หน้าฝนใครๆก็ไม่อยากเที่ยว เขาบอกว่าสวยสู้หน้าร้อน และอากาศดีสู้หน้าหนาวไม่ได้ แต่คงจะไม่ใช่กับ จังหวัดแม่ฮ่องสอน แน่ๆ

การเดินทางไปแม่ฮ่องสอนฉบับพนักงานออฟฟิสที่ยังไม่ผ่านโปรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเดินทางช่วงวันหยุดยาวด้วยแล้วนั้นการผจญภัยเริ่มทวีคูน แพลนที่วางไว้สวยๆนั้นกลับต้องเปลี่ยนใหม่หมดเลยเมื่อพบว่า

รถไฟเต็ม ! เครื่องบินแพง ! และรถทัวร์เต็มทุกรอบ !

ถ้าล้มแพลนนี่น่าเสียดายมากๆ เพราะช่วงนี้แม่ฮ่องสอนสำหรับเรามันสวยมาก และสวยที่สุด แต่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างบังคับให้เราต้องเดินทางในคืนนั้นให้ได้ รถทัวร์แบบไหนก็คงต้องนั่งไปให้ถึงเชียงใหม่แล้วล่ะ

10 กว่าชั่วโมงของการเดินทางจากกรุงเทพสู่เชียงใหม่เป็นอะไรที่ ทรมานสังขารในระดับหนึ่ง แต่การตื่นเช้ามาแล้วเห็นวิว ระหว่างทางก็ถือว่าโอเคนะ มาถึงเชียงใหม่ปุ๊บ ก็ได้เวลารถตู้ออกไปปายแล้ว โชคดีมากที่เราวางแผนซื้อตั๋วรถตู้ก่อนมา ไม่งั้นคงได้ขึ้นอีกทีตอนเย็นและถึงปายกี่ทุ่มก็ไม่รู้

จริงๆแล้วค่อนข้างติดใจการขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยพอสมควร ดังนั้นการลงปายเพื่อเช่ารถเพื่อไปยังปางมะผ้า จึงเป็นวิธีการเที่ยวแบบที่เราต้องการ แต่เพื่อนที่ไปด้วยมันติดใจอะไรที่ปายก็ไม่รู้ คืนแรกเลยได้ลงเอยที่ปายก่อนจะไปปางมะผ้าในวันรุ่งขึ้น

สำหรับเรา ปายน่าจะเหมาะกับการมาเป็นกลุ่มเพื่อน เพราะด้วยสถานที่มันค่อนข้างเป็นเมืองไปแล้ว การไปพักผ่อนคนเดียวเพื่อปลึกวิเวกปายอาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าปายเป็นเมืองที่มีโรงแรมสวยๆให้ไปพักหลายแห่ง แต่ในตัวเมืองก็วุ่นวายพอสมควร ใครที่ชอบบรรยากาศคึกครึ้นคึกคัก ก็คงจะต้องติดใจปายแน่ๆ

วันต่อมาเราออกจากปายเกือบเที่ยงเพราะด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง เราเช่ามอเตอร์ไซค์จากร้านในปายเพื่อไปปางมะผ้า แต่ด้วยความรีบ เราออกจากปายมาได้เกือบ 10 กิโล แล้วก็พบกว่า

" เชี่ย ลืมเติมน้ำมัน! "

มันเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางที่เต็มไปด้วย ป่า ต้นไม้ และทุ่งนาของชาวบ้าน และอีกเกือบ 40 กิโลที่จะถึงปางมะผ้า เอาไงดี เข็นรถไปนี่มีหวังได้ถึงตอนเช้าแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าโชคชะตา ความโชคดี หรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้เราพบป้าย Coffee ที่ริมทางชี้ว่าอีก 1 กม จะถึง และเราก็เจอ ..

เจอเพิงเก่าๆหลังหนึ่ง ที่ข้างๆเป็นสวนผักที่เลี้ยงแม่หมู 1 ตัวและลูกหมูอีกเกือบ 10

นี่มันร้านกาแฟจริงๆดิ่?

แต่ในที่สุดแล้วเราก็เลี้ยวรถเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือแบบด่วนๆ เราเจอพี่ผู้ชายคนหนึ่งทักทายแบบกันเองมาก

" น้องไปดูตรงนั้นดิ่ พี่กำลังเห่อ พี่เพิ่งทำที่นั่งเล่นริมน้ำ หรือจะเล่นกับหมูก็ได้นะ เดี๋ยวพี่เติมน้ำมันให้ "

งงไปดิ่ ซักไปซักมาปรากฏว่า พี่เขามาเช่าห้องที่ปายอยู่่ 1 เดือน ขากลับจากแม่ฮ่องสอนฝนตกเลยมาหลบฝนตรงนี้ ละก็อยู่มาเป็นอาทิตย์แล้ว เขาชอบที่นี่มาก ไม่อยากกลับเข้าปาแล้ว

เอ้าา ติสท์ไปอีก

ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาปางมะผ้า เพื่อนก็บอกว่า

" ไหนๆก็มาละ ไปถ้ำลอดด้วยดิ่"
"มันมีอะไรวะ "

"ก็เป็นถ้ำ แล้วมีน้ำลอดใต้ถ้ำ"

.........

