ดอนเมือง >>> อู่ฮั่น >>> ลั่วหยาง >>> ซีอาน >>> ดอนเมือง
จากความเดิมตอนที่แล้ว
https://th.readme.me/p/5160 ก้าวเข้าสู่ถนนสายดอกไม้ ในโลกซิงเกิ้ลเกทเวย์ [ซากุระ @อู่ฮั่น]
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางเป็นวันที่เรากังวลที่สุดเรื่องการเดินทางหาพิกัดที่พักที่จองมาในเมืองลั่วหยาง เพราะลั่วหยางเป็นเมืองที่ไม่ได้รับการบรรจุให้เป็นเมืองที่ทัวร์ไทยทั้งหลายไปนอนค้างคืนกัน รีวิวส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเก่า ดูที่พักในรีวิวแล้วก็ยังไม่ถูกใจ เลยหาเองเลย ปัญหาคือต้องขึ้นรถเมล์สายไหนไปกัน?
ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าเช้านี้ฝนจะตกพรำ ๆ สาวไทยอย่างพี่ก็ต้องกางร่มแบกเป้ออกจากที่พักเพื่อต่อรถใต้ดิน ไป Wuhan Railway Station อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รถไฟจีนยังคงตรงต่อเวลาเสมอ
นั่งรถไฟความเร็วสูง 3 ชั่วโมงกว่า ๆ
ทางเดินในรถไฟกว้าง ที่นั่งใหญ่ดี
บนรถไฟมีห้องสุขา อ่างล้างมือ ที่กดน้ำร้อน ถ่ายรูปจากห้องสุขาบนรถไฟจากในหนังสือมาให้ดูค่ะ
เพื่อนร่วมทาง ดูการ์ตูนเสียงดังลั่นเลย นั่งดูตรงนี้ เผื่อไปถึงคนที่นั่งแถวหลังด้วย
ความเร็วสูงจริง ๆ
ดูวิวข้างทางเพลิน ๆ ยังไม่หายตื่นเต้นดี ก็ถึงเมืองลั่วหยางแล้ว
<<<ลั่วหยาง>>>
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะหาอะไรกินที่สถานีรถไฟ แต่ออกมาจากชานชลาไม่กี่ก้าวก็เจอลานจอดรถเมล์แล้วเสียนี่ เป็นไงเป็นกันหารถเมล์ไปที่พักเลยหล่ะกัน
เห็นในป้ายรถเมล์มีชื่อถนนที่ที่พักเราตั้งอยู่ด้วย คิดในใจ รอดแล้ว ๆ คอนเฟิร์มอีกทีด้วยการถามอาหมวยแถวนั้นว่าใช่ที่เดียวกันไหม อาหมวยบอกใช่ พี่ก็ขึ้นไปเลยสาย 33
เจ้าประคุณเอ้ย แค่ 1 หยวนนี่พี่นั่งรถเมล์ได้เป็นชั่วโมงเลย แบบรถไม่ติดด้วย เค้าพาวนลัดเลาะเมืองกว่าจะพามาถึงจุดหมายที่พี่ต้องการ พี่ตื่นตาตื่นใจมากที่เห็นเกาะกลางถนนสายต่าง ๆ ในเมืองมีดอกโบตั๋นแข่งกันอวดโฉมโชว์ เอาจริง ถ้าไม่หิว ไม่มีสัมภาระมาเยอะนี่ จะกระโดดลงไปเดินเล่นก่อนแล้ว พีคที่สุดคือก่อนป้ายที่พี่จะลงหนึ่งป้าย มันมีสวนที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ มองไปเห็นดอกโบตั๋นบานเต็มสวนเลย ตอนแรกก็ไม่รู้ชื่อสวน มารู้ทีหลังว่าคือ The Museum of Imperial Carriages of the Emperor of Zhou Dynasty รอบ ๆ อนุสาวรีย์นี้ (ขอเรียกอนุสาวรีย์นะ เพราะไม่ได้เข้าไปดูในตัวพิพิธภัณฑ์เลย เห็นแต่ม้า 6 ตัว) กับอีกฝั่งนึงของถนนจะมีดอกโบตั๋นเพียบ ออ...คนก็เยอะด้วยเช่นกัน
แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากที่พี่ก็ลงถูกป้ายอย่างที่ตั้งใจ เดินหาที่พักประกอบกับแผนที่ในมือนี่คนละเรื่องกันเลย ด้วยสัญชาตญาณคิดว่าไม่ใช่แน่ ๆ แล้ว เลยถามคนแถวนั้นกับคนที่เดินผ่านไปอีกที จนได้ความว่าต้องนั่งรถเมล์ไปอีกด้านของถนน ไกลอยู่จ้า ให้ขึ้นรถเมล์สาย 9 ต่อไป ก็ลงถูกป้ายที่เค้าบอกนะ แต่จากแผนที่ในมือบวกกับสัญชาตญาณมันบอกว่าเลยที่พักมาป้ายนึง ซึ่งก็ถือเป็นความบังเอิญที่ดีอีกครั้งนึง ทำให้รู้ว่าเลยที่พักเราไปหนึ่งป้าย มีตลาดของกินเยอะแยะเลย ไว้ตอนเย็นมาเดินดีกว่า
หน้าที่พักมองไปก็จะเห็นวงเวียนนี้เลย
ถึงโรงแรมแล้ว ด้านล่างก็ดูดีทีเดียว
รอเช็คอินอยู่นานสองนาน ไม่เข้าใจว่าโรงแรมที่จีน ทำไมเช็คอินชาวต่างชาตินานมาก ๆ บางที่ถึงขั้นพี่ต้องเข้าช่วยกรอกข้อมูลเช็คอินในคอมพิวเตอร์ยังมีมาแล้ว
ไปดูในห้องดีกว่า สภาพพอใช้นะ ไม่ได้สะอาดมาก ถ้าเทียบกับโรงแรมอื่น ในทริปนี้ ซึ่งราคาพอ ๆ กัน ที่นี่ให้คะแนนต่ำสุดเลย แต่ข้อดีคือ ทำเลดีมาก เดินไปถนนคนเดินตอนกลางคืนก็ได้ มีรถเมล์ตรงไปสวนโบตั๋น และมีรถเมล์ตรงจากสถานีรถไฟความเร็วสูงมาสุดสายที่นี่อีกด้วย
ไม่อยากจะคิดถ้าทริปนี้มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ หึ หึ
วิวเพื่อนบ้าน ดูสิ กระจกยังมัวเลย
ออกไปเดินหาของกินดีกว่า เจอวิวคลองสวย ๆ
มีคนมานั่งร้องเพลง แล้วเขียนอะไรก็ไม่รู้ น่าจะขอรับเงินบริจาคเพื่อทำอะไรสักอย่าง คนมุงเต็มเลย
สะพานลอยที่นี่มีบันไดเลื่อนด้วยนะ
ถึงแล้ว ร้านของกินเพียบเลย
โรตี หลากหลายแบบ ขายทีละครึ่งโล...อยากถามว่า ขายน้อยกว่านี้ไม่ได้หรือไง
ของปิ้งย่างเสียบไม้ มีหลายร้านมาก ทั้งทาซอส สาดผงสารพัด กว่าจะเสร็จพิธีให้กินได้
งานศิลปะก็มี จริง ๆ มีหลายอย่างมาก แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะถือของกินเต็มสองมือ
หาของกินรองท้องเรียบร้อยแล้วก็พาตัวเองมาที่สวนโบตั๋นที่หลงมาเมื่อกี้
สิ่งแรกที่ทำตอนเห็นดอกโบตั๋นครั้งแรกคือ พุ่งเข้าไปดมแล้วจ้า ตื่นเต้นมาก ๆ
กลิ่นก็หอมอ่อน ๆ แต่พอเข้าไปดมใกล้ ๆ ทีละดอกไม่เห็นได้กลิ่นเลย
พออยู่ไปสักพัก พี่นี่ไม่ได้กลิ่นดอกไม้หล่ะ ได้แต่กลิ่นควันบุหรี่แทน การมาเที่ยวเมืองจีนนี่ทำให้คุณต้องเป็น secondary smoker ไปโดยปริยาย
