หากเอ่ยถึงการท่องเที่ยวแบบผจญภัย หรือแนว adventure แล้ว
เพื่อนๆนึกถึงกิจกรรมแบบไหนและสถานที่ไหนกันบ้างคะ?
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเป็นมือใหม่สำหรับการท่องเที่ยวแนวนี้
แต่ครั้งนี้ได้รับโอกาสดีๆ ที่มาพร้อมกับความสนุกสนานมากมายและมิตรภาพใหม่
จากเพจ"แฟนพาเที่ยว / My Life My Travel"
https://www.facebook.com/MyLifeMyTravels
เมื่อทางเพจเปิดรับสมัครผู้ร่วมทริป โดยให้เขียนเหตุผลที่อยากเข้าร่วมทริปนี้
ซึ่งเราเป็น 1 ใน 5 ผู้โชคดีที่ผ่านการคัดเลือกได้ร่วมทริปนี้ค่ะ
และมารู้ภายหลังว่า การเดินทางครั้งนี้ได้รับการสนับสนุน
จาก"ททท.สำนักงานนครนายก"
(** ททท.สำนักงานนี้ ดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดรวมถึงจ.ปราจีนบุรีและจ.สระแก้วด้วยค่ะ)
ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวจ.นครนายกนานมาก เคยไปตั้งแต่เด็ก
ทั้งๆที่ไม่ได้ไกลกรุงเทพฯเท่าไหร่เลย
มีความอยากกลับไปเที่ยวอยู่เป็นทุน คิดถึงน้ำตกที่นั่นที่ครอบครัวเคยพาไป
แต่ทริปนี้ เขาไม่ได้พาไปเที่ยวน้ำตกนะคะ
หากแต่ได้ทำความรู้จักกับนครนายกในมุมมองใหม่ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน
นับว่าต้องขอบคุณททท.สำนักงานนครนายกเป็นอย่างยิ่ง
ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับเรา
ขอยืมพื้นที่ตรงนี้ มาบอกเล่าและแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนี้ให้อ่านกันค่ะ
ทริป 2 วัน 1 คืน ... ณ จังหวัดนครนายกและปราจีนบุรี
ที่ไม่ได้มีดี แค่กิจกรรมแนว adventure
แต่ยังรวมถึงนวดแผนไทย สปาและออนเซ็น ให้ได้ผ่อนคลาย
หลังจากไปตะลุยกิจกรรม adventure หลากหลายกันมา
จึงกลายเป็นที่มาของชื่อรีวิวทริปนี้
** จิบกาแฟ แช่ออนเซ็น เที่ยวเล่นแนว adventure **
หมายเหตุ : ภาพที่ถ่ายเอง จะใส่ลายน้ำของตัวเองไว้บนภาพ
หากเป็นภาพอื่นๆที่ไม่ได้ถ่ายเอง จะใส่เครดิตให้เจ้าของภาพแทนค่ะ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
:+: นครนายก :+:
เริ่มต้นการเดินทางจากถนนวิภาวดีรังสิต ไปทางรังสิต-นครนายก
ประมาณชม.กว่า เราก็มาถึงจุดพักรถจุดแรกค่ะ ให้ได้ผ่อนคลายอริยาบถกันตามอัธยาศัย
** หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15 **
ตลอดแนวคลอง 15 และบริเวณใกล้เคียงนี้ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์พืช ทั้งไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
** ร้านกาแฟกับต้นไม้ **
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์
ร้านกาแฟเล็กๆริมคลอง ในบรรยากาศบ้านไม้เก่าที่แสนร่มรื่นย์
เพราะอยู่ท่ามกลางบริเวณขายต้นไม้และดอกไม้
ร้านไม่ใหญ่แต่ดูอบอุ่น มีผู้คนแวะเวียนเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา
เครื่องเรือนเก่าๆ ที่แอบทำให้คิดถึงวันเวลาในช่วงวัยเด็ก
แต่หากมีเวลา ลองอ่านข้อความที่หลายๆคนเขียนด้วยลายมือทิ้งไว้
แอบทำให้อมยิ้มได้ซะด้วยสิ
ไม่ใช่คอกาแฟ เลยไม่สามารถบอกได้ว่ารสชาติของกาแฟที่นี่เป็นอย่างไร
แต่บรรยากาศร่มรื่นย์ ง่ายๆสบายๆ นั่งเล่นชมแมกไม้และสายน้ำ
ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่อยากให้แวะมาเยี่ยมชม
นั่งรถมายังไม่ทันได้หลับ ก็ถึงอีกจุดหมายของทริปนี้
** โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือ จปร.**
ต.พรหมณี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 14 กม.
