คุณเคยรู้สึกเบื่อมั้ย? เวลาที่อยากจะกินซูชิดีๆ อร่อยๆ แล้วต้องไปเสียเวลาต่อแถวรอคิวที่หน้าร้านนานๆ
คุณเคยรู้สึกเซ็งมั้ย? ที่เวลากินอาหารเสร็จแล้วตอนจ่ายเงิน มันดันมี Vat และ Service Charge โผล่ขึ้นมาอีก
คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดมั้ย? เวลาที่นั่งกินซูชิอยู่ในร้านแล้วที่นั่งไม่สบาย พนักงานบริการไม่ดี หรือต้องรีบกินเพราะคนรอต่อคิวที่หน้าร้านเยอะแยะมากมาย พร้อมด้วยสายตาพิฆาตที่จ้องมาทางเราว่าจงรีบอิ่มๆ
และคุณเคยรู้สึกเสียดายเงินมั้ย? เวลาที่ไปซื้อซูชิที่ทำสำเร็จข้างทางหรือตาม Supermarket แล้วกลับไปกินที่บ้านและพบว่ามันไม่อร่อย!! เสียดายเงินสุดๆๆๆๆ
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงคุณได้รู้จักกับร้านนี้ครับ!! Naeki Sushi
ความหมายของคำว่า Naeki ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายความว่า “เมล็ดพืชเล็กๆ ที่จะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่" ครับ โดยปัจจุบันนี้ Naeki Sushi มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขาด้วยกันคือ สาขาออลซีซันส์ ถนนวิทยุ, สาขาปาร์คเวนเจอร์ เพลินจิต และสาขา BTS สยามครับ จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 สาขานี้อยู่ในทำเลที่เป็นย่านคนทำงานและต้องการอะไรที่เร่งรีบ หรืออะไรที่ช่วยประหยัดเวลาของเค้านั่นเองครับ ประมาณว่าเป็นกลุ่มคนที่อยากรีบซื้อ รีบกลับไปนั่งกินชิวๆ ที่บ้าน แต่ขอเถอะนะ ขออะไรที่มันอร่อยๆ หน่อย จะได้รู้สึกช่วยบรรเทาความเครียดจากการทำงานตลอดทั้งวันลงได้ครับ
และสำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปลองชิมซูชิของร้านนี้ที่สาขา BTS สยามนะครับ โดยตำแหน่งที่ตั้งของสาขานี้จะอยู่ตรง BTS สยาม ฝั่งที่เชื่อมกับ Siam Paragon ด้าน Siam Ocean World นะครับ หน้าตาร้านก็จะประมาณนี้ครับ
1. โซนทำอาหาร
2. โซนเลือกซื้อของ
3. โซนจ่ายเงิน
โดยโซนทำอาหารนั้น เราจะไม่สามารถเดินเข้าไปได้ แต่เราจะสามารถมองเห็นเชฟหน้าตาดียืนทำอาหารกันอย่างขยันขันแข็ง มือไม้เป็นระวิง ไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ได้ครับ
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการหาเมนูที่ตัวเองต้องการไม่เจอ หรือสงสัยอะไรต่างๆ ก็ให้มองหาพนักงานที่ใส่เสื้อกั๊กดำๆ และติดเข็ดกลัดของทางร้านไว้นะครับ เค้าจะยืนอยู่แถวๆ ชั้นวางอาหารนี่แหละครับ มีอะไรเค้าช่วยเราได้ครับ
โดยจากที่ผมลองดูๆ ในชั้นวางอาหารก็พบว่าที่ร้านนี้มีรายการอาหารหลายประเภทเลยครับ ทั้งซูชิ, ข้าวหน้าปลาไหล, ข้าวหน้าปลาแซลมอน, ยำสาหร่าย และก็ข้าวปั้นสามเหลี่ยม (โอนิกิริ) ครับ ซึ่งตัว Sushi นั้นมีหลายแบบ หลาย Set มากตั้งแต่ Set ละ 100 กว่าบาท จนไปถึง Set ละ 400 กว่าบาทครับ
.
