ดีค่ะ

ต่อจากกระทู้พาเที่ยวสวนน้ำเปิดใหม่ “RamaYana WaterPark"
ครอบครัวหมียังคงท่องเที่ยวพักผ่อนที่พัทยากันต่อค่ะ
ซึ่งที่พักครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Holiday Inn Pattaya ร่วมกับเพจพักสบาย
กับกิจกรรมหานักรีวิวหน้าใหม่ ซึ่งเราผ่านคัดเลือกเป็น 1 ใน 6 นักรีวิวครั้งนี้ค่ะ

ที่ผ่านมา อาจจะเคยได้ชมผลงานของนักรีวิวท่านอื่นๆไปบ้างแล้ว
ซึ่งแต่ละคนจะได้รับมอบหมายโจทย์และได้ห้องพักในแบบที่แตกต่างกันไป

ในส่วนของครอบครัวหมีครั้งนี้ เราได้รับโจทย์แบบ"ครอบครัว"
เพราะเดินทางพร้อมลูกชายวัยซน(แถมดื้อ)อายุ 5 ขวบ
กิจกรรมที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ จึงเน้นสำหรับเด็กเล็ก

และขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณทาง Holiday Inn Pattaya
สำหรับทริปส่งท้ายก่อนเปิดเทอมของลูกหมีค่ะ
เด็กน้อยสนุกและมีความสุขมาก เล่นน้ำจนตัวดำกลับบ้านเลยทีเดียว

:+: HOLIDAY INN PATTAYA :+:
http://www.holidayinn-pattaya.com
http://www.facebook.com/HolidayInnPTY

พิกัดที่ตั้งของโรงแรม Holiday Inn Pattaya อยู่ที่พัทยาเหนือจากวงเวียนปลาโลมา ขับมาทางถนนเลียบหาด
เพียงแค่นิดเดียว ก็จะเห็นทางเข้าโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือ

ตัวตึกของโรงแรม มี 2 อาคารด้วยกัน
* Bay Tower *
อาคารทางด้านหน้าติดริมหาดเป็นอาคารเก่า เปิดมาแล้วประมาณ 7 ปี
เป็น concept แบบ family และ leisure ตกแต่งด้วยสีสันแบบ Earth Tone หรือบนดิน

* Executive Tower *
อาคารใหม่ทางด้านหลัง เปิดมาได้ประมาณ 2 ปี
เน้นดีไซน์ทันสมัยและมีสีสันสดใส ตกแต่งเหมือนอยู่ในโลกใต้ทะเล

++ จากภาพนี้ Bay Tower คืออาคารที่ติดทะเล และ Executive Tower คืออาคารทางด้านหน้าของภาพค่ะ ++


หากไม่แน่ใจว่าห้องพักที่จองไว้อยู่ตึกไหน ก็ไม่ต้องกังวลค่ะขอเพียงมาติดต่อที่ Reception

หากไม่ใช่อาคารที่จะเข้าพัก เขามีบริการรถ buggy วิ่งรับ-ส่งให้ระหว่าง 2 อาคาร

มาถึงที่พักแล้ว ทำการเช็คอิน 'แขกตัวน้อย'ของเราก็ได้สิทธิพิเศษทันทีค่ะ
เขามีของขวัญเล็กๆน้อยๆมอบให้ มี 2 แบบ
คือ สมุดระบายสีสำหรับเด็กเล็กและสมุดสติ๊กเกอร์สำหรับเด็กโต


เราขอพนักงานให้ลูกหมีเป็นคนเลือกเองว่าอยากได้แบบไหน

เลือกนาน เลือกไม่ถูก สุดท้ายเลยได้มาทั้ง 2 เล่ม
^^"


ก่อนจะไปชมห้องพักบางแบบและที่พักโดยรอบ
อยากขอสรุปรายละเอียด facilities ส่วนกลาง แยกทั้ง 2 อาคาร
เพื่อให้สะดวกต่อการอธิบาย รวมถึงใช้เป็น guideline ในการใช้บริการต่างๆค่ะ
v


* SUPERIOR OCEAN VIEW (STANDARD ROOM) *
Bay Tower
ห้องพักแบบแรกที่เราได้ชม คือ “Superior Ocean View"
ซึ่งจะคล้ายกับห้อง Ocean View Room มีขนาดพื้นที่ห้องเท่ากัน (33 ตร.ม.)
เพียงแต่ว่าห้อง Superior Ocean View จะอยู่ในชั้นที่สูงกว่าและสามารถมองเห็นวิวหาดพัทยาได้ดีกว่า โดยไม่มีตึกอื่นบัง


