ประเทศไทยจะมีหน้าหนาวได้สักปีละกี่วัน

อากาศหนาวจึงเป็นเหมือน rare item

ถ้าอยากได้ก็ต้องออกไปหาเอง

เล้ทโกววว

08:00 ออกเดินทาง

ทริปนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์ 2 คัน

โดยจุดมุ่งหมายแรกของเราก็คือออ


อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

  • ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท/คน
  • ค่ารถเข้าอุทยาน 50 บาท/คัน
  • ค่าเข้าลานกางเต้นท์ 30 บาท/คน
  • ค่าเช่าเต้นท์ 225 บาท/หลัง (3คน)


11:00 ถึงแล้ววว

พวกเราตกลงกันว่าจะกางเต้นท์ให้เรียบร้อยก่อน

ค่อยออกไปหาอะไรกิน

เพราะกางเต้นท์มันก็เรื่องง่ายๆปะว้าาา

เดินหาโลเคชั่นกันจนเจอ ลานที่ยังโล่งๆ

เริ่มต้นภารกิจได้

มันเป็นการกางเต้นท์ที่ดูทุลักทุเลเอามากๆ

สักพักก็จะมีประโยคคำถามเดิมๆขึ้นมาว่า

"เฮ้ย เค้าให้เหล็กนี้มาทำไมวะ"


พยายามกันมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ

น้องก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

เสร็จแบ้ววว

น่าจะพอนอนได้

ภาวนาแค่ว่า ตื่นมาพรุ่งนี้เต้นท์จะยังอยู่ที่เดิม

ไม่ใช่ว่าลอยอยู่กลางแม่น้ำไรงี้ ไม่เอาาา


บรรยากาศรอบๆเต้นท์เราก็ดีนะ

ธรรมชาติเอามากๆ

มีกวางคอยเดินตรวจแบบสม่ำเสมอ


แต่ที่พีคคือ ทุกคนที่มากางเต้นท์ที่นี่ดูโปรมากๆ

ทุกคนมาพร้อมครัวขนาดย่อมๆ

บางกลุ่มนี่มียันเครื่องปั่นไฟ

ในขณะที่เรา ไม่มีอะไรให้กินทั้งนั้น

เพราะนี่จินตนาการไว้ว่าข้างบนนี่น่าจะอารมณ์เหมือนภูกระดึง

มีร้านหมูกระทะ โจ้ก ส้มตำบลาบลาบลาา

แต่ความจริงมันไม่ใช่อะแกกก

เลยต้องรีบขับรถกลับลงไปหาอะไรกินที่ล่างเขา

พร้อมหาเสบียงสำหรับค่ำคืนนี้

เราต้องไม่อดตาย!

มาจบลงที่ ร้านส้มตำตรงทางขึ้นเขา

มื้อนี้หมดไปประมาณ 1,100

เอาจริงคือรู้สึกว่ามันแพง

แต่อยากกิน และ น้องหมาที่ร้านน่ารัก

ให้อภัย

ขับเลยมาอีกนิดเราก็เจอตลาด

ก็อะ กำลังจะจอดแวะ

ซื้อของในตลาดนี้ไปรวมๆเป็นดินเนอร์คืนนี้เอาก็ได้ว้าา

แต่ช่วงเวลานี้แหละ

ที่หางตาดันไปสะดุดกับคำว่า "ร้านหมูกระทะ"

วิ่งเข้าร้านแทบไม่ทัน

ซึ่งรูปรีวิวกำลังจะตามมา


ดูรูปวิวไปก่อนละกัน55555

จุดชมวิวบนอุทยานเขาใหญ่

ที่แรก ที่เราจอดแวะตอนขับรถกลับขึ้นเขา

ที่นี่มีทั้งคนที่มาเป็นคู่

เป็นเดี่ยว

และเป็นโขยงแบบพวกเรา

แต่วิวดีม้ากมากก อากาศก็เย็นๆหน่อย

เป็นความรู้สึกที่ว่า เขาใหญ่ให้เราได้ขนาดนี้เลยหรอวะ

เว่อร์มะ แต่รู้สึกจริงนะเว้ยยย

อาจจะเพราะไม่ได้คาดหวังไรมากด้วยมั้ง


แต่นี่มันจะ 4 โมงเย็นแล้ววว

ขึ้นรถเว้ยย ไปที่อื่นต่อก่อนที่แสงจะหมด

อ่างเก็บน้ำสายศร

จุดเช็คอินที่ 2 ของพวกเรา

จุดนี้คือหนาวขึ้นกว่ามะกี้อีก

อาจจะเพราะอยู่ใกล้น้ำ มั้งงงง


ระหว่างที่ทุกคนกำลังชมวิวและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

