♫ ♪ ♪ ♫ เมื่อแรกเจอกับเธอก็ละเมอ ดั่งต้องมนต์ ก็เหมือนคนที่ถูกสะกดดวงใจ เอาไว้ไม่ให้ไปไหน ♪ ♫ ... ฮัมเพลงมาก่อน เมื่อเป็นโรคภูมิแพ้กรุงเทพฯ ก็ต้องพาตัวเองเข้าหาธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้ไปทางไหนก็จะเห็นสีเขียวขจี สดใส สดชื่น เลือกจะไปที่ อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่ ด้วยหลายเหตุผลและจะได้แวะเยี่ยมเพื่อนด้วยจึงต้องลงเอยที่เชียงใหม่นี้ 2 วัน 2 คืน ก็ไปเชียงใหม่ได้ ไม่ไกล ด้วยการบินมา แฮะๆ

รวมกันได้จาก กทม. 4 คน ด้วยสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย Thai Air Asia เจ้าประจำ (เพราะตั๋วโปรมาบ่อย ^^) เจ้านี้มีเที่ยวบินไปเชียงใหม่เยอะด้วย เลือกได้ตามเวลาที่ท่านสะดวก ^_^


โบกมือบ๊าย บาย เพิ่งได้สังเกตว่าเจ้าหน้าที่ที่คอยโบกเครื่องบินนี้ ยกมือไหว้และบ๊ายบายให้กับกัปตันและเห็นโบกมือหันมาทางห้องผู้โดยสารด้วย น่ารักดีนะคะ อุ่นใจ รู้สึกเป็นคำอวยพรให้เดินทางโดยปลอดภัย :)


พวกเราออกเดินทางค่ำๆ วันศุกร์ ถึงเชียงใหม่ก็ต้องพักในตัวเมืองก่อน ได้ยืมรถน้องชายที่อยู่เชียงใหม่มาขับเที่ยวทริปนี้ เราเลือกพักที่นี่ โรงแรม เดอ กรียา De Kriya Hotel ห่างจากสนามบินประมาณ 8 กิโลเมตร ขับรถยนต์ก็ประมาณ 20 นาที และห่างเชียงใหม่ไนท์บาซาร์แค่ 2 กิโลเมตร ช่วงหน้าฝนนี้โรงแรมจะมีโปรโมชั่นอยู่นะ

อยู่ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 6 ติดกับสนามกอล์ฟเชียงใหม่ยิมคาน่าคลับ หรือ Search ใน Google map ก็เจอค่ะ หาไม่ยากๆ


มีรถจักรยานบริการ

ห้องพักรับรอง และห้องอาหาร

อยากไปเที่ยวที่ไหน มีกิจกรรมอะไร ที่นี่มีบริการติดต่อและนำส่งไปได้

ห้องพักมีหลายรูปแบบ ทั้งห้อง Family , ห้องสำหรับ 2 หรือ 3 คน และห้องเตียงเดี่ยวในห้องรวม หรือแบบโดมก็มีค่ะ

ห้อง Family จะมีสิ่งอำนวยสะดวกมากขึ้น มีไมโครเวฟๆๆๆๆ ให้อุ่นอาหารได้


แผนของเราทริปนี้ ตั้งใจจะมาเยี่ยมเพื่อน มาแก้บน และตามหาทุ่งนาขั้นบันได มาดูกันว่าจะไปได้ครบมั้ย อิอิ


เช้าวันเสาร์เริ่มต้นเลยค่ะ กินมื้อเช้าที่โรงแรม แล้วขับรถพาเพื่อนที่ไปด้วยกันไปแก้บนที่วัดพระธาตุดอยคำ และเผื่อเราจะขอบนต่อ ^_^ วัดพระธาตุดอยคำ ถ้าให้ง่ายไปตามทางที่จะไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ขับรถขึ้นเขานิดหน่อย ถ้าจะมาแก้บนแนะนำให้ซื้อพวงมาลัยดอกมะลิที่ขายระหว่างทางก่อนจะขึ้นมาบนพระธาตุ เพราะด้านบนจะไม่มีขาย แต่ก็จะมีคนบริการรับฝากซื้อ บวกค่าเดินทางนิดหน่อย เราไม่ได้ซื้อขึ้นมาก็ต้องใช้บริการ 50 พวง 300 บาท พอไหวๆ

พระพุทธรูปหลวงพ่อพูดได้

ไหว้พระด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ และขอในเรื่องที่ต้องการ จะมีป้ายแสดงชัดเจนบอกขั้นตอนวิธีที่จะขอ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ไม่ลบหลู่)


เพราะบางคนเชื่อในบางอย่าง แม้ยังไม่เห็นทางข้างหน้า เขาก็ ... เชื่อ


ด้านหลังวัดจะมองเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ชัดเจน

สามารถเดินขึ้นลงบันไดได้

ก็มีมุม จัดสวยงามไว้ให้ถ่ายรูป

หน้าฝนแบบนี้ต้องมีกระเป๋ากันน้ำติดไปด้วย ^_^ ขอบคุณกระเป๋าใบนี้ ที่ทำให้กล้องของเราไม่เปียก