ส่วนตัวแล้ว แอบชอบห้องน้ำสำหรับห้องพักประเภทนี้ค่ะ

แอบเซ๊กซี่เล็กๆ ด้วยบานกระจกใบใหญ่ อาบน้ำไป ดู TV ไปได้ด้วย

.
* EXECUTIVE CLUB CORNER VIEW *
Executive Tower
ห้องพักแบบที่ 2 ที่ได้เข้าชม เด่นด้วยโต๊ะทำงานขนาดใหญ่กลางห้อง
และห้องพักที่ขึ้นด้วคำว่า “Executive" จะมาพร้อมกับสิทธิพิเศษในการใช้ Executive Club ชั้น 25
ซึ่งจะขอกล่าวถึงภายหลังค่ะ

.

* EXECUTIVE CLUB OCEAN VIEW *
Executive Tower
ห้องพักแบบที่ 3 ที่ได้เข้าชม มีลักษณะคล้ายกับห้อง Deluxe Room
แต่ได้สิทธิพิเศษสำหรับการใช้ Executive Club ในส่วนของห้องน้ำประเภทนี้ จะไม่มีอ่างอาบน้ำ

.
ความพิเศษของห้องพักที่นี่ ทุกห้องจะมีระเบียงและสามารถชมวิวหาดพัทยาได้

ยิ่งถ้าเป็นตึกด้านหน้า (Bay Tower) แล้ว วิวดี และสามารถชมพระอาทิตย์ตกที่หน้าหาดได้ชัดกว่าด้วย

ชมห้องอื่นไปคร่าวๆแล้ว ... มาชมห้องพักของครอบครัวหมีครั้งนี้กันค่ะ
ทริปนี้เอาใจเด็กน้อย ห้องพักของเราจึงเป็นแบบ
“FAMILY SUITE" อาคาร Bay Tower ค่ะ

* FAMILY SUITE *
Bay Tower
จริงๆแล้วห้องพักหลัก Master Bedroom ของห้องพักแบบนี้ คือ “King Pattaya Bay View" ซึ่งเป็นห้องหัวมุม
เด่นด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ เผยให้เห็นวิวของหาดพัทยาใต้แบบ panorama
ผ้าม่านโปร่งที่ทำให้ห้องพักดูโรแมนติกมากขึ้น ยามแสงแดดสาดส่อง


ในส่วนห้องน้ำกว้างขวาง แยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งอย่างดี
shower room มีทั้งฝักบัวแบบทั่วไปและ rain shower

แต่ห้องน้ำไม่มีสายชำระนะคะ (ในส่วนของอาคารใหม่ จะมีสายชำระค่ะ)


อ่างอาบน้ำ แนบชิดกระจกบานใหญ่

ที่มองเห็นวิวพัทยาเหนือ และเป็นมุมพระอาทิตย์ตกดิน


ในห้องนอนมีมุมโต๊ะทำงานเล็กๆ
พร้อมอุปกรณ์กาต้มน้ำร้อน ชา-กาแฟ


สำหรับ minibar ในตู้เย็น ที่นี่จะไม่มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ

แต่อำนวยความสะดวกให้ที่ Flow Café บริเวณล๊อบบี้ ให้จับจ่ายซื้อหาได้ตามชอบและตามต้องการ

ในตู้เสื้อผ้า มีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เตารีดไอน้ำและที่รองรีด
เสื้อคลุมอาบน้ำ, ตู้เซฟ, ไดร์เป่าผม, laundry bag, ไฟฉายฉุกเฉิน ฯลฯ

เตียงนอนมีหมอน 2 แบบ คือ firm และ soft ตามแบบฉบับของ holiday inn สามารถเลือกใช้ได้ตามชอบ
เคยพักที่สาขาอื่น ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องหมอนถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเครือ Holiday Inn เลยค่ะ



ระเบียงเล็กๆ แต่วิวอลังการ

เพราะเป็นห้องหัวมุม จึงทำให้เห็นวิวหาดพัทยาเหนือจรดพัทยาใต้ แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น


กลางวันฟ้าใส อากาศดี สามารถมองเห็นเกาะล้านอยู่ฝั่งตรงข้าม

ยืนดูเรือแล่นไปมา มองดูคนเล่นร่มบิน เพลินดีเหมือนกันค่ะ


ห้องที่อยู่ติดกันเป็นห้องนอนสำหรับเด็ก
เมื่อเปิดห้องข้างๆ เป็นแบบ 2 ห้องนอนแล้วจากห้อง King Pattaya Bay View ก็จะกลายเป็น"ห้อง Family Suite"

