ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับบ้านคีรีวงกันก่อน

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อคีรีวง

จากเหตุการณ์โคลนถล่มเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมาบ้างนะคะ

แต่ ณ ปัจจุบันนี้ บอกเลย คีรีวงเป็นหมู่บ้านที่สวยสดงดงามมากค่ะ

ประวัติบ้านคีรีวง (ข้อมูลจากเวปไซด์คีรีวง)

หมู่บ้านคีรีวงเป็นหมู่บ้านเก่าแก่กว่า 300 ปี

ชาวบ้านที่อพยพ เข้ามาอาศัย ในรุ่นแรก ๆ นั้น

ตั้งรกรากในสมัยรัชกาลที่ 1 อยู่บริเวณที่ราบระหว่าง หุบเขาหลวง

เรียกว่า “หมู่ 5 บ้านขุนน้ำ" เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่เป็นต้นน้ำ

และเป็น แหล่งพันธุ์ไม้นานาชนิด

ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ บ้านคีรีวง

หมายถึง หมู่บ้านซึ่งอยู่ในวงล้อม ของภูเขา

เมื่อมีจำนวนชาวบ้านมากขึ้นจึงได้มีการแบ่งแยกออกเป็น 4 หมู่บ้าน

ซึ่งมีเนื้อที่ราว 8,173 ไร่

ประกอบ ด้วย หมู่ 5 บ้านคีรีวง ,หมู่ 8 บ้านคีรีทอง ,

หมู่ 9 บ้านขุนคีรี , และหมู่ 10 บ้านคีรีธรรม

ชาวคีรีวงมีวิถีชีวิตที่สงบสังคมแบบเครือญาติ

อาชีพหลักคือ การทำสวนผลไม้ผสม เรียกว่า “สวนสมรม"

เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน สะตอ

และเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 ได้เกิดมหาอุทธรณีภัย

หมู่บ้านได้ถูกน้ำพัดหายไปนับ 100 หลัง รวมถึง วัดคีรีวง

ชาวคีรีวงจึงได้อนุรักษ์อุโบสถและบ้านที่ประสบภัยไว้เป็นอนุสรณ์สถาน

ชุมชนคีรีวง ได้เป็นชุมชน ต้นแบบ ในด้านท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในปี 2541

ประเภทเมืองและชุมชน ที่มีวิถีชีวิต แบบชาวสวนอยู่กับธรรมชาติ

และยังได้มีการจัดตั้งกลุ่มแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม

ได้แก่ กลุ่มลูกไม้ กลุ่มบ้านสมุนไพร กลุ่มมัดย้อม กลุ่มใบไม้

กลุ่มลายเทียน กลุ่มลูกหยีสามรส

กลุ่มจักสานกะลามะพร้าว กลุ่มทุเรียนกวน

ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมี ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค

และเป็นสินค้า OTOP ที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง


การเดินทางไปบ้านคีรีวง

บอกเลยว่าสะดวกสบายสุดๆแม้ไม่ได้ขับรถไปเองก็ตาม

กรณีขับรถไปเองนะคะ

จากอำเภอเมือง ตามทางหลวง หมายเลข 4016

จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4015

บริเวณกิโลเมตรที่ 9 เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านคีรีวง เข้าไป 9 กิโลเมตร


กรณีไม่ได้ขับรถไปเอง

ก็ขึ้นรถสองแถวจากตลาดยาว ในอำเภอเมือง

มีรถออก ตั้งแต่ เวลา 07.00-16.00 น. ราคา 20 บาท

ไปจอดใจกลางคีรีวงเลยค่ะ ตรงสะพานท่าดี

เครดิตข้อมูล จากเวปบ้านคีรีวง

http://www.kiriwonggroup.com/



การเดินทางของเราในครั้งนี้เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ


ออกเดินทางหกโมงเย็น ไปถึงสุราษฏร์ฯตอนประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่งไม่แน่ใจนัก

