ผมตัดสินใจออกจากงานและมาทำตามสิ่งที่ใจบ้าๆเรียกร้อง

Part 1 :

พูดก็พูดเฮอะ โคราช เป็นเมืองที่โคตรใหญ่ ผมไม่สามารถธุดงค์ได้ถ้าไม่มีมอเตอร์ไซต์ วันนี้แผนในหัวคือเที่ยวตะลอนไปรอบๆเมือง ในหัวคิดแค่อย่างเดียวว่าถ้าเจอตรงไหนถูกใจค่อยปักหลักตรงนั้น ผมขี่ไปรอบๆเมืองและเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ

จนมาหยุดอยู่ที่ Art and gallary ชุมชน ที่นี้มีประติมากรรมและงานศิลปะหลากหลาย ผมรู้สึกถูกใจไอ้เจ้า "แมวโคราชสำริด" ตัวนี้ขึ้นมาแบบ Wow amazing พอมองดูมันใกล้ๆ ผู้สร้างของเจ้าแมวตัวนี้ต้องมีจินตนาการและความสามารถการออกแบบสรีระของแมวให้มีความเป็นธรรมชาติอย่างมาก ยิ่งดูยิ่งประทับใจกับความเก่งของศิลปิน ผมดูมันทุกซอกทุกมุม จนนึกอยากจะเอามันไปตั้งโชว์ที่บ้าน 

ผม : พี่ๆ ไอ้แมวตัวนี้เท่าไหร่ครับ

พี่ยาม : สี่ล้านอะน้อง!!! เองจะซื้อไหวหรอ

ผม : ผมไม่ซื้ออะแต่จะโขมยอะได้มะ hahaha 

พี่ยาม : ถ้าเองยกไหวพี่ให้เลย

ผม : งั้นเรามาช่วยกันยกพี่!!!! (อย่างเพี้ยน)

เมื่อบทสนทนาจบ ผมกับพี่รักษาความปลอดภัยก็คุยกันสนุกสนาน เราแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรื่องราวของชีวิต พี่แกเป็นคน อำเภอใกล้ๆ แกใกล้จะเกษียณแล้ว ผมถามแกว่าแก happy กับงานที่ทำไหม แกตอบแบบ ชิวๆว่า ถึงพี่จะไม่ชอบแต่มันก็เป็นงานที่ทำแล้วได้เงินนะหนุ่ม พี่ทำมานานแล้ว มันก็มีทุกข์สุขปะปนกันไป ตอนนี้อยู่ตัวแล้ว พี่ก็มีความสุขดีกับงานที่ทำ 

เองละ เป็นไงมาไงถึงมาโคราชได้ ผมก็เลยเล่าถึงเรื่องที่ผ่านมาให้แกฟังว่าผมเพิงจะออกจากงานครับและก็ออกเดินทางไปเรื่อยๆตามหาเรื่องราวของชีวิต สุดท้ายพี่แกก็บอกว่าแถวนี้มีสวนสาธรณะกับวัดประจำจังหวัด เองลองไปเดินเล่นดูพี่ว่าเองน่าจะชอบ (ขอบคุณนะครับพี่ประสิทธิ)

ผมจึงตอบกลับไปว่าขอบคุณนะครับที่แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ผมว่าจะเดินเล่นอีกสักแปปและเดี่ยวจะไปตามที่พี่บอกครับ 

ประติมากรรมสะพานที่เห็นนี้ มันถูกเรียกว่า "พรมสีรุ้ง" (2ล้านบาท) เป็นไอเดียของชาวญี่ปุ่น บอกเลยว่าไม้ที่ถูกร้อยเรียงกันเป็นทอดๆด้วยมือปราณีตสุดๆ มันช่างวิเศษจริงๆ เจ้าสิ่งนี้จะถูกทำออกมาใน scale เท่าของจริงเพื่อเป็น landmark ใหม่ของเมืองโคราชด้วย ผมรอวันนั้นให้มาถึงเลย 

บางครั้งเราอาจจะมองบางสิ่งเป็นของไร้ค่าและบางสิ่งเป็นสิ่งสวยงามแต่ถ้าเรามองมันด้วยใจแทนที่ตา ทุกสิ่งล้วนมีค่าในตัวของมันเอง ไม่มีอะไรแย่หรือดีทั้งนั้น แต่เป็นตัวเราตางหากที่ตัดสินและกำหนดค่าของมัน นี้แหล่ะ peach and love ความรักและสันติภาพผมเดินชม Art and gallery อยู่ชั่วโมงกว่าและก็ไปวัดศาลาลอย ตามที่พี่ยามบอก

วัดศาลาลอยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิของคนโคราชเพราะเป็นที่เก็บอัฐิของย่าโม (ท้าวสุรนารี) ผมเดินเล่นและเยี่ยมชมประติมากรรมและศิลปะของของที่นี้สักพักแล้วผมก็กลับ

Part : 2 

หลังจากไปเยี่ยมชมวัดศาลาลอยร่างกายก็ต้องการคาเฟอีนอย่างฉับพลัน เลยค้นหาร้านกาแฟสงบๆจนมาได้ร้าน Yellow pumkin

ร้านนี้น่ารักสงบและก็มีต้นไม้แบบที่ผมชอบ กาแฟก็ดี ราคาก็ไม่แพง Yellow pumkin เป็น cafe เล็กๆแบบสไตล์ โฮมมี่ โฮมใจ มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อยู่ในซอยเล็กๆแบบ hippy รวมๆแล้วผมชอบ ตอนนั้นกำลังนั่งหาข้อมูลว่าจากโคราชไปภูกระดึงยังไง นั่งสักพักก็คิดได้ถามคนแถวนี้ดีกว่า โชคดีมีพี่สองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ผมจึงทักทายและสอบถามทันที พี่ๆเขาก็แนะนำและให้ข้อมูลมาอย่างครบถ้วนว่าน้องต้องไปลงผานกเค้าและต่อรถไปภูกระดึงนะ (ขอบคุณสำหรับมิตรภาพและ information ดีๆครับ)

Part : 3

ตอนนี้ก็ 4 โมงแล้วได้เวลาที่ผมจะไป "บุ่งตาหลัว" ผมขี่เวฟ 110 คู่ใจ ไปแบบหน้าตั้ง 

บุ่งตาหลัวเป็นสวนสาธรณะที่มีความกว้างหลายเอเคอร์ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง คนโคราชชอบมานั่งพักผ่อน วิ่งและทำกิจกรรมกันที่นี้ ลมเย็นๆกับบรรยากาศชิวๆ ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมผู้คนมากมายถึงมากัน ผมเดินเล่นจนเพลิน เดินไปเดินมาเริ่มเมื่อยจึงนั่งพัก พักได้แปปก็ง่วงผมเลยนอน (กาแฟที่ดื่มมาเหมือนธาตุอากาศ) ผมนอนลงบนพื้นหญ้าและมองดูแผ่นฟ้า ในใจก็คิดไปต่างๆนาๆสำหรับการใช้ชีวิตในส่วนถัดไปของวันพรุ่งนี้และต่อๆไปครับ นอนไปนอนมาหลับจริง!!!!!! 

โอ้พระเจ้า!!! ความบ้าก็คือหลับนานไปหน่อยจนตื่นมา 6 โมงเย็น ฟ้ามืด ถ้าจำไม่ผิดผมหลับไปเกือบสองชั่วโมง อะไรกันวะเนี่ย!!!! เมื่อได้สติกลับมาก็ อออกผจญภัยกันต่อครับ ผมเดินสำรวจไปทั่วๆจนมาสะดุดกับภาพวาดบนกำแพงขนาดใหญ่ (จริงๆมันมีหลายอันแต่ไม่ได้ถ่ายไว้เยอะเพราะยุงกัด) ผมเดินดูมันจนอิ่มใจ จนได้มีโอกาสเห็นประเพณีและเรื่องราวต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองโคราชผ่านทางภาพพวกนี้ ผม happy สุดๆครับ  ผ่านเรื่องราวของวันนี้มันทำให้ผมชัดเจนว่าผมชอบการเดินทางเพื่อที่จะได้เรียนรู้กับเรื่องราวในชีวิตของผู้คนที่พบเจอและนำมาเป็นข้อคิดให้กับชีวิต

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามความมั่วและก็เพี้ยนของผมมาจนถึงตอนนี้หลังจากนี้มันกว่านี้แน่นอนครับ

Mr.Electric

 วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 20.18 น.

ความคิดเห็น