เด็กน้อยเห็นพี่วาฬตัวโตในห้อง ยิ้มแก้มปริเลยสิคะ
^^


เตียงนอนน่ารักทำเป็นรูปวาฬ พื้นปูพรมนิ่ม

หมอนอิงรูปปลาบนเตียง ผ้าเช็ดตัวที่ทำเป็นรูปช้างและนกยูง

ผนังมีโคมไฟกลมๆสีแดง ซึ่งถึงตอนนี้บ้านนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ค่ะ
พ่อหมีบอกว่า เป็นเปลือกหอยแม่หมีบอกว่า คือแมงกระพรุน
ลูกหมีบอกว่า ไม่ใช่แมงกระพรุนเพราะไม่มีเส้นๆ กลมๆมีรูแบบนี้ต้องเป็น"ห่วงยาง"
^^"

นานาจิตตัง คิดซะว่าเสริมสร้างจินตนาการละกันนะคะ


ส่วนตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ จะคล้ายๆกับห้องนอนใหญ่

แต่วิวห้องน้ำฝั่งห้องนอนเด็ก จะเป็นวิวพัทยาใต้
นับเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง พักห้องนี้สามารถเห็นวิวได้ทั้ง 2 มุม


แต่แอบสังเกตเห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อย

อย่างในส่วนห้องของเด็ก จะไม่มีกาต้มน้ำร้อนค่ะ
แก้วน้ำที่ใช้ ก็เป็นแบบพลาสติก (ในขณะที่ห้องนอนหลักเป็นแบบแก้ว)
ปลั๊กไฟมีฝาพลาสติกครอบปิดทุกจุด

++ ใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้แต่แก้วน้ำยังแตกต่าง ++

++ ซ้าย : ปลั๊กไฟในห้องนอนหลัก // ขวา : ปลั๊กไฟในห้องนอนเด็ก ++



อย่างตัวปลั๊กไฟก็ดี

ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าไม่ได้เป็นแบบที่บ้านเราใช้ทั่วไป ซึ่งมีแค่ 2 ขาค่ะ
ลักษณะปลั๊กแบบนี้ เป็น universal ซึ่งรองรับการใช้งานแบบสากล
ไม่ว่าจะ 2 หรือ 3 ขา ขากลมหรือขาเหลี่ยม สามารถใช้ได้หมด


นับเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่เราประทับใจ Holiday Inn สำหรับความใส่ใจในจุดเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่มองข้ามผ่าน
(ประสบการณ์ส่วนตัว บางครั้งเดินทางต่างประเทศ แต่ลืมเอา universal adaptor ไป ต้องไปติดต่อขอยืมที่ Reception ค่ะ เคยเจอเคส ของหมด ไม่มีให้ยืมด้วย)


กลับมาที่ห้อง Family Suite กันต่อค่ะ
ห้องพักประเภทนี้ มีเครื่องเล่น PS4 ให้บริการในห้องด้วยค่ะ
สามารถยืมแผ่นได้จาก font office


และบริการพิเศษเพิ่มเติม ลูกหมีได้ประเดิมเป็นคนแรกเลย
คือของขวัญพิเศษ ที่ทาง Holiday Inn Pattayaจะมอบให้กับเด็กทุกๆคนที่เข้าพักในห้อง Family Suite นี้


“ตุ๊กตาโลมา"ตาแป๋ว ที่นอนรออยู่เตียง เพื่อคอยต้อนรับทักทายแขกตัวน้อยทุกๆคน
และพร้อมจะเป็นเพื่อนใหม่ ให้เด็กๆได้นำกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก


แอบสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็น"โลมา"

ก็ได้คำตอบมาว่า เพราะโลมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองพัทยาค่ะ
อ๋อๆๆๆ นึกว่าเพราะที่พักอยู่ใกล้วงเวียนโลมา (ล้อเล่นนะคะ ^^)



เด็กหมีได้เพื่อนใหม่ ก็เห่อตามประสาค่ะ เอาไปนอนกอด นอนฟัด

นี่ถ้าลากลงน้ำได้ด้วย คงเอาไปเล่นในน้ำด้วยแล้ว


จบเรื่องของส่วนห้องพักไปแล้ว
ขอพาไปแนะนำและพาชมส่วนกลางต่างๆกันบ้างนะคะ
โดยจะแยกเป็นส่วนของ Bay Tower (อาคารด้านหน้าติดถนน) ก่อน

* BAY TOWER *
ตกแต่งด้วยสี earth tone ให้ความนุ่มนวล อ่อนโยน
หลากหลายด้วย facilities ต่างๆ และสระว่ายน้ำที่มีถึง 3 สระ

ถึงแม้อาคารนี้ จะเป็นอาคารเก่าและเปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 7 ปี
แต่ขอชมว่าดูแลได้ดีค่ะ ดูไม่เก่าเลย มีการซ่อมบำรุงอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นส่วนกลางหรือภายในห้องพัก

ในส่วนอาคารนี้ เน้นให้บริการสำหรับครอบครัว
ด้วยส่วนกลางและห้องพักที่ตอบโจทย์การเข้าพักแบบครอบครัวได้มากกว่า
และจุดเด่นอีกอย่างของอาคารนี้ คือ วิวทะเล ที่มองเห็นได้ชัดเจนกว่าตึกทางด้านหลัง

.

