Julley Leh Ladakh ... แปลได้ว่า สวัสดี เลห์ ลาดัก (ที่ฝันหา) จากความเดิม ตอนที่แล้วนั่งรถชมวิวใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ก่อนจะถึงเลห์ จาก เดลี มะนาลี คีย์ลอง ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกโลด ๆ https://th.readme.me/p/5108 ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย คือ ที่พัก ที่เมืองเลห์ ฮาๆ ก็นั่งรถนานประมาณ 14 ชั่วโมงได้จากคีย์ลอง อยากนอนบนเตียงนุ่มๆ บ้าง แค่ 300 กว่ากิโลเมตร เล่นเอาซะเมื่อยก้น คืนนี้หลับยาวววว เช้าค่อยว่ากัน
ตื่นๆ เช้าแล้ว ได้เจอกันครบองค์ 12 คน จากที่ 2 คน บินจากเดลีมาเที่ยวรอที่เลห์ก่อน จากนี้ไปก็ได้เวลาสนุกกันแว้วววว
ทริปนี้ให้ Bickey ที่ทำงานอยู่โรงแรม Padma จัดการหา ที่พัก รถ คนขับ มาเสนอ (เปรียบเทียบหลายเจ้าก็เลือกที่เราพอใจและสะดวกใจเนอะ) กว่าจะลงตัวได้เพราะประเด็นต่างๆ นานา ที่เคยบอกไว้ในตอนแรก ค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกัน ยิ่งมึนไปกันใหญ่ตอนนับเงินรูปีจ่ายค่าทริปทั้งหมด เงินเป็นล้านรูปี นับกัน 3 - 4 คน นับแล้วนับอีก กลัวพลาด แบงค์ใหญ่สุด 1,000 รูปี (INR) ได้ปึกใหญ่มาก ต้องรีบจ่ายเพราะไม่อยากรับผิดชอบเงินจำนวนมาก หนักด้วย ^_^ แต่ข้อควรระวัง เรานับจนมั่นใจแล้ว ตอนจ่ายให้เค้าก็ต้องให้นับต่อหน้าเราด้วย เพื่อความโปร่งใสของทั้งสองฝ่าย
จ่ายเงินแล้วก็เที่ยวได้ 12 คน รถ 3 คัน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกัน ผลุบโผล่ออกมาถ่ายรูปนอกตัวรถ :)
ให้ชมคลิปวีดีโอประกอบไปด้วย กับฝีมือถ่าย vdo กันเอง ขำๆ สาระอาจจะไม่มี แต่ดีที่วิวสวย ^^, แต่อย่าเพิ่งจบแค่นี้นะ ตามอ่านต่อนะคะ
โปรแกรมเที่ยววันนี้ไป Nubra Valley ตามหาอูฐในทะเลทราย แต่ก่อนไป Bickey ก็บรีฟโปรแกรมเที่ยวของพวกเราให้คนขับทั้ง 3 ว่าจะไปไหนบ้าง เพราะคนขับจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ที่พอถูไถได้ก็ 1 คน อีก 2 คน แค่ Stop , Photo และ Tea Time ก็พอละ นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมง จอดแวะได้เรื่อยๆ อือฮือ อ่าฮา โอ้โห สวย สวย ก็ stop stop please
ไต่เขาเรื่อยๆ
ซักพักใหญ่ก็มาถึง pass หรือถนนที่รถผ่านได้ ที่สูงที่สุดในโลก ชื่อ Khardungla pass ที่สูง 18,380 feet หรือ 5,359 เมตร จากระดับน้ำทะเล แต่ตอนนี้มคข้อมูลล่าสุดบอกว่าไม่ใช่สูงที่สุดในโลกแล้วนะ เป็นอันดับสองรองจาก Mana La แถวชายแดนทิเบต (สงสัยอยากจะโค่นบังลังก์เลยต้องหาที่สูงมาแข่ง อิอิ)
