เมื่อก่อนเราก็เคยคิดนะ ไปเที่ยวเชียงใหม่ไป 2 วัน 1 คืน โดยที่ไม่นั่งเครื่องไป จะได้เที่ยวหรอ จะมีเวลาเที่ยวหรอ นั่งรถก็ใช้เวลานานมากๆแล้ว แถมยังเป็นรถไฟด้วย ก็เลยเกิดอยากลองขึ้นมาว่า ถ้านั่งรถไฟไปเชียงใหม่ โดยใช้เวลา 2 วัน 1 คืน แค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะเที่ยวได้ขนาดไหน ซึ่งทริปนี้เราไม่ได้แพลนอะไรเยอะ ก็คือจะมุ่งไปเที่ยวทางโซนดอยอินทนนท์อย่างเดียวเลย อยากกลับไปป่าบงเปียงอีกครั้งซ่งตอนไปครั้งแรกก็ชอบมากๆ แล้วก็จะไปดูว่าแถวๆโซนดอยอินทนนท์ พอจะมีแวะเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
ไฮไลท์ที่เที่ยว
- ป่าบงเปียง
-น้ำตกห้วยทรายเหลือง
-เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกรักจัง
-จุดชมวิวกม.41
-เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
-22 Aquarius Glamping Cafe'
-น้ำตกวชิราธาร
-khao-sō-i ข้าวโซอิ
-The Baristro At Train Station
มาเริ่มที่การเดินทางของเรากันเลยครับ เราเริ่มเดินทางที่พิจิตรนะ เราเลือกเป็นขบวน 109 ตามเวลา ออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ 14.15 น. ถง เชียงใหม่ 04.05 น. เราขึ้นสถานีตะพานหินเวลาประมาณ 2 ทุ่ม
ราคาชั้น2-3 จากสถานีตะพานหินก็ประมาณในรูปครับ สำหรับราคาขบวน 109 จากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์
ชั้น 3 พัดลม = 230 บาท
ชั้น 2 พัดลม นั่ง = 388 บาท
ชั้น 2 ตู้นอน เตียงบน = 758 บาท เตียงล่าง = 688 บาท
สำหรับขบวนอื่นๆ จากกรุงเทพ-เชียงใหม่
เวลาตามในรูปครับ ถ้าขบวนฮิตหน่อยก็ต้อง ขบวน 9 ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนก็เลือก 9 , 13 , 51 เพราะเป็นเวลาเลิกงานพอดี
วันที่เราไป รถไฟเลทนิดหน่อย ถึงเชียงใหม่ประมาณ 4.30 น. จากนั้นเราก็นั่งรถแดงไปที่สถานีขนส่งอาเขต จะมีร้านรถเช่ามอเตอร์ไซค์ที่เปิดตลอด 24 ชม. ชื่อร้าน S.K.Service Motorcycle For Rent - บริการให้เช่ามอเตอร์ไซค์ในเชียงใหม่ สามารถไปรับรถหน้าร้าน-คืนรถ ได้ 24 ชั่วโมง
เราเลือกเช่าเป็น ADV 150 ค่าเช่าวันละ 550 บาท เช่า 2 วัน มีค่ามัดจำ 3000
ได้รถปุ๊บเราก็ดิ่งรถตรงไปที่ป่าบงเปียงกันเลยครับ เราออกจากร้านเช่ารถประมาณ 05.00 น. มีแวะหาอะไรกินเซเว่น ตรงจอมทอง ก่อนทางแยกขึ้นดอยอินทนนท์ ถึงป่าบงเปียงประมาณ 7 โมงนิดๆ
ไปถึงก็คืออากาศดีมากๆ ทุ่งนาเขียว ทะเลหมอกแบบปังๆเลย
เราก็เดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ คือมาครั้งที่ 2 ก็ยังชอบเหมือนเดิม สวยเหมือนเดิม
บอกข้อมูลกันสักนิด เผื่อใครยังไม่เคยไป