สารภาพว่า เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกค่ะ
ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าที่นี่มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกหลายอย่าง
ที่ไปครั้งนี้ก็เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น จริงๆแล้วยังมีอีกเยอะเลยค่ะ
มาถึงที่นี่ เจ้าหน้าที่ของททท.สำนักงานนครนายกมารออยู่แล้ว
พร้อมคอยประสานงานและพาเที่ยวทริปนี้ 2 วัน 1 คืน
เริ่มต้นด้วยการไหว้สักการะ ** ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน **
(จุดธูป 5 ดอกนะคะ)
:: ข้อมูลจากป้ายด้านหน้าศาล ::
ท่านเป็นนายด่านเมืองนครนายกสมัยกรุงศรีอยุธยา วีรกรรมของท่านคือ การต่อต้านเขมรที่แปรพักตร์ เมื่อปี พ.ศ.2130 ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะที่ไทยติดพันศึกกับพม่า เขมรได้เข้ามารุกรานและกวาดต้อนผู้คนแถบปราจีนบุรีเพื่อนำกลับเขมร
โดยได้ยึดเมืองปราจีนบุรี และเมืองนครนายก ท่านขุนด่านจึงได้รวบรวมชาวบ้านผู้คนที่เมืองนครนายกไปตั้งหลักที่เขาชะโงก แล้วยกกำลังเข้าขับไล่เขมรให้ออกจากนครนายก แตกพ่ายไปในที่สุด
ศาลเจ้าพ่อขุนด่านจะต้องเดินขึ้นบันไดไปนิดนึง
แต่สำหรับผู้สูงอายุที่อาจจะเดินขึ้นบันไดไม่ไหว เขาอำนวยความสะดวกให้ โดยมีรูปจำลองให้ไหว้จากทางด้านล่าง
จากนั้น เข้าเยี่ยมชม ** พิพิธภัณฑ์ รร.จปร. ** ณ อาคารรร.จปร.100 ปี
(เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 0830 – 1600 น.)
นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของโรงเรียนนายร้อยแห่งนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกองทัพไทย
จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ทำสงครามในอดีต และเครื่องแบบนายทหาร
ได้รับความรู้กันไปพอสมควรแล้ว
ก็ถึงเวลาตะลุยกับกิจกรรม adventure แบบเบาๆ ของแก๊งค์สาวๆที่มารวมตัวกันเพื่อการนี้ล่ะค่ะ
^__^
** สนามยิงปีน รร.จปร.**
https://www.facebook.com/SnamyingpunRrcpr
ประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้ลองจับปืน ... สนุกกว่าที่คิดไว้
ที่นี่มีปืนให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ ทั้งปืนสั้นและปืนยาว
มีครูผู้ฝึกสอนดูและและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดสำหรับมือใหม่
++ สนามยิงปืนยาว ++
++ มีปืนสั้นให้เลือก 3 แบบ ตามความต้องการ ++
หลังจากพูดคุยสอบถามรายละเอียดเรื่องปืนต่างๆกันพักนึง
เพราะสามารถเลือกได้ว่าต้องการยิงปื่นแบบไหน (มีแบบแม๊กกับโม่)
ทุกคนก็ตกลงปลงใจเลือกปืนสั้น .38 กันหมด ด้วยเหตุผลว่า “ง่ายที่สุด"สำหรับมือใหม่
ได้กระสุนมาคนละ 1 ถุง (10 นัด) พร้อมเป้ากระดาษ 1 แผ่น