>> Flow Café - Lobby Level <<
เปิด : 0600 – 2300 น.
โปรโมชั่นลด 50% : 2000 – 2300 น.


เนื่องจากไม่มีบริการ mini bar ภายในห้องพัก
เลยอำนวยความสะดวกให้บริเวณล๊อบบี้ ก่อนขึ้นห้องพักค่ะ

ที่นี่บริการจำหน่ายของว่างต่างๆ (เช่น แซนด์วิช, ขนมปัง, สลัด) เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ฯลฯ
พร้อมบริการคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทให้ใช้บริการฟรีใกล้ๆกัน


นอกจากนี้ยังมีช่วงลดราคา 50% นับว่าคุ้มค่ามากค่ะ

จัดไป อย่าให้พลาดโปรโมชั่นดีๆ ... บราวนี่ชื้นนี้จ่ายไปแค่ 51.-บาท

.

>> Terrazzo Ristorante & Bar – Ground Floor ติดถนน <<
จันทร์ – พฤหัส : 1400 – 2300 น.
ศุกร์ – เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 1200 – 2400 น.
วันอาทิตย์ : 1200 - 2300 น.

ห้องอาหารอิตาเลี่ยนแบบ open air อยู่ติดกับถนนเลียบหาดทางด้านหน้าของตัวอาคาร
เด่นด้วยครัวเปิด ที่สามารถมองดูเชฟปรุงแต่งอาหารต่างๆได้


บริการอาหารกลางวันและอาหารเย็น

พร้อมช่วงเวลาโปรโมชั่น Pizza Happy Time ตั้งแต่ 1500 – 1700 น.

มื้อเย็นวันแรก เราทานอาหารกันที่นี่ค่ะ
และแน่นอนว่าต้องไม่พลาด"พิซซ่า" เมนูเด่นของที่นี่
ซึ่งรูปร่างหน้าตา ดูจะแตกต่างจากที่เคยทานมาเพราะมาเป็นรูปวงรี


หน้าพิซซ่าที่เลือกมาเป็นเมนูแนะนำ

และเป็นครั้งแรก ที่ได้ลองชิมพิซซ่าที่มี"มะม่วงและเนื้อเป็ด"เป็นส่วนผสม
เมนูนี้(ครึ่งหนึ่ง)มีชื่อว่า “Ugly Duckling"
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง เป็นเบคอนและแฮม ... เอาใจคุณลูกหมี


จานที่ 2 ... มาแบบใหญ่โตอลังการ
ชื่อว่า “Havana Platter Uno"
ประกอบด้วยหมูสะเต๊ะ, เนื้อแดดเดียว, ทอดมันกุ้ง, ลาบหมูทอด และปอเปี๊ยะ
v


จานที่ 3 ... “ปีกไก่ทอด"

v


จานที่ 4 ... “Calamari"

v


และขอคลายร้อนสักนิด

กับเครื่องดื่มสีหวานๆ อย่าง “Pink Moon"


++ สระว่ายน้ำติดกับ Terrazzo ++

.

>> Havana Bar – Ground Floor <<
จันทร์ – พฤหัส : 1400 – 0000 น.
ศุกร์ – เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ : 1200 – 0100 น.
วันอาทิตย์ : 1200 - 0000 น.


มื้อเย็นวันที่ 2 กับห้องที่ตกแต่งสไตล์คิวบา

บริการอาหารเบาๆ และเมนูบางส่วนเป็นเมนูเดียวกันกับ Terrazzo ค่ะ


ขึ้นชื่อว่าบาร์ คงต้องไม่พลาดเครื่องดื่มดีๆสักแก้วและเราก็ได้แก้วนี้มาค่ะ
“Healthy & Beauty" เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ mix berry ผสมกับโยเกิร์ตไขมันต่ำ


สำหรับอาหารจานแรก ทานเล่น

“Avocado Tomato & Cream Cheese Brushetta"
ปกติเป็นคนไม่ชอบทานมะเขือเทศ (ยกเว้นซอสมะเขือเทศทานได้ปกติค่ะ)
แต่จานนี้ต้องยอม อร่อยค่ะ
v


“Pork & Chorizo Picks"

Chorizo เป็นไส้กรอกประเภทหนึ่ง
นิยมทานเป็น Tapas หรืออาหารเรียกน้ำย่อย
v


“Santiago Street BBQ Pork Ribs"

เนื้อซี่โครงหมูหมักจนนุ่มได้ที่ แล่ได้ง่ายและหมักเข้าเนื้อ
พ่อหมีชอบเมนูนี้มากค่ะ
v

.


