ไม่สูง แค่แตะปลายหมอก


[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]


ติดตาม Page ของผู้เขียน ชมภาพ และการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว http://facebook.com/omeoyou



ฝนตกหนักตั้งแต่เที่ยงคืนเห็นจะได้ ผมนึกในใจไว้เลยว่า ตอนเช้าที่ยอดภูบ่อบิดคงหมอกหนาชนิดที่มองทางข้างหน้าไม่ค่อยเห็นแน่ ๆ แล้วก็เป็นจริง



ตั้งโทรศัพท์มือถือให้ปลูกตี 4.20 น. ล้างหน้า เตรียมของเสร็จก็ออกจากที่พักซึ่งไม่ไกลจากทางขึ้นภูมากนัก ทำให้ถึงตีนภูตั้งแต่เกือบ 5.00 น.



สำหรับทางขึ้นฝั่งเดินขึ้นบันได ที่จอดรถค่อนข้างสะดวก กว้างขวาง


พิกัด https://goo.gl/maps/7tfxsG6vERp



มีที่จอดรถ ห้องส้วม แต่มืดมาก หาข้อมูลมาก่อนแล้วว่าที่นี่ทำทางขึ้นใหม่ มีไฟส่องสว่าง แต่มืดแบบนี้ก็ติดในใจว่าเขาคงยังไม่มาเปิดไฟมั้ง



แบกอุปกรณ์กล้อง เดินขึ้นทั้งมืด ๆ กลัวนิด ๆ แต่ติดว่าไม่น่าจะมีอะไร ใช้ไฟมือถือส่องเอา จะว่าไปก็เตรียมไฟคาดหัวไว้ในห้องพัก แต่ลืมหยิบมาซะได้ โชคดีเดินได้สักพักระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติก็ทำงานตามเวลาของมันคือตอนตี 5 ซึ่งในช่วงเย็นก็เช่นเดียวกันไฟจะทำงานเอง แล้วดับเองตอน 20.00 น.



เดินได้สักพักก็ตี 5 ไฟตามทางก็สว่างขึ้นมาตลอดจนถึงยอดภู ทำให้เดินทางได้สะดวก



ทางเดินเป็นบันไดเหล็กมีราวให้จับตลอด และทำทับทางเดินขึ้นภูของเดิมที่เป็นทางดิน ทำไว้ดีมาก แต่ฝนตก อากาศชื้นทำให้ต้อระวังลื่นพอสมควร



เดินขึ้นครั้งแรกค่อนข้างเหนื่อย ความกลัว ความกังวลมีมากกว่าปกติ แล้วไม่มีผู้คนให้เห็นเลย ทางก็ลื่นพอสมควรต้องจับราวเหล็กไว้ตลอดให้ดี เจ้ากรรมรองเท้าก็มากัด คงเพราะมันโดนบีบทับทำให้ทรงตรงส้นมันบุบเข้ามาสีกับส้นเท้าผม



เหนื่อยมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นภูที่ไม่สูงมาก หยุดถ่ายรูปบ้าง ช่วงนี้ภาพอาจจะเบลอไปนิดก็ขออภัย เพราะหอบกิน



ใช้เวลาเดินแค่ 13 นาทีก็จะถึงถ้ำพระ ดูไม่นานเลย แต่ตอนนั้นเหนื่อยพอสมควร และรู้สึกเหมือนว่าใช้เวลาเดินนานอย่างไงก็ไม่รู้



ด้านหน้าคือถ้ำพระแล้ว ถือว่าเดินมาเกินครึ่งทางไปนิดหน่อยแล้ว แบบนี้ก็อีกไม่นานก็ถึงยอดแล้วซินะ...