ก็ตรงไปที่สนามยิงปืนด้านในกันเลยค่ะ
ครูผู้ฝึกสอนจะสอนวิธีจับปืน การใส่กระสุนและการเล็งเป้า
พร้อมกับสอนให้โพสท่าถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก ... เอ๊ย! ระลึก ก่อนทำการยิงจริงด้วย
ยิงแรกๆก็เข้าแนวกลางดีหรอก
แต่พอหลังๆ ถือปืนนานๆแล้วแรงตกหรืออย่างไรไม่รู้ เริ่มจะหลุดออกจากแนวกลาง
^^"
อ้อ ! สำหรับคนที่สามารถยิงทำคะแนนได้มากกว่า 94 คะแนนขึ้นไป
เขามีประกาศนียบัตรมอบให้ด้วยนะคะ
แต่สำหรับแก๊งค์นี้ มือใหม่หัดยิงปืนครั้งแรกกันทุกคน เลยไม่สามารถได้ประกาศนียบัตรมาเชยชม
มีเพียงเป้ากระดาษพร้อมคะแนนกำกับ เอาไปใส่กรอบแปะฝาบ้าน ไว้ขู่คุณผู้ชายที่บ้าน อิ อิ
(ทริปนื้มากับเพจ"แฟนพาเที่ยว" แต่เขาพาเรา"หนีแฟนเที่ยว"ค่ะ)
^o^
สนุกสนานกันตั้งแต่กิจกรรมแรกแล้ว ก็ย้ายฐานกันต่อไปยัง
** เขาชะโงก รร.จปร. **
เริ่มต้นด้วยการฝึก"ยิงธนู"กัน
กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่เล็งให้แม่น แต่สมาธิต้องดีและแรงแขนตอนง้างธนูต้องดีด้วยมิเช่นนั้นลูกธนูจะร่วงก่อนเข้าเป้า
ในบริเวณเดียวกันนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ
อย่าง พายเรือคายัก, จักรยานน้ำ, paint ball, BB gun, ขี่จักรยาน
รวมถึงกิจกรรมกึ่งๆงานวัด เช่น ปาเป้า, ปืนยาวจุกน้ำปลา ฯลฯ
แต่ด้วยเวลาจำกัด แก๊งค์สาวๆจึงเลือก"กิจกรรมโดดหอ (เลื่อนข้ามลำน้ำ)"เป็นการปิดท้าย
สำหรับราคากิจกรรมต่างๆตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ
ความเห็นส่วนตัว เราว่าราคาไม่แรงเลย ถ้ามีแบบแพ็คเกจรวมกิจกรรมหลายๆอย่างด้วยนะ จะยิ่งแจ่ม
บ่ายคล้อยแล้ว
พักทานอาหารกลางวันกันที่ ** Villa Aden Organic Resort ** ค่ะ
- ออแกนิครีสอร์ทแห่งแรกในเอเชีย -
https://www.facebook.com/villaaden
พิกัดเส้นทางสาริกา-นางรอง เป็นรีสอร์ทที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่นย์มาก
อาหารที่เตรียมไว้ให้ก็ดูละลานตา ยิ่งพอได้ทราบถึงรายละเอียดต่างๆแล้ว ต้องแอบทึ่งค่ะ
วัตถุดิบอาหารปลอดสารพิษ ปลาทะเลน้ำลึก ข้าว-ถั่ว-ผัก-ผลไม้อินทรีย์
เรียกว่าพิถีพิถันในการเลือกใช้วัตถุดิบมาก
อย่างขาหมูก็ดี ทางรีสอร์ทเลือกใช้ส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด
กุ้งตัวอวบอ้วน
ข้าวอินทรีย์ 3 สี (หอมมะลิ, หอมมะลิแดง, ไรซ์เบอร์รี่)
ส่วนตัวแล้ว ชอบไอเดียของเมนูด้านล่างขวามือนี้ค่ะ
"ไข่ตุ๋นต้มยำกุ้ง"โดยการใส่ไข่ตุ๋นไว้ที่ก้นถ้วย และราดด้วยซุปตัมยำกุ้งด้านบน
v
แถมมีไวน์มะม่วงและไวน์มะยงชิด ที่ทางรีสอร์ทหมักเองให้บริการ
แต่ไม่ผ่านการกรอง เลยทำให้ไวน์มีตะกอนปน รสชาติออกจะคล้ายๆ Apple Cyder Vinegar
