1. วัดหลงซาน (Longshan Temple, 艋舺龍山寺) แห่งกรุงไทเป เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 ตั้งอยู่ในแถบย่านเมืองเก่าของไทเป ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่คนไต้หวันเคารพนับถือเป็นอย่างมาก มีชื่อเสียงในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และการขอพรด้านต่างๆ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าหลายองค์ โดยมาจากทั้งศาสนาพุทธ เต๋า และขงจื้อ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู รวมถึงเทพที่มีชื่อเสียงเรื่องการขอพรความรัก นั่นก็คือ เทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา นั่นเอง

– การเข้าเยี่ยมชมและไหว้เทพเจ้าภายในวัดหลงซาน เดินเข้าทางประตูมังกรหรือประตูด้านขวามือเมื่อยืนหันหน้าเข้าวัด และออกจากวัดทางประตูเสือหรือประตูด้านซ้ายมือ เมื่อเข้าประตูมาแล้ว รับธูปฟรีและไหว้ตามจุดต่างๆโดยเริ่มจากที่แรกตรงกลางวัดและวนไปตามจุด
จุดที่ 1 โต๊ะบูชา เป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนีพุทธะ, พระไภษัชยพุทธเจ้า และพระอมิตาภพุทธะ
จุดที่ 2 ระเบียงหน้าตำหนัก ให้ยืนหันหน้าออกหน้าวัดไหว้เทพเทียนกง
จุดที่ 3 ตำหนักกลาง เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม
จุดที่ 4 ด้านหลังตำหนักจุดตรงกลาง เป็นที่ประดิษฐานเทพมาจู่หรือเจ้าแม่ทับทิม เทพแห่งท้องทะเล ขอพรเรื่องการเดินทาง
จุดที่ 5 จะอยู่ด้านขวาเมื่อหันหน้าเข้าจุดที่ 4 จุดนี้จะมีเทพเจ้าหลักเมือง, เทพเจ้าตี้จู้เอี๊ยะ, เทพเจ้าเหวินชาง ขอพรเรื่องการเรียน ส่วนตำหนักเล็กขอพรเรื่องสุขภาพแข็งแรง
จุดที่ 6 เดินไปฝั่งตรงข้ามจุดที่ 5 หรือด้านซ้ายเมื่อหันหน้าเข้าจุดที่ 4 จุดนี้มีเทพเจ้าสำหรับใครที่อยากขอพรเรื่องการมีบุตรหรือขอพรบำรุงครรภ์, เทพกวนอู ขอพรเรื่องการเงิน รวมถึงจุดไฮไลท์ของคนโสดก็คือ เทพเย่ว์เหล่า ขอพรเรื่องความรักและขอคู่ หลังจากไหว้ครบทุกจุดแล้วให้นำธูปไปปักที่กระถางของจุดที่ 1 ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

วิธีขอพรความรักและขอด้ายแดงกับท่านเทพเย่ว์เหล่า โดยวิธีการขอพรให้หยิบ “เซ้งปวย” หรือ ไม้สีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวประกบคู่ถือไว้ในมือ บอกชื่อ-นามสกุล วันเกิด อายุ และที่อยู่อย่างละเอียด อธิษฐานขอพรอยากได้คนรักแบบไหน หน้าตายังไง จากนั้นก็ถามเรื่องความรักที่อยากทราบหรือ ทำการขอด้ายแดงแล้วโยนไม้เสี่ยงทาย โดยผลของการโยนไม้จะมีความหมายว่า

– คว่ำ/หงาย แปลว่า ใช่, ได้, ถูกต้อง
– คว่ำ/คว่ำ แปลว่า ไม่, ไม่ได้, ไม่ใช่ และหมดสิทธิ์โยนต่อ
– หงาย/หงาย แปลว่า ไม่รู้, ไม่แน่ใจ ให้โยนใหม่ หรือเริ่มนับรอบใหม่ 

