คนหลงทาง #2 : ลัดเลาะภาคเหนือ 4 วัน 3 คืน 'ค่ำไหนนอนนั่น' ลำปาง-เชียงใหม่-ลำพูน

กับการเดินทางกว่า 4 วัน 3 คืน ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เป็นการเดินทางกันแบบไม่มีแผนอะไรล่วงหน้า


ขับรถไปตามใจ ค่ำไหนก็นอนนั่น....ทุกสิ่งทุกอย่างไปหาเอาข้างหน้า เรียกง่ายๆว่าทริปดาบหน้านั่นเอง



ซึ่งพูดตรงๆว่าผมเอง ก็ยังไม่เคยลองเดินทางแบบนี้ดูเลยสักครั้งจริงๆครับ

แต่ก็ปรึกษากับพวกพ้องดูแล้วทุกเสียงตกลงว่า 'เอาวะ เราไปกันแบบนี้แหละ' ผมก็ไม่ขัดศรัทธาใครครับ

เอาก็เอา! แต่เราก็ตั้งใจไว้ว่า เส้นทางที่เราจะไปกันคือภาคเหนือ

เพราะหลังจากลงใต้ไปแล้ว รอบนี้ก็ขอขึ้นเหนือกันบ้างงงง



การเดินทางในครั้งนี้ ต้องเรียกว่า เกิดขึ้นกระทันหันครับ อันที่จริงในตอนแรก

พวกเราตั้งใจจะเดินทางกันไปที่ดอยหลวงตาก ความคันในการเดินป่ามันเกิด...เเต่สุดท้ายแล้ว

เพียงไม่กี่วันก่อนวันหยุดยาวจะมาถึง ทางอุทยานก็แจ้งมาว่าคนไปค่อนข้างเยอะมาก (ก็หยุดยาวสินะ)

ผมและพวกพ้องก็เลยเปลี่ยนจุดมุ่งหมายกันใหม่ ครั้นจะไปยั้วเยี้ยๆ คนเยอะๆ มันกลัวจะไม่สุด ไม่เต็มที่



แต่ไหนๆเราก็ตั้งใจกันไว้เเล้วว่าเราจะเที่ยว!!! ก็เลยสรุปกันว่า งั้นเราก็ไปตามทางของเรากันเถอะ

หลงก็หลง ไปไหนก็ไปเลยดีกว่า งั้นตามมาดูกันเลยครับ ว่าสองมือของพวกเรา

มันจะบังคับพวงมาลัย แล้วหลงทางกันไปที่ไหนบ้าง.....



กดชม Teaser เป็นน้ำจิ้มกันก่อนอ่านได้นะครับ




พูดคุยการเดินทางเพิ่มเติมกันได้ที่ : https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together

การเดินทางของเราในครั้งนี้ เริ่มต้นกันในคืนวันศุกร์หลังเลิกงานเลยครับ
แหม...ปกติเย็นวันศุกร์มันก็มีความสุขมากอยู่แล้ว
แต่ครั้งนี้ พอจะได้เดินทางมันยิ่งเป็นวันศุกร์ที่แสนสุขเป็นพิเศษ
(แต่อาจจะไม่สุขเท่าศุกร์สิ้นเดือนที่เงินเดือนออกหรอกนะครับ อิอิ)
เช้านี้ ผมทำงานที่เรารักกันแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อยเลยจริงๆ

ก่อนออกเดินทาง ก็แวะปั๊มเติมพลังให้ทั้งรถและคนกันหน่อยครับ


เมื่อเซเว่นบอกว่า #หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ถึงผมจะยังไม่หิว แต่ผมก็แวะครับ


ซื้อเตรียมๆตุนๆไว้หน่อย คืนนี้ยังอีกยาวไกลลลล

แหม...เห็นผมแบบนี้ แต่ผมอ่านหนังสือออกนะครับ เผื่อใครจะยังไม่รู้ 555+


อ้าว!?! หยิบผิดเล่มมมมม จริงๆผมตั้งใจหาหนังสือท่องเที่ยว (จริงๆนะ)


แต่ไหงไปคว้าผิดมาเป็นเล่มนี้ได้ไงไม่รู้สิครับ

แหม...งงจัง เห็นปกแล้วนึกว่าข้างในจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะอีกกกก

ส่วนพี่ๆของผม ก็เดินตระเวนหาของกินกันเลยครับ


เราถือคติว่า กินอิ่มนอนหลับ เป็นหัวใจหลักของเดินทาง

อ้าวๆ !?! เป็นไงละครับ พวกพ้องของผม กินง่ายอยู่ง่าย กินได้ทุกที่ ถึงแม้ว่าสถานที่


จะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม เห็นกันรึยังครับผม ? จกกันตรงนี้ ไม่มีแคร์สื่อแล้วครับ ณ จุดนี้

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เอาละครับ ได้เวลาที่เราจะมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือกันแล้ว





เช้าแล้วๆๆ เรามาโผล่กันอยู่ที่ลำปางแล้วครับ แต่คืนนี้จะนอนไหนยังไม่รู้นะครับ 5555+ ใกล้ถึงเวลานอนค่อยว่ากัน
แต่เช้านี้ เราก็มาโผล่กันอยู่ที่ตลาดเลยครับบบ บรรยากาศตลาดเก่าๆ ยังคงมีกลิ่นอายให้เราได้สัมผัส

ถึงเวลาแล้วครับ ถึงเวลาที่เราจะเริ่มออกเดินทางไปยังสถานที่แรกของทริปกัน


พี่ผมก็เดินเลยครับ ไปเจรจาพูดคุยอยู่แปปนึง ก็ได้ตกลงเรื่องค่ารถเป็นที่เรียบร้อย

เพราะเราจะเหมาครับ เหมาคันไปเลยยยย !!!

