เกาะเต่า เค้าว่าสวยๆ กัน ของจริงเป็นยังไงต้องไปดูเอง! การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางคนเดียวค่ะ และก็เป็นแบบ backpack ด้วย จริงๆ เราวางแผนมาซักพักแล้วประมาณปลายเดือนมกราคม 2559 ว่าจะไปเกาะเต่าช่วงสงกรานต์ แต่ก่อนจะถึงสงกรานต์อยู่ๆ ก็ไม่อยากไปซะงั้น จนกลับไปอ่านแผนการที่เคยเขียนไว้ เออ! ไปก็ไปวะ!!!!



เราเริ่มเดินทางวันที่ 13 เม.ย. 59 จากบ้านมาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ขบวนรถที่ 171 กรุงเทพ – ทุ่งสง เวลา 13:00-21:21 น. เป็นรถไฟเร็ว ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งเราได้ข้อมูลมาว่ารถไฟเร็วจะจอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆ ไม่ได้จอดทุกสถานีค่ะ



และนี่ก็คือขบวนที่เราขึ้นค่ะ ซึ่งวิธีสังเกตว่าเลขที่คันดูยังไง ให้เราดูที่ป้ายในรูปนะค่ะ ส่วนเลขที่ติดที่ขบวนรถเลย ไม่รู้ว่าคืออะไรเหมือนกัน



13:00 น. รถไฟออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ออกตรงเวลาจะถึงตรงเวลารึเปล่า รอดู


ระหว่างทางก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เจอสถานีชื่อแปลกๆ แล้วก็สถานีที่เคยได้ยินว่ามีที่เที่ยวสวยๆ ด้วย ครั้งหน้ารู้แล้วว่าเดินทางประมาณกี่ชั่วโมงจากกรุงเทพ



16:40 น. สถานีรถไฟเพชรบุรี



18:45 น. สถานีรถไฟประจวบคิรีขันธ์


21:12 น. สถานีรถไฟชุมพร

ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถไฟชุมพรเวลา 21:20 โดยประมาณค่ะ รถไฟเคลื่อนเข้าสถานี 21:12 เป๊ะ แต่จอดสนิทพร้อมลงก็ประมาณ 21:20 ค่ะ และเราไปที่พัก Salsa Hostel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟค่ะ ออกจากสถานีเดินตรงอย่างเดียว เจอสี่แยกเรือลมพระยาก็เดินไปเรื่อยๆ มีร้านขายอาหารข้างทางเยอะแยะและมี 7/11 ไม่เปลี่ยวค่ะ ถ้านั่งพี่วินประมาณ 20 บาทค่ะ แต่เราเลือกที่จะเดิน!

และนี่ก็คือ Salsa Hostel พี่เจ้าของร้านเป็นพี่ผู้ชาย ใจดีและเป็นกันเองมากค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูป hostel เท่าไหร่ เพราะค่อนข้างเหนียวตัวและอยากอาบน้ำนอน ฮ่าๆ

นี่คือเตียงที่นอนค่ะ เป็นเตียงเด็กหอสองชั้น เรานอนชั้นบนเพราะตรงแอร์พอดี เย็นสบายสุดๆ

ถ่ายรูปได้มีรายละเอียดมาก ฮ่าๆ ประมาณนี้ค่ะ ในห้องมีราวตากผ้าให้ มีตู้เย็นเล็กๆ ห้องนี้มีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง และเตียงชั้นเดียว 1 เตียงอยู่ขวามือค่ะ ถ่ายไม่ติด Salsa Hostel เป็นที่พักที่น่าอยู่ดีนะคะ สะอาด สบาย และห้องน้ำสะอาดด้วยค่ะ ตอนเช้ามีอาหารเช้าเล็กๆ แบบขนมปัง ไข่ นม คอนเฟล็กซ์ ให้พร้อมค่ะ (สำหรับรายละเอียดเดี๋ยวจะแจงให้ตอนท้ายนะคะ)



14 เม.ย. 59

เช้าวันที่ 2 เราตื่นแต่เช้าเพื่อมารอรถทัวร์สองชั้นของเรือลมพระยาตอน 05:30 น. อย่าลืมเอาตั๋วเรือไปนะคะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึงท่าเรือ เราซื้อตั๋วเรือแบบ speed boat ของเรือลมพระยา

06:38 รอ check in เรือค่ะ คนเยอะพอสมควร ใช้เวลาตรงนี้นานนิดนึงค่ะ เราปรารถนาจะอยู่ท่ามกล่างฝรั่ง แต่… คนไทยอื้อ !!! แต่ยังดีที่ไม่ค่อยมีคนจีน



