เราเคยได้ยิน ไก่ทอดหาดใหญ่ อยู่บ่อยๆ เคยได้ชิมก็เคยบ้างแล้ว แต่เรายังไม่เคยไปถึงเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาสักที จริงๆจังหวัดนี้ก็อยู่ในลิสต์มานานมาอยากจะไปสักครั้ง เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบภาคใต้ แต่ตัวเองอยู่ภาคเหนือ ก็เคยเที่ยวแต่โซนภาคเหนือ ครั้งนี้มีโอกาสลงใต้ จริงๆก็ลงไปเที่ยวหลายวัน เพราะในแพลนคือไปเที่ยวเบตงก่อน แล้วกลับมาต่อ หาดใหญ่-สงขลา ในทริปนี้ไม่ได้มีแพลนอะไร เสริจกูเกิ้ลดูที่ไหนอยากไป ก็จัดไป ทริปนี้เริ่มจากบขส.หาดใหญ่ ซึ่งในทริปนี้เราเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยว 

ไก่ทอดเดชา
ที่แรกไก่ทอดหาดใหญ่เลยแล้วกัน เรามากันที่ร้านไก่ทอดเดชา มาถึงหาดใหญ่ทั้งทีต้องลองมากินไก่ทอดเจ้าถิ่น ลองชิมของต้นตำรับกันให้ถึงที่ 


ร้านไก่ทอดเดชา เมนูเด็ดคือไก่ทอดหาดใหญ่ โรยหอมเจียวหอมๆ นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูยำ ผัด ต้ม ส้มตำ อาหารรสชาติอร่อย

สำหรับที่พักในทริปนี้เราพักที่ Hopinn ทั้ง 2 คืน เนื่องจากเป็นที่พักราคาประหยัด save งบได้เยอะ

ตกเย็นเรามากันที่ จุดชมวิวเขาคอหงส์
จุดชมวิวยามเย็น ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินไปพร้อมๆกับวิวเมืองหาดใหญ่แทบทั้งเมือง มีวิวทิศน์ของเมืองแบบ 180 องศา 

มีพระพุทธรูปปางยืนอยู่บริเวณจุดชมวิว

แสงไฟฟของเมืองสงขลา กับท้องฟ้ายามเย็น วิวเมืองแบบนี้ก็สวยดีแฮะ

ยามเช้า เราตื่นมาวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะหาดใหญ่ 

สวนสาธารณะกลางเมืองหาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ค่อนข้างขวาง ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา มีบรรยากาศที่ร่มรื่น มีอ่างเก็บขนาดใหญ่เหมือนทะเลสาบ มีสวนดอกไม้ คนนิยมไปออกกำลังกาย พักผ่อน 


นอกจากนี้ยังมีเรือเป็ดให้ถีบเล่นในอ่างอีกด้วย

บรรยากาศคือดีมาก มีมุมนั่งเล่น ถ่ายรูปได้หลายจุด

มีสะพานแขวนด้วย

มีสวนดอกไม้ มีดอกไม้หลายชนิด มีมุมให้ถ่ายรูปหลายจุด 

ยามเช้าเราไปทานมื้อเช้ากันที่ อาม่าติมซำ เป็นอีก1ร้านติ่มซำในหาดใหญ่ เป็นร้านติ่มซำในสไตล์จีน มีติ่มซำให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงเมนูอย่างบักกุ๊ดเต๋

ที่ต่อมาเรามากันที่ หาดสมิหลา
เป็นชายหาดที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดสงขลา เป็นชายหาดที่ทอดยาว หาดสวย สีน้ำทะเลเป็นสีฟ้าคราม บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น มีร้านอาหารเยอะมาก มีไฮไลท์คือรูปปั้นนางเงือก ที่นี่เหมาะกับการไปนั่งปิกนิกชิลๆริมทะเล