ไหว้พระ และแก้บน เสร็จแล้ว ร่างกายก็ต้องการกาแฟ อะไรงี้ ^^ มีคนแนะนำ ร้านบ้านสวนกาแฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพอดี ลงจากวัดถึงด้านล่างตรงศาลแล้วเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปก็จะเจอ

บรรยากาศแบบบ้านสวน

มีมุมให้ถ่ายรูป

ที่นี่มีขายเครื่องดื่มและอาหารด้วยเล็กน้อย แนะนำคือหมูย่างเกลือ เบาๆ ก่อนมื้อกลางวัน


ได้กาแฟเข้าร่างกายแล้ว ก็จะเที่ยง ยังไม่ได้ออกไป อ.แม่แจ่ม แล้วเราจะถึงกี่โมงนะ ดูแล้วน่าจะเกือบเย็น ที่พักก็ไม่ได้จองไปหาข้างหน้าเลือกที่ชอบใจ ตามสภาพ อิอิ


การมาที่ อ.แม่แจ่ม จากตัวเมืองเชียงใหม่ มาตามถนนหมายเลข 108 อ.จอมทอง จะมีสามแยกมีป้ายบอกทางไปดอยอินทนนท์ มาถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไปแม่แจ่ม ตรงผ่านไปจนกว่าจะเจอด่านอีกจุดแจ้งเจ้าหน้าที่อีกทีว่าจะไปแม่แจ่ม ซึ่งข้างหน้าด่านนี้จะเป็นสามแยกมีป้ายบอกทางแล้วให้เลี้ยวซ้าย

ฝนตกหนักบ้างเบาบ้าง หมอกบ้าง มาถนนเส้นนี้จะเป็นทางขึ้นเขาชันเป็นส่วนมากต้องขับรถด้วยความระมัดระวังนะคะ


มาถึงแม่แจ่มก็ใกล้ค่ำนะ เพราะมัวซื้อของมาทำกินตอนเย็น ขับรถดูที่พักจะเลือกที่วิวสวยหรือกลางทุ่งนา ไม่ได้ทำการบ้านหาข้อมูลมาเท่าไหร่ ก็ Search หาและขับรถไปดูกันสดๆหน้างาน แต่สุดท้ายลงเอยที่ มนต์เมืองแจ่ม จะห่างตัว อ.แม่แจ่มประมาณ 6 กิโลเมตรอยู่ถนนหมายเลข 1088 เป็นถนนที่จะไป อ.ฮอด มาถึงที่พักก็ต่อรองราคาห้องพักกันพองาม คืนนี้ไม่มีคนอื่นมาพักมีแต่กลุ่มพวกเรา งานนี้เหมาทั้งรีสอร์ท ^_^

จัดการกางเต็นท์ที่เตรียมมาเอง 1 หลัง อีกทีมก็จัดการเรื่องอาหาร คืนนี้ปาร์ตี้หมูกะทะ

ปาร์ตี้คืนนี้ก็เริ่มขึ้น อิ่มม๊ากกกก

อากาศเย็นๆ ก่อกองไฟนั่งผิงอุ่นๆ ลืมบอกๆ ว่าที่นี่ตัวคุ่นตัวริ้นเยอะ ควรจะพกสเปรย์ฉีดป้องกันมาด้วยนะคะ ไม่งั้นกลับไปขาอาจจะมีลาย มีตุ่มแดง

มองดาวบนฟ้าและดาวบนดิน ณ จุดนี้ มองเห็นตัวเมืองแม่แจ่มชัดเจน คืนนี้ได้หลับสบาย อากาศดี เย็นๆ จะได้ฝันดี :)


ตื่นๆ รูดซิปมาแอบส่องดูหมอกบางๆ ฟินเฟอร์

มาเชียงใหม่ใครๆ ก็มาหน้าหนาว แต่เรามาหน้าฝน มาทั้งทีก็กางเต็นท์นอน ฝนพรำ ๆ บรรยากาศดี นอนฟังเสียงฝนตกกระทบเต็นท์ เอ่ออออ คือว่า เต็นท์ ECO DOME จาก Karana รุ่นนี้ มันกันฝนได้แฮะ เช้ามาไม่เปียก หลับสบาย และกันแดด UPF 30+ ด้วยนะ

ยืดเส้นกันหน่อย

แต่บางคนยังไม่ตื่น พอรู้ว่าเต็นท์กัน UV ได้ก็นอนตื่นสายเชียวนะหล่อน

ฟันไม่แปรง หน้าไม่ล้าง จิบกาแฟ ดื่มด่ำบรรยากาศก่อน ฟิน !