คนเยอะ ต้องแย่งกันวิ่งเข้าไปถ่ายกับป้าย หลีกมาแถวนี้ละกัน
ณ จุดนี้สูงแล้วก็หนาวมากนะคะ ก่อนลงรถต้องหยิบเสื้อกันหนาวใส่ด้วย Equinox ตัวเขียวนี้ ทั้งกันฝน กันลม กันแดด ซึมซับเหงื่อและระบายความชื้นได้เร็ว แล้วก็กันหนาวได้ด้วย แต่ข้างในใส่เสื้อฟลีทอีกตัว แฮะๆ
แวะกินมื้อกลางวัน ช่วงแรกมาม่าก็ออกแล้วอะ ลองอาหารพื้นเมืองได้ไม่กี่อย่าง กินไม่ค่อยได้ ชีวิตต้องการพลังงาน กินให้อิ่ม กระเป๋าเสบียงมีให้เลือกหลากหลาย หมูหยอง หมูแผ่น หมูฝอย น้ำพริกยกมาทุกแม่ สั่งข้าวผัด ไข่ต้ม ผัดผัก ข้าวสวย ตามด้วยน้ำซุปจากมาม่า สบายท้อง ที่สำคัญทริปนี้ที่ไม่ควรขาด คือ กล้วยตาก ของที่ให้พลังงาน หรือเจอกล้วยสด ผลไม้ ก็ซื้อกิน ไม่อดอยากแล้ว :)
อิ่มแล้วก็ชมวิวกันต่อ
นั่งรถมาเรื่อยๆ ก็นานแล้วนะ ทำไมยังไม่ถึงทะเลทรายที่ว่าจะขี่อูฐ เอาแล้วๆๆ คนขับพามาบ่อน้ำร้อน มีในโปรแกรมเหร๋อ หรือว่าไง นั่งรถมาไกลนะ เพื่อมาแช่เท้าน้ำร้อนนี้ ฮาๆ เคลียร์กับคนขับด่วนๆ แล้วย้อนกลับมาไป Hunder Sand Dunes ที่ Diskit เราก็ว่าเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายตั้งนานแล้วนะ เลยมาซะไกล กลับตัวไม่สาย แต่กลัวจะค่ำแล้วอูฐจะกลับบ้านก่อน
แวะเติมน้ำมัน ปั้มน้ำมันลมโชย โล่ง โปร่ง ^^
ย้อนกลับมาไป Diskit เจอแล้วๆๆๆ ทะเลทราย เนียน ชะเง้อมองหาอูฐ
มาถึงแล้ว Hunder Sand Dunes มองหา อูฐ อูฐ camel ride ราคาค่าขี่ก็ตามระยะเวลา 15 นาที 200รูปี ถ้า 30 นาที เท่าไหร่จำไม่ได้ ^^
ซื้อตั๋วก็รอคิวเรียก อูฐก็วนๆ ไปค่ะ สงสารเหมือนกันนะ เค้าทำงานหนัก วันนึงคนนั่งก็ใช่ว่าจะน้อย เราเลยขอเลือกนั่ง 15 นาทีก็พอ พอให้ได้บรรยากาศขี่อูฐในทะเลทราย มาเป็นทีมก็ขี่เดินแถวต่อกันไป
อูฐเด็กให้คนขี่ไม่ได้ก็ต้องเดินตามแม่
ลีลาในการถ่ายรูปของนาง มุมเสย เมื่อยคอ
มุมส่งกล้องต่อ เท่ห์ๆ
ส่องวิถีคนอื่นบ้าง
ฉากหลังกับ Diskit Gompa
บรรยากาศเหมือนในละคร ฟ้าจรดทราย เลยค่ะ :)
โฉมหน้า 9 สาวงาม ? (เหร๋อ) ในทริปนี้ ต่างวัยแต่ความลุยไม่ต่าง ^_^
กระโดดก็ได้ แม่ไม่ว่า แต่อย่ามึนหัวก็พอ อิอิ
สามหนุ่ม สามวัย รุ่นลูก รุ่นพี่ รุ่นพ่อ แต่หัวใจวัยรุ่นอยู่นะฮะ
แอบมีลำธารผ่านทะเลทราย
วันนี้ก็บรรลุเป้าหมาย ได้ขี่อูฐที่ทะเลทรายสมใจ นอนหลับได้ พวกเราพักใกล้ๆแถวทะเลทรายนี้ค่ะ โรงแรมดี สะอาด มีน้ำอุ่น มี wifi แต่วันนี้ wifi เสีย ง๊ะ !