ถ้ำพระ เป็นจุดที่เลยกลางภูมาหน่อยหนึ่ง มีเฉลียงยื่นออกไปให้ถ่ายรูปได้สะดวก มีพระพุทธรูปอยู่ในชะง่อนผาที่บุ๋มเข้าไป ผมจำได้ว่าเห็นภาพภูบ่อบิดช่วงยังไม่ทำทาง ณ จุดนี้จะมีพระมาแสวงบุญ เดินตามรอยครูอาจารย์ที่เคยมาพักค้างแรมที่นี่ (เป็นคำบอกเล่าจากลุงแว่นผู้ดูแลที่นี่)



พระประธานที่ตั้งไว้ในถ้ำ หรือที่เรียกว่าถ้ำพระ จุดนี้จะพบลุงแว่นนั่งประจำอยู่ถ้าคุณมาสาย ๆ หรือมาตอนเย็น ลุงแว่นจะรอจนนักท่องเที่ยวหมดแล้วถึงค่อยลง



ที่นี่เริ่มถูกพัฒนาตั้งแต่ 2513 โดยลุงแว่นเป็นแม่แรงในการผลักดัน พอผลักดันก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปเรื่อย ๆ ถึงจะไม่โด่งดังเท่าภูดัง ๆ อย่างภูกระดึง หรือภูเรือก็ตาม แต่ท้ายที่สุดลุงแว่นก็ทำได้สำเร็จ จนผู้ว่าการจังหวัดเลย มาทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2557 ซึ่งตอนนั้นการพัฒนาก็สมบูรณ์เรียบร้อย (แต่ปัจจุบันก็ยังคงพัฒนาอะไรอยู่ต่อเนื่องนะครับ)



ลังที่ใส่น้ำรอให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาซื้อไป และมีช่องหยอดเงินเข้ากรุโดยไร้คนเก็บเงิน แต่ถ้าตอนลุงแว่นมาก็สามารถจ่ายเงินให้ลุงแว่นได้



ติดใจตรงมีน้ำเปล่า โค๊ก สปอนเซอร์ขายด้วย โดยใส่ลังน้ำแข็งไว้ เย็นใช้ได้ แล้วมันเด็ดตรงไม่มีคนเก็บเงิน คุณต้องหยอดเงินลงกรุเอง ต้องซื่อสัตย์เอง



มองจากหน้าถ้ำพระไปที่เฉลียง จะเห็นป้าย Check in ภูบ่อบิด กับเบื้องหน้าที่เป็นตัวเมืองเลย



หน้าฝนทำให้ที่นี่มีความชื้นสูง วิว ณ หน้าถ้ำพระ จะเหมือนเราอยู่ระนาบเดียวกับหมอก หรือใต้หมอกลงมาหน่อย พอจะเห็นตัวเมืองบ้าง แต่บางทีหมอกก็ล้อมเราจนเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก



ภาพนี้จะเห็นว่าเราอยู่ระนาบเดียวกับหมอกเลย



เมืองเลยอยู่ใต้เมฆหมอก



จากทางที่ผมขึ้นมาถึงถ้ำพระ จะเห็นทางขึ้นอีกฝากมาบรรจบกันที่หน้าถ้ำพระนี่แหละ แล้วก็มีทางขึ้นต่อไปจนถึงยอดภู



หันห้าเข้าหาถ้ำพระ ด้านซ้ายมือจะเป็นทางขึ้น มีธงตามความเชื่อของคนเมืองเลยเป็นม่านไว้อยู่ ผมได้คุยกับลุงแว่น และคนพื้นที่คนอื่นถามถึงที่มาของธง ได้ความว่าไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ แต่เป็นเหมือนความเชื่อ นับถือผี ไหว้ผี อะไรประมาณนั้น ไม่ใช่แค่ตรงนี้ หลาย ๆ วัดในเลยก็จะมีธงคล้ายกันนี้



ถ่ายรูปที่จุดชมวิวหน้าถ้ำพระสักพักใหญ่ก็เดินขึ้นยอดภูต่อ



ธงตามความเชื่อกั้นเป็นม่านหน้าทางขึ้นยอดภู ผมก็ไม่แน่ใจว่าธงนับถือผี หรือกันผีนะ

กระทู้รีวิวเก่า เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว


บันทึกสด 28 มิ.ย. 2559 [เมืองเลย หลง มันส์ เหนื่อย เปียก ประทับใจ น้ำใจ] (http://pantip.com/topic/35324083)