*** จริงๆ แล้วเราถึงชุมพรตอน 3 ทุ่มกว่า ก็สามารถนอนเรือนของคืนนั้นไปเกาะเต่าได้นะคะ แต่เนื่องจากเราโทรไปที่เรือเกาะเจริญ เค้าบอกว่าช่วงสงกรานต์เค้าไม่เดินเรือ ให้ติดต่อเรือลมพระยาเอา เราก็เลยจองเรือที่ Salsa Hostel แต่พอมาถึงพี่เจ้าของ hostel บอกว่า จริงๆ แล้วไปเรือนอนก็ยังทัน เพราะรถไฟรอบเรามาตรงเวลามาก แต่เรือน่าจะเต็มแล้ว และที่สำคัญไม่ได้มีแค่เกาะเจริญเท่านั้น ยังมีเรือโชคกัลปังหาอีกบริษัทนึงก็ไปได้ โดยปกติจะไม่มีเหตุการณ์ที่เรือจะไม่ไปเกาะ ถ้าเกาะเจริญไปไม่ได้ โชคกัลปังหาเค้าก็จะออกแทน หรืออาจจะออกไปพร้อมๆ กัน ฉะนั้นยังไงก็มีเรือนอนไปแน่นอน เพราะเรือนอนเค้าต้องเอาของไปส่งให้ร้านค้าที่อยู่บนเกาะ ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีโชคกัลปังหา ***



และแล้วเราก็ check in เรือเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะลงเรือแล้วและนี่คือสะพานที่เดินไปลงเรือ ตอนเช้าของที่นี่อากาศดีมากๆ ลมพัดมีไอเย็นหน่อยและวิวดีสุดๆ ค่ะ

เรือลำใหญ่จุคนได้เป็นร้อยมั้งค่ะ กะๆ จากสายตาเอา เป็นเรือ 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นห้องปรับอากาศ เย็นสบายแต่เรามาทั้งทีขอดูวิวเยอะๆ จึงไปนั่งที่ชั้นสองหรือชั้นดาดฟ้าเรือ



07:04 น.


มองลงมาเป็นแบบนี้ค่ะ


เรือออกแล้วค่ะ สีน้ำทะเลสวยมากๆ บรรยากาศชิวสุดๆ


ฝรั่งเนี่ยเค้าชอบอ่านหนังสือนะคะ เห็นเวลาเค้าว่างๆ จะเอา pocket book เล่มเล็กๆ มานั่งอ่านกัน แอบถ่ายหน่อยละกันนะ

เรือที่เรานั่งไปจะมีผู้โดยสารอยู่ 2 เกาะนะคะ เรือจะไปส่งผู้โดยสารที่เกาะนางยวนก่อน เราเลยได้เห็นเกาะนางยวนแบบแผลบๆ ไม่ได้ดึงดูดเท่าไหร่นะคะ แต่ว่าน้ำคือใสมากจริงๆ

พอเรือแวะเกาะนางยวนแล้วก็หันหัวเรือไปที่เกาะเต่าซึ่งห่างกันไม่ไกล ไม่เกิน 15 นาที ประมาณนะค่ะ และแล้วก็มาถึงแล้วเกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี



และเรือก็เทียบท่า เรารีบไปเอากระเป๋าแล้วขึ้นฝั่งเพื่อไปโฮสเทล สำหรับที่เกาะเต่าเรานอนที่ Jizo's Hostel อยู่ที่หาดทรายรี เราโทรคุยกะ hostel นี้เรื่อยๆ ตั้งแต่ปลาย ม.ค. เค้าบอกว่าไม่ต้องมัดจำ มาแล้วเข้าพักได้เลยแต่เราไม่ไว้ใจเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงเทศกาล ตอนคุยกับ hostel เค้าบอกว่าไม่ไกลเดิน 10-15 นาทีก็ถึง โอเค! เราเลยเดิน เดินมั่วไปหมด เลยโทรถาม hostel อีกรอบ ทีนี้เค้าบอก 'พี่นั่ง taxi มาเลยครับ ค่อนข้างไกลอยู่ ถ้าเดินมานี่ไกลเลยครับ' อ้าว!!! ทำไมพูดไม่ตรงกัน เราเลยตัดสินใจไปเช่ามอเตอร์ไซค์ซะเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ 2 ต่อ