สำหรับไวน์ตัวนี้ จะไม่ได้ผลิตเพื่อทำจำหน่ายทั่วไปค่ะ มีให้เฉพาะแขกที่มาเข้าพักเท่านั้น
รวมถึงห้องอาหารเอง ก็ไม่เปิดรับลูกค้าแบบ walk-in
หากต้องการมารับประทานอาหารที่นี่ จะต้องแจ้งและจองล่วงหน้าเท่านั้น
ก่อนจะอำลา Villa Aden มีโอกาสได้แวะเยี่ยมชมเรือนไทย
“พิพิธภัณฑ์บ้านไทยเอเดน" ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันค่ะ
เรือนไทยนี้ใช้ช่างจากบ้านแพ จ.ราชบุรี ก่อสร้างประมาณ 3 เดือน
เป็นไม้สักประมาณ 70% ที่เหลือเป็นไม้ประดู่และไม้แดง
บนเรือนไทยนี้ มีห้องที่ใช้เก็บของโบราณหาชมได้ยากในยุคปัจจุบัน
แต่ยังมีไม่มาก เพราะยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวม
รวมถึงมีงานเฟอร์นิเจอร์ฝีมือดี ของบางชิ้นมีที่มาและเรื่องเล่า
อาทิเช่น จักรเย็บผ้า เมอร์เซเดส เบ๊นซ์
++ ลายดอกไม้บนตู้ชิ้นนี้ ทำจากเปลือกหอย ขัดจนเนียนมาก ถ้าไม่บอกนี่ดูไม่ออกจริงๆ ++
แต่ที่สะดุดตา คือ “รูปปั้นกินรี"
อ่อนช้อย สวยงามมาก และมีเรื่องเล่าทางพิธีกรรมด้วยค่ะ
อิ่มอร่อยกันแล้ว ก็ต้องไปออกกำลังกันต่อค่ะ
ยังคงวนเวียนอยู่กับแนว Adventure อย่างการขับรถ ATV ที่ "R ATV นครนายก"ไม่ไกลจาก Villa Aden
(เปิดให้บริการ 0800 – 1700 น.)
ที่ผ่านมา เคยขับ ATV ตามทางที่เขาสร้างไว้
แต่ที่นี่เป็นเส้นทางธรรมชาติจริง ทั้งลุยโคลน ขึ้นเนินดิน ลุยน้ำตก
ต้องบอกว่าสนุกมากกกก
แต่เสียดายว่าเวลามีน้อย ต้องเดินทางไปปราจีนบุรีต่อ
เลยไม่สามารถขี่ได้ครบรอบตามระยะทางเต็ม
ด้วยความที่มือซ้ายจับเบรก มือขวาบังคับคันเร่งตลอด
และมีโคลนกระเด็นให้เลอะเทอะบ้าง เลยมีแต่ภาพจากกล้อง GoPro นิดหน่อยค่ะ
ขอนำภาพบางส่วน จากช่างภาพเพจแฟนพาเที่ยวมาลงเพิ่มเติม
สำหรับการขับรถ ATV ที่นี่ สนนราคา 600 บาทต่อ 1 รอบ
ระยะทาง 7 กม. โดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม.
นอกจากนี้ ใกล้กันยังมีกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือ ATV อย่างเช่น BB Gun, Paint Ball
หากมีเวลา เลือกสนุกได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ
เป็นอันว่าจบทริปสนุกสนานที่จ.นครนายก มุ่งหน้ากันต่อสู่จ.ปราจีนบุรีค่ะ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
:+: ปราจีนบุรี :+:
ทางทิศตะวันออกของจ.นครนายก ด้วยระยะทางประมาณ 60 กม.
** โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร **
ถนนปราจีนอนุสรณ์
http://www.abhaiherb.com
โรงพยาบาลแห่งนี้ ได้ยินชื่อเสียงมานานทางด้านของอาคารเก่าที่งดงาม
และผลิตภัณฑ์หลากหลาย จากสมุนไพรไทย
** ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร **
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 0830 – 1630 น.