บันทึกสด 25 - 26 มิ.ย. 2559 [แรกเยือนเมืองเลย ประทับใจถนนลอยฟ้า] (http://pantip.com/topic/35316607)

ยอยักษ์ ตักตะวัน ทะเลน้อย ควายน้ำ นกอพยพ ต้นลำพู - ทะเลน้อย - พัทลุง (http://pantip.com/topic/34977668)

สะพานไม้สุดชิว วิถีชาวมอญ - สะพานมอญ - สังขละบุรี - กาญจนบุรี (http://pantip.com/topic/34907371)

ชมทะเลหมอก ชิมน้ำใจที่เขาพะเนินทุ่ง - เขาพะเนินทุ่ง - อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - เพชรบุรี (http://pantip.com/topic/34582338)

อ่างเก็บน้ำบางพระ สวรรค์นักปั่นจักรยานหาก๊วนรู้ใจ - อ่างเก็บน้ำบางพระ - ชลบุรี (http://pantip.com/topic/35208447)



Page ถ่ายภาพ แนะนำสถานที่เที่ยวของผม https://www.facebook.com/omeoyou/

เหนือหมอก เหนือปัญหา


ทางต่อจากนี้จะชันกว่าเดิม ผมมองไม่เห็นทางเดินของเดิม ด้านล่างทางเดินเป็นหญ้า ไม่ใช่ดินโล้น ๆ ทำให้สงสัยว่า แต่ก่อนปรับปรุงจะเดินได้แค่ถึงถ้ำพระหรือเปล่า แต่ก็เดินต่ออีกไม่นานนักก็จะถึงยอดภู แต่บางจุดมันก็คล้ายทางเดินเก่า แต่สภาพมันค่อนข้างรกกว่า คงเพราะบนยอดมีความชื้นสูงกว่ามาก ทำให้ทางเดิมฟื้นฟูกลับสู่ธรรมชาติของมันได้เร็วกว่าทางเดินช่วงล่าง



ทางจะชื้นจนลื่น แต่ก็มีราวเหล็กให้จับตลอดทาง



ทางขึ้นจากถ้ำพระไปยอดภูนั้นดูเขียวขจี สวยงามมากนะครับ โดยเฉพาะตอนหมอกลงเยอะ ๆ ซึ่งจะได้เห็นจากรูปตอนผมเดินลงว่า สวยงามมากขนาดไหน



ภาพมักจะดูยากว่าชันขนาดไหน ภาพนี้ดูง่ายสุดครับว่ามันชันมากจริง ๆ



ระหว่างทางที่เดินขึ้นสู่ยอดภูจะเริ่มเห็นสายหมอกมากขึ้น ผมคิดไว้ไม่ผิด หมอกลงหนามากที่ยอดภู จนมองไม่เห็นวิวข้างล่างเลย ผิดกับจุดชมวิวหน้าถ้ำพระที่เราจะอยู่ใต้หมอก แต่ก็จะเห็นหมอกบ้างเป็นบางช่วง



ถ้ำลอด เขียนไว้ว่าลอดแล้วจะแคล้วคลาดจากอันตราย แต่ผมเข้าไปในถ้ำน่าจะรอดยากครับ เพราะเหนื่อยมาก ค้างคาวก็มี ทางลอดรู้สึกจะเล็กเอาเรื่อง มันจะลอดขึ้นไปบนยอดครับ จากจุดนี้เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงยอดแล้ว



ด้านบนนี้มีรอยะระพุทธบาท และที่นั่งพร้อมเฉลียงไว้ชมวิวพร้อม อากาศเย็นแค่ 23 องศาเห็นจะได้ มีลมพัดแต่ไม่แรง ความสูงอยู่ที่ 575 เมตร



เราอยู่กลางสายหมอก ตัวเมืองมองเห็นได้ลำบาก หรือไม่เห็นเลย โดยเฉพาะที่เมื่อคืนฝนตกแบบนี้หมอกจะยิ่งลงหนา เย็น ลมเอื่อย ๆ