สำหรับการเช่ามอเตอร์ไซค์ที่นี่ต้องสุ่มๆ หน่อยนะคะ เรตอยู่ที่ 200 บาท / วัน แต่บางร้านเค้าเอาค่ามัดจำ 3,000-5,000 บาท แต่เราบังเอิญไปเจอร้านนึง เป็นร้านที่ไม่สะดุดตาแต่สุดจะโอเค ชื่อร้าน Rambo พี่เจ้าของร้านชื่อ พี่พัด เป็นผู้หญิงท้อง 8 เดือน ถ้าใครไปอาจจะไม่เจอพี่เค้าเพราะจะคลอดแล้ว ที่นี่มีทั้งมอเตอร์ไซค์ทั้งเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา 200 บาท เท่ากันแต่ไม่ต้องมัดจำ!!! ตกลงเอาที่นี่เลย เลยได้คุยเรื่องเรือนอนขากลับ ราคา 400 บาท เป็นของเรือพรทวีสินค่ะ และ one day trip 5 เกาะ ราคา 600 บาท (Shark Bay / อ่าวโตนด / อ่าวหินวง / Mango Bay / เกาะนางยวน)



เราตัดสินใจเช่ารถกะซื้อตั๋วเรือกับพี่เค้าแต่ one day trip เรายังชั่งใจอยู่ เพราะที่ Jizo's hostel ก็มีขายเหมือนกัน แต่ 700 บาท เราเลยตัดสินใจซื้อทุกอย่างจากร้านพี่พัด (รายละเอียดจะแจงตอนท้ายนะคะ)



ข้าวผัดหมู 60 บาท อร่อยดีค่ะ เพราะหิวมากกกกกกกกกกกกกกก อร่อยจริงๆ



พอเราเก็บของ อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเราก็ไปหาข้าวกิน เราๆ มักจะคิดว่าอาหารบนเกาะแพงอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้ามองดีๆ จะให้เค้าขาย 30-35 บาท ก็คงไม่ได้ เพราะพวกของต่างๆ เค้าก็ต้องจ้างเรือไปเอาที่ฝั่งเหมือนกัน ราคาก็เลยสูงกว่าเป็นเรื่องปกติ อาหารตามสั่งเริ่มต้นที่ 60 บาทค่ะ แม้กระทั่งข้าวไข่เจียวก็ 60 เหมือนกัน จากที่ดูๆ อาหารตามสั่งทั่วๆ ไปจะอยู่ที่ 60-80 บาทค่ะ



พอกินข้าวเสร็จก็บ่ายกว่าๆ แล้ว แดดร้อนสุดๆ เราแว้นไป Freedom Beach เป็นหาดที่ทางไปไม่โหด เราขี่แต่ทางราบมาตลอดพอขึ้นเขานิดนึงเริ่มไม่ไหว ถ้าคนที่ขี่รถแข็งๆ อยู่แล้วก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ

ไม่ค่อยอินกับที่นี่เท่าไหร่ คือสวยในระดับธรรมดา น้ำใส หาดสะอาด ไม่มีขยะ แต่ทราบไม่ค่อยขาวละเอียด



ตอนเดินถ่ายรูปเห็นแม่ลูกคู่นี้พอดี แม่กำลังสอนลูกสาวก่อกองทราย น่ารักดี



อากาศร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุด ร้อนจนไม่ไหว เลยขี่รถกลับไปนอนเล่นที่ที่พักแล้วช่วงเย็นจะไปชมวิวพระอาทิตย์ตกน้ำที่ดุสิตบัญชารีสอร์ท ที่เค้าว่าสวยๆ จริงๆ ทางดุสิตบัญชาไปง่ายมากๆ แต่เราดูแผนที่ไม่เป็นเลยเปิด map ในมือถือ และสุดท้ายยยยยยยยย….. หลง! ปาไปจะ 6 โมงเย็นแล้วแต่เราก็ยังไม่เจอดุสิตบัญชาซักที ใน map พาเราไปอีกซีกโลกนึงที่คนฉลาดเค้าไม่ไปกัน ฮ่าๆ มันพาเราขึ้นเขาและเราจึงได้รอยที่ระลึกมา ต่อจากนี้เราจะไม่ขี่รถขึ้นเขาแล้ว