สถาปัตยกรรมโดดเด่นเป็นสง่าของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
อาคารอนุรักษ์ดีเด่น โดยสมาคมสถาปนิกสยาม อายุมากกว่า 105 ปี
เป็นสถาปัตกรรมตึก 2 ชั้นแบบตะวันตก(บาร็อค) หลังคาทรงปั้นหยาสร้างขี้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2452
เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นโดยทรัพย์สินส่วนตัว
ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นเป็นโบราณสถาน
ยังคงอนุรักษ์ไว้ และปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร
น้ำสมุนไพรเย็นๆถูกเตรียมไว้ต้อนรับ
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินชมความสวยงามด้านใน ซึ่งมี
- ห้องจัดแสดงประวัติท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
- ห้องจัดแสดงพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยและตัวอย่างสมุนไพรแห้ง
- ร้านจำหน่ายและบริการรักษาด้วยสมุนไพร ร้านโพธิ์เงิน-อภัยภูเบศร โอสถ
ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมและทำให้ดูทันสมัยมากขึ้นเข้ากับยุคปัจจุบัน
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีกิจกรรมแบบไทยๆเพิ่มเติม
เช่น ร้อยพวงมาลัย ทั้งการสาธิต รวมถึงผู้ที่มาเยี่ยมชมสามารถมีส่วนร่วม
เนื่องจากมาถึงค่อนข้างเย็นมากแล้ว จึงมีเวลาเดินเล่นที่นี่ไม่มากนักค่ะ
และไม่ได้ชมสวนสมุนไพร ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของอาคารอนุรักษ์แห่งนี้
ไปเยี่ยมชมกันต่อที่"โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย" ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ข้างๆกัน
ที่นี่มีบริการ ...
1) นวดเพื่อการรักษา(ตรวจอาการโดยแพทย์)
กลุ่มโรคเพื่อการดูแลรักษาและฟื้นฟู เช่นโรคกระดูกและข้อ โรคสะเก็ดเงิน
รวมถึงการดูแลมารดาหลังคลอด (การอยู่ไฟ นาบหม้อเกลือ)
++ ห้องบริการเฉพาะมารดาหลังคลอด ++
และ 2) นวดเพื่อผ่อนคลาย
มีการแบ่งส่วนและแยกโซนต่างๆจากส่วนข้อ 1 โดยขัดเจน
สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ต้องการนวดเพื่อผ่อนคลาย
ที่นี่มีทั้งนวดตัว นวดเท้า นวดคอ-บ่า-ไหล่ สนนราคาเริ่มต้นชม.ละ 200 บาท
นอกจากนี้ยังมีบริการนวดหน้า โดยใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของทางรพ.เอง
เป็นที่น่าเสียดายว่า มาถึงตอนใกล้จะปิดบริการแล้ว ไม่งั้นจะขอจัดสัก 1 ชม.
++ บริการนวดหน้า ++
++ บริการนวดคอ-บ่า-ไหล่ แอบชอบเก้าอี้ ท่าทางจะนวดสบายเลย ++
สำหรับส่วนนี้ เปิดบริการทุกวัน 0830 – 1530 น.
เฉพาะวันอังคารและพฤหัสบดี เปิดถึง 1900 น.
ควรนัดหมายเวลาล่วงหน้า
จากนั้น แวะซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเป็นของฝากกลับบ้านกันค่ะ
ได้ของฝากกันถ้วนหน้าทุกคน ที่นี่มีของดีๆหลายอย่าง
** ศูนย์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอภัยภูเบศร **
พิกัด : ชั้นล่างของอาคารโรงพยาบาล ใกล้ๆกับตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
มีทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สบู่ แชมพู ครีมทาตัว สเปรย์ตะไคร้กันยุง ฯลฯ
ทุกอย่างล้วนเป็นสมุนไพรธรรมชาติค่ะ
ส่งท้ายกันที่ ** อภัยภูเบศร เดย์ สปา **
เป็นอีกหนึ่งอาคารที่แยกออกมาจากตัวอาคารของโรงพยาบาลค่ะ
ที่นี่ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ
1) สปาบำบัด (Treatment Spa)
เปิดบริการพุธ – อาทิตย์ เวลา 0830 – 1800 น.
เป็นการพัฒนาแพทย์แผนไทยเข้าสู่ระดับการบริการแบบสากล แบ่งแยกฝั่งชายและหญิงออกจากกัน
ห้องบริการฝั่งสปาค่อนข้างจะหรูหรากว่าหากเทียบกับฝั่งการแพทย์แผนไทย
++ หรูหรา ประหนึ่งสปาในโรงแรม ++
จุดเด่นของสปาแห่งนี้ อยู่ที่การนวดตามธาตุเจ้าเรือนค่ะ
ซึ่งมีทั้งแบบนวดไทย นวดน้ำมันอโรม่า และนวดหน้า
นอกจากนี้ ยังมีการนวดเพื่อปรับสมดุลต่างๆ
2) สปาคิวซีน (Cuisine Spa)
เปิดบริการทุกวัน เวลา 0800 – 1700 น.