หมอกขาวจนไม่เห็นทางข้างหน้าถัดไป 15 - 20 เมตร นี่คือสภาพส่วนใหญ่ที่ผมเจอตอนอยู่บนยอด



นั่งอยู่คนเดียวพักใหญ่ก็มีคนกลุ่มอื่นขึ้นมาบ้าง แต่คาดว่าในบางวันอาจจะแทบไม่มีคนขึ้นมาเลยในตอนเช้าก็ได้ เพราะภูบ่อบิดขึ้นชื่อเรื่องถ่ายภาพแสงเย็น พร้อมชมวิวตัวเมือง หรือช่วงหัวค่ำที่จะเห็นไฟจากตัวเมืองมากกว่า



อย่างไรก็ดี ถ้าจะนั่งชิว ไร้ยุง หรือแมลงรบกวน ลมเอื่อย ๆ แดดไม่โดนตัว ให้ไอเย็นระบายความทุกข์ละก่อน เช้าดีสุดครับ ไปนั่งเล่นบนนั้น ชิวดีครับ



บนยอดภูจะมีที่นั่งพักหลายจุดครับ คงเพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในวันธรรมดาแน่ ๆ



อีกมุมหนึ่งบนยอดภู ที่เห็นริบ ๆ นั้นเป็นเฉลี่ยงที่อยู่อยู่ถัดไปไม่ไกล เพราะยอดภูแห่งนี้ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางอะไร



ธงนับถือผี ใช่หรือไม่ ใคนคนเมืองเลย ตอบผมที



เฉลียงมุมถ่ายภาพทิศตะวันออก บางทีเห็นทะเลหมอกด้วยนะครับมุมนี้ แต่ตอนนี้อย่าไปหวัง เพราะหมอกได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว



มานั่งชิวกับเพื่อน สุดยอดครับ



หมอกมาก็ยืนคุยกัน



หมอกจางเห็นเมืองหยุดคุยถ่ายรูปดีฟ่า



สบายใจจริง



มา Check in ที่ยอดภูกันหน่อยไหม



อย่าเพิ่งจากกันไป



ผมอยู่บนนั้นได้ชั่วโมงครึ่งเห็นจะได้ ดูแล้วหมอกไม่มีทีท่าจะหยุดรักเราเลย ล้อมกันเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาขณะนั้นก็ปาไป 8.30 น. ได้แล้ว อีกอย่างผมกะมาเผื่อฟลุคได้ทะเลหมอก หรือเช้ากับมุมมองหมอกสวย ๆ ซึ่ง ขณะนี้ก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ่ายเมืองไม่ได้เลย มองไม่เห็น ก็เลยตัดสินใจเดินลงดีกว่า เพราะคิดไว้ในใจว่าจะเดินสำรวจเส้นทางลงอีกฝาก แล้วค่อยเดินอ้อมกลับมาเอารถ



อีกอย่างที่ต้องรีบกลับเพราะคิดว่า ถ้ามีเวลาอยากลองไปห้วยกระทิง เห็นมุมถ่ายภาพสวยอยู่มุมนึง แต่ก็นะ มุมค่อนข้างจำกัด อย่างไงก็วางแผนไว้ก่อนแล้วกัน ไปไม่ไปไม่มีปัญหา ชีวิตไม่สิ้นผมก็กลับมาอีกแน่ ๆ



เอาขึ้นมาได้ กินหมดแล้วเบากว่าเดิม เอาลงไปด้วยนะครับ ขยะมีทุกที่ที่ผมเดินทางไปจริง ๆ จนผมคิดไว้ในใจว่าจะถ่ายรูปขยะให้สวย ๆ บ้างแล้วเนี้ย



ภาพทางลงที่มีหมอกคลอเคลียเราไม่ห่าง ถึงจะไม่หนามาก แต่เหมือนอาลัยอาวรเรา อย่าเพิ่งลงเลยนะ อยู่ต่อสักนิดเถอะ เสียงต้นไม้สีเขียวขจีบอกเราว่า ฉันสวยไหม สีสบายตาดีนะ อยู่ชมฉันต่อเถอะ (นี่กูเพ้ออะไรเนี้ย แต่มันอย่างนั้นจริง ๆ นะ ในภาพนี่มันก็ส่วนหนึ่ง แต่จริง ๆ มันยิ่งกว่านะครับกับอารมณ์ ความรู้สึก สัมผัสของลม และไอเย็น ถ้าใครไม่รู้สึกก็อาจจะเรียกว่าตายด้านได้)