มีคนมานั่งวาดรูปกันเยอะเลย
จากดอกโบตั๋นขาว มาดูดอกโบตั๋นบานเย็นกันบ้าง จริง ๆ ดอกโบตั๋นมีหลายร้อยสายพันธุ์ มีชื่อเรียกนะ แต่เราไม่รู้ลึกขนาดนั้น
เห็นว่ามันมีพิพิธภัณฑ์ด้วย ไม่ได้เข้าไปดู
แค่ชาวเมืองเค้าเองก็ออกมาชมความงามของดอกโบตั๋นกันเต็มสวนแล้ว
ข้ามไปดูสวนอีกฝั่ง
อีกฝั่งนึงของถนน ก็เป็นสวนสาธารณะเช่นเดียวกันแต่ว่าคนเยอะกว่าอีกด้านมาก แต่ละคนก็มาทำกิจกรรมต่าง ๆ กัน เนื่องจากที่พักอาศัยของชาวจีนส่วนใหญ่จะอยู่ในตึกสูง และห้องน่าจะค่อนข้างแคบ เคยลองไปพักมาแล้วในทริปจีนก่อน ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่ชอบออกมาทำกิจกรรมกันข้างนอกมากกว่า
บางคนออกมาเต้นรำ
มายืนอ่านอะไรไม่รู้ เข้าไปดูน่าจะเกี่ยวกับพวกการเมือง น่ากลัวจัง อยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อนดีกว่า
มีร้องเพลงอีกแล้ว และก็มีรูปน่าจะเป็นลูกเค้าป่วยเป็นอะไรสักอย่าง เธอร้องเพลงไปร้องไห้ไป บนพื้นข้างตัวมีเงินวางอยู่เป็นฟ่อน ๆ น่าจะเป็นเงินบริจาคจากคนที่มาดู
เขียนอักษรบนพื้นด้วยน้ำ น่าจะเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ดูเหมือนง่าย ๆ แต่ก็มีคนมายืนดูประจำ ลองคิดดูว่า ถ้าบ้านเรามีคนมาเขียนข้อความด้วยน้ำบนพื้นจะมีคนมาดูไหม
แน่นอนว่าต้องไม่พลาดหมากกระดาน
ฝั่งนี้ก็ดอกไม้เยอะไม่แพ้กัน
ถ่ายรูปดูเค้าทำกิจกรรมกัน เพลินมาก สารภาพเลยว่าลืมดมดอกไม้เลย
พื้นที่กว้างขวางมาก ดอกไม้หลากหลายชนิดเต็มไปหมด
ขนาดไม้ใบธรรมดา สียังเขียวสดมาก
เดินดูชาวเมืองลั่วหยางทำกิจกรรมต่าง ๆ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ กำลังดี โดยไม่มีจุดหมาย ไม่มีแผนเหมือนทัวร์นี่สบายใจจัง
ตรงนี้น่าจะมีจัดกิจกรรมเทศกาลดอกโบตั๋นแน่ ๆ
สวนฝั่งนี้ก็มีดอกโบตั๋นเยอะไม่แพ้ฝั่งนู้นนะ
จริง ๆ ตั้งใจจะถ่ายน้องหมาที่คุณยายพามาเดินเล่น แต่มันไม่อยู่นิ่งเลย
อนุสาวรีย์อะไรไม่รู้ ให้ความรู้สึกแข็งแรง บึกบึนดี
อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ
นั่งเล่น มีเด็กเข้ามาเล่นด้วย แต่ไม่กล้าถ่ายรูปลูกเค้า
น้องหมาจรก็มา ที่จีนเจอหมาจร แบบพันธุ์ทางน้อยมาก ส่วนใหญ่เราจะเจอแบบพันธุ์พวกพุดเดิ้ล ชิวาว่ามากกว่า...ไม่แน่ใจว่าพวกพุดเดิ้ล ชิวาว่าเป็นหมาจรหรือเปล่านะ แต่หลายครั้งที่เราเดินตามมันไปก็ไม่เห็นมีใครแสดงตัวออกมาว่าเป็นเจ้าของมันซะคน ทุกตัวน่ารักมาก ไม่รู้ว่ามันจะมีชีวิตอยู่ต่อกันได้อีกกี่วัน
