ในช่วงหนึ่งของความทรงจำที่สวยงาม ....

เดือนธันวาคม 2546 หลังพิธีมงคลสมรส เราเลือก"จังหวัดกระบี่"เป็นจุดหมายปลายทางของทริปฮันนีมูน ทำให้สถานที่แห่งนี้คือความทรงจำดีๆที่อยากหวนกลับไปอยู่เสมอ

ทุกครั้งที่นึกอยากกลับไปกระบี่ ... “Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi" คือหนึ่งในสถานที่พักที่เราอยากลองไปสัมผัสดูสักครั้ง ด้วยเรื่องราวที่เคยได้อ่านผ่านสื่อต่างๆมาก่อน ความเป็นส่วนตัวและทิวทัศน์สวยงาม ... และโอกาสนั้นก็มาถึง เมื่อทาง Centara Club ได้หยิบยื่นโอกาสดีๆครั้งนี้มาให้ ทำให้เราได้กลับไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ได้รำลึกเรื่องราวเก่าๆด้วยกันอีกครั้งหลังจากผ่านมาถึง 11 ปีกว่า

“โรงแรมเซ็นทรัลกระบี่เบย์" คือ ชื่อเดิมของ Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2549 (ด้วยเหตุนี้เองการมาฮันนีมูนที่กระบี่ของเราเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จึงไม่ได้เข้าพักที่นี่เพราะยังไม่เปิดให้บริการนั่นเอง) และเปลี่ยนชื่อเป็น Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi ในภายหลัง


การเดินทางครั้งนี้ หลังจากถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เราต่อรถ shuttle bus จากสนามบินไปยัง"หาดนพรัตน์ธารา"ในราคาคนละ 150.-บาท ด้วยเพราะที่พักต้องไปทางเรือเท่านั้น ไม่มีถนนตัดผ่าน เลยไม่รู้ว่าจะเช่ารถไปจอดทิ้งเพื่อเหตุใด เดินทางแบบนี้ก็ไม่ถึงกับลำบากค่ะ ... รถบัสส่งเราบริเวณทางสามแยกเข้าหาดนพรัตน์ธารา ต้องเดินเท้าต่อไปท่าเรืออีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ไกลมากค่ะ

ก่อนจะเข้าพัก หลังจากได้รับการยืนยันห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราทำการเช็ครอบเวลาเรือและติดต่อกับทางที่พักโดยตรงอีกครั้ง เพื่อแจ้งเที่ยวบินและรอบเวลาเรือที่ต้องการเดินทาง


ตารางเวลาเรือรับ-ส่ง ระหว่างที่พักและท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา
บริการฟรีสำหรับแขกที่เข้าพักค่ะ
http://www.centarahotelsresorts.com/centaragrand/ckbr/boatckbr.asp


เรือ speed boat พาเราโลดแล่นบนท้องทะเลท่ามกลางทิวทัศน์ของภูเขาหินปูนอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของทะเลกระบี่แห่งนี้ นำสู่จุดหมายปลายทางในสภาพอากาศทั้งท้องฟ้าและคลื่นลมที่เป็นใจอย่างมาก เพียงแค่ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงท่าเรือของ “Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi" ณ อ่าวไผ่ปล้อง

ภาพแรกของอีก 1 สถานที่ในฝันที่เราถ่ายไว้ด้วยมือถือ และทำการเช็คอินผ่าน social media ทันทีที่ได้มาเยือน เราพิมพ์ข้อความเรียกขานที่นี่ว่า “Beach Paradise !!" เพราะความรู้สึกแรกพบคือแบบนั้นจริงๆ (จึงกลายเป็นที่มาของชื่อรีวิวครั้งนี้) ... เหมือนหลุดออกมาในโลกส่วนตัวอีกโลก เหมือนได้มาพักผ่อนติดเกาะ (แต่จริงๆไม่ใช่เกาะ เพียงแค่ถนนเข้าไม่ถึง)


“ทุ่นลอย"ที่นำมาทำเป็นท่าเรือ ซึ่งอาจจะเดินยากอยู่สักหน่อยหากคลื่นแรง แต่เราเคยได้ข้อมูลมาว่าทุ่นลอยแบบนี้เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ไม่ทำลายสภาวะสิ่งแวดล้อม ... ขอชมว่าทุ่นลอยที่นี่ค่อนข้างใหญ่ มีเสาและเชือกตรงกลาง ทำให้เดินง่ายขึ้นและมีหลักไว้คอยยึดเกาะประคองตัวหากเจอคลื่นลมพัดจนโซเซ (สารภาพว่าเคยต้องคลานบนทุ่นลอยที่อื่นมาแล้ว เพราะคลื่นแรงมาก)