เดินลงง่ายกว่าตอนขึ้นเยอะ แต่ก็ทำให้รู้ว่า เข่าขาขวาผมเหมือนจะเริ่มเสื่อมสภาพ (มีผลเฉพาะตอนลงด้วยแฮะ ตอนเดินขึ้นบันไดไม่เป็น)



ตามที่คิดไว้ครับ ลงมาถึงถ้ำพระก็หมอกไม่ค่อยมีมากนรักแล้ว เหมือนเราอยู่ใต้หมอกถ้าอยู่ ณ จุดถ้ำพระ แล้วก็เริ่มสำรวจทางขึ้นอีกฝาก เผื่อจะมีวิวให้ถ่ายภาพ



ถ่ายภาพหน้าถ้ำพระก่อนลงอีกรอบ วิวตัวเมืองชัดเจนกว่าบนยอดมากนัก ไม่มีหมอกมาบัง



อีกฝากนั้นเป็นทางซีเมนต์ลาดแบบเป็นทางเรียบไปตลอด ซึ่งช่วงจากถ้ำพระเดินลงมาจะเป็นทางแคบ ๆ สำหรับคนเดิน แต่เดินได้อีกนิดเดียวก็จะเป็นทางกว้างพอที่จะจอดมอเตอร์ไซค์ได้ครับ ซึ่งเขาก็อนุญาตให้เอามอเตอร์ไซค์ขึ้นมาถึงจุดทางกว้างนี้ได้นะ ผลคือเร็วกว่าขึ้นทางบันได้เยอะมากครับ เพราะจากทางกว้าง ๆ ที่จอดมอเตอร์ไซค์ได้ เดินต่อไปถ้ำพระใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว



สำรวจทาง


ทางเดินซีเมนต์แคบ ๆ พอคนเดินสวนกันได้



จากทางซีเมนต์แคบ ๆ นั้น เดินมาไม่นาน 5 นาทีเห็นจะได้ก็ถึงจุดที่ทางกว้างพอจะจอดมอเตอร์ไซค์ได้หลายคัน เย็น ๆ ตรงนี้มอเตอร์ไซค์ของเด็ก ๆ นักเรียนมาจอดเพื่อขึ้นไปเที่ยวชมบรรยากาศเยอะหลายคันครับ



กิ่งไม้ระหว่างทางเต็มไปหมด คงเพราะฝนตกหนักเมื่อคืน



กิ่งไม้ไม่พอ ต้นไม้ล้มยังมีเลย แสดงให้เห็นว่า ที่นี่คนดูแลยังไม่มากพอ แค่ลุงแว่นคงทำคนเดียวทั้งหมดได้ลำบาก (แต่ตกเย็นตอนผมขึ้นมาอีกรอบ ต้นไม้ที่ล้มหายไปละนะครับ เหลือแต่กิ่งไม้เล็ก ๆ หล่นทั่วบริเวณเหมือนเดิม)



เดินลงมาจนถึงทางขึ้น จะมีงานก่อนสร้างอะไรอยู่ไม่แน่ใจ แต่ผมเห็นพระอยู่รูปนึง จะว่าไปได้คุยกับลุงแว่น ลุงบอกว่า ทางขึ้นฝากบันไดระหว่างทางก็จะจุดที่มีพระจำศีลอยู่เหมือนกัน ลุงจะเอาอาหารไปให้ท่านทุกเช้า เพราะท่านตามองไม่เห็นแล้ว



ปากทางขึ้นภูบ่อบิดจากฝากนี้



เขากำลังสร้างอะไรกันไม่รู้ รู้แต่ว่าด้านหลังเป็นห้องน้ำ และมีที่จอดรถยนต์ได้บ้างไม่มากนัก