การเปิด GPS และขี่รถตามป้ายนั้นมันเป็นอะไรที่ลุ้นมาก เพราะทางที่เข้าไปคือถนนเลนเดียวและข้างทางคือป่า ซึ่งเงียบ และไม่มีคนเลย

ใจเต้นอยู่ประมาณเกือบ 20 นาทีจากปากทางเข้าเพราะไม่รู้จะเจออะไรแบบในละครรึเปล่า และเราก็มาถึงถ้ำลอด หรือ ถ้ำน้ำลอด แปลกมากวันหยุดยาวแต่ไม่มีคนเลย แต่แบบนี้แหละ ชอบมาก เที่ยวสบายๆไม่วุ่นวาย เราเสียค่าเข้าและค่าเช่าแพพร้อมคนนำทาง กับอาหารปลาอีก 3 ถุง ตกคนคนละ 350 บาท คนนำทางเป็นคุณยายชาวเขาแต่ไม่แน่ใจว่าชนเผ่าอะไร คุณยายพาเราเข้าไปดูถ้ำพร้อมกับตะเกียงเจ้าพายุของแก


เรามาถึงปากถ้ำพบว่า น้ำไหลค่อนข้างเชี่ยว บริเวณปากถ้ำสามารถเล่นน้ำได้ด้วย น้ำที่นี่ใส และเย็นมาก น้ำที่ไหลเข้าไปในถ้ำไม่มีความลึก ประมาณเข่าเท่านั้นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือ มีปลาเต็มไปหมดและเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมที่นักท่องเที่ยวเอาอาหารปลาเข้าไปให้ ทำให้ปลานั้นจะว่ายตามแพที่เราพายเข้าไป เราจะได้ใกล้ชิดกับบรรดาปลาทั้งหลายแบบ Exclusive ชนิดที่ว่า ปลาสามารถกระโดดขึ้นมาบนแพเราได้อย่างสบายๆ

การผจญภัยในถ้ำลอดของเราสิ้นสุดลง และได้เวลาเดินทางต่อเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองปางมะผ้า คาดหวังว่าจะเข้าที่พัก หาอะไรกิน แล้วนอน เพราะวันต่อไปตอนเช้าตรู่เราจะต้องไปบ้านจ่าโบ่กัน

นาทีที่เข้ามาถึงปางมะผ้าเราตั้งคำถามกับตัวเองว่า

" มีอะไรให้กินบ้าง .. วะ "

ทั้งอำเภอเรามีที่พึ่งแค่ เซเว่น และอาหารในรีสอร์ท โชคดีที่บังเอิญไปเจอร้านอาหารร้านหนึ่งไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่ ไม่แพง และอาหารอร่อยด้วย

แต่จริงๆแล้ว จุดหมายปลายทางของเราไม่ใช่ปางมะผ้า แต่เป็น บ้านจ่าโบ่ ต่างหาก เราเห็นทั้งรีวิว และรูปถ่ายผ่านตาในโซเชียลเยอะมาก เราถามเพื่อนที่มาอยู่แม่ฮ่องสอนว่า ถ้าจะไปบ้านจ่าโบ่เราควรจะขึ้นไปตอนกี่โมงและไกลมั้ย

" ไม่ไกลนะ ประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว ออกจากปางมะผ้าซัก ตี 5 .. "

คือ ตี 5 .. มืดไปมั้ยอะ

คืนนั้นเรารีบเข้านอน เพื่อตื่นแต่เช้าเก็บของและออกจากโรงแรม คืนนั้นเราภาวนาให้ฝนตกเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ขึ้นไปเจอหมอกที่บ้านจ่าโบ่ .. แล้วมันก็มีหมอกจริงๆ

การขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าหมอกยามเช้านี่มันอะไรที่ฟินมากๆ เลยนะ


เรามาถึงบ้านจ่าโบ่ 7 โมงเช้าด้วยความหวังว่าจะรีบกิน รีบกลับไปปาย เพราะต้องไปขึ้นรถตู้รอบ 9.00

" น้ำยังไม่เดือดเลยครับ รอสัก 7.30 นะ "

เอาไงดี กลับไปไม่ทันแน่ๆเลย สุดท้ายเลื่อนตั๋วไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ฉีกตั๋วทิ้งจ้าาาาาา ตกรถก็ได้วะ T___T


ไม่ว่าใครจะว่ายังไง จะบอกว่าเที่ยวหน้าฝนมันเชอะแฉะ หรือเปียก หรืออะไรก็ตามแต่ ส่วนตัวแล้ว ถ้าเราเที่ยวให้ถูกที่ ถูกฤดูของมัน มันจะสวยมากเลย

จริงๆนะ

ฟ้า

July 2016 , แม่ฮ่องสอน


Credit

Photo :: Kobi Tansahawat
Process By : Adobe Light Room & Vsco Cam

ความคิดเห็น