.
.
พอหยิบเสร็จแล้วเอามาวางบนโต๊ะรวมๆ กันนี่ ผมก็คิดนะครับว่า เฮ้ย!!!....จะกินหมดเหรอเนี่ยยยยย มันแอบเยอะไป เหมือนกันนะ @_@
ขนาดของซูชิที่ใหญ่นี้ ต้องบอกตามตรงว่าใหญ่ทั้งข้าวและปลาครับ ดูเผินๆ อาจจะดูเหมือนว่าทางร้านเน้นแต่ข้าว แต่หากแยกมองไปละเอียดๆ ที่เนื้อปลาแล้ว สำหรับซูชิราคาต่อชิ้นเท่านี้ก็ถือว่าได้เนื้อปลาแซลมอนชิ้นใหญ่พอควรแล้วครับ ที่สำคัญคุณภาพเนื้อปลาที่ได้ยังถือว่าดี อร่อยมากด้วยครับ สามารถท้าชนกับร้านดังๆ หลายร้านได้เลยครับ โดยตัวผมและภรรยานั้นประทับใจทั้งแบบแซลมอนธรรมดาและแบบกริลล์เลยครับ
อ้อ….สำหรับ คนที่คิดว่าเซ็ท 6 ชิ้นมันเยอะไป หรือแพงไป ทางร้านเค้ามี Set แบบ mini 4 ชิ้นต่อกล่องขายด้วยนะครับ โดยราคาก็แค่ 180 บาท/กล่องเท่านั้น หรือตกแล้วก็ชิ้นละ 45 บาทครับ (แพงกว่ากินแบบ 6 ชิ้นนิดหน่อยครับ)
สำหรับคนที่ชอบทาน Salmon sashimi บ่อยๆ ก็คงเทียบเมนูรายการนี้กับร้าน Sushi Hiro ซึ่งค่อนข้างโด่งดังในเมนูนี้ครับ และก็ต้องยอมรับว่าราคากล่องนี้ของ Naeki จะสูงกว่าครับ แต่สิ่งที่เราจะได้นั่นคือ ความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอคิวนานครับ ที่สำคัญคุณภาพดีไม่แพ้กันแน่นอนครับ
สำหรับสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดใน Set นี้ก็คือความสดของเนื้อ โดยเฉพาะตัวไข่ปลาแซลมอนครับ สด แตกเด้งในปากดีมากครับ
สำหรับไส้ตรงกลางนั้นจะมีทั้งแซลมอน, ไข่หวาน, ปูอัดแล้วก็พวกผักนิดหน่อยครับ
ภายในกล่องเราจะได้เนื้อแซลมอนสวยๆ คุณภาพดีๆ โปะมาบนข้าวจำนวน 6-7 ชิ้นด้วยกัน โดยจะมีไข่แซลมอนโรยมาข้างบน และบริเวณด้านล่างของเนื้อแซลมอนก็จะมีสาหร่ายญี่ปุ่นด้วยครับ จานนี้ได้ปริมาณมาเยอะใช้ได้ สามารถกินอิ่มได้โดยไม่ต้องหาอะไรมาตบท้ายอีกครับ
และเนื่องจากเมนูอาหารประเภทนี้ภรรยาผมเธอชอบทานมาก เวลาไปญี่ปุ่นก็มักจะซื้อทานบ่อยๆ หรือถ้าอยู่ไทยเวลาผ่านพวก Lawson ก็จะแวะซื้อครับ แต่สำหรับตัวผมคิดว่ามันเน้นข้าวมากไป เลยไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ ดังนั้นเมนูนี้ผมจึงยกหน้าที่ให้เธอทยอยๆ ลองชิมในวันอื่นๆ เพราะมันสามารถเก็บไว้ข้ามวันได้โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยนไปมากครับ
และผลสรุปที่ได้คือเธอค่อนข้างประทับใจครับ ตัวไส้ที่ให้มานั้นถือว่าเยอะกว่าหลายๆ ที่ที่เคยทานครับ เพราะบางที่ยัดไส้มาแค่ตรงกลางอย่างเดียว แต่นี่ตรงขอบๆ ก็สามารถมองเห็นไส้ได้ครับ ส่วนปริมาณของ 1 ชิ้นนั้น สำหรับผู้หญิงกินรองท้อง หรือกินเป็นอาหารเช้าเบาๆ ระหว่างขับรถไปทำงานก็ถือว่ากำลังดีครับ