โฉมหน้าพี่คนขับนะครับบบบบ เห็นแบบนี้ใจดีนะครับ ซึ่งพวกเรามาก็มาแบบสมองกลวงมากๆ


ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางใดๆทั้งสิ้น! ต้องบอกก่อนว่า คุณลุงคนนี้ แกชื่อ ลุงสมนึก ครับ

เอาเป็นว่า ถ้าคุณลุงนึกจะไปที่ไหนก็แล้วแต่คุณลุงจะพาเราไปเลยครับบบบ...เอาให้ทั่วลำปางเลยนะ

หลังจากเราตกลงปลงใจเช่าเหมาคันกับลุงสมนึก กันแล้ว ก็เป็นอันว่า ราคาเช่าเหมาคันอยู่ที่ 300 บาท/เที่ยว นะครับ


โดยคุณลุงแกจะพาเราไปซิ่งรอบๆตัวเมืองลำปาง แวะกินแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ

ตั้งแต่ช่วง 8.00-12.00 น. เหมือนมีไกด์ส่วนตัวเป็นคนในพื้นที่ยังไงยังงั้นเลยครับบบบ



แล้วที่แรกที่คุณลุงแกพาพวกผมมาคือที่นี่แลยครับ วัดศรีชุม

บรรยากาศของวัดศรีชุม ต้องบอกว่าสวยงามดีทีเดียวครับ สถานที่แรกของทริปนี้


เราได้มาวัดกันก็เป็นเรื่องดีที่จะได้ทำบุญไหว้พระกันเป็นสิริมงคลแก่การเดินทางกันหน่อย

มาวัดทั้งทีพวกผมก็ต้องสำรวมกันหน่อย จะมาซนอะไรก็คงจะไม่งาม ก็พากันเรียบร้อยไปตามระเบียบ

เสร็จจากวัดศรีชุม ผมเองก็ไม่รู้ว่าลุงสมนึก แกจะนึกพาไปที่ไหนอีก


เอาเป็นว่าเราก็นั่งรถกันต่อไป เก็บบรรยากาศในตัวเมืองไปพลางๆ แหม...เห็นแล้วแอบคิดถึงบ้านจังเลยครับ

เสร็จจากวัดแล้ว สถานที่ต่อมาที่ ลุงสมนึก แกนึกจะพาเรามาคือที่นี่เลยครับ 'ร้านข้าวซอย บุญยืน'


ถ้ามาภาคเหนืออาหารที่หลายๆคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นข้าวซอยเป็นแน่ ไหนๆก็ไหนแล้ว

เรามาแวะเพิ่มอาหารลงกระเพาะให้น้ำย่อยมันได้ทำหน้าที่มันหน่อยดีกว่า

ผมกลัวมันจะกร่อยไปแบบไร้ประโยชน์ ผมเปล่าหิวนะครับผม 555+

อื้อออหื้อออออ ควันฉุย หอมกรุ่นเลยครับ น้ำลายสอกันแล้วสิ


แต่เอาจริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยกินอะไรที่ไม่คุ้น ปกติชีวิตกินวนเวียนแต่อะไรที่ชอบๆ แล้วสุดท้ายถามว่าผมกินอะไร ?

หมูสะเต๊ะะะะะะ !?!



โอ้วววว ของโปรดผมเลยครับ กินคนเดียวเป็น 30-40 ไม้ก็ไม่หวั่น เอาให้ท้องแตกกันไปข้าง

คือเอาง่ายๆว่า ถ้าผมไม่กินจนจุก หรือกินจนร้านปิด ก็เอาเป็นว่าไม่เลิกกิน



หมูสะเต๊ะเนื้อนุ่ม น้ำจิ้มอร่อยๆ กินเพลินมากกกก

หลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ที่ต่อไปก็จะเป็น หลวงพ่อเกษมเขมโก เรามาเเวะเดินเก็บภาพกันดีกว่าครับ


เอาละครับ มาจนถึงวัดสุดท้าย... วัดพระธาตุดอนเต้า มารอบนี้ผมงี้อิ่มบุญเลยครับ


นั่นอะไรรรร !?! มาลำปางถ้าไม่มีรถม้าจะเหมือนมาไม่ถึงสิครับ ว่าแล้วต้องเก็บภาพกันไปสักหน่อย


เจ้าม้าเหมือนจะรู้งาน ยืนทำท่าหล่อรอผมแล้วครับ

หลังจากเรานั่งรถวนกันไปทั่วตัวเมืองลำปาง โดยไกด์ส่วนตัวอย่างลุงสมนึก


นี่ก็ได้เวลาที่เราต้องบอกลาลำปาง แล้วไปต่อกันแล้วครับ ลำพังแค่เช้านี้ ผมก็ไหว้พระเผื่อไปหลายทริปแล้วจริงๆ

อิ่มบุญกันถ้วนหน้าครับ อิอิ



เสร็จแล้วก็นั่งรถสองแถวต่อไปลงที่ บขส.ลำปาง กลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรากันครับบบบ

นั่งชมวิวระหว่างทางกลับกันเพลินๆ เพลินจนเคลิ้มมมเลยครับ ตาจะหลับเอาให้ได้


เอาแล้วครับ เรามาถึง บขส.ลำปาง กันแล้วก็จ่ายเงินอะไรกันให้เรียบร้อย แล้วเราก็ไปต่อกันเลยดีกว่า



เมื่อถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อ อ้าวววว!?! จู่ๆฝนก็ตกลงมา ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา
ตกจนทำเอาที่ปัดน้ำฝนต้านทานแรงฝนกันไม่ไหว สุดท้ายหลังฝนหยุดเราต้องรีบหาที่เปลี่ยนกันเลยครับ
เพราะปัดยังไงมันก็มองไม่เห็นอยู่ดี

เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินภายภาคหน้า เราก็คงต้องถอยใหม่กันสักหน่อย

เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนอะไรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปยังลำพูนกันเลยครับ


ะหว่างทางไปลำพูนนั้นเราก็ตั้งต้นหลงวนไปวนมาเพื่อจะหาทางไปที่ อ.ลี้ กัน

มองไปมองมาไม่เจอป้าย แต่ดันไปเจอร้านขนมแทน แหม....ของกินอีกละ มีแต่ของน่ากินๆหิวไปหมดเลยครับผม

โอ้วววว ใส่ทะลักทะลาย น่ากินมั้ยละครับบบบ เอามายั่วกันแบบนี้ ถ้าใครเห็นแล้วอยากกิน


อ่านภาพนี้จบแล้ว ไปหาร้านใกล้ๆทานไปพลางๆก่อนแล้วกันนะครับ

ไว้มาลำพูนกันเมื่อไหร่ ค่อยมาลองลิ้มชิมรสกันให้หายอยาก อิอิ

เปิดรถไว้แบบนี้ เอ๊ะ? จะเปิดไว้ทำไม


พูดเลยว่ายืนแ-ก จนเมื่อยครับ กินไม่เลิกสักที ต้องหาที่นั่ง สองขาผมจะรับน้ำหนักท้องไม่ไหวละ 5555+



กินอิ่มแล้ว ต่อไปจะได้เวลานอนหลับเหรอ ?

ไม่ใช่ครับ...ยังไม่ใช่ ผมแค่เก็บแรงไว้ แล้วเราจะไปต่อกันที่ แก่งก้อ ซึ่งผมและพวกพ้องคิดไว้ว่าจะพาทุกๆคน

ไปชมน้ำในแม่น้ำปิงกันให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ส่วนภาพจะเป็นอย่างไร ตามมากันเลยครับ

เมื่อเติมพลังกันจนเต็มที่แล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อเลยดีกว่า จุดมุ่งหมายของเราคือที่ อำเภอลี้ จ.ลำพูน


ผมจำได้ว่าท่ีนั่นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่คือที่ นำ้ตกก้อหลวง



ในระหว่างทางที่เรากำลังมุ่งหน้ากันไปที่ก้อหลวงอยู่นั้น อยู่ดีๆ พี่ผมเลยครับ ซึ่งเราเรียกกันว่า 'ดาบเบี้ยว' ก็พูดขึ้นมาว่า



ดาบเบี้ยว : เฮ้ยๆๆ Ku อยากไปน้ำตกกุ๊กกิ๊กวะ

ทุกคน : งง......