ซึ่งการขอด้ายแดง จะต้องโยนไม้ให้เป็น คว่ำ-หงาย แปลว่า ได้ ติดกัน 3 ครั้ง จึงสามารถหยิบด้ายแดงแล้วนำไปวนที่กระถางธูป 3 รอบตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าเป็น คว่ำ-คว่ำ ในรอบใดรอบหนึ่ง ถือว่าไม่ได้และหมดสิทธิ์โยนต่อ และถ้าเป็น หงาย-หงาย รอบใดรอบหนึ่ง สามารถโยนต่อและเริ่มนับรอบใหม่

จุดจำหน่ายเครื่องราง ใครอยากได้เครื่องรางด้านต่างๆ พกติดตัวไว้ก็สามารถซื้อได้ตรงจุดนี้ โดยจะมีตัวอย่างเครื่องราง หมายเลขเครื่องราง และราคาบอกไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีตารางประเภทเครื่องรางเป็นภาษาไทยด้วย เครื่องรางมีหลายรูปแบบ ทั้งของแต่งบ้าน พวงกุญแจ เครื่องประดับ เมื่อเลือกได้แล้วก็เขียนหมายเลขและจำนวนส่งให้เจ้าหน้าที่จัดเครื่องรางพร้อมคิดเงิน และหลังจากที่ได้เครื่องรางมาแล้ว ให้นำไปทำพิธีด้วยการนำเครื่องรางไปวนรอบกระถางธูป 3 รอบตามเข็มนาฬิกา ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

การเดินทาง : รถไฟ MRT สถานี Longshan ทางออก 1
เวลา เปิด-ปิด : 06.00 น. – 22.00 น.

2. ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว (Bopiliao Historical Block, 剝皮寮歷史街區) เป็นถนนสายสั้นๆที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่คล้ายกับโกดังเก็บของในยุคศตวรรษที่ 18-19 ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี มีการรีโนเวทและเปลี่ยนให้เป็นย่านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีการสอดแทรกงานศิลปะลงไปด้วย จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวฮิปๆของเมืองไทเป มีอาคารและร้านค้าเก่าแก่แบบดั้งเดิม ย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิง (Qing dynasty, 1683 – 1895) ไปจนถึงอาคารและร้านค้าที่สร้างในยุคที่ตกอยู่ภายในอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น (1895 – 1945)

หรือบางทีเรียกว่า ถนนโบราณปัวผีเหลียว (Bopiliao Old Street) ตั้งอยู่ที่ถนน Kangding Road, Guangzhou Street และ Kunming Street รวมกันเป็นย่านเมืองเก่าที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทเป ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นอกจากจะได้ชมอาคารเก่าแก่ในแต่ละยุคสมัยของไต้หวันแล้ว จะได้เห็นภาพพัฒนาการของเมืองไทเปที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคศตวรรษที่ 18-19 ด้วย โดยจะมีศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป (Heritage Culture Education Center of Taipei) เป็นพิพิธภัณท์ที่จัดแสดงภาพเรื่องราววิถีชีวิตในสมัยก่อนของคนในย่านนี้ เช่นพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ รถสามล้อถีบ โมเดลตัวอาคารต่างๆ ไปจนถึงระบบการศึกษา และการแพทย์ โดยใช้การผสมผสานระหว่างตัวการ์ตูน สิ่งของโบราณ โมเดล และระบบอินเตอร์แอคทีพในการนำเสนอ ทำให้มีความน่าสนใจ ดูง่ายและได้ความรู้ดี จัดแสดงอยู่ภายในอาคารสไตล์อิฐแดงเก่าแก่ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน Guangzhou Street ตัดกับ Kunming Street

การเดินทาง : อยู่ใกล้วัดหลงซาน จากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT Longshan Temple Station ทางออก Exit 1 จะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าวัด เดินตรงเข้าไปประมาณ 200 เมตรก็จะเห็นลานวัดอยู่ข้างหน้า ให้เลี้ยวขวาเดินถัดมา 1 บล็อคก็จะเห็นอาคารเก่าตั้งเรียงกันยาว

เวลาเปิด-ปิด : ภายนอกอาคารสามารถเดินชมได้ตลอดเวลา ภายในอาคารและส่วนของศูนย์การเรียนรู้ เปิด 09:00-17:00 หยุดทุกวันจันทร์

3. อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall) เป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน และสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ต้องมาของเมืองไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อเป็นการรำลึกและเทิดทูนอดีตประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน เจียง ไคเชก ที่ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ.2518 ที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเดิมเป็นกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นเขตทหารที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมืองไทเปในสมัยนั้น ตัวอาคารใช้สีฟ้าและสีขาวซึ่งเป็นสีของธงชาติไต้หวันเป็นหลัก หลังคาทรง 8 เหลี่ยม ถูกออกแบบในความหมายของท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์ที่มีแสงสว่าง 12 ลำแสง สถาปัตยกรรมแบบจีน ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางของจตุรัสเสรีภาพ มีบันไดด้านหน้า 89 ขั้นเท่ากับอายุของท่านประธานาธิบดี โดยภายในจะมีรูปปั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งขนาดใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากรูปปั้นของท่านในที่อื่นๆ ซึ่งจะมีทหารยืนเฝ้าไว้ 2 นายตลอดเวลา และที่กำแพงด้านในจะมีข้อความปรัชญาทางการเมืองการปกครองของท่านอยู่ 3 คำ คือ จริยธรรม ประชาธิปไตย และวิทยาศาสตร์ สถาปนิกผู้ออกแบบคือคุณหยาง จั๋ว-เฉิง ซึ่งเป็นผู้ออกแบบโรงแรม เดอะ แกรนด์ โฮเต็ล ไทเป

ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวชมอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก คือพิธีเปลี่ยนเวรทหาร ซึ่งจะมีทุกๆต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:00-16:00 ของทุกวัน นอกจากนี้ก็จะมีพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในตอนเช้าตรู่และในตอนเย็นด้วย คือเวลา 06:00 และ 18:10 ในช่วงเดือนเมษายน-เดือนกันยายน อีกช่วงคือเวลา 06:30 และ 17:10 ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม ซึ่งทหารที่ทำหน้าที่นี้จะผลัดเปลี่ยนกันมาจาก 3 เหล่าทัพซึ่งจะมีสีของชุดยูนิฟอร์มไม่เหมือนกัน โดยจะทำหน้าที่กันครั้งละ 4 เดือน

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT สถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall สาย 2 สีแดงและสาย 3 สีเขียว ทางออก Exit 5 

เปิดให้เข้าชมทุกวัน : 09:00 น. -18:00 น.

4. ตึกไทเป 101 (Taipei 101) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คหลักของเมืองไทเป เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวันและสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (ปี 2004 เคยสูงที่สุดในโลก) มีความสูงมากถึง 508 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเมื่อมาเยือนไทเป มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อและชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น ที่ชั้น 1-5 จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้าที่ขายของแบรนด์เนม ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ โดยที่ชั้น 5 จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 89 ที่เรียกว่า Taipei 101 Observatory ซึ่งเป็นลิฟท์ที่ได้รับการลงเป็นสถิติว่าเร็วที่สุดในโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด (Guinness Book World Records) ที่ความเร็ว 1010 เมตรต่อนาที โดยภายในลิฟท์จะมีหน้าจอที่เพดานลิฟท์ทำเหมือนว่าเรากำลังพุ่งออกไปในอวกาศให้ชมระหว่างอยู่ในลิฟท์ด้วย ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ขึ้นมาถึงชั้น 89 ซึ่งเป็นชั้นชมวิวกว้างๆอยู่ในอาคาร จากนี้จะมีบันไดให้เดินขึ้นไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย และสามารถเดินลงที่ชั้น 88 เพื่อไปดูลูกตุ้มยักษ์ Wind Damper ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของตึกเมื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและลมพายุ

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน MRT มาลงสถานี Taipei 101/World Trade Center ทางออก Exit 4

เปิดบริการทุกวัน : 09:00 น. -22:00 น.