เจ้าหน้าที่มารอรับถึงเรือ แล้วนำทางไปยัง lobby เพื่อทำการเช็คอิน พร้อมเตรียมผ้าเย็นและน้ำกระเจี๊ยบไว้รอต้อนรับ ... หากแต่ความประทับใจแรกเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ท่าเรือแล้วค่ะ เมื่อลมพัดหมวกเราปลิวกลิ้งไปบนชายหาด (ดีที่ไม่ปลิวตกทะเล) แต่มีเจ้าหน้าที่ฝรั่งท่านหนึ่ง (คาดว่าน่าจะเป็นระดับผู้บริหารด้วย) วิ่งไปเก็บมาให้

ระหว่างที่เดินไปยังห้องพักก็พูดคุยสอบถามพนักงานกันไป เพราะได้ยินมาก่อนว่าที่นี่“ลิงเยอะ" พนักงานเลยชี้ให้ดูแนวรั้วไฟฟ้าทางด้านหลังติดกับภูเขา เพราะเจ้าลิงก่อวีรกรรมไว้เยอะ ทั้งรื้อมินิบาร์ ทำของแตกเสียหาย รบกวนแขกที่เข้าพัก จนสุดท้ายต้องทำรั้วกั้น ... แต่ถ้าอยากชมลิง เขามีจุดไว้เดินชมโดยเฉพาะ เรียกว่า Monkey Trail

Deluxe Garden View คือแบบห้องพักครั้งนี้ค่ะ อยู่ชั้นล่างสุดของตึก มองไม่เห็นวิวทะเล แต่ไปไหนมาไหนสะดวก เพราะมีทางเดินติดกับข้างห้อง เดินไปสระว่ายน้ำและชายหาดไม่ไกล ... ถ้าพักส่วนชั้นบนอาจจะได้วิวสวย แต่ก็ต้องยอมเหนื่อยในการเดินขึ้น-ลงค่ะ

พื้นที่ห้องพักค่อนข้างใหญ่ทีเดียวค่ะ มีมุมโต๊ะทำงานพร้อม welcome fruit ที่จัดวางไว้ให้เรียบร้อย ... ด้านนอกมีพื้นที่ระเบียงทั้งด้านหน้าและด้านข้าง พร้อม day bed ขนาดใหญ่และม่านบังแดด

ส่วนห้องอาบน้ำมีบานเลื่อนเปิด-ปิดสู่ส่วนห้องนอนได้ พร้อม rain shower ... ห้องสุขาจะแยกออกมา และคำถามที่มักจะโดนถามบ่อยๆเมื่อเขียนรีวิว ตอบให้เลยละกันค่ะ ที่นี่มีสายชำระให้ค่ะ


Bathroom Amenities ที่นี่ พิเศษกว่าที่อื่นคือ มี Sun Lotion ให้ด้วยค่ะ ไม่ค่อยเจอสิ่งนี้จากที่อื่น แต่หากมียากันยุงให้ด้วยจะยิ่งดีค่ะ เพราะตอนกลางคืนแมลงเยอะใช้ได้

ที่นี่ ไม่มี Pillow Menu ให้ แต่มีหมอนให้เยอะมากค่ะ และมีบริการ free wifi

ข้อมูลทั่วไปของที่พัก ...

* ด้านหลัง lobby จะมีโต๊ะให้บริการข้อมูลร้านอาหารต่างๆ “Food & Beverage Information Desk" ซึ่งสามารถเลือกดูเมนูของทุกห้องอาหารได้ที่นี่ ข้อมูลโปรโมชั่นประจำวัน รวมถึงบริการสำรองที่นั่งในห้องอาหารต่างๆ

* ใกล้ๆกันคือส่วนของ"Library Lounge" ซึ่งมีหนังสือให้ยืม บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและทัวร์ต่างๆ รวมถึงแขกเข้าพักที่มาถึงก่อนเที่ยงและยังไม่สามารถเข้าห้องพักได้ สามารถมารอได้ที่บริเวณนี้ค่ะ


++ Library ++

* ติดกับ library เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นชื่อ Hagi มี teppanyaki counter ที่พ่อครัวทำอย่างพิถีพิถัน โชว์ฝีมือกันตรงหน้า