ดูโบตั๋นให้อิ่ม ๆ
ก่อนออกเจอดอกไม้ประหลาด
มีดอกตั้งแต่โคนต้นยังปลายกิ่ง
ไปช้อปปิ้งดีกว่า ซื้อชุดเพิ่ม ไม่อยากใส่ซ้ำหล่ะ เมื่อวานเปียกฝนไปหมด
ที่นี่จะใช้รถคันเล็ก ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน มอเตอไซด์ หรือรถยนต์ แต่ดูแรงดีมาก ไม่ได้ยินเครื่องเสียงดังเหมือนบ้านเราเลย คนก็นั่งได้เยอะ ขนของได้เยอะ น่ามหัศจรรย์จริง ๆ
รถรับจ้างแบบนี้ ยังสงสัยว่าน้องเข้าไปนั่งกันได้ยังไงตั้ง 3 คน
เดิน ๆ ดูไปทั่ว ๆ ขาลากแทบเดินไม่ไหวแล้ว
มีอยู่ห้างนึงที่ทั้งชั้นมีแต่ร้านที่เราเห็นแล้วต้องเข้าไปมองแล้วมองอีกหลาย ๆ รอบ มีใครคิดเหมือนเราไหม
เหมือนจะเห็นแบบนี้แถวบ้านนะ แต่เอ๊ะ ๆๆๆ
จระเข้ก็มี
อูฐก็มา
เห็นแล้วก็ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงวันก่อนที่เห็นในมือถือน้องคนนึงตอนขึ้นรถเมล์ว่ามี facetime ด้วย มันใช่ facetime แบบเดียวกับของเราหรือเปล่าหว่า?ไฟประดับถนนยังเป็นดอกโบตั๋นเลย
กลับมาที่พัก พักขาสักครู่
นั่งทายาแก้ปวดเมื่อย ให้กำลังใจตัวเองสักพัก กัดฟันออกไปเดินเที่ยวถนนคนเดินแถว Lijingmen ต่อ
บรรยากาศคือดีงามมาก มีของกินของขายเพียบ คนเยอะ คึกคักมาก เราก็เน้นกิน ๆ ดู ๆ รูปไม่ถ่ายมาก เอาพอเป็นพิธีให้กลับมาเล่าให้คนที่บ้านฟังแล้วเห็นภาพ
ฝั่งด้านในประตูเมือง
ฝั่งด้านนอกประตูเมือง ตอนจะเดินกลับที่พัก เดินจนตลาดวาย เค้าเริ่มเก็บของกันแล้ว
คลองตอนกลางคืนก็ประดับไฟสวยเชียว
สบู่ที่โรงแรมยังเป็นดอกโบตั๋นเลย ได้บรรยากาศมาก แต่เสียอย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้วคือ ห้องน้ำใสเกิน อารมณ์เหมือนนอนอยู่ในห้องน้ำเลย ไม่ชอบอ่ะ นอน ๆ ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก พรุ่งนี้ตื่นเมื่อไร ก็เที่ยวเมื่อนั้น ล้าขามาก ๆ
ตื่นมา ไม่เช้าไม่สายเกินไป แงะร่างล้า ๆ เปลี้ย ๆ ออกจากที่นอน มายืนอยู่หน้าที่พักได้ตอน 9 โมงเช้า
ไปยืนคอนเฟิร์มสายรถเมล์ที่จะไปสวนโบตั๋นของพี่กับคนแถวป้ายรถเมล์สักพัก รถก็มาจ้า จากที่พักนั่งไปแป๊บเดียวเอง ก็ถึง Garden of China's National Flower
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตามหาของกินก่อนเลย ตุนเอาเข้าไปด้วย กลัวอด แต่จริง ๆ ด้านในก็มีของกินขายอยู่นะ ไม่ต้องกลัว ๆ
เข้าไปกันเลย
