ทริปนี้ปลายทางอยู่ที่สะเมิง

........................................................................................................

อันเนื่องมาจากว่ามีธุระที่เชียงใหม่ในเช้าวันเสาร์ เลยถือโอกาสเที่ยวซะด้วยเลย

ธุระของเราใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

เส้นทาง ๑ คืน ๒ วันของเรา เริ่มจาก สนามบินเชียงใหม่ ไปวัดถ้ำผาปล่องเชียงดาว

ย้อนกลับมาเข้าแม่ริม สะเมิง โครงการหลวงตีนตก บ้านแม่กำปอง และจบทริปที่ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด



เราเดินทางด้วยนกแอร์ไฟลท์หกโมงกว่าของวันเสาร์ ฝนตกหนักตั้งแต่ดอนเมืองกันเลยทีเดียวเชียวเธอ


ไปถึงเชียงใหม่เจ็ดโมงกว่า ๆ โชคดีไม่มีดีเลย์ แม้สภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ

ไปถึงก็รับรถที่จองไว้ ของ avis เช่นเคย สะดวกดี

ขับรถเข้าเมือง หามื้อเช้าทาน แน่นอน มาเชียงใหม่ทีไรก็ต้องทานโจ๊กสมเพชร


ครั้งนี้ก็เช่นกัน ก็ไม่ใช่ว่าอร่อยติดปากหรอกนะ เป็นความเคยชินมากกว่า

อิ่มหนำสำราญดีแล้วก็ไปทำธุระต่อ เสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งชั่วโมง เวลาที่เหลือคือเวลาลัลล๊าปาจิงโกะหละค่ะคุณ



ออกเดินทางมุ่งไปเชียงดาว เรื่องของเรื่องคือ ตั้งใจใฝ่ฝันจะมาใช้ชีวิตยามแก่ที่เชียงดาว

เลยไปดูซะหน่อยว่าที่ทางแถวนั้นเป็นยังไงบ้าง จะมีลู่ทางให้เราได้มาใช้ชีวิตที่นี่หรือไม่อย่างไร

เราไม่เคยมาเส้นนี้ ตั้ง GPS และวิ่งตามไปเรื่อย ๆ

จะว่าไปจากตัวเมืองเชียงใหม่ก็ไม่ได้ไกลอะไรนะ ถนนวิ่งสบาย

เจอร้านกาแฟน่ารักระหว่างทาง แวะซะหน่อย ร้านสวยดี

เรายังไม่หิวเลยซื้อแค่กาแฟค่ะ ไม่ได้ลองทานอย่างอื่น กาแฟก็โอเค รสชาติดี

ร้านบรรยากาศดีทีเดียว เข้าไปด้านในมีลำธารไหลผ่านด้วย

แล้วก็เดินทางต่อ


ทีแรกก็ว่าจะไปดูวิวแถวบ้านระเบียงดาวสักหน่อย


ทีนี้มาเจอป้าย สำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง เลยเปลี่ยนใจเข้าวัดแทนตั้งอยู่บนยอดเขาสูง

ทางขึ้นโดยใช้บันได 510 ขั้นขึ้นไปจนถึงสำนักสงฆ์ เป็นสถานปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบ ร่มเย็น


"สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง

เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย

ตั้งอยู่ที่ชายเขาด้านหลังดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

ถ้ำผาปล่องมีลักษณะเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่มีทางทะลุหน้าหลัง

มีหลังคาโครงเหล็กคลุมถ้ำวิหารใหญ่

และภายในบริเวณประดิษฐานพระประธาน ถัดมาจะมีรูปเหมือนหลวงปู่สิม พุทธาจาโร พร้อมแท่นบรรจุอัฐิธาตุของท่าน

บริเวณภายในถ้ำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และประกอบศาสนกิจ

ด้านข้างซ้ายของถ้ำเยื้องขึ้นเนินหินมีพระเจดีย์ทอง ลักษณะเป็นเจดีย์เปิดสามารถเข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในได้

โดยจัดแสดงพิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารของพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)

ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของถ้ำ

เป็นที่ตั้งของโรงน้ำร้อน

ศาลาอเนกประสงค์สำหรับรองรับผู้มาปฏิบัติธรรม โรงครัว และกุฏิ

ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบในละแวกป่า

ในเขตพื้นที่ประมาณ ๓๘๕ ไร่ "



**ข้อมูลจาก http://www.sookjai.com/index.php?topic=66160.0%3Bwap2



หากใครไปที่แห่งนี้

รบกวนแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยนะคะ

จริง ๆ ทุกวัดแหละ เราควรแต่งกายสุภาพค่ะ ให้เกียรติตัวเอง และสถานที่


แนะนำค่ะ ใครไปเที่ยวเชียงดาว แวะกราบพระอัฐิธาตุหลวงปู่สิมกันค่ะ

สิ่งที่ได้จากที่นี่คือ ความร่มเย็น สงบสุข

ทางขึ้นจะมีป้ายธรรมะ คำสอนหลวงปู่สิม เป็นระยะ ๆ ค่ะ


ทางเดินสบายนะคะ บันไดไม่ได้สูงชัน มีต้นไม้เยอะ ไม่ร้อน ไม่เหนื่อย


ยิ่งด้านบนนั้นเย็นสบาย


ลงจากสำนักสงฆ์แล้วเราย้อนกลับเส้นทางเดิมค่ะ เพื่อไปเข้าแม่ริม


ถนนเส้นแม่ริมสวยมากเลย


มีหมอกลงเป็นระยะ ๆ ระหว่างทาง ในหมู่บ้านที่ผ่าน

ชุมฉ่ำไปหมดเลย


จุดหมายของเรานั้น อยู่ที่ "หลองข้าวสะเมิง" เป็นที่พักเล็ก ๆ ริมทุ่งนาใน อ.สะเมิง ซึ่งเราได้จองไว้


ทำไมถึงอยากไปสะเมิง? ทีแรกก็ไม่ได้อยากไปหรอก อันนี้พูดตรงๆ

ไม่รู้จักสะเมิงเลยด้วยซ้ำ เราอยากไปแม่กลางหลวง อยากไปอินทนนท์


ครั้งนี้ก็วางแผนว่าเสร็จธุระแล้ว จะไปแม่กลางหลวงกับอินทนนท์

อาจพักแถว ๆ อินทนนท์

ทีนี้คนข้างตัวส่งลิงค์เพจ หลองข้าวสะเมิงมาให้ดู

ถามว่า สนมั้ย?

เราก็สนแหละค่ะ สวย นาข้าวสวยจัง

แต่ก็ยังลังเล เพราะสะเมิงอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่ไม่รู้

ดูจากแผนที่แล้วคนละฟากกับที่เราอยากไปเลยนะ

คิด คิด และ คิด สุดท้าย ก็เลือกสะเมิง

ด้วยเหตุผลว่าที่อื่นมีคนไปเยอะแล้ว เราไปก็คงเจอใครต่อใครมากมาย

เราไม่ชอบคนเยอะนี่นา งั้นไปพักที่ ที่ไม่น่าจะมีคนเยอะดีกว่า

เพราะเราเองก็ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงสะเมิงเท่าไหร่เลย

ก็ไปกันทั้งที่ไม่รู้จัก ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนี่หละจ้า

เปิดหาข้อมูลเอาในเนท ก็มีไม่มากนัก


ส่วนใหญ่ก็พูดถึงจุดเด่นของสะเมิง คือไร่สตรอเบอรี่

แต่ก็นั่นแหละ สิ้นปี ต้นปีนู่นหละถึงจะเป็นฤดูกาลสตรอเบอรี่

ช่วงที่เราไป เขาเพิ่งลงแปลงปลูกกันเอง


แต่ก็เอาเถอะ เราต้องการความเงียบสงบ เราต้องการทุ่งนาเขียว ๆ ของฤดูฝน

เราต้องการอากาศดีๆ แค่นั้นเอง อย่างอื่นช่างมันเหอะ เนอะ



ขับไปเรื่อย ๆ เลยโป่งแยง เลยทางเข้าม่อนแจ่ม ม่อนม่วน

ไปจนถึงจุดชมวิวสะเมิง นั่นแหละ เข้าเขตสะเมิงแล้ว

จากนั้นก็ขับตรงไปอีก จนลงเขา เจอสถานีวิจัยพันธ์ข้าวสะเมิง ก็เลี้ยวขวาตรงไปอีก


ระหว่างทางเงียบเชียบมาก แทบไม่มีรถสวนเลย พบเห็นแปลงสตรอเบอรี่ตลอดเส้นเลยค่ะ

จนถึงโรงพยาบาลสะเมิงนั่นหละ เป็นอันถึงตัวเมืองสะเมิง เมืองเล็กมาก เงียบมากด้วยเช่นกัน