ป่าบงเปียง ตั้งอยู่ที่อ.แม่แจ่ม จะอยู่ไม่ไกลจากดอยอินทนนท์ เราว่าเป็นจุดชมวิวนาขั้นบันไดที่วิวโคตรสวย
นาขั้นบันไดเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันลงไปกลางหุบเขา ที่พักจะเป็นโฮมสเตย์ ส่วนใหญ่จะราคาเท่ากันหมด คือหัวละ 700 บาท รวม อาหารเย็น-เช้า แต่สามารถสั่งหมูกระทะเพิ่มได้
ถามว่าป่าบงเปียงไปช่วงไหนดี
ปลายเดือนมิ.ย.-ก.ค. ช่วงนี้พึ่งเริ่มฤดูปลูกข้าว ทุ่งนาท้องกระจก เห็นเป็นเงาสะท้อน
ส.ค.-ก.ย. กลางเดือนสิงหาเป็นต้นไปข้าวเขียวขจีเป็นช่วงฮิตของที่นี่
ปลายต.ค.-ต้นพ.ย. ทุ่งนาสีทอง ฤดูเก็บเกี่ยว
ลงรูปให้ดูกันรัวๆไปเลย
โฮมสเตย์ก็มีเยอะเลยครับ วิวสวยๆทั้งนั้นเลย
ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย
ออกจากป่าบงเปียงมาเราก็มาแวะที่น้ำตกห้วยทรายเหลือง ซ่งอยู่ระหว่างทางไปป่าบงเปียง
ตอนเช้าเป็นช่วงที่แสงแดดสาดส่องลงมาพอดี เป็นอะไรที่สวยงามลงตัวมากๆ
สายน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผา กับแสงแดดที่สาดส่อง
ใช้เวลาเก็บภาพบรรยากาศน้ำตกห้วยทรายเหลืองไม่นาน เราก็ไปกันต่อ
เราจะไปเดินศึกษาธรรมชาติกันที่ น้ำตกผาดอกเสี้ยงหรือน้ำตกรักจัง
ซึ่งน้ำตกผาดอกเสี้ยว จะมีระยะทางประมาณ 3 กม. ทางเดินไม่ยาก มีทางชันนิดหน่อยบางช่วง ส่วนใหญ่เป็นทางราบ การเดินทางไปยังน้ำตกต้องใช้ไกด์ท้องถิ้นในการนำทาง ค่าไกด์ 200 บาทต่อกรุ๊ป จะเหมาไปส่วนตัวก็ได้หรือจอยกับคนอื่นๆก็ได้
ทางเดินก็จะมาณนี้ มีทางดินแล้วก็บันไดบางช่วง
เดินไปสักพักก็จะเจอน้ำตก
จุดนี้เป็นจุดที่เป็นลำธารยาวๆ มองลอดช่องไปคือสวยมากๆ
ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินมาถึงจุดที่สวยที่สุด หรือเป็นจุดที่เป็นน้ำตกไฮไลท์ของ น้ำตกผาดอกเสี้ยว จะมีสะพานไม้ไผ้ ตัดข้ามผ่าน ตรงกับหน้าผาของน้ำตก มองไปสวยมากๆ
ถ่ายมุมไกลๆก้สวย ถ่ายมุมใกล้ๆก็สวย
ช่วงที่เราไปก็คือน้ำเยอะ แล้วก็น้ำใสด้วย
จะถ่ายรูปแบบใกล้ชิดน้ำตก จะมีสะพานยื่นไปใกล้ๆน้ำตกให้เราเดนไปถ่ายรูป เราจะได้สัมผัสละอองน้ำตกแบบเย็นๆ ถ่ายอยู่ใกล้ๆละอองยังกระเด็นมาถึง
จากจุดนี้ไปเราก็จะเดินเลาะริมน้ำตกไปเรื่อยๆ
มาเจออีก1จุดไฮไลท์ที่เป็นจุดชมวิว นาขั้นบันไดหมู่บ้านแม่กลางหลวง
มองไปก็จะเห็นนาขั้นบันไดกับวิวภูเขา
มาถึงจะปลายทาง เราก็จะมาชิมกาแฟสดแม่กลางหลวงกัน
กาแฟเข้มๆ หอมอร่อย สามารถซื้อกลับบ้านได้นะ
กินกาแฟเสร็จก็จะมีรถไปส่งเราที่จุดจอดรถที่เราเริ่มเดิน เป็นอันจบการเดินทางชมน้ำตกผาดอกเสี้ยว ใช้เวลารวมๆ ประมาณ2-3 ชั่วโมง