พักที่สุราษฎร์ 1 คืน ตอนเช้าหลังอาหารเช้าก็มุ่งไปคีรีวงเลยค่ะ

เราไปทาง อ.เวียงสระ ถนนแถวนี้สวยงามตลอดเส้นนะ เราว่า

คือมีภูเขา ต้นไม้ เขียวขจีตลอดทาง

บางช่วงก็ผ่านบ้านเรือนสวยงาม


ผ่านวัดธาตุน้อย เลยแวะเข้าไปกราบพระเสียหน่อย


พอดีทางวัดเขามีงานผ้าป่าลอยฟ้าค่ะ แปลกตาดี


เหนียวไก่หน่อยมั้ยคะเดินทางเรื่อยๆค่ะ ไม่รีบไม่ร้อน


ปล่อย GPS นำทาง หลงบ้างไม่เป็นไร

พอเข้าเขต อ.ลานสกานี่ เริ่มมีลำธาร มีน้ำตกให้แวะได้ตลอดเลยนะคะ

แต่เราไม่ได้แวะ กะเข้าไปแช่น้ำที่คีรีวงเลย



ไม่ไกลค่ะ จากสุราษฎร์ไปถึงคีรีวง

เหมือนจากกรุงเทพฯไปอยุธยา เรารู้สึกว่าใกล้แบบนั้นเลย

พอเข้าเขตบ้านคีรีวง มองไปทางไหนก็เขียวไปหมด เขียวครึ้ม

เหมือนตกอยู่ในความฝัน เว่อไปมั้ย? แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ภูมิประเทศของที่นี่ โอบล้อมไปด้วยขุนเขา


มีลำธารไหลผ่าน มีหมอกลอยอ้อยอิ่ง

คือสวยอ่ะ สวยละมุนบอกไม่ถูก


ทุกอย่างที่นี่เหมือนฉ่ำน้ำตลอดเวลา

ช่วงที่เราไปมีฝนตกเล็กน้อย


แต่คนที่นี่บอกว่า คีรีวงฝนตกบ่อยอยู่แล้ว มิน่าอากาศถึงสดชื่นนัก

ที่นี่ เงียบ สงบ อากาศสะอาดสดชื่น


คีรีวงได้ชื่อว่า

**คีรีวง เป็นสถานที่ ที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย**

จากการตรวจวัดของสำนักงานจัดการคุณภาพอากาศและเสียง

กรมควบคุมมลพิษเมื่อปี 2552

จากเกณฑ์มาตรฐานอากาศที่ดี

ต้องมีสิ่งแปลกปลอมไม่เกิน 300 ไมครอน / อากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร

แต่ที่คีรีวงมีสิ่งแปลกปลอมเพียง 9 ไมครอน / อากาศ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น

*ข้อมูลจากเวบไซด์บ้านคีรีวง



นอนกันชิลล์ๆ


ชีวิตของคนที่นี้ก็ง่ายๆไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่หรือทั้งหมด(มั้ง)


มีอาชีพทำสวนผลไม้ค่ะ ที่นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องผลไม้ โดยเฉพาะ มังคุด

เห็นว่ามาตรฐานส่งนอก เสียดายเราไปไม่ใช่หน้าผลไม้ อดเลย

แต่เหมือนจะเห็นแว่บๆว่า ที่พารากอนมีมังคุดคีรีวงขาย

โลละเกือบพันแน่ะค่ะ เง้อออออ

ไว้คราวหน้าจะไปให้ตรงกับฤดูผลไม้

เพราะถ้าให้ซื้อกินจากพารากอน ซื้อไม่ไหวค่ะ บอกตรงๆ

พาหนะของคนที่นี่ค่ะ สวนผลไม้ส่วนใหญ่อยู่บนเขา


แน่หละ ภูมิประเทศของที่นี่คือภูเขานี่นา

คิวรถสองแถวค่ะ จอดที่สะพานคลองท่าดี ใจกลางคีรีวงเลย


ใครที่ไม่มีรถ ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินทางลำบากขึ้นเขาลงห้วย

ไม่ค่ะไม่ ไม่ลำบากเลย รถสองแถวจากตัวเมืองนครศรีฯ มาถึงที่นี่อย่างสบายๆ

ถนนหนทางแสนสะดวกสบายที่เดียว และคีรีวงแห่งนี้ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเลย

คีรีวงเป็นเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยงามมากเลยทีเดียว


ในหมู่บ้านรู้สึกจะมีร้านเช่าจักรยานนะคะ

ใครไปเที่ยวก็ลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ค่ะ

ส่วนเรานั้น ปั่นจักรยานไม่แข็งนัก เดินดีกว่า 5555

ปั่นจักรยานเหนื่อยๆก็นั่งพักศาลาริมทางกันได้


ตรงนี้น่าจะเคยเป็นสะพานค่ะ พังลงมาตอนที่โคลนถล่มในสมัยนู้นนนน

สมัยที่หลายคนยังไม่เกิด ^^

เขาตั้งใจปล่อยไว้แบบนี้ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

จุดนี้เลยเป็นจุดยอดนิยมของที่นี่ เช้าๆเย็นๆมีคนมานั่งเล่น ถ่ายรูป

นอนแช่น้ำเย็นๆสบายใจ ผู้คนก็เดินข้ามฝั่งกันตรงนี้ค่ะ

มอเตอร์ไซด์ก็ด้วย บริเวณนี้มีร้านค้า ร้านอาหารบ้างประปราย สำหรับผู้มาเยือน

แต่ก็เป็นร้านแบบชาวบ้านๆนะคะ ที่นี่ไม่มี 7-11 มีแต่แบบนี้


บอกเลย ฟินมากกกกกกกกกกก

นั่งกินก๋วยเตี๋ยว กับวิวแบบนี้ สนมั้ยคะ?