ทางที่ดีที่สุดคือถามทางจากชาวบ้านแถวนั้น

เรา : ขอโทษนะคะพี่ ดุสิตบัญชาไปทางไหนค่ะ

พี่ชาวบ้าน : น้องตรงไปอย่างเดียวเลยจ้า

เรา : ทางดีมั้ยพี่

พี่ชาวบ้าน : ทางดี ขี่ง่าย เค้าลาดถนนแล้ว

เรา : ต้องขึ้นเขามั้ยพี่

พี่ชาวบ้าน : ขึ้นจ้า นิดเดียว

เรา : ต้องขึ้นเขาด้วยหรอพี่ นิดเดียวจริงๆ นะ

พี่ชาวบ้าน : จ้า



แบบว่าใจแป้วอีกแล้ว ไม่ชอบเลยต้องขึ้นเขาอีกแล้ว ฮ่าๆ แต่ทางดีจริงๆ ค่ะ ตรงไปยาวๆ จะเจอเนินเขานิดหน่อย เป็นถนนปนทรายอยู่ในช่วงทำถนน ในใจนี่คือ ล้อปัด ล้อปัด ล้อปัดแน่ๆ มีพี่พม่าเค้ายืนดูตอนเราขี่ลง ประมาณว่าจะเข้ามาช่วยถ้าลงไม่ได้ แต่ในที่สุด เราก็ลงได้ ใจหายใจฟ่ำหมด



โซนเอนหลังดูพระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมากๆ


ทางเดินลงไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำค่ะ


ระหว่างรอเมื่อไหร่พระอาทิตย์จะตก นั่งดูปูกะเพรียงไปพลางๆ


กำลังจะตกแล้วค่ะ สวยงามมากๆ เมื่อไม่เห็นหน้า ฮ่าๆๆๆๆ


หลังจากพระอาทิตย์ตกเป็นที่เรียบร้อย เราก็ขี่รถกลับ hostel ไปอาบน้ำ กินข้าว คืนนี้เราจะไปดูโชว์ควงไฟกัน ถ้าคืนนี้ได้ดูควงไฟถือว่ามันนี้ภาระกิจเราเสร็จสิ้นละ แต่ … วันนี้ไม่มีควงไฟค่ะ! เซ็งนิดนึง ใครก็บอกถ้ามาแถวทรายรีต้องมาดูนะ ป่ะ กลับไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปดำน้ำ!!!15 เม.ย. 59


เราตื่นประมาณ 08:00 น. ล้างหน้าแปรงฟันแต่ไม่ได้อาบน้ำ เก็บข้าวของแล้ว check out ซึ่งเรานัดกับพี่พัด (เจ้าของร้านที่เช่ามอเตอร์ไซค์ไม่ต้องมัดจำ) ที่ร้านตอน 09:20 น. ร้านพี่แกอยู่ใกล้ท่าเรือค่ะ แกเลยบอกว่าไม่ต้องรีบ เรือออกเวลา 09:30 น. กระเป๋าเสื้อผ้าก็ฝากไว้ที่ร้านพี่แก จังหวะนั้นเองเราเลยได้เจอคนไทยคนหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวเกาะเต่าคนเดียว เราเลยตกลงจะเป็นบัดดี้กันจนจบทริป



ก่อนลงเรือเราจะไปเซ็นรับอุปรกรณ์ดำน้ำ snorkel และจ่ายค่าเข้าชมเกาะนางยวน 30 บาทค่ะ โดยไป 5 เกาะ ซึ่ง Shark Bay / อ่าวโตนด / อ่าวหินวง / Mango Bay เกาะละ 30 นาที ส่วนเกาะนางยวนให้เวลา 2 ชั่วโมงค่ะ เพราะว่าต้องขึ้นเขาไปจุดชมวิว



สำหรับการให้อาหารปลา เราได้ถามเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วซึ่งพี่เค้าบอกว่าให้ได้ แต่ก็แอบๆ หน่อยละกัน จัดไป 1 แถว เผื่อเราหิวจะได้กินเอง ฮ่าๆๆ



เรือที่เรานั่งไปมีผู้โดยสาร 44 คน เป็นคนไทย 90% มันเซ็งตรงนี้ มีเวียดนาม อิตาลี ฝรั่งเศสด้วย ประเทศจะคนสองคน สำหรับรูปช่วงที่อยู่ยนเรือและตอนดำน้ำ จะไม่ได้อธิบายอะไรมากนะคะ เพราะจำไม่ได้ว่าภาพไหนอยู่อ่าวไหน



ที่ Shark bay จะมีฉลามตัวเล็กว่ายไปว่ายมาเยอะมาก สวยดี หมายถึงตอนอยู่ในหนังสือนะคะ เพราะว่าตอนเราไปเหลือแต่วิญญาณฉลาม ปะการังไม่สวยเหมือนเอาประการังตู้ปลาไปกองๆ ไว้ ไม่ค่อยมีอะไร น้ำไม่ใสเท่าไหร่ (ภาพอาจจะไม่ตรงนะคะ)