อ้อ...สำหรับคนที่ไม่ชอบทานข้าวปั้นสามเหลี่ยมเพราะคิดว่ามันจืดไปนั้น ทางร้านเค้าได้มีการจำหน่ายตัวช่วยอย่าง “ไข่ปลาชีสดิป" ด้วยนะครับ ราคาถ้วยละ 45 บาท โดยรสชาตินั้นผมบอกไม่ถูก มันค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนซอสดิปอื่นๆ ที่ผมเคยทานมาครับ รสเด่นที่สุดที่พอจะบรรยายได้ก็คือรสชีสและออกเค็มครับ ดังนั้นใครที่ไม่ชอบทานอะไรที่เค็มมาก ควรจะจิ้มทีละน้อยๆ อย่าพึ่งจิ้มพรวดในครั้งแรกครับ แต่ถ้าใครชิมแล้วชอบ นี่แหละคือสิ่งที่ใช่ ก็จิ้มลงไปเยอะๆ ได้เลยครับ
ตัว Dashi จะราคา 30 บาทครับ ส่วน Miso จะราคา 40 บาทครับ โดยผมได้ลองทาน Dashi นะครับ รสชาติจะออกเค็มๆ หน่อยครับ สำหรับตัวแพคเกจจิ้งที่ใส่ซุปของร้านนี้นั้นผมว่าเก๋ดีนะครับ เพราะมันก็คือแก้วกาแฟที่ขนาดพอดีมือ ทำให้เราสามารถยกซดทานตอนไหนก็ได้ แถมไม่หกเลอะเทอะด้วยครับ
สำหรับในเรื่องของราคาผมว่ารายการนี้ราคาสูงไปหน่อยครับ น่าจะลดลงมาต่ำกว่านี้ซัก 5-10 บาทครับ ถือว่าเป็นการ Service ลูกค้า เพราะซุปประเภทนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่คนทั่วๆ ไปจะเดินมาซื้อไปทานเล่นๆ อยู่แล้วครับ คนส่วนมากที่ทานก็เป็นคนที่มาซื้ออาหารที่ร้านนั่นแหละครับ
รสชาติอาหาร : โดยรวมๆ รสชาติอาหารประเภทต่างๆ ที่ผมได้ลองทานถือว่ามีคุณภาพที่ดีเลยครับ สมกับที่ทางร้านวางตัวเองไว้เป็น Premium Sushi เพราะคุณภาพเนื้อปลาสามารถชนกับร้านดังๆ ในตลาดตอนนี้ได้เลยครับ
ความหลากหลายของอาหาร : อาหารหลักๆ ของทางร้านจะเน้นที่ซูชิเป็นหลัก และมีข้าวหน้าต่างๆ กับข้าวปั้นสามเหลี่ยมเป็นตัวประกอบ โดยซูชินั้นจะมีให้เลือกหลากหลายเซ็ท หลากหลายราคาเพื่อให้เหมาะกับกำลังทรัพย์และความต้องการของแต่ละคนครับ ดังนั้นใครที่ชอบทานพวกซูชิหรือข้าวหน้าปลาแซลมอน ข้าวหน้าปลาไหล น่าจะสามารถหาเมนูที่ถูกใจได้ไม่ยากครับ
ความสะอาดของร้าน : ไม่มีปัญหาอะไรในข้อนี้ครับ สะอาด ดูดีครับ และเนื่องจากเป็นร้านที่ขายแบบ Take away อย่างเดียวจึงไม่มีปัญหาอะไรที่มาต้องกังวลเรื่องเศษอาหารต่างๆ ครับ
การบริการของพนักงาน : ทั้งพนักงานที่หน้าชั้นวางอาหาร พนักงานคิดเงิน ยิ้มแย้มแจ่มใส่ เอาใจใส่ดี บริการรวดเร็วดีครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : ตำแหน่งทำเลทั้งตั้งของสาขา BTS สยามนั้นก็ถือว่าสะดวกและเหมาะสมกับคนที่ใช้บริการรถ BTS ที่สถานีนี้เป็นอย่างมากครับ เพราะสามารถที่จะหาซื้อได้ง่ายๆ ทั้งก่อนขึ้นหรือตอนออกมาก็ได้ครับ เพียงแค่เราออกให้ถูกฝั่งเท่านั้นเองครับ ส่วนคนที่ขับรถมาธุระแถวนี้แล้วจอดรถที่สยามพารากอนนั้น หากอยากจะลองชิมดูก็ถือว่าสะดวกใช้ได้เลยเพราะเดินออกจากสยามพารากอนไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าร้านแล้วครับ