รถอีแต๊กลากพ่วงส่วนสำหรับโดยสารให้นักท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันคนมาไม่เยอะ เลยไม่ได้ให้บริการ จะเปิดให้บริการช่วงคนนมาเที่ยวเยอะ ๆ กับปลายปี อ๋อ มีงานบุญใหญ่ของที่นี่ คนมาเที่ยวชมเยอะทุกปีในวันแรงงานด้วยครับ



อ๋อ การลาดซีเมนต์เป็นทางขึ้นนี่ก็เพราะเขามีบริการรถอีแต๊กรับส่งผู้โดยสาร ลุงแว่นบอกว่ามีค่าบริการ 30 บาท ปกติช่วงปลายปี คนมาเที่ยวภูบ่อบิดเยอะ จะมีรถบริการ 3 คัน แต่ผมเห็นแค่คันเดียว และไม่ได้ให้บริการเพราะคนน้อย



อ่อ เส้นทางลาดซีเมนต์นี้ ลุงแว่นบอกว่าได้แรงศรัทธาจากบริษัทฮอนด้ามาออกงบให้ ส่วนแรงงานใช้กลุ่มคนที่ทำผิดมาแล้วต้องบำเพ็ญประโยชน์มาทำให้ครับ ก็ขอบคุณมาก ๆ สะดวกขึ้นเยอะ อย่างไรก็ดี ถ้าฝนตกหนัก ๆ แบบคืนวันที่ผมจะมา จะพบกิ่งไม้ ใบไม้หล่นเต็มทาง ขับบนทางชัน ๆ ระวังรถล้มถ้าไปทับเอากิ่งไม้เข้า



ที่จุดนี้ก็มีห้องน้ำให้ใช้นะครับ ลานจอดรถยนต์ก็มี แต่เล็กกว่าฝากขึ้นบันได้มาก



อันนี้คือหน้าตาที่จอดรถของฝากทางขึ้นบันไดครับ จะเห็นว่ากว้างขวางกว่า



ในที่สุดผมก็พบสัตว์ป่าโหดร้ายของที่นี่จนได้



เดินสำรวจเสร็จแล้ว สำหรับจุดทางขึ้นฝั่งนี้พิกัดจะอยู่ที่ https://goo.gl/maps/y18rDGf7a6F2 นะครับ เอามอเตอร์ไซค์มาก็สามารถขับขึ้นไปต่อถึงด้านบนขึ้นไปอีกได้เลย แต่ต้องระวังหน่อย ทางชันมาก



ภูบ่อบิดไม่ได้สูงอะไรมากเลยเมื่อมองจากด้านล่าง



หลังจากนั้นผมก็แวะกินข้าวซึ่งราคาไม่ได้ต่างจากกรุงเทพ แต่ถูกกว่าเพราะให้เยอะมาก จากนั้นก็เริ่มทำรูป เขียนบทความชิ้นนี้ไว้ครึ่งนึงก่อน เพราะตอนเย็น ผมจะต้องออกไปภูบ่อบิดอีกรอบ โดยรอบนี้กะจะขึ้นด้านที่มอเตอร์ไซค์ขึ้นได้นั้นแหละ สะดวกดี

พบตำนานแห่งภูบ่อบิด


ได้เวลาของการเดินทางขึ้นภูบ่อบิดอีกครั้ง ขี่รถขึ้นมาจนถึงจุดทางเชื่อกับทางซีเมนต์เล็ก ๆ ได้เลย ต้นไม้ที่ล้มถูกเอาออกแล้ว คงเป็นลุงแว่นเอาออก ระหว่างทางเจอเด็ก ๆ นักเรียนขึ้นมาหลายคนเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็มามอเตอร์ไซค์ทั้งนั้น