* ติดกับห้องอาหารญี่ปุ่น Hagi เป็นห้องอาหารไทยชื่อ “Rim Saai" บริการอาหารแบบ a la carte และ set menu ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็น เนื่องจากเป็นห้องแบบ open air ช่วงกลางวันอากาศอาจจะร้อนเกินไปสักนิดนึง

++ Rim Saai ++

* ชั้นใต้ดินของ library เป็นบาร์ชื่อ “Deep Blu" บริการเครื่องดื่มต่างๆ และมีช่วง Happy Hour ซื้อ 1 แถม 1 ค่ะ


++ Deep Blu ++

* อีกฝั่งของ lobby จะเป็นห้องอาหาร"Lotus Court" บริการอาหารเช้าตั้งแต่ 0630-1030 น. หลังจาก 1100 น.จะบริการอาหารแบบ a la carte (international food) มีบรรเลงเพลงเปียโนเพราะๆระหว่างมื้ออาหารด้วย

++ Lotus Court ++

* ติดกับ Lotus Court เป็นส่วนบริการสำหรับ The Club Lounge และ Kid's Club (Camp Safari) สำหรับเด็กเล็ก มีบ่อบอลเล็กๆ ของเล่นพอประมาณค่ะ


หมายเหตุ : บริการ The Club สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ค่ะ (ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 1,000 บาท)โดยจะได้รับสิทธิ์ทานอาหารว่างและเครื่องดื่มในคลับได้ไม่อั้นทั้งวัน รวมถึงเบียร์และค๊อกเทล แต่หากเป็นแขกที่พักระดับวิลล่าแล้ว จะได้รับบริการส่วนนี้โดยทันที โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่ะ

++ Camp Safari ++

* ถัดออกมาจาก lobby ทางด้านหลัง จะมีร้าน gift shop และ E-Zone สำหรับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป


++ E-Zone ++

* บริเวณใกล้ๆกัน มี Fitness และ Spa Cenvaree


มาทางด้านหน้าหาดกันบ้างค่ะ ...

* ที่นี่มีห้องอาหาร On the Rocks อยู่ติดกับสระว่ายน้ำและริมหาด บริการอาหารแบบ fast food อาทิเช่น เบอร์เกอร์,พิซซ่า. พาสต้า. และเครื่องดื่มต่างๆ ... ช่วงเย็นบางวัน(ทุกวันอาทิตย์และวันอังคาร)มี BBQ Buffet


* สระว่ายน้ำที่นี่ มี 2 สระค่ะ

1) Main Pool สระว่ายน้ำ 2 ชั้น จากชั้นบนจะมีส่วนที่เป็นน้ำตกไหลลงสู่เบื้องล่าง

2) Relaxing Pool ติดกับห้องอาหาร Rim Saai มีส่วนที่ลึกที่สุดถึง 3 เมตร

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกเล่นมากมาย ทั้งเรือคายัก, เรือใบ และ paddle surf รวมถึง “Marine Center"ใกล้ๆกับท่าเรือ บริการดำน้ำของ PADI ค่ะ ... ส่วนตัวแล้ว เราได้ลองเล่นแค่ paddle surf ค่ะ สามารถเล่นได้ฟรี 1 ชม.

มิ้อแรกที่นี่ เราเลือกทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหาร On the Rocks เพื่อรับลมชมวิวสวยๆให้เต็มที่ เป็นเมนู Hawaiian Pizza 1 ถาด 8 ชิ้น

ส่วนมื้อเย็นของวันแรก ทานที่ห้องอาหาร Rim Saai กับเมนูข้าวผัดสัปปะรดและข้าวแกงเขียวหวานหมู พร้อมบริการพิเศษ มี live song มาเล่นให้ฟังกันเพราะๆถึงข้างโต๊ะ ทำให้อมยิ้มนึกถึงวันครบรอบแต่งงานปีที่ 6 เลยค่ะ เพราะมีนักดนตรีมาเล่นกีต้าร์ร้องเพลงอวยพรวันครบรอบแต่งงานถึงตัวแบบนี้เหมือนกัน

เดินกลับห้องพักพร้อมกับชมดาวสวยๆบนฟ้า ... ถึงห้องพัก แม่บ้านมาทำ turndown service ไว้ให้พร้อม เป็นวันพักผ่อนที่รู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มอิ่มและให้เวลากับตัวเองได้เต็มที่จริงๆค่ะ