ส่วนบริการห้องอาหารโดยใช้วัตถุดิบสมุนไพรเป็นหลัก
ตามแนวคิดอาหารเป็นยาเพื่อการป้องกันและเยียวยาโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน
++ ได้แต่เก็บภาพบรรยากาศห้องอาหาร เพราะมาถึงตอนเขาใกล้จะปิดแล้ว ++
ส่วนตัวแล้ว เคยมาโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
การได้กลับมาอีกครั้งคราวนี้ ได้เห็นการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
หากมีโอกาสครั้งหน้า บอกเลยว่าจะขอมาใช้บริการนวดและสปาที่นี่ให้ได้
จากโรงพยาบาล เราเดินทางกันต่ออีกประมาณ 50 กม.ไปยังที่พัก ในอ.กบินทร์บุรี
** Serenity Hotel & Spa Kabinburi **
http://serenitykabinburi.com
https://www.facebook.com/serenitykabin
ที่พักเปิดใหม่ได้ประมาณ 5 เดือน(เปิดเมื่อต้นปี 2016)
ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ “บ่อออนเซ็นแบบญี่ปุ่น" ไว้ให้บริการแขกที่เข้าพักค่ะ
แขกที่มาพักสามารถใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
มีเพียงชุดผ้าคาดบางๆสีดำ(เหมือนที่ใช้ตามสปา) ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม หากต้องการใช้
ผู้หญิงราคาชุดละ 30.-บาท และของผู้ชาย 20.-บาท
นอกจากนี้ ทางที่พักยังมีชุดยูกาตะให้ยืมใส่ฟรี
ใส่ถ่ายรูปในสวนแบบญี่ปุ่น ได้บรรยากาศดีเลยค่ะ
++ บรรยากาศในสวนแบบญี่ปุ่น ++
ส่วนออนเซ็นนี้ เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 59 นี้เองค่ะ
นับว่าโชคดีที่มาตอนเขาเปิดให้บริการแล้ว
ภายในออนเซ็น จะมีบ่อน้ำร้อนให้บริการ 2 บ่อ อุณหภูมิประมาณ 38-42 องสาเซลเซียส
จะมีบ่อกระเบื้องและบ่อหิน ซึ่งมีคุณสมบัติกักเก็บความร้อนไม่เท่ากัน
เลยทำให้ทั้ง 2 บ่อ มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
++ ภาพจากฝั่งบ่อผู้ชายค่ะ เพราะฝั่งผู้หญิงมีคนใช้บริการตลอด ไม่สามารถเก็บภาพมาได้เลย ++
หากไม่ได้เข้าพักที่นี่แต่อยากลองแช่ออนเซ็น ก็สามารถแวะมาใช้บริการได้เช่นกันค่ะ
มีค่าใช้จ่ายคนละ 250.-บาทต่อครั้ง
ในบริเวณเดียวกับบ่อออนเซ็น จะมีบริการสปา ห้องโยคะ และ fitness
เท่าที่สำรวจดู อุปกรณ์ค่อนข้างทันสมัยทีเดียว
อย่างเครื่องวิ่ง มีระบบอินเตอร์เน็ทในตัว สามารถเล่นเน็ทผ่านหน้าจอ touch screen ของเครื่องได้เลย
++ ห้องโยคะ ++
++ ห้อง fitness ++
ในส่วนสปาก็ถือว่าราคาไม่ได้แรงมาก ถ้าเทียบกับสปาของโรงแรมอื่นๆ
ยกตัวอย่าง นวดเท้า อยู่ที่ 350.-บาท / 1 ชม.
นวดไทย ราคา 350.-บาท / 1 ชม.
นวด Aromatherapy 700.-บาท / 1 ชม.