ภาพบรรยากาศของหาดสมิหลา

ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านสุดชิค ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ อาคารบ้านเรือนเก่าๆ
ราคา คาเฟ่ ตกแต่งดูคลาสิก เดินไปตรงไหนก็เหมือนหลุดไปในยุคเก่า street art ถ่ายให้รูปก็มี

ร้านนี้เป็นคาเฟ่ ทีมีแกลลอลี่บ้านโบราณ มีของเก่า ของโบราณให้ได้ชม มีมุมชิลๆ ได้ความคลาสสิก

คาเฟ่ในย่านเมืองเก่า หลายๆร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ 

โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น ย่านเมืองเก่า

โรงสีเก่าสีแดง ที่นำมาปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาได้เข้าไปเที่ยว และศึกษาประวัติความเป็นมาของโรงสีแห่งนี้ ด้วยความที่โรงสีเป็นสีแดงจึงทำให้ดูเด่นสะดุดตา ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ

ด้านในก็ยังคงอนุรักษ์ อาคารไม้ พื้นที่ในการทำโรงสีให้นักท่องเที่ยวได้ชม

ที่นี่ก็ถือเป็นอีก 1 จุดเช็คอินในย่านเมืองเก่าที่ต้องแวะไป

บ้านนครใน
เป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี มีอาคาร 2 หลัง หลังที่ 1 เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน และบ้านตึกสีขาวเป็นแบบชิโนยูโรเปี้ยน ด้านในเป็นสถานที่เก็บของเก่า เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์


ด้านในมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก มีของเก่าของโบราณ ให้เราได้ดูได้ชม 

street art ในย่านเมืองเก่า มีหลายจุดเลย

วัดแหลมพ้อ
จากประวัติเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า200ปี มีพระนอนยาวองค์ใหญ่ ตั้งอยู่บนเกาะยอ นอกจากนี้บริเวณวัดยังสามารถเห็นวิวสะพานสะพานติณสูลานนท์

เป็นวัดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม ใครไปผ่านแถวเกาะยอก็ลองแวะไปกันได้

พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันฯทักษิณคดีศึกษา
พิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งเรียนรูปเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน และเรื่องราวประวัติศาสตร์ และสิ่งของเครื่องใช้โบราณ 

มีจุดวิวมโนราห์ ที่มีรูปปั้นมโนราห์ สามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์ ข้ามเกาะที่มีวิวทิวทัศน์สวยมากๆ

มองหลังรูปปั้นมโนราห์ จะเห็นถนนข้ามเกาะ วิวสวยมาก 

ด้านหลังก็มองเห็นวิวได้เช่นกัน สามารถเดินขึ้นหอคอยไปชมวิวได้

วิวจากด้านบนหอคอย

ตกเย็นเราไปกันที่ 

มัสยิดกลางสงขลา
1ในแลนด์มาร์คที่สายแลนด์ต้องไปถ่าย เวลาที่เหมาะสมคือช่วงเย็น ตอนพระอาทิตย์ตก ที่นี่ยังได้ฉายาว่าเป็นทัชมาฮาลเมืองไทย อาคารดูใหญ่โตรโหฐาน ดูอลังการ ตกแต่งสวยงาม ด้านในมัสยิดสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้

ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี เป็นอะไรที่สวยมากๆ

ถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย

กลับจากมัสยิด เรามากินข้าวต้ม
ร้านข้าวต้มนายยาว ร้านข้าวต้มร้านดังในหาดใหญ่ ที่เปิดมานานถึง70ปี จากรุ่นสู่รุ่น เมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่กินกับข้าวต้มและข้าวสวย มีมากกว่า100เมนู รสชาติอาหารอร่อย ราคาไม่แพงเลย

ยามเช้าเรารีบตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อขับรถมาที่ เขาคูหา