น้อง ๆ นักเรียน นักศึกษา ขึ้นมาบนนี้เพื่อชมทิวทัศน์ บางคนขึ้นมาหลายรอบแล้ว



เดินขึ้นมาถึงถ้ำพระใช้เวลาแป๊บเดียว ไม่เหนื่อยเลยสำหรับทางนี้ เพราะใกล้กว่าทางบันไดมาก ลุงแว่นนั่งอยู่ประจำที่ของแก สำหรับผม นี่คือการเจอลุงแว่นครั้งแรก ลุงแว่นกล่าวทักทายผมก่อนหลังจากที่พูดคุยกับเด็กนักเรียนที่ท่าทางจะสนิทกัน “อ้าวเมื่อเช้ามารอบนึงแล้วนี่” ผมยิ้มพลางตอบกลับ “ใช่ครับ ผมกลับมาใหม่ จะถ่ายรูปตอนเย็นครับ”



วิวเมืองเลยหน้าถ้ำพระ



ตำนานของภูบ่อบิด ก็คือลุงแว่น ผมจะบอกแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะลุงผลักดันที่นี่อย่างมากตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ดูแกรัก แหละห่วงที่นี่มาก ถ่ายรูปที่นี่ทุกวัน อยู่ทุกวัน จะว่าไปแกถ่ายรูปมีมุมมองสวยมากทีเดียว คงเพราะถ่ายมุมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน จนต้องหาจุดนำเสนอใหม่ ๆ การขยับมุมมองนิดหน่อยก็ได้ภาพที่น่าสนใจมากขึ้นได้แล้ว



ตำนานแห่งภูบ่อบิด ลุงแว่นภูบ่อบิด ใคร ๆ ก็เรียกลุงแบบนี้



ไอเท็มลับ เปิดทางพิเศษ


คุยกับแกอยู่พักใหญ่แกก็เผยไอเท็มลับ ลุงบอกถึงเส้นทางไปถ่ายภาพจุดอื่น ๆ ที่น้อยคนจะเคยไป เป็นทางที่ต้องปีนป่าย และเป็นดิน เป็นป่าที่ถูกถางทำทางไว้บ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ทางเรียบร้อย และชันมาก ตามทางจะมีเชือกผูกห้อยไว้ให้เราปีนไต่ตามไปตามทางชัน ลดความอันตรายลงได้เยอะ จุดที่ต้องปีนแบบชัน 90 องศามีน้อย แต่ก็ต้องระวัง



จุดที่จะเจอทางลับ มีเก้าอี้เป็นจุดสังเตุ เจอแล้วให้มองไปทางขวา



เส้นทางลับจะอยู่ฝั่งทางขึ้นบันได ก่อนถึงถ้ำพระจะเห็นเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่ง ตรงนั้นมองไปทางขวาจะมีทางปีนขึ้นไป แล้วจะพบเชือกให้ไต่ไปตามทาง



นี่คือเนินที่เรามองไปทางขวาแล้วจะต้องเดินออกจากทางหลักครับ ให้เดินขึ้นไปตามเนินนี้



ทางปีนป่ายมี ต้นไม้รกนิดหน่อยบางจุด ลุงแว่นจะทำจุดไว้ถ่ายภาพไว้บ้าง แต่ไม่ใช่เป็นเฉลี่ยงดี ๆ อะไรนะครับ ก็ยืนเกาะบนโขดหินอะไรแบบนั้นแหละครับ บางจุดรก และเป็นรังยุงหลับนอน เยอะมาก ๆ เดินขึ้นมานี่คันตัวเลย เพราะยุงไล่กัด ทา ก.ย. ก็คงเอาไม่อยู่ เพราะเราเหงื่อออกเยอะ ยุงมันตามกลิ่นเหงื่อ และความร้อน อ่อ ใครมือบาง ๆ ใส่ถุงมือก็ดีนะครับ จะทำให้ไม่ระบม



นี่คือทางที่ต้องปีนทางสูงชัน 90 องศา มีบ้างไม่มากครับ ยกเว้นจะไปปีนนอกเส้นทางเชือกก็ต้องปีนกันเอาเอง ต้องระวังตกลงมานะครับ



ลักษณะทางที่ลุงทำไว้ให้บ้างแล้ว ถ้าเดินตามทางเชือกจะไม่ค่อยรก



จุดชมวิวที่ผมคิดว่าลุงมายืนถ่ายภาพทุกวัน ทางจะรกมาก แต่พอจะปีนไปได้ บางทีผมก็หลงนิดหน่อย ไม่ได้ไปตามเชือก นึกว่ามีจุดชมวิว ปีนขึ้นไปเองก็อันตรายพอสมควร แต่หินมันแน่นนะครับ เพียงแต่ควรจะระวังให้มาก