>> Meeting Center & Business Center – 2nd Floor <<
ส่วนของห้องประชุม
ที่เป็นลักษณะเหมือนห้อง ballroom ทั่วไป


>> Café G – 4th Floor <<
บริการอาหารเช้าและอาหารกลางวัน
บุฟเฟ่ต์มื้อเช้า ให้บริการตั้งแต่ 0530 – 1030 น.
A la carte : 1030 – 1800 น.


ตอนแรกแอบตกใจ ว่าให้บริการค่อนข้างเช้ามาก

แต่ตกใจยิ่งกว่า เพราะลงมาตอนตี 5.30 เพื่อจะมาเก็บภาพตอนห้องอาหารเพิ่งเปิด แต่คนเพียบ !


ได้พูดคุยกับพนักงาน แขกบางส่วนต้องเดินทางไปทำงานต่อ ตามนิคมอุตสาหกรรมรอบๆ
ก็เลยมาทานกันแต่เช้า


สำหรับอาหารเช้าทั้ง 2 วันที่เข้าพัก

ครอบครัวหมีทานอาหารเช้ากันที่นี่ค่ะ เพราะพักที่ตึกนี้
ชอบตรงที่เขาเตรียมกระดาษกับสีเทียนไว้ให้แขกตัวน้อย
เจ้าตัวซนของเราเลยพอจะมีสมาธิ นั่งอยู่กับที่ได้นานขึ้นอีกหน่อย สนุกเขาเลยค่ะ


แต่บางบ้านก็เลือกที่จะออกไปนั่งทานบริเวณริมสระว่ายน้ำ ซึ่งติดกับห้องอาหาร

เขาจัดโต๊ะเตรียมไว้ให้บริเวณด้านนอกเช่นกัน
เด็กบางคนเล่นน้ำกันแต่เช้า โดยมีผู้ปกครองนั่งทานอาหาร คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ


มุมอาหารมีแยกเป็น vegetarian corner และ Asian corner

รวมถึงมุมสลัดบาร์ ... นอกจากนี้ ยังมี egg station และซุ้มก๋วยเตี๋ยว

ความหลากหลายของอาหาร ถือว่าตอบโจทย์ให้กับหลายๆชนชาติ
อย่างเอเชีย (ไทย - ก๋วยเตี๋ยว, จีน - แนวติ่มซำ มีซาละเปา ฮะเก๋า ขนมจีบ, เกาหลี - กิมจิ)
หรือฝรั่ง (ชีสและขนมปังมีหลากหลายแบบมาก)


น้ำผลไม้ มีบริการค่อนข้างหลากหลาย

และ 2 วันที่เข้าพัก ก็มีการสลับเปลี่ยนบางเมนูไม่ให้ซ้ำซากจำเจ
ส่วนตัวชอบมุมขนมปังค่ะ ที่นี่มีให้หลากหลายแบบมาก

.

>> Kid's Club – 4th Floor <<
อาทิตย์ – พฤหัส : 0900 – 1800 น.

ศุกร์ - เสาร์ : 0800 – 2000 น.


ในส่วนของตึกนี้ จะใหญ่กว่า Executive Tower
และให้บริการสำหรับเด็กเล็กเป็นหลัก ที่อายุประมาณ 4 - 6 ขวบ
มีบ่อบอล โต๊ะกิจกรรม มีตารางกิจกรรมในแต่ละวัน
เช่น ปูนปั้น, ระบายสี, แต่งหน้าคัพเค้ก ฯลฯ


ในกรณีเป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ และไม่มีผู้ปกครองดูแลตลอดเวลา

จะมีบริการรับฝากเด็ก แต่มีค่าบริการเพิ่มเติมค่ะ


เท่าที่ได้สัมผัส พนักงานที่ Kid's Club น่ารักค่ะ
จำชื่อลูกหมีได้ด้วย กลับมาทีไร ทั้งเรียก ทั้งทักทาย
ระบบความปลอดภัยสูง เพราะต้องกดสวิตซ์จากด้านในเพื่อเปิดประตู


สำหรับวันที่ 2 ของการเข้าพัก
ลูกหมีได้เข้าร่วมกิจกรรม"แต่งหน้าคัพเค้ก"กับเพื่อนๆค่ะ
เด็กๆสนุกกันใหญ่ และได้ลองชิมผลงานฝีมือตัวเอง

.