สำหรับที่พักในทริปนี้ เราพักที่เดอะอินทนนท์ วัลเลย์ ที่พักสไตล์แคมป์ บรรยากาศคูลๆ วิวปังๆ วิวจากที่พักสามารถมองเห็นวิวน้ำตกสิริภูมิ เราเลือกพักเป็นรถบ้าน มีลานนั่งเล่นหน้าแคมป์ เปลตาข่าย วงก่อกองไฟ มีห้องน้ำทั้งในรถบ้านและห้องน้ำด้านนอก มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตอนเย็นมีหมูกระทะ มีอาหารเช้าให้
เช้าวันที่ 2 รีบตื่นตั้งแต่ตี 5 ขับรถข้นยอดดอยอินทนนท์ ไปถ่ายรูปแถวๆจุดชมวิว กม.41
เห็นหมอกจางๆอยู่ไกลๆ
อีกจุดใกล้ๆกันก็คือจุดเป็นจุดที่คนนิยมมาดูพระอาทิตย์ ตรงจุดเริ่มเดินกิ่วแม่ปาน
ตรงนี้ก็จะเห็นวิวพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ
มองเห็นทะเลหมอกอยู่ไกลๆ
ขึ้นมาดูความชุ่มชื่นที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
ที่นี่ก็ยังสวยเหมือนเดิม บรรยากาศคูลมากๆ
ชอบพวกต้นไม้เขียวๆที่นี่
กลับไปที่พักเช็คเอาท์ แล้วก็ไปแวะคาเฟ่ใกล้ๆที่พัก
22 Aquarius Glamping Cafe' เป็นคาเฟ่ ที่มีลานสนามหญ้ากว้างๆ ฉากหลังเป็นภูเขา มีสวนดอกไม้
บรรยากาศร้านก็น่ารักๆ
มีสวนดอกไฮเดรนเยีย
ที่นั่งมีแบบเอาท์ดอร์ มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก
จิบกาแซะหน่อย
เราชอบที่นั่งโซนด้านหลัง มีเก้าอี้แคมป์ มองเห็นวิวภูเขา ต้นไม้เขียว ๆ
ขากลับลง แวะไปถ่ายรูปที่น้ำตกวชิราธาร สวยงามยิ่งใหญ่อลังการ ละอองกระเด็นใส่หน้าใส่กล้องเหมือนเดิม 555
จากอินทนนท์ ขับรถยิงยาวเข้าเมือง มากินข้าวซอยที่ร้าน khao-sō-i ข้าวโซอิ เป็นร้านข้าวซอยที่อร่อยมากๆ มีทั้งข้าวซอยน้ำและแห้ง เราสั่งมาทั้งแบบน้ำและแบบแห้ง อร่อยมากๆ
กินข้าวซอยเสร็จเราก็มาที่ร้าน The Baristro At Train Station คาเฟ่ติดกับสถานีรถไฟ เรานัดคืนรถที่มอเตอร์ไซค์ที่นี่
ที่นี่ก็ตกแต่งสไตล์ปูนเปลือย คลาสสิกดี มีมุมถ่ายรูปเยอะ
จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ก่อนเตรียมตัวขึ้นรถไฟ
ขากลับเรากลับรถด่วนขบวน 52 ออกจากเชียงใหม่ 15.30 น. ถึงตะพานหิน พิจิตร ประมาณเที่ยงคืน
ถ้าลงกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงประมาณ 05.10 น.
จบทริปเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน เสาร์-อาทิตย์ก็เที่ยวได้ สำหรับใครที่มีเวลาน้อยอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ อยากลองนั่งรถไฟ แต่อาจจะเหนื่อยกับการนั่งรถไฟนานหน่อย ข้อแนะนำให้จองเป็นตู้นอนจะดีกว่าแบบนั่งชั้น 3 แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนหลับยากเพราะเสียงรถไฟอาจจะดังหน่อย แต่สายลุย รับลองว่าสนุกแน่นอน เที่ยวได้แบบเต็มๆทั้ง2วัน ใครกำลังมีแพลนไปเชียงใหม่ก็ลองดูรีวิวแพลนตาม ดูเป็นไกด์ไลน์ได้เลย ฝากรีวิวนี้ไว้ด้วยฮะ
อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 19.23 น.