ความคุ้มค่า : ถ้ามองแค่ว่ามันคือซูชิ Take away ข้างทาง แบรนด์อะไรไม่รู้จัก และตัดสินจากราคาที่เห็นก็อาจจะคิดว่าทำไมร้านนี้วางราคาไว้สูงจัง แต่หากได้มีโอกาสองชิมซักครั้งจะรู้ว่านี่คือ 1 ในร้านซูชิที่มีคุณภาพที่ดี ราคาสมเหตุสมผลครับ อย่างเช่น ซูชิแซลมอน เฉลี่ยคำละ 45 บาท ก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกับร้านดังๆ หลายร้าน (หลังจากที่ร้านพวกนั้นบวก Vat และ Service Charge) แต่สิ่งที่เราจะได้เพิ่มคือ ขนาดคำที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย รวมทั้งความสะดวก และรวดเร็วที่สามารถซื้อทานได้เลยไม่ต้องรอคิวนานครับ
สรุป : หากคุณทำงานแถว ถ.วิทยุ, เพลินจิต หรือสยาม และโหยหาที่จะกินซูชิคุณภาพดีๆ แต่ไม่อยากจะรอคิวนาน ไม่อยากจะมานั่งปวดหัวกับราคาว่าราคาในเมนูนั้นเป็นราคา net แล้วหรือยัง หรือคุณเป็นคนที่อยากจะนั่งทานของอร่อยๆ ที่บ้าน พร้อมกับดูทีวีไปด้วย ร้าน Naeki Sushi นี่เป็นคำตอบที่ดีเลยครับ เพราะปัจจุบันนี้หาร้านขายซูชิ Take away ที่มีคุณภาพดีๆ แบบนี้ได้น้อยมากครับ ราคาโดยรวมๆ อาจจะดูสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับความรู้สึกเดิมๆ ของเราที่เคยคิดว่าซูชิในร้านต้องราคาแบบนี้ ซูชินอกร้านเน้น Take away ต้องราคาแบบนี้ แต่อยากให้ลองดูซักครั้งครับ แล้วจะรู้ว่า อืมมมมม……..การมาซื้อกินกับร้านแบบนี้ก็สะดวกดีนะ ปุ๊บปั๊บได้กินแล้ว แถมอร่อยไม่แพ้กันด้วยครับ
ปล. เหมือนตอนนี้ทางร้านได้มีการขยายกิจการเพิ่มเติมจากการจำหน่ายแบบ Take away เป็นแบบ delivery ด้วยครับ โดยเน้นที่โซนสยาม เพลินจิต วิทยุ ซึ่งเป็นโซนใกล้ร้านเป็นหลัก ถ้าใครสนใจก็ลองสอบถามทางร้านดูนะครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ครับ หากขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ และการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้นครับ แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือรสชาติที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ และหากใครชอบการรีวิวของผม สามารถไปติดตามหรือแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/amazingcouples
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการกิน ไม่ตก ไม่หล่นเวลาเข้าร้านอาหารนะครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ สวัสดีครับ
หมายเหตุ : วันที่ผมไปใช้บริการคือวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559 นะครับ
ภรรยาหา สามีใช้
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.49 น.