ที่พักของเรา อยู่ติดเมืองนั่นแหละค่ะ จุดนี้เรียกว่า สะเมิงใต้

เมืองที่นี่คือ เต็มไปด้วยทุ่งนา โอบล้อมด้วยภูเขา มีเซเว่นด้วยนะเออ ที่เดียวเลย

หลองข้าวสะเมิง อันเป็นที่พักของเรา อยู่ในอ้อมกอดของภูเขา


มีท้องทุ่งข้าวขจี มีลำห้วยเล็กๆไหลริน

เป็นบ้านใต้ถุนสูง หน้าต่างเปิดโล่งจรดพื้น ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น ไม่มีแอร์ แต่มีพัดลมเล็กๆนะ

อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกนะคะ

แต่เราต้องการแค่ความสุข ได้อยู่กับอากาศสะอาดๆ

ได้อยู่กับความสด ความชื่นฉ่ำของชีวิต

แค่นอนนิ่ง ๆ มีหนังสือสักเล่มให้อ่านก็โคตรสุข

หน้าต่างยาวจรดพื้น เปิดออกไปจะเห็นวิวแบบนี้


แต่จริง ๆ ควรมีม่านนะคะ เพราะว่าแดดบ่ายนั้นร้อนมาก ส่องเข้ามาทะลุปรุโปร่งเลย

ภายในห้องมีน้ำสองขวด แก้วสองใบ


ปลั๊กไฟมีหลายจุดอยู่ค่ะ

ตกแต่งเรียบง่าย


ห้องน้ำห้องท่าสะอาดดีมีน้ำอุ่น อุปกรณ์ชำระล้างมีครบ


บ้านที่เราพัก ชื่อ หลองข้าว คือ ที่นี่มีที่พักหลายแบบค่ะ เป็นเรือนแยก ๆ ออกไป


มีชื่อแตกต่างกัน ของเราเป็นบ้านใต้ถุนสูง ด้านหน้ามีแปลงสตรอเบอรี่เพิ่งลงปลูก

มีทุ่งนาเขียวสดสะอาด มีภูเขาโอบล้อม วิวที่นี่ดีงามมาก

นี่เป็นบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง ภายในไม่ทราบตกแต่งยังไงเหมือนกันค่ะ


ศาลาอเนกประสงค์ เผื่อใครมากันเป็นทีมเป็นกลุ่ม จะทำกิจกรรมตรงนี้ก็สะดวกดี


พื้นที่นั่งเล่นริมทุ่ง กับหนังสือสักเล่ม ดีงาม


ใกล้ค่ำไปหาอะไรกินในตลาดใกล้ๆ ตลาดเล็กๆในเมืองเล็กๆ ไม่มีอะไรมากมาย


แต่เราชอบที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่า ชีวิตนิ่งและง่ายดีจัง

ทานข้าวเสร็จ กลับบ้านพัก เดินเล่นมองดูดวงดาว เงียบ

มันเงียบมากกกก อาจเป็นเพราะว่า ค่ำคืนนี้มีแค่เราสองคนที่เข้าพัก

แต่ไม่หลอนนะคะ ไม่รู้สึกน่ากลัวแต่อย่างใดเลย

เรายังออกมาเดินเล่นตอนดึก ๆ ดูดาว มีหิ่งห้อยด้วย

อากาศดีมาก ๆ ทำให้เราหลับฝันดี


ยามเช้าเมื่อเปิดหน้าต่างบานกว้าง หมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้า