ถ้าจำไม่ผิดอ่าวโตนดกับ Mango bay มั้งค่ะ ปลาจะเยอะพอสมควรเป็นปลาประเภทเดียวกัน มีประการังบ้างแต่ไม่สวยเท่าไหร่ น้ำใสดี คลื่นแรงนิดนึง ส่วนที่เหลือไม่มีอะไรค่ะ



บัดดี้เราเองค่ะ มาไกลจาก จ. เชียงรายเชียวนะ ทรหดสุดๆ

และแล้วเราก็มากันจนถึงเกาะสุดท้าย เป็นเกาะที่สวยที่สุดในบรรดา 5 เกาะที่กล่าวมา 'เกาะนางยวน'



สะพานไม้ที่เราเห็นลิบๆ ตรงนั้น ขวามือเค้าจะเอาเรือเทียบค่ะ แล้วเราก็เดินขึ้นสะพานมา จะแอ่งน้ำเล็กๆ ให้ล้างเท้าก่อนเข้าไปข้างในด้วยค่ะ



รูปนี้เป็นวิวจากอีกมุมนึง เกาะนางยวนเค้าห้ามเอาพวกถุงพลาสติกต่างๆ ขนมปังเลี้ยงปลาขึ้นเกาะนะคะ



เกาะนางยวนคล้ายๆ ทะเลแหวกนะคะ มีหาดทรายกั้นกลางซ้ายขวา ตามรูปเลยค่ะ



ของจริงสวยกว่านี้อีกค่ะ ใสกว่านี้มากๆ ด้วย เป็นเกาะที่สะอาดดีค่ะ



มองจากมุมบน



เราต้องเดินขึ้นเขาไปอีกพอสมควร แต่เป็นขั้นบันได้ไม่อันตราย บางจุดไม่มีบันไดต้องไต่หินขึ้นไปบ้าง



ที่สุดแล้วของวันนี้ ของจริงสีสดและสวยกว่านี้มากค่ะ



หลังจากที่เราดำน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ขึ้นฝั่งไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกวันที่ 2 กัน ซึ่งวันนี้เราจะไปจุดชมวิว จอห์น-สุวรรณ กันค่ะ ทางไปไม่ลำบากมากแต่มีขึ้นเนินเขาอีกแล้ว เลยต้องเปลี่ยนให้บัดดี้เราเป็นคนขับ เก่งสุดๆ สอนแป๊บเดียวขี่รถเกียร์เป็นแล้ว



เสียค่าเข้า 50 บาทค่ะ ตอนแรกคิด 50 บาท! วิวมันจะขนาดไหนกันเชียว


นี่คือวิวปีกซ้ายค่ะ



ส่วนนี่คือวิวปีกขวา



เกือบดีละ Could you please sit down for a moment? No problem. . . thank you



และเมื่อกางปีก เลยเป็นอย่างนี้ค่ะ สวยมาก โคตร unseen!!!



เมื่อลงจากจุดชมวิว จอห์น-สุวรรณ เราก็ไปหาข้าวกิน และด้วยใจที่มุ่งมั่นว่าวันนี้เราต้องได้ดูโชว์ควงไฟ จึงไปอีกครั้ง



ในที่สุดเราก้ได้ดูโชว์ควงไฟค่ะ สาเหตุที่เมื่อวานเค้าไม่มีการแสดงเพราะว่าตรงกับวันพระค่ะ ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเกี่ยวกันยังไง



อยู่ที่ Lotus Bar หาดทรายรี ไม่ไกลจาก Jizo's hostel เดินมา 5 นาทีถึง ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น



เค้าเก่งมากๆ เลยค่ะ มีหลายท่าเลย หากใครสนใจให้เริ่มไปตั้งแต่หัวค่ำนะคะประมาณ 2 ทุ่มก็แสดงกันแล้ว และไม่ตรงกับวันพระค่ะ



พอดูโชว์ไฟเสร็จเรียบร้อย บัดดี้ของเราหิวค่ะ เลยพาไปจัดพิซซ่า ซึ่งเพื่อนเราบอกว่าพิซซ่าเกาะเต่าต้องที่ Farango


ที่นี่พิซซ่าไม่แพง ราคาอยู่ที่ 220-400 กว่าบาทค่ะ และบัดดี้บอกว่าอร่อยมากกกก


พอเราจัดการพิซซ่ากันเสร็จเรียบร้อยก็รอเวลาไปลงเรือไปเพื่อกลับฝั่งชุมพรค่ะ เรือที่เรานอนกลับเป็นเรือของ พรทวีสิน ค่าเรือหัวละ 400 บาท ออกจากเกาะเต่า 23:00 ถึงฝั่งชุมพร 05:00 เลทนิดหน่อยประมาณ 20 นาที



ห้องนอนบนเรือเป็นห้องปรับอากาศมีห้องน้ำ อ่างล้างหน้า มีห้องอาบน้ำแอร์เย็นสบาย แต่เสียงกรนนี่สิ!!!!