วันถัดมากับมื้อเช้าที่ Lotus Court ห้องอาหารนี้มีทั้งส่วนห้องแอร์และ open air ค่ะ ด้านนอก(open air) จะติดกับสระน้ำ ได้ยินเสียงน้ำตก บรรยากาศดีมากค่ะ แถมมีปลาเยอะมากๆ แสนเชื่องซะด้วยสิ เขาคอยจะว่ายวนมาขออาหารตลอด เพราะใกล้ๆกับมุมอาหารมื้อเช้า จะมีชามอาหารของเหล่าน้องปลาโดยเฉพาะ ให้แขกได้หยิบป้อนอาหารปลาได้ตามอัธยาศัย นับเป็นอีก 1 บริการที่น่ารักดีค่ะ เด็กๆเพลิดเพลินสนุกสนานกันมาก

ในส่วนของบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า จะมีมุมอาหารพิเศษประจำวัน สำหรับมื้อนี้ เรามีโอกาสได้ลอง“Egg Florentine"เป็นครั้งแรก ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่หน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ Egg Benedict ที่เราชอบทาน เลยได้ความรู้ใหม่ว่า Egg Benedict จะมีส่วนผสมเป็นแฮม แต่ Egg Florentine จะเป็นผักโขม ทั้งสองเมนูนี้เป็น poached egg วางบนขนมปังและราดซอส Hollandaise เหมือนกัน ต่างกันแค่ส่วนประกอบ

ส่วนอาหารเช้าวันที่ 2 เมนูพิเศษเป็นไข่ลูกเขยค่ะ ... อันนี้ก็ชอบเช่นกัน เพราะไม่เคยเจอไข่ลูกเขยในเมนูอาหารเช้าของที่พักมาก่อน


คืนที่ 2 คืนสุดท้าย ณ Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi ....

ขอดื่มด่ำความสุขและความอร่อยให้เต็มที่อีกครั้ง ด้วยเพราะอ่าวไผ่ปล้องอยู่ทางทิศตะวันตก สามารถชมพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าได้สวยงามเต็มตา

เราเลยเลือกที่จะมีความสุขกับเครื่องดื่มเย็นๆสักแก้วจาก On the Rocks ต่อด้วย “Surf and Turf" (Seafood BBQ Buffet) ริมชายหาดที่ห้องอาหาร On the Rocks แต่งแต้มบรรยากาศโรแมนติกมากยิ่งขึ้นด้วยมื้ออาหารใต้แสงเทียน พร้อมเสียงกีต้าร์บรรเลงเพลงขับกล่อม


อาหารทะเลหลากหลาย ทั้งหอยนางรม, หอยเชลล์, หอยแมลงภู่, ปลาหมึก, ปูม้า, กั้งหิน, เนื้อแกะ, ปลากระพง ฯลฯ ... อิ่มหนำสำราญและถูกใจอาหารมื้อนี้มาก

บรรยากาศยามเย็นริมหาดกับการอาบแสงสุดท้ายของวันที่สวยงาม ... เราได้พูดคุยและใช้เวลาร่วมกันอย่างช้าๆ รำลึกถึงช่วงเวลาเก่าๆวันที่เราเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน ทริปแรกในฐานะสามีและภรรยา จนถึงวันนี้ผ่านมา 11 ปีกว่าแล้วที่เราได้จูงมือก้าวเดินไปด้วยกัน

ครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การฮันนีมูนหรือวันครบรอบแต่งงาน หากแต่คืออีกหนึ่งการเดินทางที่เราได้ร่วมแบ่งปันความสุขด้วยกันอีกครั้ง ... ณ ทะเลกระบี่ สถานที่ที่เราเคยมีความหลังดีๆร่วมกัน

ขอบคุณ Centara Club ที่มอบโอกาส และประสบการณ์ดีๆครั้งนี้ให้

ขอบคุณ ที่ร่วมเติมเต็มความสุขในวันพักผ่อนที่แสนพิเศษ
ขอบคุณ สำหรับช่วงเวลาดีๆกับใครคนเดิมคนนั้น

ไม่แน่นะ ... ครบรอบแต่งงานปีที่ 12
เราอาจจะหาเรื่องมาฮันนีมูนกันที่กระบี่ด้วยกันอีกครั้งก็ได้ :)

เพราะที่นี่ เติมเต็มวันของเราให้มีแต่เรื่องราวที่น่าจดจำ

Nina's Journey

 วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.02 น.

ความคิดเห็น