5. ซีเหมินติง (Ximending) เป็นย่านช้อปปิ้งของวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไต้หวัน มีฉายาว่า ฮาราจูกุแห่งไทเป (Harujuku of Taipei) ซึ่งเป็นแห่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นชื่อดังอยู่ที่มหานครโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เป็นแหล่งกำเนิดแฟชั่นของหนุ่มสาวชาวไต้หวัน และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองไทเปด้วย

ย่านซีเหมินติงเริ่มขึ้นในยุคที่ไต้หวันอยู่ภายใต้อาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น ช่วงปีค.ศ. 1922 มีการสร้างห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ จนปัจจุบันที่มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านขนมต่างๆมาเปิดกันมากมาย มีสินค้าหลากหลายแบบ หลากหลายประเภทโดยเฉพาะแฟชั่นจากญี่ปุ่น มีตรอก ซอกซอยเยอะแยะให้เดินเล่นไปได้เรื่อยๆ เพลินๆ

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Ximen Station สายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน ทางออก Exit 6

เวลาเปิด-ปิด : ร้านค้าเปิดทุกวัน 11:00-23:00 แต่จะครึกครื้นมากตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป

6. ถนนเส้นสายรุ้ง (Rainbow Six) ที่นี่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของไต้หวัน และเป็นสัญลักษณ์ของชาว LGBT เพื่อส่งเสริมให้คนในสังคมเปิดกว้างและแสดงความเท่าเทียมให้กับกลุ่มหลากหลายทางเพศในไต้หวัน ด้วยความสีสันอันสวยงาม บวกกับทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านวัยรุ่นสุดฮิต ทำให้ถนน Rainbow Six กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของทุกคนที่มาเยือนบริเวณนี้

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Ximen Station ทางออก Exit 6

7. อูไหล (Wulai) นิวไทเป แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สามารถเดินทางจากตัวเมืองไทเปได้แบบ ไปเช้าเย็นกลับ นั่นก็คือ เมืองแห่งหุบเขา แช่น้ำแร่ธรรมชาติ น้ำใสออกสีฟ้าเขียว อูไหลเป็นหมู่บ้านบนภูเขา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของไต้หวัน ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไท่หย่า โดยคำว่า “อูไหล” ในภาษาไท่หย่า แปลว่าน้ำพุร้อน จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ น้ำพุร้อนที่นี่ยังมีชื่อเสียงในด้านความใสสะอาด ไร้สี ไร้กลิ่น เหมาะแก่การแช่คลายหนาวเป็นอย่างยิ่ง

อูไหลนั้น มีทัศนียภาพที่งดงาม เกิดจากภูเขาสูงเรียงเป็นแนวยาวตามจุดตัดกันของแม่น้ำหนานซีและแม่น้ำถงฮุ่ย มีน้ำตกอูไหลที่สูงถึง 80 เมตร เปรียบเสมือนเส้นไหมสีขาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ตรงข้ามกับน้ำตกอูไหลมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านและสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์ของชาวไท่หย่า จัดแสดงสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งยังมีรถไฟชมเมืองและรางรถไฟ ซึ่งในอดีตใช้สำหรับการขนส่งไม้ ถือได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนเและศึกษาประวัติศาสตร์รถไฟโบราณ ภายในหมู่บ้าน มีทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก ร้านเริ่มเปิดสายๆจนถึงช่วงหัวค่ำ มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ไม่ว่าจะเป็นนั่งรถไฟ นั่ง cable car ชมวิวมุมสูง เดินเล่นชมสวนด้านบน พายเรือ มีคาเฟ่ ร้านอาหารเยอะ สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งวัน แต่ทางจะคดเคี้ยวขึ้นเขา โค้งเยอะ และที่นี่อากาศดีมากกกกก

การเดินทาง : ขึ้นรถบัสสาย 849 จาก Taipei mani station ทางออก M8 นั่งมาสุดสาย 2ชม. ลงป้ายสุดท้าย (ปลายทาง Wulai)