หลังจากเข้าไป สิ่งแรกที่ทำก็คือ กิน อีกแล้ว นั่งกินผลไม้ไปชมสวนดอกไม้ไป บรรยากาศดี๊ ดี มีคุณลุง คุณป้ามาชวนคุยด้วย รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง สนุกจัง ร้านผลไม้ร้านนี้ ดีนะ มีบริการล้างให้ด้วย พอเราซื้อ เค้าก็จะเอาผลไม้เราไปล้างน้ำให้พร้อมกินเลย
เหมือนจะเจอดอกซากุระอีกแล้วใช่ไหม เอาจริง ๆ ดอกแบบนี้มีทุกเมืองที่เดินทางผ่านในครั้งนี้เลย แค่ตามข้างทางก็ปลูกกันเยอะแยะมากมาย
ดงโบตั๋นตรงนี้ยังไม่บานเลย มีแต่ซากุระ
่
อย่าเพิ่งลายตา
มีทั้งชมพูอ่อน ชมพูแก่ สีขาว
เจอต้นอภิมหาดอกอีกแล้ว คราวนี้มาเป็นดง
เข้าสวนผีเสื้อ
คล้ายทิวลิป แต่ดูเริ่มเหี่ยว
นกน้อยสีสวย ๆ เยอะเลย บางตัวมาเดินเล่นบนพื้นด้วย
ออกมาดูดอกไม้ต่อ ดอกอะไรไม่รู้ (อีกแล้ว) สีแดงจัดมาก
รวมโบตั๋น รูปเยอะหน่อยนะคะ เดี๋ยวไม่ตรงกับหัวข้อรีวิว
ดอกสีเหลืองน้อย ๆ ก็มีเยอะ หลายดงเลย
บางมุม คนก็เยอะกว่าดอกไม้อีก
หงอคงมีอยู่ทุกสถานที่ท่องเที่ยวเลย เมื่อคืนก็เจออยู่ถนนคนเดิน
ดอกไม้ประหลาดของพี่
บ๊าย บาย สวนโบตั๋นของพี่ ถึงแม้บานไม่เต็มที่ แต่ก็มีออกมาให้พี่เห็นเยอะจนชื่นใจแล้วหล่ะ
ของที่ระลึกเป็นโบตั๋นดอกโต ๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องแบกของคนเดียว จะซื้อติดมือกลับบ้านไปซะหน่อย
ปวดขามาก แต่ก็นั่งรถเมล์ต่อไปลั่วหยางหลงเหมิน...ขอโทษค่ะลืมจำสายรถเมล์มา ใช้เทียบตัวอักษรจีนเอา นั่งไปจนสุดสายหล่ะค่ะ
อย่าลืมซื้อตั๋ว Battery Car นั่งเข้าไปนะคะ ปากทางเข้าจะอยู่ 3 กิโลจากจุดจำหน่ายตั๋ว ถ้าคุณไม่สตรองจริง ใช้เงินแก้ปัญหาเถอะค่ะ
ถึงแม้ไม่หิวมาก ก็ต้องกิน ดูท่าทางจะต้องเดินอีกเยอะ มากินเร่อกั่นเมี่ยนกัน เป็นบะหมี่ราดซอสถั่วใส่ผักดอง พยายามหลีกเลี่ยงร้านที่ใช้ถุงพลาสติกรองมาหลายร้าน แต่ก็มาเจอจนได้ ถ้าไม่ได้กินแบบนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองจีนสินะ
Luoyang Longmen จะแบ่งจุดชมออกเป็นหลัก 4 จุด ได้แก่
1. Caves on the West Hill
2. Caves on the East Hill
3. Xiangshan Temple
4. Baijuyi's Graveyard
โชคดีที่พี่ก็ได้เดินชมทุกจุด แต่ไม่ทุกมุมนะคะ เพราะแต่ละจุดซอกแซกมาก ทางขึ้นเขาชัน ๆ ทั้งนั้น
#Caves on the West Hill#
ไฮไลท์ก็น่าจะอยู่ที่พระองค์ใหญ่นี่หล่ะค่ะ
มองไปฝั่ง East คิดในใจว่า นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม แน่ใจหรอว่าจะเดินไหว
#Caves on the East Hill#
จะมีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปชม
มองกลับไปไกล ๆ ลิบ ๆ นั่นคือฝั่ง West ที่จากมา
มองย้อนจากจุดนี้กลับไป ภูมิใจมาก ไม่คิดว่าจะมาถึงตรงจุดนี้ได้ แสดงว่าพี่ยังไม่แก่สินะ
ทางเดินชมที่นี่วัดใจพี่แทบทุกจุด
พระใหญ่จากมุมมองฝั่ง East
#Xiangshan Temple#
วันหลังถ้ามีคนชวนไปที่ไหนที่ชื่อ Xiangshan คิดดี ๆ ก่อนไปนะ ทางขึ้นทั้งสูงทั้งชัน เหมือน Xiangshan ที่ไต้หวันเลย T_T
มองกลับไปที่พระใหญ่เป็นกำลังใจให้ตัวเองเบา ๆ เธอมาไกลมากเลยนะ รู้ตัวไหม
ทำบุญ หรือทำบาป
#Baijuyi's Graveyard#
ที่นี่ไม่ค่อยอิน มีป้ายข้อความต่าง ๆ ให้อ่าน และก็เหมือนป้ายหน้าศพ
ในที่สุดก็ครบทุกจุดได้กลับแล้ว เย้ ซื้อตั๋วรถ Battery Car ออกมา แต่ไม่ได้ออกมาจุดเดิม เจอแต่ความเวิ้งว้าง พยายามตามหาจุดที่มีคนรอกันอยู่ ก็ยืน ๆ รอกับเค้าไป ไม่ต้องสนใจว่าสายไหนกลับได้ มันมีเข้ามาสายเดียว น่าจะ 81 ถ้าจำไม่ผิด อันนี้ขึ้นฟรี แล้วจะไปจอดอีกจุดให้ต่อ 53 กลับที่พักกลางคืนไปเดินแถว Lijingmen อีกรอบ เลยไปถึงถนนสายของกิน เดินกินจนตลาดวายอีกแล้ว
หลังจากที่ได้เรียนรู้การนั่งรถเมล์มามากพอ ทำให้รู้ว่าสาย 49 ต้นสายจากหน้าที่พักจะไปสุดสายที่สถานีรถไฟความเร็วสูง สะดวกมาก
ชมวิวเพลิน ๆ อีกแล้ว เมืองนี้สวยจริง ๆ ช่วงนี้ปลูกโบตั๋นเต็มไปหมดทั้งเมือง
นั่งรถไฟความเร็วสูงไปซีอาน
ระหว่างทางก็ชมทุ่งดอกน้ำมันไปด้วย ถ่ายไม่ทันตลอด สมแล้วที่เรียกว่ารถไฟความเร็วสูง
<<<ซีอาน>>>
ถึงสถานี North Xian ก็หาที่ฝากกระเป๋า ใช้สิทธิ์มีตั๋วรถไฟความเร็วสูง ซื้อบัตรเข้าปิงหม่าหยงหรือสุสานจิ๋นซีที่นี่ได้เลย ไม่ต้องไปเบียดเสียดกันที่นู่น พร้อมกับมีรถบัสฟรีไปส่งด้วยนะจ๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง รถบัสฟรีจะไปจอดจุดท่องเที่ยวในเขต Lintong ฟรี ๆ จ้า
รถบัสฟรีแสนสะดวกสบายแต่คนมาใช้บริการน้อยมาก ขาไปนั่งแค่ 3 คนได้
แน่นอนว่าพี่ต้องจองนั่งหน้าสุด
เหิ่นฟางเปี้ยน=สะดวกสบายมาก พี่จีนคนนั้นกล่าว
รถบัสที่พี่นั่งมาหน้าตาแบบนี้นะจ๊ะ
ถึงแล้ว Terracotta Army อีกชื่อคือปิงหม่าหยง หรือสุสานจิ๋นซี ฝนตกพรำ ๆ ทั้งวัน โชคดีที่วันนี้เที่ยวในตัวอาคาร
เดินอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะครบ แล้วก็เดินกลับมานั่งรถฟรีที่เดิมกลับ ขากลับมีนั่งกันอยู่ 5 คน รู้สึกวีไอพีอีกแล้ว