ในห้องนอนเป็นแบบนี้ค่ะ บนเรือมีไฟฟ้า รูปลั๊กไป สามารถเสียบชาร์จแบตได้ตามสบาย



16 เม.ย. 59



ตี 05:22 เรือถึงฝั่งชุมพรเป็นที่เรียบร้อย รีบเก็บกระเป๋าเพื่อให้ทันรถสองแถวที่ท่าเรือค่ะ เค้าบอกว่าไม่ทันรถคันนี้จะเข้าเมืองลำบาก ค่ารถสองแถว 50 บาท ส่งถึงหน้าสถานีรถไฟชุมพรเลยค่ะ ประมาณ 6 โมง



ตอนแรกเรากะบัดดี้ตกลงกันไว้ว่า ถ้าไม่ทันรถไฟช่วงเช้าต้องรอถึงคืนนี้ถึงจะได้กลับบ้าน เพราะรถไฟเต็มแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะเช่ามอเตอร์ไซคืไปแว้นรอบชุมพร แต่โชคดีที่เราทันรถไฟรอบ 7 โมงเช้า เราเลยไปอาบน้ำที่สถานีรถไฟ กินข้าวแล้วขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพ



จริงๆ แล้วการไปเที่ยวคนเดียวสนุกมากเลย มากกว่าไปกันหลายๆ คนซะอีก อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากไปไหนก็ได้ไป ไม่ต้องรอ ขอความเห็น อีกอย่างเกาะเต่าไม่เปลี่ยว ไม่อันตราย และคนที่นี่ก็น่ารักกับเรามากด้วย มาเที่ยวเกาะเต่ากันนะคะ



ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านจนจบนะคะ

หลังจากที่พักสายตาไปเป็นชั่วโมงเพื่อไปแชร์กระทู้ให้เพื่อนไปตามอ่าน ฮ่าๆ ขอกลับมาต่อเรื่องรายละเอียดที่พักนะคะ



ที่พักคืนแรกของเรา ที่ชุมพร คือ Salsa Hostel อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ไม่เปลี่ยว มีร้านขายอาหารข้างทางเยอะ มีเซเว่นใกล้ๆ ด้วย ที่สำคัญ Strawberry + Blueberry Smoothie ของที่นี่อร่อย เจ้าของทำเอง!

สะดุดตาที่ฝาผนังเป็นพวกยอดมนุษย์ มีใครเห็นหนุมานบ้าง?!



ห้องที่เรานอนเป็นแบบนี้เลยค่ะ เรานอนเตียงซ้ายบน ซึ่งจริงๆ ห้องนี้มีเตียงอยู่ 7-8 เตียงค่ะ ราคาเท่าไหร่ลองโทรไปสอบถามกันเองละกันนะคะ แต่ที่แน่ๆ ห้องดีแบบนี้กับราคาเท่านี้คือเกินคุ้มค่ะ



ห้องน้ำแยกหญิงชายค่ะ มีอ่างล้างหน้าน่ารักๆ แบบนี้เลย ใส่ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแยกกันค่ะ ที่สำคัญคือสะอาด ในห้องอาบน้ำมีสบู่ให้นะคะ นอกจากนี้แล้วยังมี Locker ให้เก็บของมีค่าส่วนตัวด้วยค่ะ


*** ที่นี่รับจองเรือลมพระยาด้วยนะคะ ***

ติดต่อสอบถาม

โทร : 077-505-005, 089-488-0321

Line : salsahostel



คืนที่สองเรานอนบนเกาะเต่า ชื่อ Jizo's Hostel อยู่ตรงทรายรี ซึ่งเป็นโซนที่ค่อนข้างคึกคัก ร้านอาหารเยอะ อยู่ต้นๆ ซอยหาไม่ยาก และต้นซอยมีเซเว่นด้วยค่ะ



หน้า Hostel มีที่นังพักกว้างดีค่ะ พี่นี่พนักงานเป็นชาวพม่าพูดและฟังภาษาไทยได้นิดหน่อย ถ้าพูดอังกฤษคือเก็ท