8. จีหลง (Keelung) เมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของไต้หวัน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ท่าเรือสายฝน’ (雨港) เพราะเป็นเมืองที่มีฝนตกชุกอยู่ตลอด อีกทั้งยังโด่งดังในเรื่องสถานที่เที่ยวเกี่ยวกับทะเล และยังเป็นท่าเรือใหญ่อันดับสองของไต้หวัน รองจากเมืองเกาสง (Kaohsiung) โดย 95% ของพื้นที่เมืองทั้งหมดเป็นเนินเขา รายล้อมไปด้วยทะเล ทำให้ทิวทัศน์ของเมืองแห่งนี้งดงามเหมาะกับการเป็นเมืองแห่งการมาท่องเที่ยวและพักผ่อนจริงๆ ไฮไลท์ 2สถานที่ คือ ท่าเรือ (Keelung Port) และตึกสีๆ (Zhengbin Port Color House)

จีหลงนับว่าเป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากๆสำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวนอกเมืองไทเป แบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางนาน การเดินทางสะดวกรวดเร็ว และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งฟีลเมือง ฟีลธรรมชาติ มีอาหารหลากหลายให้เลือกทาน แนะนำนครจีหลงค่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟ (TRA) (Taiwan Railways Administration) จากสถานีไทเป เมนสเตชั่น (Taipei Main Station) มาลงที่สถานีจีหลง (Keelung Station) ได้เลย โดยรถไฟจะออกจากสถานีทุกๆ 15-20 นาที ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ราคาตั๋วอยู่ที่ NT$41 (~45 บาท)

9. ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market, 台北魚市) เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน เปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากการปรับปรุงพื้นที่ตลาดเดิมเมื่อปี 2012 ซูเปอร์มาร์เก็ตสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ แหล่งรวบรวมอาหารสดใหม่ทั้งของทะเล ผัก ผลไม้และขนมต่างๆ ที่จัดให้บริการเป็นโซน 

การเดินทาง : รถเมล์สาย 49 ขึ้นจากซีเหมิน Exit 2 มาลงหน้าตลาดผลไม้ เดินต่อ 3นาที

10. หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า “เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น” ชุมชนเก่าแก่ที่มีบรรยากาศสุดคลาสสิก ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันบริเวณรอยต่อของเมืองจีหลงกับเมืองนิวไทเป ซึ่งเป็นเมืองที่นอกจากจะมีฮวงจุ้ยดีแล้ว ยังมีวิวทิวทัศน์อันงดงาม ฝั่งหนึ่งติดแนวเขาจีหลง ส่วนอีกฝั่งติดทะเลจีหลง

การเดินทาง : นั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงสถานี Ruifang จากนั้นต่อรถบัส Taiwan Tourist Shuttle – Gold Fulong Shuttle Bus มาลงป้าย Jiufen หรือถ้าเดินทางจาก Ximen นั่งบัสสาย 965 ไม่ต้องต่อรถนั่งยาวถึงเลย

11. อุทยานเกาะเหอผิง (Heping Island Park) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของไต้หวัน มีสะพานเหอผิงเชื่อมต่อระหว่างเกาะเหอผิงและเมืองจีหลง มีปราสาทซานซัลวาดอร์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ สร้างขึ้นโดยกองทัพสเปน เตรียมพร้อมสำหรับการทำธุรกิจกับจีนและญี่ปุ่น เป็นปราสาทแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองจีหลงที่สวยงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในไต้หวัน นอกจากเกาะเหอผิงจะเหมาะสำหรับการดำน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีหินและชายหาดรูปร่างต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของลมและน้ำทะเล เมืองจีหลงจึงแต่งตั้งให้เกาะเหอผิงเป็นสวนสาธารณะชายทะเลที่มีความสำคัญ

การเดินทาง : นั่งรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Keelung ต่อรถบัส Keelung City สาย 101 มาลงที่ป้าย Heping Island Park

12. ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (QingJing Farm) ท่ามกลางเมืองเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของเทือกเขาสุดอลังการ และเขาเหอฮวนซาน (Hehuanshan) ในจังหวัดหนานโถว (Nantou) ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (QingJing Farm) หรือ CingJing Farm ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสีเขียวขจีบนความสูง 1750 เมตร ที่เป็นทั้งฟาร์มแกะ สถานที่เพาะปลูกต้นไม้และผลไม้เมืองหนาว และที่ตั้งของสกายวอล์คที่สูงที่สุดในไต้หวัน พร้อมด้วยอาคารต่างๆที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศคล้ายทางชนบทของประเทศในยุโรปจนได้รับการขนานนามให้เป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน" เลยทีเดียว

การเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง THSR จากสถานี Taipei มาลงสถานี Taichung ทางออก Exit 5 ออกไปต่อรถบัส Bus Station ซื้อตั๋วได้จากเคาน์เตอร์ Nantou Bus เพื่อเดินทางไปยัง CingJing Farm และ Sun Moon Lake

    13. อาลีซาน (Alishan) เส้นทางรถไฟอาลีซาน (Alishan Forest Railway) มีความพิเศษกว่ารถไฟหลายแห่ง คือ การที่รถไฟโบราณสีแดง จะวิ่งผ่านป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ตลอด 2 ข้างทาง แล้วจะไต่ระดับความสูงขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามที่หาดูยากตลอดทางบนรถไฟ โดยนักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใบไม้เปลี่ยนสี เส้นทางป่าสนสีเขียวขจีอายุกว่าพันปี เส้นทางชมซากุระที่กำลังผลิบานและเส้นทางชมทะเลหมอก รวมถึงมีโอกาสดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าสุดโรแมนติก สำหรับทริปนี้จะใช้ระยะเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที โดยเส้นทางจะเริ่มจากสถานี Beimen ไปจบปลายสายที่ Alishan เหมาะสำหรับคนที่อยากท่องเที่ยวด้วยเส้นทางรถไฟโบราณ

    การเดินทาง : ไปเช้าเย็นกลับได้แต่ก็จะเหนื่อยหน่อยและเวลามีน้อย มีรถบัสสาย 1835 ตรงจากไทเปไปอาลีซานในวันศุกร์และเสาร์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง

    14. อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ (Taroko National Park) หรือที่คนไทยเรียกว่า ทาโรโกะ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน ตั้งอยู่ในเมืองฮวาเหลียน เมืองทางฝั่งตะวันออกของไต้หวัน ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเมืองใหญ่ท่ามกลางขุนเขา อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ทั้งภูเขา แม่น้ำ และทะเล บรรยากาศดีมากๆ ใครอยากได้ที่เที่ยวพักผ่อนกับวิวธรรมชาติอันเงียบสงบแบบใกล้ชิด ขอแนะนำให้มาเลยค่ะ

    การเดินทาง : ไปเช้าเย็นกลับได้แต่แนะนำให้ค้างคืน ฮวาเหลียนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะ หรือจอง one day tour ได้ ถ้าจะเช่ารถขับถนนขับไม่ยากแต่บางจุดที่จอดรถมีน้อย

    15. เกาสง (Kaohsiung) ถือเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวัน รองจากเมืองไทเป (Taipei) และไถจง (Taichung) ได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน อีกทั้งยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเวิลด์เกม 2009 ที่นี่มีทะเลที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงทางทะเล” ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก สัมผัสกับความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ จึงไม่แปลกใจเลยที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาสงจะเจริญเฟื่องฟู นอกจากเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญแล้ว เกาสงยังมีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และอาหารท้องถิ่นเลิศรสอีกด้วย

    การเดินทาง : นั่งรถไฟความเร็วสูง (THSR) มาลงเกาสงเลย ใช้เวลาเดินทาง 1.40 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 1,490 TWD ต่อเที่ยว * ชื่อสถานีรถไฟที่เกาสงคือ สถานีจั่วหยิง (Zuoying Station)

    รวบรวมข้อมูลจากหลายๆเว็บ และที่อื่นๆ https://th.wikipedia.org/wiki/... , TrueID , Taiwantourism , เพจท่องเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง 2024

    -รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้รีวิวเอง เจ้าของรีวิวนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางสถานที่แต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

    สุดท้ายนี้... ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามชมรีวิวนี้ด้วยนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

    อีกหนึ่งช่องทางสำหรับการพูดคุย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/bell.diiz.39

    Tara

     วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 23.06 น.

    ความคิดเห็น