++ ห้องส่วนตัว ทำสปา ++
ก่อนจะไปชมห้องพัก
มื้อเย็นนี้ เราทานกันที่"ห้องอาหาร Mady"ติดกับบริเวณ lobby ของที่พักค่ะ
เขาโฆษณาว่า เป็น international authentic cuisine
ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงๆค่ะ เพราะอาหารที่เสิร์ฟมื้อนี้มีหลากหลายสัญชาติมาก
ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่ง ... เยอะจนทานไม่ไหว ไม่สามารถลองชิมได้ครบทุกเมนู
ขอลงภาพแยกตามสัญชาติอาหารนะคะ
แต่ชื่อเมนูนี่ไม่สามารถบอกได้หมดจริงๆ เพราะมีหลายรายการ
++ อาหารไทย ++
++ อาหารญี่ปุ่นและอาหารจีน ++
++ อาหารฝรั่ง ++
นอกจากนี้ ในห้องอาหารแห่งนี้ยังมีมุมห้องส่วนตัวและบาร์เครื่องดื่มให้บริการค่ะ
มาชมภาพโดยรอบอีกสักนิด ก่อนจะไปชมในส่วนของห้องพักกันต่อค่ะ
++ บริเวณ lobby ++
++ สระว่ายน้ำ ++
++ สนามหญ้า ++
มาชมในส่วนของห้องพักกันต่อค่ะ
Serenity Hotel & Spa Kabinburi มีห้องพัก 4 แบบด้วยกัน
ซึ่งก่อนเช็คเอาท์ มีเจ้าหน้าที่พาชมและแนะนำห้องพักทุกประเภท
* Standard Garden View *
เป็นแบบห้องพักเริ่มต้นค่ะ ขนาดห้องพัก 36 ตร.ม.
มีทั้งแบบเตียงเดี่ยว (King-sized Bed) และเตียงคู่ (Twin Beds)
ตกแต่งด้วยโทนสีเทา-ดำ-ขาว สบายตา
ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้ง แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำ
.
* Deluxe Garden View *
ห้องพักลำดับถัดมา ด้วยพื้นที่ใช้สอย 50 ตร.ม.
จะต่างจากแบบแรก ตรงที่มีอ่างอาบน้ำและโซฟาปลายเตียง
แอบเก๋และ sexy ด้วยหน้าต่างห้องน้ำแบบบานพับ
สามารถเปิดออกได้ นอนแช่อ่างชมโทรทัศน์ไปพร้อมกันได้เลย
.
* Executive Garden View *
ห้องพักรอง top ของที่นี่ เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยด้วยมุมครัวกระทัดรัด
พร้อมอุปกรณ์ทำครัว และมุมโต๊ะทานข้าวเล็กๆ
เนื่องจากเขตกบินทร์บุรี มีนิคมอุตสาหกรรมรอบๆ
ห้องพักจึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ต้องการพักระยะยาว
อีก 1 จุดที่แตกต่าง ถ้าเทียบกับห้อง top สูงสุดที่จะกล่าวถึงต่อไป
คือ ห้องพักแบบนี้ ห้องน้ำจะไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ
.
* Executive Pool View *ห้องพักระดับ Top สุดของที่นี่ค่ะ ขนาดห้องพักใหญ่มากทีเดียว
พร้อมด้วยมุมครัวและอุปกรณ์ต่างๆมากมาย รวมถึงเตาไฟฟ้าและไมโครเวฟ
ส่วนห้องน้ำ มีทั้ง Shower Room และอ่างอาบน้ำ แต่ไม่ใช่อ่าง Jacuzzi นะคะ
คืนแรกพักผ่อนนอนหลับสนิท จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนกลางคืนฝนตก
มาเห็นสภาพตอนเช้า ^^"
ไม่มีภาพด้านหน้าโรงแรมมาฝากนะคะ
กะจะถ่ายภาพมาล่ะ แต่มีรถทัวร์คันใหญ่จอดบังด้านหน้า
เช้าวันที่ 2 หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเช้า ที่ห้องอาหาร Mady
ก็เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์ เพื่อภารกิจเที่ยวเล่นแนว adventure ลำดับถัดไป
อำลา Serenity Hotel & Spa Kabinburi ด้วยภาพนี้ค่ะ