อะไรคือน้ำตกกุ๊กกิ๊กครับพี่น้องงงง เกิดมาจากท้องแม่เพิ่งจะเคยได้ยิน 5555+

ด้วยความสงสัยและพวกเราก็อยากจะทราบทางที่จะไปที่น้ำตกก้อหลวงกันอยู่พอดี ก็เลยทำการสายตรงหาเจ้าหน้าที่เลยครับ

พี่เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าเดินทางไปอย่างไร ประจวบเหมาะกับไอ้สิ่งที่มันค้างคาใจผมมากกับ 'น้ำตกกุ๊กกิ๊ก'

ผมเลยถามไปเลยครับ! พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า 'น้ำตกกุ๊กกิ๊ก ไม่มี มีแต่ทุ่งกิ๊ก'

ผมก็เอิ่มมมมม.....เงิบไปเลยครับ ดาบเบี้ยวของผม มันตั้งชื่อเองแบบไม่เกรงใจธรรมชาติเลย



แล้วเราก็มุ่งหน้าขับรถกันต่อไป....ต่อไป...ต่อไป จนเรามาถึงที่น้ำตกก้อหลวง


มาถึงแล้วเราก็เข้าไปพูดคุยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่กันหน่อยดีกว่าครับ
พวกผมก็ขอให้พี่ๆแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันได้บ้าง ?

พี่เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาเเบบเสียงดังฟังชัดเลยครับว่า
'ถ้าจะไปน้ำตกช่วงนี้ก็น้ำน้อยนะ น้ำจะขุ่น อาจจะลงเล่นน้ำไม่ได้ ส่วนที่แก่งก้อก็อาจจะไม่มีน้ำ'
อื้อหื้อออออ....ฟังเเล้วสะเทือนใจ 55555+

แต่ไม่เป็นไรครับ สู้กันต่อไป...มาถึงแล้ว นักรบอย่างเราต้องอย่าไปกลัวสนามรบครับผมมม

ว่าเเล้ว เราก็เดินไปน้ำตกกันดีกว่าครับ ห่างจากจุดจอดรถ เดินไปประมาณอีก 500เมตร ก็ถึงครับ


เดินเรื่อยๆชิลๆ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้กันไปตามทาง

ทางขึ้นไปเดินสบายๆครับ ไม่ลำบากอะไร สัมผัสธรรมชาติกันใกล้ชิด


เเละเเล้ว....สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม



โอ้ววว ไม่ผิดหวังเลยครับ แหม...เดินขึ้นมาใจก็ลุ้นตลอด แต่เมื่อมาถึงก็โอเคครับ สวยงามใช้ได้

ตอนได้ยินเจ้าหน้าที่พูด ผมนี่เผื่อใจไว้เยอะมาก แต่ขึ้นมาเห็นแบบนี้ก็สบายใจแล้วครับ

โอ้ววว! เจ้าแมงป่อง เดินกันระวังๆกันด้วย อย่าวิ่งเล่นเพลินจนเผลอไปเหยียบมันเข้านะครับผม


เสร็จสิ้นจากน้ำตกก้อหลวงกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่ต่อไปกันเลย แก่งก้อ รอเราอยู่


ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะแอบบอกให้เสียหลักไปเล็กน้อยว่าอาจจะไม่มีน้ำ แต่ผมยังมีหวังครับ

ขอไปลุ้นเอาข้างหน้าดีกว่า ถ้าไปแล้วมีน้ำก็กะว่าจะเล่นกันให้ชุ่มปอดแก้ผ้าโดดน้ำฉลองเลย

ระหว่างทางไป ผมเองก็แอบนั่งหลับอยู่ที่เบาะหลังครับ ช่วงที่กำลังแบบว่ากรึ่มๆเลยครับ


งัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงแว่วๆมาจากข้างหน้ารถ



ด้วยความที่เส้นทางในเขามันคดเคี้ยวไปมา ผมก็ได้ยินพี่ชายผม บอกดาบเบี้ยวว่า

'เฮ้ยๆๆๆ ไอ้ดาบ -ึงขับดีๆ โค้งเยอะเว้ย' แหม...พี่ผมสองคนจะตีกันมั้ยหรอนั่นนนน



เห็นเราเรียกกันดาบๆๆ แต่ไม่ใช่ว่าพี่แกจะเป็นคนในเครื่องแบบอะไรนะครับ เป็นฉายาที่เราเรียกกันเฉยๆ

คุณตำรวจทั้งหลายอย่าเพิ่งตามมาสอบสวนพวกผมนะคร้าบบบบ


ขับๆกันไปได้สักพัก พวกเราก็มองหากันเลยครับ ท่องในใจ แก่งก้อๆๆๆ แม่น้ำปิงๆๆๆๆ
ท่องวนไปวนมาจนจะเป็นคาถาเรียกน้ำไปแล้วครับ

เราขับๆกันไปได้สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ! เราเลยกันรึเปล่า ? หรือว่ามันถึงรึยัง ? หรือเราจะใกล้ถึงแล้ว ?
ไหนลองขับลงไปดูด้านล่างสิ แม่น้ำปิงอยู่ตรงไหน ขับไปหากันหน่อย....แต่ก็อย่างว่าละครับ
ในเมื่อธรรมชาติ มันมาพร้อมกับคำทำนายของเจ้าหน้าที่ ถึงได้ถึงบางอ้อว่า...
ไอ้ที่เราขับรถกันลงมาพื้นดินแห่งนี้ ที่รอบข้างมีต้นไม้ใบหญ้าประนึงทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งนี้ แท้จริงแล้วมันคือ แม่น้ำปิง!