เพื่อน เพื่อนทำอะไรรร

"หาทิศดาวเหนือสำหรับคืนนี้"

ได้หรอเพื่อนนน

รีบไล่เพื่อนไปถ่ายรูปตรงโขดหินเช็คอิน

ถามว่ามีคนบอกมาหรอว่านี่คือโขดหินเช็คอิน

ก็ป่าว

คิดกันเอาเอง

และก็ถ่ายกันสะครบทุกคนเลยนะ

ไปต่อได้แล้ว หนูหนาววว


น้ำตกเหวสุวัต

มาถึงที่นี่ตอน 4 โมงครึ่ง

และน้ำตกจะปิดตอน 5 โมงตรง

วิ่งสิคะรอไรรร

อันนี้เพื่อนอาจจะดูเผลอ

ป่าว ความจริงคือมันเรียกให้ถ่าย แล้วทำเป็นเหมือนไม่รู้ตัว

เพื่อนสอนตั้งค่าถ่ายน้ำตกแบบนี้ครั้งแรกกก

แบบไร้ขาตั้งกล้อง

มันบอกให้กลั้นหายใจแล้วกดชัตเตอร์เอา

ก็ได้ว้าาา


"5 โมงแล้วครับ น้ำตกจะปิดแล้วนะครับ"

เสียงเจ้าหน้าไล่เป็นนัยๆว่า กลับเต้นท์พวกแกไปได้ละนะะ

อะเคค่ะ

ขับรถกลับไปหาเต้นท์ที่เรารักกัน

ปรากฏว่าพอกลับมาถึง รถเยอะมากๆๆๆๆ

วนหาที่จอดอยู่2-3รอบได้

ณ จุดนั้นคือที่จอดมีค่าเทียบเท่าหมูกระทะได้

ย่อเย่น พอเห็นเตาหมูกระทะอยู่ตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนใจ

เห้ย มันมีค่าเท่าๆกันหน่าาา

ตอนแรกทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

ไม่หิวๆ

แต่พอกลิ่นมันตีจมูกเท่านั้นแหล่ะ

ตะเกียบก็คีบอย่างกับระบบออโต้

พอเริ่มมืด อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ

และอะไรจะคู่ควรกับอากาศแบบนี้ไปได้เท่ากับมาชเมลโล่ย่างได้

หุย ฟินนน


จบคืนนี้ไปด้วยการนั่งเม้ามอยกันรอบเตาถ่าน

สิ่งที่เราเศร้ามากๆคือ นี่ป่วย เสียงหายตอนวันไปเที่ยวพอดี

เลยไม่มีเสียงจะคุยกับเพื่อน แงงงง เศร้าจริง

ทุกวันนี้ก็ยังเสียดายอยู่

เอาเป็นว่ากู๊ดไนท์


ผาเดียวดาย

เช้านี้เราเลือกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่นี่

ซึ่งกว่าเราจะมาถึงก็สายมากแล้ว

วิ่งอเกนนน

ปรากฏว่าพอมาถึงคือพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น

ยืนรอกันไปอีกสักแปป

หมดเวลาของพระอาทิตย์แล้วว


...