Timelape สั้นๆ ตอนเช้า



อาบน้ำแต่งตัว สวยแหละ

สวยแต่เมื่อยคอ :)

ABS แบบบ้านๆ จากหมูกะทะที่เหลือจากเมื่อคืน

อิ่มแล้วก็ออกกำลังกาย โดด โดด โดด

ถ่ายรูปเล่นกันก่อนจะกลับ

ทำเป็นเนียน ยืนตัวเขียวเข้ากับธรรมชาติ ^^. ทริปนี้เจอแดด ฝน ลมแรง เสื้อ Equinox รับได้ทุกสภาพจริงๆ ป้องกันไว้ ก่อนเราจะป่วย


ไปกันต่อ เป้าหมายต่อไป ขับรถตะเวนเรื่อยๆ ในแม่แจ่ม ไปบ้านกองกาน เพื่อตามหานาขั้นบันได แต่ยังไม่เห็นนาซักขั้น เพราะชาวบ้านบอกว่าปีนี้ฝนมาช้าทำให้การทำนาล้าช้า ขับรถไปเรื่อยๆ ก็เจอสะพานไม้สลิงอยู่ข้างวัดกองกาน ได้มุมเมื่อยคออีกตามเคย 555+ แหงนหน้าท้าฝนเชียวรูปนี้

รีบๆ กลับ ฝนตกแล้วๆๆ


แล้วไปไหว้พระกันต่อนะคะ วัดพุทธเอ้น เป็นวัดเก่าแก่กว่า 200 ปี

ที่น่าสนใจภายในวัดนี้ก็คืออุโบสถที่สร้างขึ้นกลางสระน้ำ คืออุโบสถที่ใช้น้ำเป็นสิ่งแสดงอาณาเขตในการทำสังฆกรรม เป็นไม้ทั้งหลัง และห้ามผู้หญิงเข้าโบสถ์

ด้านหลังอุโบสถก็ยังมีวิหารไม้สักเก่าแก่ ซึ่งภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ว่าสวยงดงาม แต่ภาพเหล่านั้นเลือนลางไปมากแล้ว

จุดเด่นอีกอย่างของวัดพุทธเอ้นนี้ ในวัดจะมี บ่อน้ำพุทธเอ้น ซึ่งมีน้ำใสเย็นไหลออกมาจากพื้นดินตลอดเวลา ชาวแม่แจ่มถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต่างพากันกรอกน้ำจากบ่อนี้ไปใช้เป็นน้ำดื่มน้ำกิน คุณลุงเล่าให้ฟัง และชวนให้ดื่มน้ำกิน เปิ้ลก็ดื่ม น้ำใสและดื่มได้จริงนะคะ

ไหว้พระทำบุญแล้วหน้าตาจะสดใสแบบนี้ ^_^

สวยๆ แล้วก็กลับได้แล้วนะ แต่วันนี้ยังไม่ได้รับกาแฟเข้าร่างกาย ต้องหาร้านแวะแล้วละ เราแวะ บ้านแม่กลางหลวงกันดีกว่า เผื่อจะเจอนาขั้นบันไดด้วย

มาถึงบ้านแม่กลางหลวง เห็นป้ายร้านกาแฟ ตามไปๆ อุ่มเอิบ Coffee ถึงแม้คลื่นมือถือไม่ดี แต่มี WIFI นะคะ ^^.

มีลำธารเล็กๆ ด้านข้างร้านก็มีทุ่งนา

ก็ได้มาเจอนาขั้นบันไดจนได้


ได้เจอทุ่งนาดั่งใจต้องการแล้วนะคะ จบทริปเขียวๆ สั้นๆ นาขั้นบันไดบ้านเรายังมีอีกหลายที่สวยๆ ถ้ามาโซนทางนี้ ก็จะมีที่บ้านป่าบงเปียง (บทความที่เขียนไว้ไปมาตอนปีที่แล้ว https://th.readme.me/p/1191) บ้านตีนผา บ้านแม่ลอง และบ้านผาหม่อน ที่สวย แต่ถ้าอยากมาให้เจอแบบนี้ต้องมาเที่ยวภายในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมนะคะ มาเถอะๆ ทุกวันนี้มีวิธีเดินทางที่ประหยัดได้


รอติดตามทริปสีเขียวต่อไปของพวกเราอีกน่ะ ว่าจะไปเขียวที่ไหนต่อ ^_^


--------------------------------------------------------------------

เรื่องโดย ลิงเปิ้ล LingPle Mayuree : [email protected]

ถ่ายภาพโดย : ลิงเปิ้ล LingPle Mayuree , Nawapon Punpeng, Tor Tourlek

Facebook เที่ยวแล้วยัง กับ มิตรภาพ Friendship Journey : www.facebook.com/welikejourney

IG : lingple

เที่ยวแล้วยัง

 วันพฤหัสที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.27 น.

ความคิดเห็น