โอ๊ยยยย อึ้งหนักกว่าตอนได้ยินคำพยากรณ์จากปากพี่เจ้าหน้าที่เลยครับ 5555+

ในขณะที่เรา 3 คนกำลังอึ้งๆงงๆกับแม่น้ำปิงอยู่นั่น แหม...เหมือนสวรรค์แกล้งชายชาตรี 3 หน่อ อย่างพวกเรา
ดาบเบี้ยวของผมขับรถไปติดในหลุม!!! สงสัยดาบจะกลัวจะไม่มีอะไรทำ ขับลงหลุมสักหน่อยให้ใจมันได้ตื่นเต้น
และได้ออกแรงช่วยกันเข็น ช่วยกันโบกแบบนี้ล่ะครับ

ถ้าใครอยากรู้ ว่าจริงๆแล้ว แม่น้ำปิงเวลาน้ำเต็มๆ ที่แก่งก้อนั้นเป็นอย่างไร ลองไปถามกูเกิ้ลดูได้นะครับ


ว่ามันต่างจากแก่งก้อของพวกผมอย่างไร ? ผมงี้ไม่กล้าเปิดดูเลยครับ...เคยเห็นมั้ยครับ 'สิ่งที่คิด และสิ่งที่เจอ' 5555+



ดูสิครับ ลงไปวิ่งเล่นในแม่น้ำปิงแบบนี้มีที่ไหนนนน นี่คือพวกเราโชคดีมากนะครับเนี่ยยยย

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ คือถึงแม้ว่าน้ำจะแห้ง แต่ความงามของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้หายไปไหน


แค่มันปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและฤดูกาล

ไหนๆแม่น้ำปิงวันนี้ ก็เป็นประนึงโลกกว้างและทุ่งหญ้าสำหรับผมแล้ว


แลไปแลมาก็รู้สึกเลยว่า เห้ยยยย...บรรยากาศดีใช่เล่นนะเนี่ย งั้นคืนนี้ เรานอนกันที่นี่แหละ!!!



คิดได้แบบนี้แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กางเต๊นท์เลยสิครับ อะไรมารั้งก็เอาผมไม่อยู่แล้ว

ถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศกันสักหน่อย แก่งก้อรอบนี้ จะอยู่ในใจผมไปอีกนานแน่นอน


ส่วนคืนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราในที่แห่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็จะได้รู้กันล่ะครับบบบ

หลังจากเราตั้งหลักปักฐานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะมาเตรียมเสบียงสำหรับเย็นนี้กันเเล้ว


แต่จู่ๆ พวกเราก็นึกขึ้นมาได้ว่า อ้าวววว...น้ำหมด!!! อยู่กัน 3 คน แต่มีน้ำขวดน้อย เหลืออยู่ขวดเดียว

มันก็ไม่พอสิครับบบบ



ว่าเเล้วพวกพี่ๆของผม ก็ขับรถออกไปจากจุดที่เรากางเต๊นท์กัน เพื่อออกไปหาซื้อน้ำ ส่วนผมก็เฝ้าของอยู่ที่นี่

คอยเก็บของเข้าเต๊นท์ให้เรียบร้อย พี่ๆผมก็เป็นห่วง เห็นอยู่คนเดียว เลยทิ้งขวานไว้ให้ผมด้ามนึง เอาไว้ป้องกันตัว

แล้วรถของพวกพ้องก็หายลับจากสายตาผมไป ถ้าทุกคนชับหนีผมไปเลยจะทำยังไง

ผมคงมีชีวิตอยู่กับแม่น้ำปิง และขวานเพียงหนึ่งด้ามแน่ๆ

หลังจากที่ผมนั่งรอทุกคนออกไปหาซื้อน้ำ ต้องบอกว่ารอกันอยู่ชั่วโมงกว่าๆเลยทีเดียว


คือร้านค้าชาวบ้านอยู่ไกลจากจุดนี้พอสมควร ขับออกไปก็หลายสิบโล แต่เมื่อพวกพ้องของผมกลับมา

ผมงี้ยิ้มออกเลย นึกว่าขับกลับกรุงเทพฯ กันไปแล้ววว 5555+



เเล้วเมื่อทุกคนกลับมาถึงกันพร้อมหน้าพร้อมตา เราก็ลงมื้อจัดกันเลยครับ อาหารมื้อเย็นแบบผู้ชายๆ

ผัดมาม่า ใส่ไข่ ใส่ปลากระป๋อง เมนูนี้คิดยากทำยากมากนะครับ ผมขอเตือน

พวกผมแค่เททุกอย่างแล้วคลุกๆๆๆๆๆๆ แหม...ไม่เกิน 3 นาทีเสร็จ ได้กินทันใจ

#ผัดมาม่าปลากระป๋อง ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ผมว่ามันได้อารมณ์ดีเหมือนกันนะครับเนี่ย


ของง่ายๆธรรมดาๆ เวลาได้ลงมือทำ และกินในที่เเบบนี้ มันฟินมากๆ

พอเริ่มค่ำ หลังจากพวกเรากินกันอิ่มท้องแล้ว เราก็ออกไปช่วยกันหาฟืนกันมาไว้ครับ เพราะนั่งไปรู้สึกยุงเยอะ


แมลงเยอะจริงๆ ก็เลยว่าจะก่อไฟไล่กันสักหน่อย แล้วเราก็จะมาเต้นรอบกองไฟกันเหมือนสมัยเรียนลูกเสือกันนี่แหละครับ

ไม่ใช่แระครับ... เราก็จะมานั่งเล่นนั่งคุยกันชิลๆ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน

โอ้ววว เช้าแล้ววววว

เช้านี้ผมและพี่ของผมอีกคน ก็ตื่นกันแต่เช้าครับ เหลือแต่ดาบเบี้ยว ที่ยังนอนไม่ตื่น
แหม....ก็อย่างว่าละครับ ตื่นก่อนได้เปรียบ ถ้ามัวแต่นอนก็จะโดนแกล้งไม่รู้ตัวแบบนี้

ผมและพี่ของผมเลยไปแกล้งถอดเต๊นท์ที่ดาบเบี้ยวนอนจนเป็นสภาพแบบนี้แหละครับ
นอนแปลกนะครับพี่ผมคนนี้...กางเต๊นท์แบบนี้นอนก็ได้ด้วยหรอ อิอิ

เล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนเย็นที่ผมนั้นเฝ้าของอยู่คนเดียว และก็ต้องขนของเก็บเข้าเต๊นท์ให้เรียบร้อย


แต่ไอ้ตอนที่ผมขนๆๆๆๆของเข้าเต๊นท์อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ก็นั่นแหละครับ ดันลืมปิดเต๊นนนนนท์!?!