ตัดภาพมาตอนเช้า ออกจากที่พัก โปรแกรมถัดไป ไปทะเลสาบปันกอง Pangong Tso
แวะ Diskit Gompa ที่มีองค์พระใหญ่
เล่นแสงและเงา
วันนี้เราต้องเร่งทำเวลา เพราะจาก Diskit ไปทะเลสาบปันกอง ถนนไม่ค่อยดีใช้เวลานาน
ฟ้าใส ได้ใจไปเลย รูปนี้จากผลงานที่เราติดกล้อง Gopro หน้ารถด้วยตัวดูดกระจก ทนอยู่ได้ทุกสภาพถนน (ถ้าไม่ลืมเก็บกลับตอนจอดรถนาน อิอิ)
แวะเข้าห้องน้ำริมทางเป็นธรรมชาติ ตามหลังโขดหิน ^^
Tea time ๆๆ คนขับบอก งั้น
คนชงชา :)
คนขับรถทั้ง 3 ของพวกเรา หน้าตาน่ารัก กันเอง ด้วยความที่สื่อสารภาษาอังกฤษยาก แต่ก็พอเข้าใจกันได้
นี่คือห้องน้ำระหว่างทาง เลือกว่าจะเข้าแบบนี้หรือว่าหลังโขดหิน เลือกที่สบายใจ :)
ระหว่างทางเจอทุ่งนาเขียวพร้อมกับฝูงแกะ
กำลังเล็มหญ้าอ่อน
กำลังมองหญ้าอ่อน ?
ลั๊ลลาอะไรเบอร์นั้น ฮาๆ
อีกไม่ไกล ที่เราจะได้ใกล้กัน สีเดียวกับท้องฟ้าเลยนะ ตื่นเต้นๆ
อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ ... ♫ ♫ ♪ ♪ ♪ ♪ ♫
มาทำความรู้จักกันก่อนนะคะ
ทะเลสาบปันกองห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 125 กิโลเมตร ต้องมีการทำใบอนุญาต หรือ permit เข้าพื้นที่ ทะเลสาบปันกอง มีความยาว 130 กิโลเมตร มีพื้นที่ 30% ของทะเลสาบอยู่ในเขตของประเทศอินเดีย และ พื้นที่อีก 70% อยู่ในเข
ตประเทศจีน อยู่ที่ความสูงประมาณ 4,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ต้องใช้ชีวิตแบบช้าๆ slow life เด๋วจะมีอาการโรคแพ้ที่สูงได้ ทะเลสาบปันกองเป็นทะเลสาบน้ำเค็มแต่ก็ไม่ได้เค็มจัดนะ ลองชิมแล้วแค่กร่อยๆ
พริ้วๆ โพสท่าโยคะ ทดสอบร่างกาย
ยังอีก ๆ บอกให้ slow life นี่อัลไล โดดไม่คิดถึงระดับความสูงที่เราอยู่กันเลยเนอะ
รูปหมู่ครบ 12 คน
พริ้ว ลมมมมมมมพัด ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ♫ ♫ ♪ ♪ ♪ ♪ ♫ ( เพลงนี้มาพอดี ... สาวเลยยังรอ ) แบบว่าลมแรง :)
ลั๊ลลาท้าแดดพอแล้ว เย็นย่ำพอดี เข้าที่พัก คนขับก็พาไปผิดที่ ชื่อที่พักสะกดคล้ายกัน
เราเลือกแบบเต็นท์ ชื่อ MARTSEMIK มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีที่ให้อาบน้ำ อากาศหนาวมากขนาดนี้ ไม่อาบๆๆๆ