ทางเชือกจะมาถึงยอดภูบ่อบิดเช่นกัน นี้คือเส้นทางเชือกที่มองจากเฉลี่ยงบนยอดภู



ภาพวิวที่ได้จากเส้นทางลับ แต่ผมยังสำรวจไม่ทั่วดี ไว้มีโอกาสจะขอแรงลุงแว่นพาทัวร์ทางลับให้หมด



ยามเย็นแห่งภูบ่อบิด


ผู้คนทยอยเดินมาเรื่อย ๆ ไม่คับคั้ง ทำให้เรายังคงสงบ และมีความสุขกับวิวตรงหน้าได้ หมอกไม่มี แสงอาทิตย์อ่อน ๆ สาดตัว นั่งคุยกันเพลิน ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่มากันเยอะ ๆ ถ้าร้อนก็ขึ้นไปนั่งบนยอดภูได้ เพราะร่มรื่นมาก ๆ



วิวตอนเย็นต่างกับตอนเช้าเพราะแสงอาทิตย์สะท้อนอาคาร บ้านเรือนเข้าตาเรา ทำให้อาคารจะดูเด่นมากขึ้น วันนี้มองเห็นทะเลภูเขาเบื้องหลังตัวเมื

อง และมองเห็นไกลไปจนถึงภูหอ หรือฟูจิเมืองเลย (จะอยู่ด้านซ้ายมือของเฉลี่ยงบนยอดภูบ่อบิด)



วิวยามเย็นต่างจากตอนเช้าในทิศทางของแสงกระทบตา



พานอราม่าซักใบ



มุมแสงดูอบอุ่น เด่นมาก



ตะวันบนนดิน



บนนี้มีตะวัน 2 ดวง



ได้เวลาทำอาหารแล้ว



ท่าทางบ้านนี้จะคนเยอะ ควันจากบ้านอื่นลอยขึ้นพร้อมกัน แต่หายไปก่อน บ้านนี้ควันอยู่นานมาก ๆ



ยังดีได้แสงเทพมาบาง ๆ



มาเช็คอินตอนเย็นกันหน่อย



ดาวบนดิน


ไม่ทันค่ำ ภาพไฟยามราตรีแห่งเมืองเลยยังไม่ถึงเวลาเลย เมฆฝนก่อนใหญ่รุกมาทางขวา ผมยังทำใจดีสู้เสือ คิดว่ามันอาจจะไม่มาทางนี้ก็ได้ พลางเฝ้าสังเกตุความคืบหน้าของมันเรื่อย ๆ เสียงมันคำรามมาเป็นระยะ ๆ อยู่ห่าง ๆ



เมฆฝนลอยมาแต่ไกลทางขวา



แสงเริ่มตก แต่เป็นธรรมชาติบนที่สูงที่แม้พระอาทิตย์ตกไปแล้ว ท้องฟ้ายังสว่างอยู่พอสมควร วันนี้เมฆเบื้องหน้าไม่เป็นใจ ผมไม่ได้เห็นตะวันลับขอบเขากับตา ไม่เห็นแสงสาดลาดเอียงสร้างเงาให้กับผิวอาคารยาวออกไป แต่ไม่เป็นไร ผมจะกลับมาใหม่อีกแน่นอน



วิ่งตามเส้นแสงนี้ไปจะไปภูเรือ ถ้าผมเดาไม่ผิด



วันนี้ผมขอลาไปด้วยภาพเส้นทางแสงดาวบนดินสู่เลยภาพนี้ครับ แล้วอย่าลืมไลท์เพจผมด้วยถ้าชอบนะครับ http://facebook.com/omeoyou วันนี้ลาไปก่อน เมื่อไหร่เจอกันก็เมื่อนั้น



เดินทางตามฝัน

 วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 20.53 น.

ความคิดเห็น