ห้องนอนเป็นอย่างนี้ค่ะ แต่จะมีม่านกั้นนะคะ ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมค่ะ ไม่สะอาดเท่าไหร่ น้ำไม่ไหลบ้างบางที แต่แอร์เย็นสบาย ที่นี่ใช้ลูกเหม็นแทนสเปรย์น้ำหอมในห้องนอน เดินเข้าไปหน้าหงายนิดนึง แต่อยู่ๆ ไปก็ชินกลิ่น ฮ่าๆ โดยรวมพออยู่ได้ แต่พนักงานดีมาก น่ารัก กันเอง ถึงเราจะ check out ไปแล้ว ก็ยังฝากกระเป๋าเค้าได้



*** ที่นี่ขาย one day trip ด้วยนะคะ แต่ราคาอาจมีเปลี่ยนแปลงไปตามเทศกาล ***

ติดต่อสอบถาม

โทร : 081-080-7493



ขออนุญาตใช้ภาพจาก net นะคะ เพราะไม่ได้ถ่ายพวกที่พักไว้เลย

สำหรับเรื่องการถ่ายรูปใต้น้ำ เราใช้กล้อง iPhone 6s ใส่ซองกันน้ำเข้า ฮ่าๆ แต่งด้วยแอพ Snapseed มาดูซองกันน้ำกันค่ะ



เราซื้อซองกันน้ำยี่ห้อ AVANTREE เป็นแบบ IPX8 ซึ่งมันกันน้ำได้ 30 เมตร เค้าว่ามาอย่างนี้ นะคะ ตอนเราเอาไปถ่ายรูปก็ลงไปไม่ถึงเมตร


จริงๆ ก็มีหลายสีนะคะ ซื้อก่อนวันเดินทางแค่วันเดียว ของหมดเหลือชิ้นสุดท้าย ซื้อที่ Loft สาขา Paradise Park ค่ะ



คนขายแนะนำว่าต้องเป็นแบบ waterproof นะคะ มันจะมีอีกแบบคือ water resistance แบบนั้นจะแค่กันน้ำเฉยๆ แต่ดำน้ำไม่ได้ เค้าว่ามาอย่างนี้นะคะ เราไม่ค่อยมีข้อมูล เชื่อง่ายเค้าว่าไรดีก็เอาแบบนั้น



ด้านหลังสอนวิธีใช้งาน ง่ายๆ เลยก็คือใส่มือถือแล้วให้ไล่ลมออกให้มากที่สุด ล้อคปากซองให้สนิท



ก่อนใช้ควรเทสดูก่อนนะคะ ถ้าเกิดน้ำซึมสามารถเปลี่ยนได้ที่สาขาที่ซื้อมาค่ะ เราเทสด้วยการเอาตลับแป้งของเพื่อนร่วมงาน และยัดทิชชู่เข้าไปแล้วจับมันถ่วงน้ำครึ่งชั่วโมง ปรากฎว่าน้ำไม่เข้าจริงๆ แต่ก็ไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ตอนเอาลงทะเลก็ยังระแวงๆ ไม่กล้าแช่น้ำไว้นาน ถ่ายๆ ไปก็ยกขึ้นมาเหนือน้ำด้วย



ถ้าเกิดใช้บนบกสามารถใช้ตามปกติได้ทุกอย่าง ถ่ายภาพชัด กดปุ่ม home สไลด์หน้าจอได้ปกติ แต่ถ้าถ่ายรูปใต้น้ำต้องใช้ปุ่มเพิ่มลดเสียงเอาค่ะ และถ้าถ่ายวิดิโอ ให้กดเปิดวิดิโอตอนอยู่เหนือน้ำ พอถ่ายเสร็จก็มากดหยุดตอนอยู่เหนือน้ำเช่นกันค่ะ ภาพวิดิโอชัดกว่าภาพนิ่งค่ะ ลองถ่ายเป็นวิดิโอแล้ว snap shot มาเป็นภาพนิ่ง ก็น่าจะโอเคอยู่นะค่ะ



ยี่ห้อ : AVANTREE

ระดับการป้องกัน : IPX8

สถานที่ซื้อ : Loft สาขา Paradise Park

ราคา : 350 บาท



เมื่อกี๊พูดถึง IPX8 มันคืออะไร ลองดูตามนี้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.widensong.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-ipx-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/มาต่อนะคะ พอดีมาทำงานที่ไซต์แถวระยอง เลยไม่สามารถอัพเดตได้ต่อเนื่องค่ะ วันนี้จะมาพูดถึงรายละเอียดเรื่องของพาหนะในการเดินทางค่ะ สั้นๆ กระชับจากที่เราได้ใช้บริการนะคะ หากใครมีข้อมูลอะไรที่สามารถเป็นทางเลือกในกับผู้อ่านได้ ลองมาแชร์กันนะคะ