ในลำธารมีปลาเยอะมากค่ะ เห็นว่าเป็นเขตอภัยทาน


สำหรับที่พักในคีรีววง เดี๋ยวจะต่อในเมนท์ถัดไปเลยนะคะ


ขี้เกียจแยกกระทู้แล้ว เหนื่อย 5555

มาต่อในเรื่องที่พักค่ะ


ที่คีรีวง ที่พักส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์ อยู่กินกับชาวบ้าน

มีรีสอร์ทบ้างเล็กน้อย เท่าที่เห็นนะคะ มีไม่กี่แห่งเอง และก็เป็นรีสอร์ทเล็กๆอ่ะค่ะ

แต่โฮมสเตย์นั้นมีให้เลือกพักเยอะแยะมากมายจ้าาา

อย่างที่เราพัก ก็มีห้องพักแค่ 2 ห้อง เท่านั้น

อันนี้เป็นการวัดดวงมาก เพราะเรามาคีรีวงแบบไม่รู้อะไรเลย

แค่เปิดเวปดูนู่นนี่ไปเรื่อย แล้วเห็นเพจไหนสักเพจนี่แหละ เอ่ยถึงบ้านคีรีวง

ว่าเป็นหนึ่งในกี่สิบแห่งจำไม่ได้หละ ในประเทศที่ควรมาเที่ยวให้ได้

เราก็ เอาวะ ลุยเลยละกัน ก็กะว่าไปหาที่พักเอาข้างหน้า

ถ้าในคีรีวงไม่มี ก็กลับมานอนในเมืองนคร เพราะไม่ได้ไกลกันมาก


ระหว่างทางที่ขับมาจากกสุราษฎร์ฯ

ก็เปิดเวปดูข้อมูลเท่าที่จะหาได้

เจอเฟสของคีรีวงริเวอร์วิว

เข้าไปดูเห็นรูปก็โอเคนะ

เหมือนเขาจะเพิ่งเปิดบริการห้องพัก

ปกติเขาเป็นร้านอาหาร

ลองโทรถามดู โชคดีมีห้องว่างให้เรา 1 ห้อง

จากจำนวนห้องทั้งหมดของรีสอร์ทที่มีแค่ 2 ห้อง!


ทีแรกว่าจะไปดูห้องก่อนค่อยตัดสินใจ

พอรู้ว่ามีห้องแค่นี้ เอาเลยละกัน ไม่อยากเสี่ยงให้ใครตัดหน้าไปก่อน

หาไม่ยาก เพราะเหมือนว่าคนแถวนี้ก็รู้จักมักจี่กันหมด เข้ามาในคีรีวงแล้วก็ถามชาวบ้าน


ขับรถข้ามลำน้ำมาตรงหนานหินท่าหา ก็ถึงที่พักหละ

ซ่อนตัวอยู่ในดงไม้


เช็คอินกันตรงนี้แหละค่ะ อันนี้เราถ่ายรูปตอนเช้ารุ่งขึ้นนะคะ


เพราะเป็นร้านอาหารด้วย ตอนกลางวันคนค่อนข้างเยอะ



ตอนเช็คอิน เจ้าของกำลังดูแลลูกค้าร้านอาหารอยู่


เขาบอกไปเลือกห้องได้เลยค่ะด้านนู้น(คือด้านข้างอีกฝั่งของร้าน)

มาก่อนเลือกก่อนเลยว่าจะเอาห้องไหน



กุญแจห้องล่ะคะ

ไม่มีค่ะ ประตูมันปิดไม่ได้ ไม่ต้องใช้กุญแจ

ห๊าาาา! ละ แล้วจะนอนยังไง


คืองี้ค่ะ ห้องพักเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน เป็นไม้ทั้งหมด

แล้วพอฝนตกบ่อยๆ ไม้บวม ประตูเลยปิดไม่ได้ค่ะ ต้องขอโทษด้วย

เจ้าของอธิบายพร้องยิ้มแหยๆ

( แต่ ณ ปัจจุบันคงไม่มีปัญหาแล้วมั้งคะ ผ่านมาก็นานหละ)

ก็นะ เอาวะ ลองดูละกัน แถวนี้ก็ดูเงียบสงบปลอดภัยดี

นอนแบบประตูปิดไม่สนิทก็ไม่น่าเป็นไรมั้ง


ก็มาดูห้องกันเลยค่ะ ทั้งสองห้องก็หน้าตาเหมือนกันแหละ

แต่เราเลือกห้องที่ไม้ประตูบวมน้อยกว่า อย่างน้อยก็งับเข้ามาได้มากกว่า



ก็โอเคนะคะ ห้องหับกว้างขวาง สะอาดหมดจดดี


ข้าวของอำนวยความสะดวกก็ครบตามมาตรฐานทั่วไป

ห้องน้ำไม่ได้แยกส่วนเปียก ส่วนแห้งนะคะ แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับเราค่ะ