บันเทิงละครับงานนี้ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอนอนแล้วตื่นมาเท่านั้น เจ็บช้ำระกำใจเลยครับ แมลงเข้าเต๊นท์ไปตอนที่ลืมปิด

พอกลางคืนเข้าไปนอน ก็ปิดเต๊นท์รูดซิป นอนไปพร้อมกับพวกมันนั่นแหละครับ

เช้ามาอย่าได้ถามว่าเป็นยังไง...ตัวเเดงเป็นจุดๆๆๆๆ ตุ่มๆขึ้นเต็มเลยครับ

แต่ก็เอาครับเด่วมันก็หาย คราวหน้าคราวหลังต้องระวังให้มากกว่านี้



หลังจากที่พวกเราเก็บข้าวของ เตรียมตัวออกเดินทางกันต่อแล้ว

ก็เลยแวะไปหาร้านค้าเพื่อที่จะฝากท้องยามเช้ากันหน่อยครับผม

ขับไปขับมาก็ไปเจอร้านนี้เลยครับ พี่เจ้าของร้านแกชื่อ พี่หล้า ใจดี อัธยาศัยดี มากๆครับ


บรรยากาศร้านก็ง่ายๆสบายๆ นั่งกินได้ชิลๆเพลินๆ ราคาก็ไม่แพง ใครผ่านก็แวะมากันได้นะครับ

ไอติมกินกันแต่เช้าเลยหรอ ? ใช่ครับผมมมม ถ้าอยากก็จัดครับ ไม่ใช่เวลาก็ช่างมัน


เวลากินจริงจังกว่าเวลาทำงานอีกนะ ผมบอกเลย 5555+


ออกเดินทางกันต่อเลยดีกว่า วันนี้พวกเราตั้งใจกันว่า จะไป เชียงใหม่ กันสักหน่อย


ถึงจะมากันหลายครั้งแล้ว แต่ก็รู้สึกว่า เป็นจังหวัดที่มาได้เรื่อยๆเสมอ

แต่ก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไปยังที่ต่างๆ พวกผมก็ขอแวะไหว้พระกันสักหน่อย เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทาง


อุ่นใจดีครับผม และแล้วเราก็เเวะกันที่นี่เลยครับ วัดพระธาตุห้าดวง

ความละเอียด และประณีตบรรจงของทุกลายเส้น ที่เรียกว่า สะกดสายตา ผมเอามากๆ


นั่นแน่...ข้างในมีเจ้าหมาน้อยตัวนี้แอบมางีบอยู่ที่นี่ ข้างนอกคงจะอากาศร้อนเกินไป


มันเลยต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น มานอนสบายใจกันอยู่ตรงนี้เลยครับ

และเเล้วก็ได้เวลาบอกลาลำพูนกันแล้วล่ะครับ จุดหมายต่อไปของเราคือ เชียงใหม่ ลุยกันเลยดีกว่า!!


ระหว่างที่เรามุ่งหน้ากันไปที่เชียงใหม่ เราก็แอบมีปรึกษากันครับ ว่าเราจะไปไหนกันก่อนดี
คิดไปคิดมา นึกขึ้นได้ว่าที่เชียงใหม่จะมี แกรนด์แคนยอน อยู่ ซึ่งพวกเราเองถึงจะมาเชียงใหม่กันหลายครั้งแล้ว
แต่ก็ยังไม่เคยจะย่างสองเท้าไปเหยียบที่นั่นดูสักที ประกอบกับความที่เราอดเล่นน้ำจากแม่น้ำปิงกันมา
เรียกว่าคันมากครับ อยากโดดน้ำสักที ก็เลยตกลงปลงใจจะไปกัน

ซึ่งพวกเราเองก็นั่งหาข้อมูลการเดินทางไปพลางๆ จึงได้รู้ว่า แกรนด์แคนยอนนั้น อยู่ที่ หางดง
แต่ๆๆๆๆ แต่ช้าแต่ครับผม...การที่เราอยากรู้อะไรก็ถามกูเกิ้ล มันก็จะขึ้นข้อมูลนั่นนี่ทุกอย่าง ก็เลยทำให้พวกเราได้รู้อีกว่า
จริงๆแล้วที่นี่ เมื่อก่อนเคยมีข่าวคนเสียชีวิตจากการกระโดดน้ำเล่นน้ำที่นี่ ด้วยความสูงชันของจุดที่กระโดด
เรียกว่า ค่อนข้างอันตราย จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

เอาแล้วไงครับ พวกเราทุกคนเริ่มมีลังเล...เอาไงดีว๊าาาา ไปดีมั้ย หรือยังไงดี คิดกันอยู่พักใหญ่
จนสุดท้ายก็สรุปว่า 'เอาวะ ไปก็ไป ส่วนน้ำจะเล่นมั้ยหรือยังไง ไปดูความปลอดภัยเอาข้างหน้า'
ไหนๆก็ไหนๆละ โฉบๆไปดูให้เห็นกับตากันหน่อยดีกว่า

ระหว่างทางเข้าไปที่จอดรถก็บรรยากาศดีทีเดียว


เอาแล้วครับ มาถึงแล้ววววว แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ ค่าเข้าคนละ 50บาท ได้ตั๋วแล้วก็ไปกันครับ


เข้ามาชมบรรยากาศข้างในกันเลยดีกว่า ผมว่าที่นี่ก็จะมีกิจกรรมอื่นๆให้ทำนอกจากเล่นน้ำอยู่เหมือนกันนะครับ


แต่ส่วนใหญ่คนก็จะเล่นน้ำ บางจุดที่ไม่อันตรายก็มีนะครับ แล้วตอนนี้ก็มีการดูแลความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วย

เหตุการณ์เดิมๆ โอกาสจะเกิดคงน้อยมากเเล้วครับ มีการระมัดระวังเป็นอย่างดี



แต่พูดตรงๆ คนที่เล่นน้ำนี่จะเป็นฝรั่งเสียมากกว่านะครับ คนไทยน้อยหน่อย ฝรั่งก็โดดเอาๆๆ ตูมๆๆๆ เพลินเลยครับ

เมื่อเรา 3 ชีวิตมาถึงกันแล้ว ก็เก็บภาพกันไปสักหน่อยครับ จากตอนแรกตั้งใจกันว่าจะมาเล่นน้ำ


แต่พอมาถึงก็เปลี่ยนใจกันซะงั้น ไม่ใช่ว่ากลัวจากข่าวหรืออะไรครับ พวกเราคิดว่าคนเยอะไป (ก็ใช่สิ มาหยุดยาวนี่นา 5555+)

เราเลยขอไปหามุมเงียบๆ สงบๆไว้เล่นน้ำกันที่อื่นดีกว่า ก็เอาเป็นว่าได้มาเหยียบที่นี่สมใจอยากกันแล้ว

เมื่อออกจากแกรนด์แคนยอนกันมาแล้ว พวกเราก็ตระเวนหาที่พักกันครับ ก็ได้เป็นที่นี่เลยครับ


อยู่แถวคูเมืองนี่เอง เห็นเตียงแบบนี้ เเต่เรามากัน 3 คน ถามว่านอนกันยังไง ?



