อยากไปอยุธยาวะ"

"อะ ไปดิ่ วันไหนอะ"

"พรุ่งนี้"

ว้อทททททท!

และนี่แหล่ะค่ะ จุดเริ่มต้นของทริปนี้

อะไรกันก็ไม่รู้

รู้ตัวอีกทีก็ตอนวิ่งไปสถานีหัวลำโพง

เพราะจากที่เช็คมาจากในเว็บเมื่อคืนสดๆร้อนๆ

เขาว่ากันว่า รถไฟจะออกตอน06:40

วิ่งกันจนเหงื่อไหลไคลย้อย

สรุป

รถไฟเลทไปชั่วโมงนึง

ค่ะะะ กราบสวัสดีงามๆ


07:40

รถก็เริ่มบ้ายบายชานชาลาอย่างสวยงาม

ประหนึ่งว่า นางออกตรงเวลาเป๊ะๆ

แต่ก็นะะ 20บาทเองแก

ถูกกว่าโบกวินไปม.อีกก

จริงๆรถไฟฟรีก็มีนะ แต่เหมือนมันจะโคตรเช้า

เราเลยยอมเสีย20บาทเพื่อแลกกับถุงใต้ตาที่น่ารักของเราดีกว่า


สำหรับเพื่อนแล้ว นี่เป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกในชีวิตของมัน

ก็พยายามทำตัวปกติ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย



อ่อใช่ๆ

ทริปนี้เราไปกัน2คนหน่ะ

ดูสวีทไปอีกกกกก


บรรยากาศบนรถไฟของเราก็ ยังคงความมีเสน่ห์ไว้ได้จริงๆ

ส่วนตัวเราชอบนั่งรถไฟมากๆ

มันทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆอย่างดี

ประมาณ9โมงเช้า

เราก็มาถึงจุดมุ่งหมายของวันนี้กัน

เลยสั่งเพื่อนไปยืนเป็นแบบที่ป้ายให้หน่อยสิ้

ตอนแรกนี่แทบจะหาป้ายกันไม่เจอ

ไม่รู้จะขาวไปไหนนน


ในส่วนของชุดวันนี้

นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมคนถึงมองกันตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย

แปลกหยอออ

ก็ไม่ค่อยหรอกค่ะ ไม่ค่อยมีคนเขาใส่กัน..

หลังจากเรากึ่งวิ่งกึ่งเดินด้วยความตื่นเต้นออกจากชานชาลา

เราก็เจอป้าย

"Bicycle For Rent"

(ให้เช่าจักรยาน)

รออะไรหล่ะะะ รีบวิ่งเข้าใส่สิ

แต่ใครมันจะไปรู้ว่า เพราะความตาดีนี่แหละ

ที่ทำให้ทั้งวันของเราแทบจะเรียกว่าหายนะกันเลยทีเดียว55555555

ทั้งต้องขี่ข้ามสะพาน ยกจักรยานขึ้นลงเรือ

ปางตายค่ะแกกก


เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยากมีชีวิตรอดนานๆก็

ให้รีบวิ่งเปี้ยวไปที่ท่าเรือแล้วข้ามไปให้เสร็จซะก่อนค่อยไปเช่าฝั่งนู้นนน

ชีวิตพวกนายจะสบายขึ้นเยอะ

แต่ในส่วนของคนที่พลาดมาแล้วนั้น

ปั่นวนไปค่ะะะะ

นี่ๆ ค่าจักรยานน้อยของพวกเรา

50บาทต่อวัน

แถมแผนที่กับที่ล็อคล้อให้ด้วยนะ


และด้วยความที่พวกเราค่อนข้างจะหิวเอามากๆ

ที่แรกที่เราเลือกไปกันเลยจะเป็นอะไรไปไม่ได้

นอกจาก..