>> Kid's Pool – 4th Floor <<
สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ซึ่งแยกออกเป็นส่วนในร่มและกลางแจ้งค่ะ
ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายการ์ตูนรูปปลาสีสันสดใส ส่วนในร่มจะค่อนข้างตื้นมาก


มีมุมสไลเดอร์เล็กๆ ให้เด็กๆได้สนุกสนานกันตามประสาค่ะ

มีน้ำพุพ่นน้ำให้ได้สนุกกันอีกหน่อย
แล้วก็แอบเห็นความใส่ใจในรายละเอียดอีกแล้วฝักบัวล้างตัวข้างสระว่ายน้ำที่นี่ จะเป็นแบบเตี้ยๆ เพื่อเด็กน้อย


นอกจากนี้ สระว่ายน้ำทุกสระ จะเป็นสระน้ำเกลือค่ะ
เพราะดีกับสุขภาพผิว และเด็กเล็กๆบางคน อาจจะแพ้คลอรีนได้

.

>> Main Pool – 4th Floor <<

เปิด : 0800 – 2000 น.


สระว่ายน้ำหลักของอาคาร Bay Tower อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก
แต่เป็นมุมที่สามารถแช่น้ำ ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดอีกมุมหนึ่ง
พร้อมบริการเครื่องดื่มเย็นๆคลายร้อน จาก Splash Bar

.

>> Tea Tree Spa – 5th Floor <<
สปาที่เน้นใช้ผลิตภัณฑ์ออแกนิค
ส่วนตัวแล้ว ไม่มีโอกาสได้ลองใช้บริการในส่วนนี้ค่ะ
แต่ได้ไปชมสถานที่และลองสอบถามข้อมูลต่างๆมาบ้าง


ซึ่งตัว signature ของสปาแห่งนี้ จะมีอยู่ 2 รายการด้วยกัน
อย่างแรกคือ “Himalayan Hot Stone Massage" ซึ่งเป็นหินแม่น้ำแกะสลักจากทิเบต
มีคุณสมบัติที่เย็นกว่า ให้ความร้อนไม่เท่าหินภูเขาไฟ
หินแกะสลัก ตามความเชื่อว่าจะให้พลังและดูดสิ่งไม่ดีออกไป


อย่างที่สอง “Sparkling Wine Foot Massage"
ซึ่งจะให้บริการกันที่ Pavilion เป็นพื้นที่แบบ open air ค่ะ
นวดเท้าไป ... จิบ sparkling wine ไป ... รับลมชมวิวทะเลไป
ที่สาธยายมา ไม่ได้ทำเองหรอกค่ะ ฟังเขาเล่ามา T^T


นวดไปดื่มไป เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
แต่ถ้าหากไม่ดื่ม ก็สามารถหิ้วกลับห้องได้ค่ะ

.

>> Fitness & Sauna – 5th Floor <<
ส่วน fitness ของอาคารนี้ จะใหญ่กว่า Executive Tower ค่ะ

และมีห้อง sauna ให้บริการ


สำหรับ fitness จะเปิด 24 ชม. และไม่มี trainer คอยดูแลหรือให้บริการค่ะ
รวมถึงไม่รับคนนอก ให้บริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ไม่อึกทีกดีค่ะ


จบสำหรับ facilities ต่างๆ ของ Bay Tower

เดินกันต่อไปที่อาคาร Executive Tower หรืออาคารใหม่
เพื่อชมความแตกต่างกันบ้างค่ะ


* EXECUTIVE TOWER *
ดีไซน์ทันสมัย และตกแต่งด้วยสีสันสดใส ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกใต้ทะเล
ในส่วนของอาคารนี้ เน้นให้บริการสำหรับสมาชิกและนักธุรกิจ
ลิฟต์ของอาคารนี้ จำเป็นต้องใช้ key card เพื่อไปยังชั้นที่ต้องการ
(ยกเว้นชั้นที่เป็นบริการสำหรับส่วนกลาง เช่น ห้องอาหาร สระว่ายน้ำ)

.
>> Flow Express - Lobby Level <<
เปิด : 0600 – 2000 น.


โดยรูปแบบจะคล้ายคลึงกับ Flow Café ของ Bay Tower
แต่มีขนาดเล็กกว่า เน้นให้บริการแบบ grab & go

.