และนี่ก็เป็นจุดพลิกพันของชีวิตรีวิวเรา

คือนี่ค้นพบว่าแบตกล้องกำลังจะหมด

และดันลืมเอาสายชาตมาอิ๊กก

เลยต้องไปยืมกล้องพี่มาถ่าย

แต่ก็ใช้ไม่ถนัดอีกอะ แงงง

รูปก็จะแปลกๆหน่อย


น้ำตกเหวนรก

จุดเช็คอินสุดท้ายที่เราไปกันก่อนจะลงจากเขาใหญ่

ใช้เวลาเดินเข้าไปลึกพอสมควร

ที่พีคกว่านั้นคือ

บันไดชันมากกกกกกกก

เห็นบันไดแล้วอยากยอมแพ้อะ

ที่รูปเบลอเพราะขาสั่นอะปะไม่แน่ใจ

แต่พอเดินลงไปก็รู้สึกคุ้มค่าอยู่

น้ำตกอลังการกว่าเมื่อวานอีก

ถึงเวลาบอกลาเขา

ไปใช้ชีวิตในเมืองกันบ้าง

เริ่มจากเช็คอินที่พักที่จองผ่าน agoda มาแล้วก่อน

ซึ่งก็ลุ้นกับที่พักเอามากๆ

เพราะราคาที่ลด 79% จากหมื่นกว่าๆ เหลือคืนละ 3,300 โดยประมาณและที่นี่ก็คืออ

The Loft Khao Yai

ที่เจ้าของอยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจ อัพเกรดให้เราไปอยู่วิว พูลวิลล่าแทน

ซึ่งถ้าให้รีวิวแบบพูดตามตรงก็คือ

เป็นสระน้ำที่เราไม่กล้าลงเล่น

อาจจะเพราะมันดูเก่าๆแล้วอะมั้ง

แต่ด้วยราคาที่เราจองมาแบบไม่ได้สูงมาก

ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ส่วนตัวเราโอเคมากๆ

บรรยากาศรอบๆก็ดูธรรมชาติดี

ที่ทำให้นี่ตกหลุมรักที่สุดเลยก็คือ

น้องงงง แงงงง น่ารักม้าก

หลังจากกลับมาแล้วมาเจอเพจบ้านพักเลยพึ่งค้นพบว่า

น้องมีชื่อด้วยยย

น้องชื่อซิลเวอร์ <3

เพื่อนนั่งๆอยู่น้องก็มาดุนๆ

ทุกคนก็ยืนลงความเห็นกันว่าน้องต้องการอะไร

สุดท้าย

หนูแค่ต้องการอาณาเขตคืน โง้ยยย

แต่อันนี้ต้องบอกว่าความชอบส่วนตัวล้วนๆ

เพราะเพื่อนบางคนก็กลัว

เข้าไปดูในบ้านดีกว่า

จะกลายเป็นรีวิวแพะและ แหะๆ

เปิดประตูเข้ามาก็เจอห้องรับแขก กว้างขวางดี

ที่นี่ก็มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว

ไม่พูดเยอะ ไม่ได้ค่ารีวิว55555555

เย็นนี้จบลงด้วยการไปเดินซื้อของจากตลาดมากินด้วยกัน

แฮปปี้


ยามเช้าก็มีนุ้งแพะมาปลุกถึงหน้าประตูบ้าน

ถึงเวลาบ้ายบายเขาใหญ่แบบจริงๆแล้ว

ตบท้ายด้วยคาเฟ่น่ารักๆสักที่ละกัน


บ้านนอก คอกนา เขาใหญ่

ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่ และที่พัก

ที่มีมุมสวยๆเยอะม้าก คือถ้าใครอยากถ่ายรูปนี่ ถ่ายจนเหนื่อยกันไปข้าง

ราคาเครื่องดื่ม เค้กที่นี่ก็อยู่ที่ประมาณ 70-90 บาท

ซึ่งตอนเราไปถึงคือเค้กเขายังไม่มาส่ง

แงงงงง จะกินน

ปรากฏว่าทั้งร้านเหลืออยู่ชิ้นนึง

น่าจะเป็นของเมื่อวาน

ซึ่งคนขายก็ดูไม่อยากจะขายให้เท่าไหร่

แต่นี่จะกินนน

ถึงเวลาปิดทริปจริงๆแง้ว

ลองตามมากันได้น้าาา

เราว่ามันเป็นทริปที่ไม่แพง ใกล้ๆกรุงเทพ และก็รู้สึกได้สัมผัสธรรมชาติใช้ได้

บ้ายบุยงับบบ

ความคิดเห็น