ตลาดน้ำอโยธยา

เดินเข้าไปเรื่อยๆก็ไปเจอเข้ากับ

เจ้าก๋วยเตี๋ยวร้านนี้

ราคาชามละ40บาทเท่านั้น

แต่ถ้าถามว่าอร่อยไหม

มันจัดอยู่ในหมวดเฉยๆอะ

งั้นเราจะสคิปมันไปทันที


หลังจากที่อิ่มแล้ว เราก็เดินๆเล่นกันอยู่ในนั้นแปปนึง

พยายามเซลฟี่คู่

สักพักก็หมดความอดทน ไปต่อดีกว่าาาา

อโยเดีย ตลาดนานาชาติ

ที่นี่จะอยู่ติดกับตลาดน้ำเลย

แบบว่าข้ามถนนมาก็ถึงทันที

ก็มีให้นมแพะ ปลาคาร์ฟ แล้วก็โชว์สัตว์บลาบลาบลา

แต่เราไม่ได้เลือกที่จะดูนะ

เพราะเดี๋ยวหมดวันกันพอดี

เลยโดดขึ้นจักรยาน ปั่นกันต่อไปเรื่อยๆ

จนมาเจอเข้ากับ


วัดสมณโกฏฐาราม

วัดนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่เลยย

เราเลยแวะมาแชะแชะกันสักหน่อยพอเป็นพิธี


หลังจากนั้น เราก็ปั่นกันยาวๆ

ข้ามสะพานในตำนาน

วนวงเวียน เลี้ยวโค้ง ขึ้นเนิน ลงภูเขา

ถึงสักทีโว้ยยยย

วัดมหาธาตุ


จริงๆระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก

แต่ด้วยความที่เราทั้งสองปั่นจักรยานกันไม่แข็งเลยย

มันก็เลยออกมาในสภาพทุลักทุเลไปสักหน่อย

แต่อย่างน้อยก็ถึงนะเว้ยยย

ไปค่ะะะ ซื้อตั๋วกันเถอะ

ได้มาแล้ว สำหรับคนไทยแค่10บาทเท่านั้นนน

แต่เข้ามากันแล้วก็

อย่าลืมทำตามกฏข้อห้ามเขานะก้ะ

สถานที่สวยๆแบบนี้จะได้อยู่กับพวกเราไปนานๆ

ข้างในนี้ สวยเอามากๆ

สวยมันทุกมุม

เข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนได้หลุดมาอีกโลกนึง

จากที่เดินแล้วมองเห็นแต่ยอดตึก

พอได้มาสัมผัสอิฐสีส้มๆ ท้องฟ้า ต้นหญ้า

มันก็รู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน


ทำเอาพวกเราเพลินกันอยู่นานสองนาน

ก็ยังคงเดินวนไปเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าข้างในนี้มันใหญ่ขนาดไหน

แต่เดินเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที


ระหว่างที่กำลังแอบยิงชาวบ้านเขาอยู่นั้น

นี่ก็คิดนะว่าจริงๆแล้ว วันๆหนึ่งเราอาจจะเดินผ่านคนที่จะเข้ามาเป็นความสำคัญในชีวิตเราก็ได้

เนอะ

หรือบางที เราอาจจะลืมคนๆหนึ่งไว้ข้างหลัง

โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวก็ได้เช่นกัน

ป่าวหรอก ความจริงคือ

ถ่ายติดเขามา แล้วไม่รู้จะทำยังไงดี

ตีเนียนเอาเลยละกัน55555555555

เริ่มหิวแล้วงะแกกกก

ปีนออกไปหาไรกินกันดีกว่า


ป้าคนขายไอติมทักว่า

แต่งตัวแก่กันจัง

ฮืออออออ ป้าค่ะ ป้าจะทักพวกหนูแบบนี้ไม่ได้นะ

แต่ไอติมป้าเขาอร่อย

นับว่าให้อภัยแล้วกัน


หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว

เราก็ตัดสินใจว่าจะไปไหนกันต่อดี

สุดท้ายความขี้เกียจจะไปไฟท์กับรถบนถนนใหญ่ก็ชนะ

เราเลยขี่จักรยานวนไปข้างหลัง

นับเป็นครั้งแรกของวันนี้ที่เราตัดสินใจถูก5555555

มันเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆกว้างๆ

เพื่อนก็สนุกสนานกับการได้ปั่นจักรยานโดยไม่ต้องหลบทางให้รถใดๆ


ส่วนนี่ขอบายยย

เนื่องจากอยู่ดีๆก็ดันเป็นวันแดงเดือดขึ้นมาซะอย่างงั้น

อะไรจะโชคสองชั้นขนาดนี้

ปั่นไปนะเพื่อนน เราจะนั่งคุยกับต้นหญ้ารออย่างสงบ

หลังจากนั้น

เราก็หอบสังขารตัวเองและจักรยานกลับไปคืน

และขึ้นรถไฟกลับถึงกรุงเทพพร้อมด้วยของแถมเป็นรอยไหม้ตามลำตัวนิดนึงงงง


สรุปค่ารถไฟไปกลับ40

ค่าจักรยาน50

ที่เหลือก็เน้นไปทางของกินซะส่วนใหญ่

รวมๆค่าเสียหายก็ประมาณ300บาท ตามความตละกะของคนเรานั่นเอง


"ในความทรมานมีความทรงจำซ่อนอยู่"

เคยได้ยินคำนี้ไหม

ไม่เคยละสิ

ก็พึ่งคิดขึ้นมาเมื่อกี้นี่นา555555

เอ้ออออ นั่นแหละ

สำหรับทริปนี้ ถึงมันออกจะร้อนและดูเหมือน ไปทำไรกันวะ ไปหน่อย

แต่เชื่อเหอะ ว่ามันจะฝังอยู่ในเมมสมองเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่าลืมชวนเพื่อนไปเที่ยวกันได้แล้วนะะ



สิงหาคม

 วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.14 น.

ความคิดเห็น