ไปเดากันเอานะครับ ที่สำคัญคือเตียงไม่ได้เลื่อนไปไหนด้วยนะครับผม

มีที่นอนกันแล้ว ก็ต้องหาอาวุธคู่กายกันหน่อย หาที่เช่ามอเตอร์ไซค์แว๊นรอบเชียงใหม่กันหน่อยมั้ยครับ อิอิ


มาเลยครับ ตามมาเเว๊นกันได้เลยยยย พักหลังๆมานี้ ผมชอบที่จะได้ไปเที่ยวไหน


แล้วหามอเตอร์ไซค์ขี่ตระเวนไปแบบไร้จุดหมายทุกซอกมุมมากกว่า ชอบตรงไหนก็แวะตามใจเรา

มันได้เข้าถึงสถานที่มากกว่าการที่เราขับรถยนต์เที่ยวเยอะเลยจริงๆ มีใครชอบไปแบบนี้กันบ้างมั้ยครับ

เอ๊ะ! หรือผมคิดไปเอง

ระหว่างติดไฟแดงก็แวะถามทางกันสักหน่อย คุณลุงขับรถสองแถวแกก็น่ารักมากครับ


บอกแนะนำให้เราคนต่างถิ่นกันเป็นอย่างดี คนเชียงใหม่น่ารักมั้ยละครับบบบ

โอ๊ยยย หัวใจจะวาย 5555+ เผลอแปปเดียว หันมาอีกที ดาบเบี้ยวผมขี่มาตีข้าง


หันไปแว๊บๆทีแรกนึกว่าเจ้าหน้าที่จากอุทยานที่แก่งก้อตามเรามาซะอีก แต่งตัวซะเหมือนเลย

ในระหว่างที่ฝนทำท่าจะตก เราก็หาที่จอดพักกันสักหน่อย เราก็แวะร้านแฟกันเลยครับ


บรรยากาศภายนอกดูโอเค สไตล์วินเทจๆหน่อย

บรรยากาศร้านตกแต่งแบบสบายๆ ก็พอจะได้กับสไตล์ชายโฉดแบบเราสามคนอยู่เหมือนกันนะครับ


ว่าแต่ตอนนี้ก็หิวแล้ว...เรามาสั่งกันเลยดีกว่า หาอะไรกระแทกท้องกันหน่อย

เห็นโต๊ะเก้าอี้เซ็ทนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ วินเทจมุ้งมิ้งกันดีมั้ยละครับ


ถึงเวลาต้องปลุกความเป็นสาวในตัวคุณให้อินกับอะไรแบบนี้กันหน่อย



แต่โดยรวมแล้วดูน่ารักเข้ากับสไตล์ร้านนะครับ ส่วนที่ไม่เข้าพวกคือพวกผมนี่แหละ

แต่ละคนจะมาแนวดิบกันไปไหนไม่เข้าใจ อิอิ

พูดยังไม่ทันขาดคำ พี่ผมไปนั่งทำท่าเท่อยู่หน้าร้านแล้วครับ เล่นไปนั่งแบบนี้เด่วคนอื่นเค้าก็ไม่กล้าเข้าร้านสิครับพี่!


โฉดๆอย่างเราจะทำให้คนแถวนั้นกลัวรึเปล่า นึกว่าแก๊งค์อะไรมานั่งคุมร้านซะอีกกกกก

ส่วนผมและดาบเบี้ยว ก็ขอนั่งหน้าหนวดกันอยู่ในร้านดีกว่า อยู่กันคนละมุม คนละช่อง คนละทาง


จะได้ไม่ไล่ลูกค้าอื่นให้กลัวเรากัน

มาแล้วครับบบบ เครื่องดื่มแก้วแรกที่มาเสิร์ฟ รสกลมกล่อมชื่นใจ แว๊นไปแว๊นมา


อากาศร้อนๆ มันช่วยได้จริงๆ เลยนะเนี่ย

หลังจากที่พวกผมอิ่มท้องกันเเล้ว ถ้าถามว่าเราจะไปไหนกันต่อ ? ต้องบอกเลยว่า....เราไปซื้อมือถือกันครับ



ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด ด้วยความที่มือถือผม ใช้มาก็นานนม แบตก็เสื่อมเต็มทน ชาร์จเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ใช้ๆหมดก็ไว

เสียบปลั๊กปุ๊บบางทีไฟก็เข้านะ แต่พุ่งไวเว่อร์ ก่อนจะชาร์จมี 20% แต่พอเสียบปุ๊บ!!! แหม....ขึ้นไป 40% ปั๊บ!!!

คืออัลไลลลล มันใช่ใช่มั้ย ? จะไม่ 21...22...23...กันก่อนหรอ ?



เมื่อไปถึงร้าน ผมก็เล็งๆเลือกๆลองเล่นรุ่นนั้นรุ่นนี้ สุดท้ายมาลงตัวที่ HUAWEI P9 ซึ่งลองเล่นเเล้วรู้สึกใช่และมันค่อนข้าง

ซัพพอร์ทการถ่ายภาพได้ดีมากๆก็ควักจ่ายไปครับ 17k กว่าๆ สรุปว่าทริปนี้คือ แพงมาก = ="



พอได้เครื่องใหม่มา เครื่องเก่าผมมันจบชีวิตลงตรงนั้นทันที ด้วยความที่แบตจะหมด

ชาร์จยังไงก็ไม่เข้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใจคอจะไม่ให้ร่ำลาอะไรกันเลยใช่มั้ย ไปเอาดื้อๆเลยเนอะ



แต่ก็เอาครับ มันคงไปดีแล้วจริงๆ ส่วนผมชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป ค่ำนี้เลยตั้งใจว่าจะไปดอยสุเทพกันสักหน่อย

ขอไปเก็บภาพตอนกลางคืน ยามที่ดอยสุเทพเปิดไฟ แต่แหม...โชคชะตาเหมือนเล่นตลก

ทุกวันๆๆๆ ใครมาก็เปิดไฟ แต่พอผมขึ้นไป ปิดไฟซะงั้น !!! อดเลยงานนี้ หอบสังขารเดินกันมา แต่ก็ไม่เป็นไรครับ

พวกผมเลยเดินเลยไปตรงจุดชมวิว และก็ได้ภาพนี้มา ทดแทนดอยสุเทพที่ปิดไฟ ก็สวยงามน่าพอใจ

อย่างน้อยเดินขึ้นไปไม่หมดแรงฟรี อิอิ

หลังจากเดินกันจนเหนื่อย ใช้พลังงานไปเยอะ พวกผมก็ขอไปหาอะไรกินกันที่ร้านดัง ไก่ทอดเที่ยงคืน สักหน่อย


พอไปถึงคือร้านปิด??? ใครช่วยบอกทีครับวันนี้วันอะไร แม้แต่ร้านที่ขึ้นชื่อว่าขายหามรุ่งหามค่ำ ยังปิดใส่ผม 5555+

แบบนี้คงไปได้ที่เดียวแล้วครับคือ เซเว่นนนนน ถึงจะไม่บอกว่า #เที่ยงคืน แต่เป็นรู้กันว่า 24 ชม.