ห้องพักที่ชอบที่สุดของทริปนี้ ราคาประมาณ 1 พันบาท มีอาหารเช้าให้ด้วย เตียงก็นุ่ม ไม่มีกลิ่นบุหรี่แรงเหมือนที่อื่น แต่ข้อเสียคือ ห้องน้ำเล็กมาก อาบน้ำที เปียกไปทั้งห้อง Kai Di Si Man Hotel อยู่ตรงสถานีเป่ยต้าเจีย เดินออกมานิดเดียวก็เจอแบบไม่ต้องถามทางใคร
กิจกรรมที่เหลืออีกวันกว่า ๆ ในซีอานก็ไม่มีอะไรมาก เพราะต้องการพักขา เตรียมทำงานทันทีเมื่อกลับไป ส่วนใหญ่ก็เดินดู เดินกิน ไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดหมาย นึกอยากกลับเมื่อไร ค่อยหาทางกลับ ตอนแรกว่าจะไปขี่จักรยานบนกำแพงเมือง แต่ก็ต้องอด เพราะฝนตกพรำ ๆ ทั้งวันเลย
หอระฆัง เดินจากโรงแรมมานิดเดียวเอง
หอกลอง
วัน ๆ ก็กิน ๆ เดิน ๆ เนื้อแพะย่างแบบเสียบไม้อะไรสักอย่างหอมมาก กินไปประมาณครึ่งตัว โยเกิร์ตก็อร่อย กินไรก็อร่อยไปหมด เต็มไม้เต็มมือ
ตลอด
ขากลับไปสนามบิน รถ Airport bus ตรงโรงแรมเมโลดี้ไม่มีแล้วนะคะ เราไปสอบถามจากพนักงานโรงแรมและที่ Tourist Information ได้ความว่าให้นั่งใต้ดินจากสถานีเป่ยต้าเจียไปสถานีอู่ลู่โข่ว (Line 1) แล้วออกทางออก A ไปโรงแรมตามที่วงสีแดงไว้ จะเป็นซอก ๆ หลืบ ๆ เข้าไปหน่อย
ราคาแค่ 25 หยวนเอง ตอนแรกคิดว่าต้องเสียตังค์ค่าแท๊กซีแล้วสิเรา ประหยัดไปเยอะเลย
รีบร้อน ไม่ได้ถ่ายป้ายข้างหน้ามาให้ดูเลย ทางเข้าไปซื้อตั๋วจะมีป้ายเหลือง ๆ แบบทางซ้ายมือนอกตัวรถค่ะ
ลาก่อนโลกซิงเกิ้ลเกทเวย์ รู้สึกตัดขาดจากโลกใบเดิมก็ทริปนี้หล่ะ กลับสู่โลกแห่งความจริงซะที
ทริปนี้ไปคนเดียวค่าใช้จ่ายแพงกว่าทริปจีนอื่น ๆ มากเลย เพราะไม่มีคนหารค่าห้อง ค่าใช้จ่ายโดยละเอียดไม่ได้คิดจริงจังว่าใช้ไปเท่าไร ไปคนเดียว ไม่มีใครคอยห้าม ใช้ไปเรื่อย ๆ คร่าว ๆ ว่า
ค่าตั๋วเครื่องบิน 7,300 บาท
ค่ารถไฟความเร็วสูง Wuhan-Luoyang-Xian 3,000 บาท
ค่าที่พัก 6,000 บาท
แลกเงินไปประมาณ 10,000 บาท (เหลือกลับมาประมาณ 800 บาท) เงินนี้ส่วนใหญ่ก็เสียไปกับค่าเข้าสถานที่ ค่ากิน และช้อปปิ้งด้วย ก็จะซื้อของใช้ส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น รองเท้า กางเกง สรุปแล้วทั้งทริปนี้ไม่เกิน 27,000 ค่ะอัพเดตเพิ่มเรื่องรถ Airport bus จากในเมืองไปสนามบินเสียนหยาง มีสองวิธีนะคะ
1. ถ้าเดินทางจากแถวหอระฆัง ให้นั่งรถเมล์สาย 201 หรือ 222 ไปลงสถานี Xi Shao Men
2. นั่งใต้ดินสาย 1 ไปลง Wu Lu Kou เดินไปซื้อตั๋วที่ Long Hai Hotel ตามที่ได้อธิบายไปแล้วนะคะ
ทั้งสองวิธีจะไปถึงจุดขึ้นรถคนละที่กันนะคะ
GoNeverStop
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.23 น.