ในความไม่มีอะไร มันล้วนมีอะไร เราเดินลงไปในทุ่งข้าว ถอดรองเท้าทิ้ง

ย่ำไปในดินโคลน มันเป็นความอบอุ่น ละมุน กลิ่นหอมของดิน ของใบข้าว

ความฉ่ำของน้ำค้าง ไอหมอกที่สัมผัส มันเนียนละมุนไปเสียทุกสิ่ง

รักความรู้สึกแบบนี้ สูดลมหายใจเสียเต็มปอด

แปลงสตรอเบอรี่ ตอนนี้น่าจะออกผลแล้ว เราไปเมื่อเดือนตุลาค่ะ


มื้อเช้านั้น คุณป้าที่ดูแลหลองข้าวฯ ทำข้าวต้มหมูให้เราทาน


มีเครื่องดื่มชา กาแฟ โอวัลตินให้พร้อม

ข้าวต้มอุ่น ๆ กับกาแฟหอมๆริมท้องนา

มันเป็นมื้อเช้าที่งดงามของเรา

บริเวณเตรียมอาหารตกแต่งน่ารักดีค่ะ


ป.ล. ถ้าเป็นช่วงแขกเยอะเห็นว่าอาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์นะคะ

แต่นี่คือ ทั้งรีสอร์ทมีแค่เราสองคน มีเท่านี้เราก็อิ่มหละค่ะ


คุณป้าน่ารักค่ะ ดูแลดีมาก ทั้งรีสอร์ทก็เจอแต่คุณป้าคนเดียวนี่หละค่ะ ไม่เห็นคนอื่นเลย 555

เราเอ่ยลาพร้อมกับบอกว่าจะกลับมาอีก

....................................................................................................................


ราคาช่วงเราเข้าพักอยู่ที่ 2,000 บาทค่ะสำหรับบ้านหลองข้าว

ส่วนบ้านหลังอื่นนั้นยังไงรบกวนสอบถามกับทางรีสอร์ทดูนะคะ


ความประทับใจ เราให้ ๑๐๐% สำหรับเรานะ แม้จะไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ก็มีความสุขค่ะ

ข้อเสียคือ มีแมลงค่อนข้างเยอะ ลงมุ้งดี ๆ นะคะ

และ ถ้าไม่ใช่ฤดูฝนกับฤดูหนาว เราคิดว่าร้อนค่ะ พัดลมติดผนังเล็กไป



เอาหละ ออกจากบ้านหลองข้าวฯ ไปที่อื่นกันต่อจริงๆคุณป้าแนะนำให้ไปบ้านแม่สาบ


แต่ความที่คืนวันนั้นเราต้องขึ้นเครื่องกลับกันแล้ว กลัวจะไม่ทัน

จึงตั้งใจไว้ว่า คราวหน้าเราจะมาใหม่ และจะไปตามที่คุณป้าแนะนำ


เราขับรถเลยรีสอร์ทไปเล็กน้อย อยากไปดูว่ามันมีอะไร

ไม่มีอะไรค่ะ นอกจากวิวสวย ๆ และความสดสะอาดของอากาศบ้านเมืองนี้

เจอชาวไร่ลงสตรอเบอรี่เป็นระยะ ๆ เกือบตลอดทาง


อิจฉาคนบ้านอยู่แถวนี้จัง


วิวแบบนี้ตลอดทาง สดชื่นมากกกกกก


จนมาเจอ นี่ค่ะ


เข้าไปดูหน่อยสิ


มีลำธารใสสะอาด


มีถนนส๊วยสวย และไม่มีใครเลย น่าปั่นจักรยานจัง


ขึ้นไปถึงข้างบนเป็นอ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ มีคนมาตกปลาด้วย


ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อยก็กลับ ขากลับเราลงทางเส้นหางดงค่ะ


ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะเดินทางเป็นวงกลม

เส้นหางดงสวยงามไม่แพ้เส้นแม่ริมเลย เชียงใหม่นี่สวยไปทุกที่เลยเนอะ

ดอกไม้เล็ก ๆ ริมทางเยอะแยะไปหมดเลย


เห็นร้านกาแฟน่ารัก อุตส่าห์แวะ ร้านปิดค่าาาาา ฮือๆ


เจอจุดชมวิวบ้านเก๊าเดื่อ สวยงาม


ไว้คราวหน้าจะแวะลงไปเที่ยวในหมู่บ้านน๊า


จากสะเมิง เรายังมีเวลาเหลือ เพราะจองไฟลท์สุดท้ายของวันนั้นไว้


เลยมุ่งหน้าไปโครงการหลวงตีนตก อยากทานอาหารที่นั่น

โครงการหลวงตีนตกอยู่ อ.แม่ออน ค่ะ ก่อนถึงบ้านแม่กำปองเล็กน้อย

บ้านพักของที่นี่น่าพักจัง เล็งไว้ก่อน คราวหน้าค่อยมาพัก


สดชื่นมากเลยที่นี่ ลำธารฉ่ำน้ำมาก


เนื่องจากว่าเราไปถึงก็บ่ายจัดแล้ว ลูกค้าก็ค่อนข้างเยอะ


เมนูผัก อะไร ๆ ก็หมด เศร้าเลยได้มาแค่นี้ค่ะ

ต้มยำไก่บ้าน อันนี้อร่อยมากกกก จี๊ดถึงใจ

อย่างอื่น ๆ ก็ถือว่าโอเคค่ะ


แต่เทราส์ ทำไมเรารู้สึกว่ามันจืดไปนะ จืดและยุ่ย ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นัก


แต่เราชอบกาแฟที่นี่นะคะ อร่อยดี ลืมถ่ายรูปดูดหมดซะก่อน 5555



อิ่มหนำสำราญก็ขึ้นไปแม่กำปองกันเถอะ ไหน ๆ ก็มาถึงนี่หละตอนเราไปเมื่อตุลา ถนนซ่อมบางช่วงนะคะ ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว

ที่แม่กำปอง เราอาจไปผิดจังหวะหรือไงไม่รู้ คือ คนเยอะเกินไปค่ะ


ไม่ใช่เทศกาลอะไร แค่เสาร์อาทิตย์ธรรมดานี่แหละ ร้านกาแฟทุกร้านคนแน่น

รถราขวักไขว่ตลอดเวลา ผู้คนมากมายจนลานตา ต้องหาช่องจังหวะไม่มีคนผ่านถึงจะได้สักรูป



มุมมหาชนจากร้านดัง ที่คนเยอะมากกกกก


วันนั้นคนอลังการดาวล้านดวง มุมนี้รอคิวกันนานมากกว่าจะได้มา

แอบคิดในใจว่า สโลว์ไลฟ์ตรงไหนเนี่ยยยยย คุณหลอกดาว

แต่โดยรวมก็ชอบนะคะ แม่กำปองสวยงาม อบอุ่น ผู้คนเป็นมิตร


คราวหน้าจะไปใหม่ แต่คงเลือกวันธรรมดาหละ วันหยุดนี่คนเยอะเกิน


ชอบร้านนี้ และเจ้าตัวนี้ น่ารักกกกกก

เดินอีกนิดหน่อยก่อนออกจากแม่กำปอง

เวลายังได้อยู่ เลยแวะกราบพระธาตุดอยสะเก็ด เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับ

ขับรถขึ้นไปได้จนถึงนะคะ แต่ใครจะขึ้นบันไดไปก็ได้นะ ^^


สวยงามค่ะ

พอดีฝนเพิ่งหยุดตก เลยได้วิวนี้มาแบบฟลุก ๆ


ขากลับลงมาเจอเณรน้อยออกมากวาดลานวัดเต็มเลยค่ะ _/\_


จากนั้นมุ่งหน้ากลับสนามบิน เติมน้ำมันรถเต็มถังก่อนส่งคืน


เช็คอินแล้วหาอะไรทานในสนามบิน รอไฟลท์กลับ

และแน่นอน นั่งนกแอร์ ไม่เจอดีเลย์ถือว่าแปลก 55555



ไฟลท์กลับดีเลย์ร่วม ๆ สองชั่วโมงค่ะ ดีจริม ๆ เลย



จบรีวิวเชียงใหม่แต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่รีวิวหน้า (ถ้าขยัน)




Paramee Na Prasri

 วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.50 น.

ความคิดเห็น