หวังฝากท้องได้ ไม่ปิดหนีผมแน่นอนนนน



เอาละครับ...เรากลับห้องเข้านอนกันดีกว่า พรุ่งนี้เรามาลุยกันต่อ



เช้ามาก็ได้เวลาออกทำมาหากินกันแล้วสิครับ แต่แหม...กว่าจะย่างกราย
และพาสารร่างออกมาจากห้องได้ ก็เกือบเที่ยงละครับ

หลังจากอาบน้ำทำอะไรเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางกันไปที่ ลำปาง กันเลยครับ ซึ่งการวนกลับไปลำปางอีกรอบในครั้งนี้
พวกผมตั้งใจกันไว้แล้วครับ ว่าเราจะไปกันที่ วัดพระบาทปู่ผาแดง หรือ วัดเฉลิมพระเกียรติ นั่นเอง
โลเคชั่นที่นี่ล่อตาล่อใจให้มาสัมผัสมากๆ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็น Unseen Thailland แห่งเมืองลำปางอีกด้วย

มาถึงแล้วก็ซื้อตั๋วกันเลยครับ เพราะเราจะต้องขึ้นรถต่อไปยังบนเขากัน

หลังจากเรานั่งกันมาได้ไม่กี่อึดใจ ประมาณ 10 นาที เมื่อรถที่เรานั่งมาล้อที่หมุนก็ได้หยุดลง


ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินเท้าขึ้นไปด้วยตัวเองกันอีกประมาณ 800 เมตรถึงยอดเขาด้านบนกัน

มุมหวานๆ มุ้งมิ้งงุ้งงิ้ง กันอยู่สองคน



ปกติก็รักนะแต่ไม่ค่อยแสดงออก แต่พอได้อยู่ในมุมเงียบๆท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ก็หวานใส่กันหน่อย

ด่ากันมาเยอะตลอดทางแล้วครับบบบ

คนอื่นจะเดินไปยังไงกันผมไม่รู้นะครับ แต่ผมนี่เท้าเปล่ากันเลยครับ = ='



ก็ตอนก่อนที่จะขึ้นรถมากัน ไอ้ผมก็ดั๊นนนนนใส่รองเท้าเเตะมาซะงั้น จะไปเปลี่ยนใส่รองเท้าผ้าใบก่อนขึ้นรถก็ไม่ทัน

พอถึงเวลาต้องขึ้นเขา จะลากแตะก็ไม่คล่องตัว ก็เลยถอดออกเก็บใส่กระเป๋าไว้ แล้วเดินมันแบบนี้แหละครับผม

นั่นไงงงง...สุดท้าย ผมก็มาถึง ตอนนี้ผมเป็นผู้พิชิตยอดเขาเเล้วนะครับ



แต่เอาจริงๆก็เดินเรื่อยๆชิลๆ ชมป่าชมเขา ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ผมว่าใครที่อยากพาครอบครัวที่เป็นผู้ใหญ่ หรือมีอายุหน่อย

ก็สามารถอยู่นะครับ แล้วเราจะได้ขึ้นไปสัมผัสยอดเขาด้วยกัน

แต่ถ้าใครไม่ไหว ที่นี่ก็มียาอม ยาดม ยาหม่อง จากพี่เจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่นะครับ ถึงจะเดินไม่ยากยังไง


แต่ความปลอดภัยก็สำคัญ เผื่อใครเป็นหืดหอบอะไร จะได้รู้จักปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากคุณพี่ท่านนี้เลยครับ

เมื่อขึ้นมาถึงแล้ว เรามาเดินสำรวจยอดเขา และอิ่มเอมไปกับความสวยงามของวัดเฉลิมพระเกียรติกันเถอะ


มาเลยครับ เดินตามพวกเรามา ทางนี้ที่เราเดินมาเพื่อไปยังยอดข้างบนสุดของวัด ไฮไลท์เด็ดของที่นี่เลยจริงๆ


ผมเริ่มจะหลงรักที่นี่เข้าอย่างจังเลยครับ หลังจากภาพนี้ไป ผมขอให้ทุกคนได้เข้าถึงบรรยากาศของที่นี่กันอย่างเต็มที่


ผ่านรูปทีละใบๆๆ จนสถานที่แห่งนี้ มันเข้าไปอยู่ในใจทุกคน แบบที่ผมกำลังรู้สึกตอนนี้

มุมนี้ถ้าใครได้มา อย่าลืมลองมานั่งถ่ายเก็บภาพไปกันนะครับ วิวแบบว่า เกือบจะ 360 องศาเลยทีเดียว
ไหนๆก็มาแล้ว ผมก็เอาสักหน่อย เด่วจะหาว่ามาไม่ถึง

เดินไปเดินมา ก็แอบเจอมุมนี้ซ่อนอยู่ เรามาเก็บภาพกันหน่อยครับ


ข้างนอกว่าสวยแล้ว เดินเข้ามาข้างใน ก็สวยไม่แพ้กัน ความสวยงามของสีแดงที่ขับกับสีทองภายในนี้


มันดูเด่น ดูยิ่งใหญ่อย่างบอกไม่ถูกเลยครับ



เอาล่ะ...นี่ก็เย็นมากแล้ว ได้เวลาที่ผมต้องพาตัวผมเองลงไปจากสถานที่แห่งนี้ และไปหาที่ซุกหัวนอนกันแล้ว

ไปกันครับ เราไปตระเวนหาที่นอนในลำปางกันเถอะ

และแล้ว เราก็ได้ที่พักแล้วครับ ขับรถหากันอยู่สักพัก กว่าจะได้ที่พักก็ฟ้ามืดพอดี


แต่ในเมื่อเรามาถึงกันแบบนำความหิวมาเต็มกระเพาะ เราจึงเริ่มรื้อข้าวของออกมา



แหมมมม...พ่อครัวหัวป่า ได้เวลาแสดงฝีมือ

เป็นไงครับ ดูจากทรงแต่ละคน น่าจะไหวมั้ยครับ เห็นอย่างงี้ แต่เราก็ทำอาหารกันใช้ได้นะครับ


พูดแล้วจะหาว่ายอกันเอง 5555+

เมนูง่ายๆ รสชาติแบบผู้ชายๆ มันสนุกตรงที่ได้ลงมือทำกินด้วยกันนี่แหละ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า จัดเลยสิครับบบบ

เช้าวันสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้ก็มาถึง หลังจากเก็บของ check-out กันเรียบร้อยแล้ว
เราได้เวลาออกเดินทางกันต่อ เช้าๆแบบนี้ ก็หาแวะร้านกาแฟกันสักหน่อย

ขับไปๆๆ ก็ไปเจอร้านนี้เลยครับ เห็นด้านนอก เห็นโลเคชั่นแล้วมันดึงดูดมากๆ เราก็แวะไปกันสักหน่อย

เห็นร้านสวยๆ โลเคชั่นดีๆ ข้างหลังเป็นภูเขาแบบนี้ ที่นี่ชื่อว่า ร้านกรีนเมาน์เทน นะครับ ใครผ่านไปผ่านมา ก็แวะมาได้


เข้ามาข้างในแล้ว ก็สั่งอาหารกันเลยครับบบบ อย่างพวกผมจะสั่งอะไรได้ นอกจาก เมนูไข่


กินกันจริงจัง ประนึงว่าเก็บกดที่ออกไข่กินเองไม่ได้ สั่งจังเลย ทุกที่ทุกร้านนนน!!