ที่พักเราทำเลดีนะ ไม่ไกลจากทะเลสาบ เดินมาเก็บแสงเย็นได้ต่ออีก
ท่า Swan แอบ copy คนอื่นมาลองโพส
นี่ก็เก็บความเย็น ^^,
คนนี้เก็บแสงเย็นจริงๆ (ระหว่างรอ 3 ขวดบนเย็น อิอิ)
^_^ ช้อบ ชอบ
หลังจากเก็บแสงเย็น จิบเบียร์เย็นๆ แล้ว ก็กลับมากินอาหารค่ำ ที่นี่อาหารจะเป็นมังสวิรัตินะคะ ผัก ไข่ พวกเราก็อิ่มด้วยมาม่า น้ำพริก ตามเดิม
ตกดึกมืดค่ำ ออกตามล่าหาทางช้างเผือก เห็นจากรูปคนอื่นถ่ายมา อยากถ่ายได้บ้าง หนาวก็หนาว สวยก็สวย นะ อดทนๆๆ แบกขาตั้งกล้อง อีกคนแบกขวดเหล้าและเบียร์ตาม อิอิ ไว้คลายหนาวได้
ความพยายามอยากทำเหมือนเค้า แบบว่า มีลำแสงส่องขึ้นฟ้า ได้แค่นี้
คืนนี้หลับฝันดีด้วยภาพนี้ zzzz
ตื่นเช้ามา ลงไปถ่ายรูปเล่นจุดเดิมหน้าที่พักอีก
สาวโสด ต้องฝึกโดด เพียงลำพัง ^^.
แดดอ่อนๆ ตอนเช้า ฟินได้อีก
สังเคราะห์แสงรับแดดกันหน่อย
มอเตอร์ไซต์เค้ามาจอดถ่ายรูป ก็ขอเค้าเป็นพร๊อพ
หนุ่มโสด ก็ต้องเดินตามลำพัง (บ้าง) เดินทางตามหารักแท้
มีทุกที่ อิอิ
มอง...
มองผ่านเลนส์ (ลิงหลังกล้อง)
ต้องลาแล้วปันกอง มีโอกาสต้องได้กลับมาอีก
เก็บทุกความสุขให้เหมือนวันสุดท้าย ♫ ♫ ♪ ♪ ♪ ♪ ♫ เพราะการรอคอย คุ้มค่าเสมอ ตอนเรา พบกัน
เดินทางมายังไม่ถึงครึ่งของทริปนี้ ก็มีความสุข สนุก ปนฮา มีเรื่องให้หัวเราะ ขำได้ตลอด ความสุขจะเกิดเมื่อเราอยู่กับปัจจุบัน สุขให้เป็น เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตนะคะ
โปรแกรมเที่ยวต่อจากนี้ Leh - Moriri Tso - Leh - Lamayuru - Leh เริ่มสั้นลง โปรดติดตามตอนไปนะคะ (น่าจะมีอีกซัก 2 ตอน กว่าจะได้กลับไทย อิอิ)
--------------------------------------------------------------------
เรื่องโดย ลิงเปิ้ล | LingPle Mayuree :
[email protected]
ถ่ายภาพโดย : ลิงเปิ้ล | LingPle Mayuree , Ting Tawbud , Tawich Ae Virangkur
ตัดต่อ VDO โดย : Nawapon Punpeng
Facebook เที่ยวแล้วยัง กับ มิตรภาพ Friendship Journey :
www.facebook.com/welikejourney
#welikejourney #เที่ยวแล้วยัง #เที่ยวแล้วyoung
IG : lingple
เที่ยวแล้วยัง
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 01.19 น.