>> Meeting Room – 4th Floor <<

ส่วนการจัดประชุมที่จัดสรรพื้นที่ได้ดี ตอบโจทย์ได้หลากหลาย และเด่นด้วย theme การตกแต่ง
ด้วยเพราะพัทยา ล้อมรอบด้วยนิคมอุตสาหกรรม อย่างแหลมฉบังและระยอง
ทำให้ดึงจุดเด่นของสิ่งที่อยู่รอบๆ มาตกแต่งสถานที่แห่งนี้ เป็น theme ของโรงงานอุตสาหกรรม


มีการใส่ใจและเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี

อาทิเช่น ผนังที่เป็นรอยหยักของตู้คอนเทนเนอร์, พรมลายยางรถยนต์,
กล่องอุปกรณ์ที่เป็นกล่องเครื่องมือช่าง, ฟันเฟืองประดับผนัง ฯลฯ


ทุกจุดล้วนมีเรื่องราวและที่มา
นอกจากนี้ยังจัดสรรพื้นที่ต่างๆ เพื่อประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว
ไม่ว่าจะเป็น workshop, auditorium มีพื้นที่รองรับการจัด coffee break และจัดเตรียมอาหาร


ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบงานดีไซน์และมีเรื่องราวค่ะ
บอกเลยว่าเป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปได้สนุกมีมุมสวยๆให้เก็บภาพ


>> East Coast Kitchen – 6th Floor <<
เปิด : 05300 – 2200 น.


บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ สำหรับแขกที่พัก Executive Tower

แต่ได้มีโอกาสมาทานอาหารกลางวันที่นี่ค่ะ
ซึ่งจุดเด่นของห้องอาหารนี้ (และ Café G อาคาร Bay Tower) คือ แคมเปญ “Kids Stay & Eat Free"


- Kids Stay & Eat Free -
ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สาขานี้ค่ะ แต่ให้สิทธินี้กับแขกตัวน้อย ของ Holiday Inn ทุกแห่งทั่วโลก


รายละเอียดคือ เมื่อผู้ปกครองสั่งอาหาร a la carte 1 เมนู

เด็กอายุ 12 ปีและต่ำกว่า ที่เข้าพักและมาทานอาหารพร้อมผู้ปกครอง จะได้รับอาหารฟรี 1 ชุด !!
ซึ่งทาง Holiday Inn ให้สิทธิสำหรับเด็กถึง 2 คนต่อ 1 ครอบครัว


สำหรับเมนูเด็กประกอบไปด้วยอาหารจานหลัก 1 อย่าง + เครื่องดื่ม 1 แก้ว + ขนม 1 อย่าง โดยเลือกรายการได้จาก Kid's Menu แถมเมนูเด็กก็ไม่ธรรมดาซะด้วยสิ เพราะเขาได้ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมาดูแลให้เป็นพิเศษลองดูจากภาพนี้ ก็เหมือนเบอร์เกอร์ทั่วไปใช่มั๊ยคะ?
v


แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ“ไส้"ค่ะเพราะมีส่วนผสมของผักที่บดโดยละเอียด

และมีการแต่งรสจนกลมกล่อม เพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกว่ากำลังทานผักอยู่ (แอบหลอกเด็กนั่นเอง ^^") และเขาได้คำนวณมาแล้วว่าเด็กควรได้รับสารอาหารจากผักและเนื้อสัตว์ในสัดส่วนเท่าไหร่


ของหวานเป็นไอศกรีมสัปปะรด
มาเป็นลูกเลยทีเดียว


มาดูเมนูของผู้ใหญ่กันบ้าง ขอแบบพิเศษเช่นกัน

เพราะเป็นเมนูทึ่คิดค้นสูตรโดย"เชฟเอียน" เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย
ได้แก่ หมูย่างตะไคร้, ไก่ทอดหาดใหญ่, ต้มยำกุ้งลายเสือ


สำหรับเมนูอื่นๆทีได้ลองชิม มียำต้นไม้ใบหญ้าและไก่สะเต๊ะ

อิ่มหนำสำราญได้ทุกมื้อจริงๆ


++ กลางคืนก็บรรยากาศดี ได้อีกอารมณ์ ++

.

>> Kid's Club – 6th Floor <<

จันทร์ - ศุกร์ : 1000 – 1800 น.
เสาร์ - อาทิตย์ : 0900 - 1800 น.


ทานอาหารเสร็จ ลูกหมีก็พุ่งตัวไป Kid's Club ที่อยู่ใกล้ๆกันต่อทันที
ที่นี่จะเน้นสำหรับเด็กโต อายุ 6 - 12 ปี มีโต๊ะเกมส์ (หยอดเหรียญ) และปิงปอง


ลูกหมีอายุ 5 ขวบค่ะ แต่ขอให้มีของเล่นเถอะ
เล่นได้ทุกอย่างจริงๆ และไม่ยอมเลิกง่ายๆด้วย


>> สระว่ายน้ำ – 6th Floor <<
เปิด : 0800 – 2000 น.