มุมขายของฝากน่ารักๆก็มีนะครับ ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปได้


ที่นี่จะมีมุมหว๊านนนนหวานนนน น่ารักๆ ละมุนละไม แอบซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ


ดูแล้วเข้ากันดีกับหนวดของผมมากเลยละครับ อิอิ

ปล่อยครับ...พวกผมต้องปล่อยให้พี่แกทำอาหารอย่างมีสติต่อไป ไม่งั้นแล้วเรา 3 คนจะเข้าไปซน


ชวนเล่นกวนประสาท จนพี่แกอาจจะหยิบผิดหยิบถูกเอาอะไรใส่ให้กิน พวกผมไปยุ่งกับใคร เป็นอันได้เรื่องทุกราย



ต้องสงบเสงี่ยมตั้งหน้าตั้งตารออาหารกันไป มื้อนี้เราอยากกินกันแบบอร่อยลิ้นสุดๆ

มาที่นี่แล้ว มันได้ฟีลแบบจิบกาแฟ กินอาหารเช้าเพลินๆ สไตล์ American Breakfast


(แหม...ก็ถามกูเกิ้ลกันมาบอกอีกที ปกติผมก็เรียก ปังปิ้ง ไข่ดาว ไข่กระทะอะไรเทือกๆนั้น เป็นอันเข้าใจง่าย)

แล้วชมวิวภูเขาไปพลางๆ เหมาะแก่การ Slow Life ไร้งานทำ และลางานมาเที่ยวมากๆ 5555+



ปล. เจ้านายผมกำลังอ่านรีวิวนี้อยู่มั้ยครับ เย็นสันหลังวาบๆ บอกไม่ถูก

ไข่กระทะผม กำลังจะมาละครับ นั่งน้ำลายไหลรอเลยยยยย


มาแล้วครับบบ ไข่กระทะของพวกเรา...มื้อเช้าของเราไม่เคยพ้นสิ่งที่เรียกว่า ไข่


ไม่รุ้อะไรกันหนักหนา ทริปนี้มากินไข่ไปเป็นสิบแล้ว ไข่กระทะผม หน้าตาดีมั้ยล่ะครับ ?

รสชาติก็ดี ราคาก็ไม่แพง....ว่าแล้ว เรามาละเลง เทซอส เทเครื่องต่างๆตามใจปรารถนา แล้วฟาดให้เรียบบบบ!!!

นั่งกินกาแฟ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง


ฟินอะไรขนาดนั้น....



ตอนนี้ลืมกรุงเทพฯ ลืมงาน ลืมหนี้สิน ลืมทุกสิ่งเลยครับผมมม

ได้เวลาที่เราจะต้องไปต่อกันแล้วครับ สถานีต่อไปของเรา คือ น้ำตกแจ้ซ้อน มากันตั้งหลายวันแล้ว


จะมาได้เล่นกันเอาวันสุดท้ายนี่แหละครับ ปิดจบทริปกันด้วยการเล่นน้ำ หลังจากไปมาทั่วไปหมด

การได้เล่นน้ำตบท้าย มันก็คงชุ่มฉ่ำหัวใจดีจริงๆ

เมื่อมาถึงแล้ว เราก็ต้องเดินกันเข้าไปที่น้ำตกต่อกันหน่อยครับ ระหว่างทางจะมีแมกไม้นานาพรรณ


ให้จินตนาการว่า เรากำลังเดินอยู่ในป่าอเมซอน มันได้อารมณ์มาก

น้ำใส ไหลเย็น น่าเล่นเป็นยิ่งนักครับ...นี่ถ้ากล้องผมมันกันน้ำเข้าได้ ผมจะกระโดดมันลงไปตอนนี้เลย


แต่แหม..มันดันกันน้ำออกสิครับ เข้าได้อย่างเดียว เลยต้องไปหามุมวางสัมภาระ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำกันก่อน

ได้ที่แล้วครับบบ เรามาซัดกันตรงนี้เลย!! เล่นกันลืมวัย ลืมไปว่าเป็นผู้ใหญ่ ลืมไปว่ากระดูกกระเดี้ยวไม่เหมือนเดิม


แต่ก็เอาครับ...ถึงจะผ่านพ้นวัยเด็กกำลังโตมาได้พักใหญ่ๆ แต่ใจเรายังมีความเป็นเด็กแอบแฝงกันอยู่นะครับ

หลังจากเราได้ปลดปล่อยความเป็นผู้ใหญ่ และเล่นน้ำกันอีกครั้ง เหมือนสมัยยังเป็นเด็กๆ ที่พากันวิ่งเล่น-เล่นน้ำไปทั่ว


ความทรงจำเดิมๆกลับมา ย้อนไปสู่วันเวลาที่เราสามคนเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่ยังจำความได้



และแล้ว...ก็ได้เวลาบอกลาการเดินทางในครั้งนี้กันแล้วครับ กับทริปที่เรียกว่า

มาแบบไม่มีแพลนอะไรทั้งนั้น อยากไปไหนก็ไปตามใจเราสามคน



บางครั้งทุกๆการเดินทาง ทุกๆกาลเวลาที่มันเปลี่ยนไป มันก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า มิตรภาพของเรา

เดินกันมาไกลแค่ไหน ถึงเวลาจะผ่านไป จนเราทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วก็ตาม แต่ทุกสิ่งในวันวาน

มันยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยหายไปไหนเลยจริงๆ...

ในบางครั้งการเดินทาง


ก็อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

หรือได้ค้นพบกับธรรมชาติที่สวยงามเสมอไป



แต่พวกเราก็มีความสุขทุกครั้ง ที่ได้ก้าวเดินออกไปพร้อมๆกัน

ในเส้นทางที่ 'พ ว ก เ ร า นั้ น เ ลื อ ก เ ดิ น'



จบการเดินทางของ คนหลงทาง แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า

ขอบคุณที่ติดตามและให้การสนับสนุนทุกๆการเดินทางของผม ขอบคุณครับ

ค น ห ล ง ท า ง

 วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.27 น.

ความคิดเห็น