะจ๊ะ

20.ถ้าโซนท่องเที่ยวคนฮ่องกงส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่ถ้าเป็นร้านวัยคุณลุงคุณป้ามักจะพูดจีนกวางตุ้ง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปทำที่ฮ่องกงคือ ไหว้พระขอพร เล่นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ชมวิวริมอ่าววิคตอเรีย ช้อปปิ้ง กินอาหารฮ่องกง และขึ้นกระเช้า

*เพิ่มเติม มีรถบัสฟรีไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยนะ

สำหรับใครที่ไม่อยากเอารถไปฝากไว้ที่สนามบินหลายวัน แนะนำให้นั่งรถทัวร์มาลงดอนเมือง แล้วต่อรถบัสฟรีจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิได้เลย 

-ถ้ามีเที่ยวบินที่จะบินจากสนามบินสุวรรณภูมิในวันนั้น ให้เตรียม E-Boarding Pass หรือเอกสารการบินให้เรียบร้อย 

-เดินไปที่เทอร์มินอล 1 ชั้น 1 ประตู 6 ตรงหลังประตูจะมีเคาน์เตอร์บริการรถ Shuttle Bus ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ

-โชว์บอร์ดดิ้งพาส พร้อมบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะติดสติ๊กเกอร์ที่เสื้อให้แทนตั๋วรถ 

-จากนั้น นั่งรอรถมารับตรงหน้าประตู 6 นั่นแหละ จะเห็นป้ายรถ Shuttle Bus และมีเก้าอี้ให้นั่งรอ 

-รถจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิมีทุกครึ่งชั่วโมง พอรถมาถึงก็ขึ้นรถได้เลย รถใหม่ แอร์เย็นสบาย คนน้อยมาก นั่งสบาย มีที่วางกระเป๋าขนาดใหญ่ ใช้เวลาเดินทาง 45-60นาที ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 

-รถจะสิ้นสุดปลายทางที่สถานทีขนส่งของสนามบินสุวรรณภูมิ ลงรถแล้วก็เดินเข้าอาคารได้เลย 

-บริการนี้เป็นบริการฟรีของ AOT สะดวกมากๆ มีให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 น. - 24.00 น.

*ศูนย์อาหารราคาถูก (Food Court) ในสนามบินสุวรรณภูมิ เปิด 24 ชั่วโมง

ชื่อ Magic foodpoint มีอาหารหลากหลายมากมายให้เราได้เลือก ทั้งข้าวแกง อาหารไทย ก๋วยเตี๋ยว อาหารอีสาน อาหารนานาชาติ อาหารฮาลาล และอื่นๆอีกมากมาย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 30บาท แต่ราคาอาหารส่วนมากก็จะอยู่ที่ประมาณ 60-80บาท ส่วนเครื่องดื่มราคาเริ่มต้นที่ 35บาท น้ำเปล่าขวดละ 10บาทเท่านั้น สามารถแลกคูปองด้านในได้เลยนะคะ

ตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์อาหาร อาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 กดลิฟต์ลงมาที่ชั้น 1 เดินออกจากลิฟต์แล้วเจอเลย ห้ามนำกระเป๋าเข้ามานะคะต้องวางไว้ด้านนอก

-รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้รีวิวเอง เจ้าของรีวิวนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางสถานที่แต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

สุดท้ายนี้... ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามชมรีวิวนี้ด้วยนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

อีกหนึ่งช่องทางสำหรับการพูดคุย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/bell.diiz.39

Tara

 วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 16.33 น.

ความคิดเห็น