ถือว่า ค่อนข้างสะดวกสบายพอสมควร

สำหรับคนชอบเที่ยวบ้านๆแต่ยังติดความสบายอยู่ อย่างเรา

มีระเบียงให้นั่งเล่นนอนเล่น


มาว่ากันที่อาหารการกิน


ในเมื่อเขาเป็นร้านอาหารอยู่แล้ว ก็ฝากท้องไว้ที่นี่ซะเลย

อาหารอร่อยมากค่ะ รสชาติสมเป็นอาหารใต้แหละ

ราคาอาจจะแพงสักนิดสำหรับค่าอาหาร

แต่ก็คุ้มนะ เราว่างั้น

มีกล้วยน้ำว้าให้หยิบฟรีด้วย

สดๆจากสวน หอมหวานมากเลย


นั่งกินข้าวมุมนี้ วุ๊ย ฟินนนน

อาหารที่สั่งมาก็ประมาณนี้หละค่ะ อร่อย แต่ก็เผ็ดพอสมควร


ส่วนมื้อเช้าก็นั่งกินที่เดิมกับบรรยากาศอาบหมอกบางๆและดอกไม้ฉ่ำน้ำ


มื้อเช้าเป็นข้าวต้มค่ะ จะเป็น ไก่ หมู ปลา กุ้ง แล้วแต่จะเลือก


พร้อมไข่ลวก ชา กาแฟ เครื่องดื่มชงเองตามสะดวก

มีขนมปิดท้าย อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของเขาซื้ออะไรติดมือเข้ามามั้งคะ

ของเราได้ข้าวเหนียวสังขยา หอมกรุ่นมาเลยค่ะ

นั่งกินไป ชมธรรมชาติชิลล์ๆ ชีวิตสดชื่นค่ะ


ต้องขอบอกก่อนว่า คีรีวง ไม่มีอะไรชิคๆคูลๆแบบสมัยใหม่นะคะ


ที่นี่ยังเป็นวิถีชาวบ้านแท้ๆ มีแต่ธรรมชาติ ความเงียบ สงบ

มีแต่สีเขียวของต้นไม้ที่หนาแน่นมากๆ สีขาวบางๆของหมอกเล็กๆ

อาหารการกินก็ท้องถิ่นแบบชาวใต้ทั่วไป

ใครชอบชีวิตแบบ Slow Life เราแนะนำค่ะ

แต่ถ้าชอบรูปแบบทันสมัย มีพร๊อพให้ถ่ายรูปชิคๆเก๋ๆ ที่นี่ไม่มีให้นะคะ


สำหรับเรา คีรีวง คือความประทับใจ

ทุกอย่างที่นี่เรียบง่าย แต่น่ารัก ผู้คนเป็นมิตร

หมู่บ้านสงบงาม...


ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้จ้าาาาา

.....................................................................

อ้อ...อีกสักนิด ก่อนกลับ อย่าลืมแวะกินขนมจีนป้าเขียวนะคะ

เขาว่าเป็นของดีเมืองนคร เราก็ไม่รู้หรอกค่ะ

พอดีตอนอยู่ที่คีรีวง โพสรูปแล้วเพื่อนมาทัก

บอกว่าอย่าลืมไปกินหนมจีนป้าเขียวนะ

เราก็ โอเคๆ ก็เข้าใจว่า ร้านขนมจีนทั่วๆไปหละ


ถามทางชาวบ้านไปเรื่อย จนเจอ

แบบ เฮ้ยยยย !!! อัลไลเนี่ย ร้านหนมจีนหรือเขามีงานบวชงานแต่ง

รถจอดกันยาวตั้งแต่ถนนข้างนอก ยันถนนในซอย คนเยอะเว่ออออ

เนี่ยอ่ะค่ะป้าเขียว


เราสั่งมากินแค่เล็กน้อยค่ะ เพราะคนเยอะเกิน


จะนั่งชิมแกงนั่นนี่หลายๆจานก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เกรงใจคนรอโต๊ะ

ก็อร่อยดีนะคะ น้ำแกงเข้มข้นดี จริงๆมีน้ำแกงให้เลือกเยอะ

ผักก็เต็มที่อลังการงานสร้าง และราคาถูกมากอ่ะ

ลองไปชิมกันดูเนอะ

โอเค จบรีวิวจริงๆหละ บายยย ^^



Paramee Na Prasri

 วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.16 น.

ความคิดเห็น