เขาคูหา ตั้งอยู่ที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 30 กม. เป็นสถานที่หนึ่งในUnseenจังหวัดสงขลา ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงตะหง่านเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล
การพิชิตยอดเขาใช้เวลาเดินขึ้นเพียง15-20นาทีก็ถึงยอดเขา บนเขาวิวสวย มีภูเขาหินทรงแหลมรูปร่างแปลกตาเป็นไฮไลท์ ตอนเช้ายังพอได้เห็นสายหมอกไหลพัดผ่าน มุมถ่ายรูปสวย ดูหวาดเสียวและอลังการ เป็นอีก1 โลเคชั่นที่ต้องห้ามพลาด

ในยามเช้า เราจะได้เห็นหมอก หรือ ถ้ากลางคืนฝนตกเยอะๆ เราอาจจะได้เห็นทะเลหมอก

วิวด้านบนมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 180 องศา เห็นภูเขาสวยๆ หลายจุด

ด้านบนคือมุมถ่ายรูปเยอะมากๆ หลายจุดค่อยข้างอันตราย หวาดเสียว ยังไงเวลาถ่ายรูปก็ต้องระมัดระวังกันด้วยครับ 

เที่ยงๆ เราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันที่ร้าน 

ต้นม่วงก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามยักษ์ กระดูกหมูชิ้นใหญ่ รสชาติแซ่บๆ เมนูไฮไลท์จะเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ต้มเล้ง

จากนั้นเรามากันที่ วัดฉื่อฉาง

เป็นวัดจีนที่สวยมากๆ ได้กลิ่นอายแบบเมืองจีน วิวรอบๆวัดถ่ายออกมาเหมือนอยู่ต่างประเทศ ตัวอาคารตกแต่งด้วยกระเบื้องแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ สีขาวดูเด่น ดูสวยงาม มีความคลาสสิก
ถ่ายรูปสวย

ภาพบรรยากาศภายในวัด และบริเวณรอบๆ 

บ่ายแก่ๆ เรามาแวะกันที่ Basic Sit & Sip

คาเฟ่สไตล์มินิมอล ตกแต่งโทนสีขาว ดูสบายตา เหมาะกับการไปนั่งชิลๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูป

ภาพบรรยากาศในร้าน 

สั่งกาแฟมาจิบสักหน่อย 

พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ

เป็นเจดีย์ที่สร้างด้วยสแตนเลส ตั้งอยู่บนเขาคอหงส์ รูปทรงดูใหญ่โต เจดีย์แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์สแตนเลสแห่งแรกของโลก ทางเข้าเป็นประตูวงกลม ด้านในมีองค์พระประธานประจำวันเกิด มีทางขึ้นเป็นบันไดเวียนไปด้านบนเจดีย์

ด้านในเจดีย์มีพระพุทธรูป

ด้านในเจดีย์สวยมาก ชอบตรงประตูวงกลม ที่มีทางเข้าหลายทาง และมีบันไดวนขึ้นไปถึงกลางเจดีย์

ด้านบนกลางเจดีย์

ปิดท้ายกันที่ ตลาดกิมหยง ตลาดการค้าที่มีของขายเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของฝาก มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ก่อนกลับแนะนำให้แวะไปเดินดูของฝาก รับลองได้ได้ติดไม้ติดมือไปเต็มแน่นอน

จบทริป หาดใหญ่-สงขลา ในแบบฉบับของเรา รู้สึกประทับใจในการไปเยือนสงขลาครั้งแรก อาจจะไม่ได้มีแพลนอะไรมาก แวะไปเช็คอินตามหมุดสถานที่ที่เราอยากไป ไว้มีโอกาสเราคงต้องได้กลับมาซ้ำแน่ๆ เพราะยังมีอีกหลายจุดเช็คอินที่ต้องแวะไป ยังไงก็ขอฝากรีวิว สงขลา-หาดใหญ่ ไว้ด้วยนะครับ ยังไงก็ลองแพลนตามกันดูได้ 

อยากเที่ยวก็เที่ยว

 วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 15.47 น.

ความคิดเห็น