ระหว่างรอลูกหมีเล่น Kid's Club ก็มาเดินเล่นเก็บภาพรอบๆสระว่ายน้ำค่ะ
เป็นสระว่ายน้ำสระเดียวของตึกนี้


สระค่อนข้างใหญ่กว่า ถ้าเทียบกับ Bay Towerแต่แอบเสียดายว่า จากสระนี้ชมพระอาทิตย์ตกดินได้ไม่ชัดเท่าไหร่

เพราะมีตึกด้านหน้าบังไปนิด แต่ยังสามารถเห็นวิวทะเลได้สวยค่ะ


ที่อาคารนี้ จะไม่มีสระว่ายน้ำเด็ก มีเพียงบ่อน้ำพุเล็กๆ

ค่อนข้างตื้นไม่สามารถลงไปว่ายเล่นได้ แต่ก็มีเด็กๆลงไปวิ่งเล่นกับน้ำพุบ้าง

.

>> Fitness Center – 7th Floor <<
เปิด : 24 ชม.


บริการห้องออกกำลังกาย ซึ่งมีระเบียงออกไปรับลมชมวิวด้านนอกได้ด้วย
แต่แวะมาตอนมืด ก็เลยไม่เห็นวิวอะไรทั้งนั้น

.

>> Executive Club – 25th Floor <<

เปิด : 0600 – 2300 น.


และแล้วก็มาถึงชั้นสูงสุด ... ไฮไลท์ของ Executive Tower ค่ะ
กับบริการ Executive Club สำหรับแขกที่พักห้องพักแบบ Executive
บริการอาหารว่าง (คานาเป้, แซนด์วิช) และขนม เครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงบริการเช็คอินและเช็คเอาท์แบบส่วนตัว


ซึ่งเราก็ไม่มีโอกาสได้ใช้บริการ club แห่งนี้ค่ะ
ได้แค่เพียงขอเข้าไปถ่ายภาพนิดหน่อย ... กระซิกๆๆ T.T
(หากไม่ใช่ แขกที่พักห้องระดับ Executive ก็สามารถใช้บริการได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)


อีกส่วนหนึ่งของคลับแห่งนี้ คือบริเวณดาดฟ้าแบบ open airที่เรียกว่า Executive Club Terrace

ซึ่งแขกทั่วไปที่ไม่ได้พักห้อง Executive จะเข้าไปใช้บริการได้เฉพาะช่วงเวลา 1700 – 2300 น.เท่านั้น
จะมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม เป็นเหมือนอีก outlet หนึ่งของทางโรงแรม
แต่หากจะขึ้นมา ต้องติดต่อที่ Reception ก่อน เนื่องจากต้องใช้ key card ในการมายังชั้นนี้


จุดดาดฟ้าที่นี่ ช่วงพระอาทิตย์ตกดินบรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ

แต่แวะไปแค่แป๊ปเดียวเพราะมีนัดทานมื้อเย็นต่อ เลยมีภาพมาน้อยนิด

.

บทส่งท้าย ... ส่วนตัวแล้ว เราประทับใจและรู้สึกว่า Holiday Inn ให้ความสำคัญ

และใส่ใจกับ'แขกตัวน้อย' เป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็น
* ห้องพักที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก
* ของขวัญน่ารัก ที่ทำให้เขาได้ระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความสนุก
* Kids Stay & Eat Free ที่เป็นสิทธิพิเศษ และเมนูมีความพิเศษมากกว่าแค่อาหารทั่วไป


3 วัน 2 คืนที่ได้ใช้เวลาพักผ่อนในสถานที่แห่งนี้อย่างเต็มที่ ไม่ได้ออกไปไหนเลย
ลูกหมีเล่นเพลินได้ทั้งวันค่ะ ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำที่มีหลายสระ
Kid's Club ที่มีถึง 2 แห่ง พร้อมกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย
(นี่ขนาดว่ายังเล่นเกมส์ PS4 ในห้องพักไม่เป็นนะ ถ้าเล่นเป็นคงมีกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นอีก)


สุดท้ายนี้ ขอบคุณ Holiday Inn Pattaya และเพจพักสบาย สำหรับโอกาสดีๆครั้งนี้
และขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยี่ยมชมและทักทายกันค่ะ
^^


Nina's Journey
http://www.facebook.com/ninajourney



Nina's Journey

 วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.09 น.

ความคิดเห็น