ขาไป เราขึ้นจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ลงที่ชุมพร ขบวน 171 (รถไฟฟรี) ที่เราวงไว้เป็นแบบรถเร็ว ซึ่งจอดเฉพาะสถานีใหญ่ค่ะ และวันที่เรานั่งนั้น ไม่เลทค่ะ ตรงเวลาเป๊ะ เป๊ะมากจริงๆ แต่ได้ยินหลายๆ คนบอกว่าก็มีเลทบ้างนะคะแล้วแต่รอบ

ขากลับ เราเลือกเป็นขบวนรถไฟที่ 254 ออกจากชุมพร ลงที่สถานีธนบุรี ที่เลือกขบวนนี้เพราะเป็นรถไฟฟรีค่ะ และมีรอบเช้า พอเราขึ้นฝั่งก็มารอขึ้นรถไฟได้เลย พอถึงธนบุรีก็หาทางกลับบ้านกันอีกทีค่ะ (รถเมล์สาย 40 ขึ้นแถวๆ ธนบุรี ไปลงหัวลำโพงได้ค่ะ)


รายละเอียดเพิมเติมเข้า Link นี้ได้เลยค่ะ http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp



ต่อมาคือเรื่องเรือนะคะ เรือข้ามเกาะจะมี 2 แบบค่ะ คือเรือ Speed Boat (ไม่รู้ว่ามีบริษัทอื่นรึเปล่านะคะ ได้ยินแต่ลมพระยาทั้งนั้นเลย) และอีกแบบคือ เรือนอน

1. เรือ Speed Boat (ลมพระยา) ราคา 700 บาท รวมค่ารถที่รับเราที่โรงแรมไปส่งที่ท่าเรือแล้วนะคะ ประมาณตี 5:30 มารอที่หน้าล้อบบี้โรงแรมเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางข้ามเกาะประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งเรานั่งข้ามเกาะวันขาไปค่ะ รายละเอียดตาม Link นี้เลยค่ะ http://www.lomprayah.com/ww/th/contactus_cpn.htm



2. เรือนอน คือเรือที่เราใช้นอนข้ามมาที่ชุมพรตอนกลับค่ะ เรือนอนมีทั้งขาไปและขากลับนะคะ ไม่ว่าจะขาไหน เรือจะออกตอน 23:00 และถึงที่หมายตอนตี 5 แต่อาจจะเลทๆ หน่อยนะคะ เรือนอนที่เราใช้บริการ คือ เรือพรทวีสินค่ะ รายละเอียดตาม Link นี้เลยค่ะ http://place.thai-tour.com/chumphon/mueangchumporn/2295

นอกจากพรทวีสินแล้ว ยังมี เรือนอนบริษัทอื่นๆ อีกค่ะ ลองดูได้ที่ Link นี้เลยค่ะ http://www.sawadee.co.th/kohtao/kohtao_transfer.html



สำหรับร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่บอกว่าไม่ต้องวางมัดจำ เบอร์ตามนี้ค่ะ มีขาย one day trip ราคาถูก และตั๋วเรือนอนด้วยค่ะ



Tel. 091-787-1319 พี่พัด ร้านแรมโบ้



และเรื่องสุดท้ายของการรีวิวนี้คือ รายละเอียดค่าใช้จ่ายค่ะ บอกก่อนว่าอาจจะไม่ใช่ทริปที่ Low Cost ที่สุด แต่งบก็ไม่ได้บานปลายค่ะ รายละเอียดตรงไหนที่ไม่ตรงกับของเราก็ลองลบออกเอานะคะ คุณอาจจะได้ทริปที่ถูกแบบพอดีๆ ค่ะ



1. ค่าเดินทาง

- ค่ารถเมล์ไปหัวลำโพง 6.50

- ค่าเรือเร็วลมพระยา (ขาไป) 700

- ค่าเรือนอนพรทวีสิน (ขากลับ) 400

- ค่ารถจากธนบุรี – บ้าน 56

- ค่ารถสองแถวจากท่าเรือเข้าเมือง 50



2. ค่าท่องเที่ยวบนเกาะ

- ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์บนเกาะเต่า 200

- ค่า One Day Trip 5 เกาะ 600

- ค่าเข้าชมเกาะนางยวน 30

- ค่าชมวิว จอห์น-สุวรรณ 50

3. ค่าที่พัก 580

4. ค่ากิน + จิปาถะ 526

รวม 3,198.50 บาท



หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่มาอ่านนะคะ อาจมีบางส่วนที่ไม่ค่อยเข้าท่า ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ



IG : ps.prinn

prinnparinada

 วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.37 น.

ความคิดเห็น