** ล่องแก่งหินเพิง **
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ 9 อ.นาดี
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแก่ง คือประมาณเดือนมิถุนายน – ตุลาคมของทุกปีค่ะ
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและระดับน้ำ แนะนำให้สอบถามก่อนเดินทางค่ะ
การล่องแก่งครั้งนี้ เราใช้บริการของ"หินเพิง รีสอร์ท"
www.hinpeongresort.9nha.com
สนนราคาเช่าแพยางเหมาลำ ราคา 3,500 บาทต่อรอบ จุได้ 7-8 คนต่อลำค่ะ
ส่วนตัวแล้ว ครั้งนี้เป็นการล่องแก่งครั้งที่ 3 สำหรับเราค่ะ
แต่เป็นครั้งแรกสำหรับ “แก่งหินเพิง"
ซึ่งมีจุดที่สวยงามและแตกต่างจากการล่องแก่งครั้งก่อนๆของเรา
ครั้งที่ 1 – ล่องแก่งน้ำตกเจ็ดสาวน้อย จ.สระบุรี (เป็นน้ำจากเขาใหญ่เช่นกัน)
ครั้งที่ 2 – ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก
ข้อแตกต่างอย่างแรก ... ที่ล่องแก่งหินเพิง ต้องเดินไปยังจุดปล่อยแพค่ะ
เริ่มจากนั่งท้ายกระบะ ซึ่งเขาขนแพยางและไม้พายมาด้วย
จากนั้นเดินเท้าเข้าป่า เริ่มจากบริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์ผ่านแมกไม้และลำธาร
ระยะทางเดินเท้าก็ ... เอ่อ ฟักไข่โปเกม่อน 2 กม. ได้สบายๆเลยค่ะ ^^"
(แอบเจ็บใจตัวเอง รู้งี้พกมือถือใส่ซองกันน้ำไปด้วยดีกว่า ถ้ารู้มาก่อนว่าจะเดินไกลขนาดนี้)
ระยะทางเดินประมาณ 2.5 กม.ค่ะ ใข้เวลาเดินเท้าประมาณ 50 นาที
ทางแอบมีเปียก เพราะเป็นแอ่งน้ำและลื่นบ้างเล็กน้อย ต้องเดินข้ามธารน้ำตกก็มี
เดินเรียกเหงื่อได้พอสมควร
แต่พอไปถึงจุดเริ่มปล่อยแพ (แก่งหินเพิง) หายเหนื่อยเลยค่ะ
เพราะทิวทัศน์สวยงาม พร้อมฝูงผีเสื้อบินเต็มไปหมด
แก่งหินเพิงเป็นแก่งหินตอนปลายสุดของ"แม่น้ำใสใหญ่"
ซึ่งมีต้นกำเนิดจากยอดเขาใหญ่ สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3 -5
ระยะทางล่องแก่งประมาณ 3-4 กม.
เส้นทางแก่งต่างๆ ของแก่งหินเพิง
ถ่ายรูปมาหมด แต่เอาเข้าจริง เปิดภาพดูแล้วงง !?!?
จำไม่ได้ว่าเป็นภาพของแก่งไหนบ้าง TT
รอเวลาเจ้าหน้าที่จัดเตรียมแพยางสักพัก ก็ได้เวลาลุยกันค่ะ
มาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ดี ไม่ต้องโดนจับไปรวมกับคนอื่น
ความสนุกสนานกลางสายน้ำ กำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้
เชิญชมผ่านคลิ๊ปวีดีโอ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม
(ขอไม่ใส่เสียงเพลงประกอบนะคะ เพราะอยากให้ได้ยินเสียง กรี๊ดดดด soundtrack เป็นระยะๆ)
v
เส้นทางของการล่องแก่งหินเพิง
จุดที่สวยและสนุกที่สุด คือ “แก่งหินเพิง" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ
แต่อีกจุดที่แตกต่างกับล่องแก่งที่อื่นๆที่เคยไป คือ “แก่งสไลเดอร์"
ซึ่งเป็นการล่องแก่งโดยไม่ใช้แพยางค่ะ
แก่งสไลเดอร์ - เป็นแก่งหินใต้น้ำที่ก่อให้เกิดกระแสน้ำไหลเร็วบริเวณผิวน้ำ
ในลักษณะคล้ายกับสไลเดอร์
ไม่ต้องใช้แพยาง “ตัว"นี่แหละค่ะ โดดลงน้ำไปเลยพร้อมเสื้อชูชีพ
(ไม่ได้บังคับลงจากแพทุกคนนะคะ แล้วแต่ความสมัครใจ)
ทำตัวเหยียดตรง หงายหน้า ลอยตัวไว้และห้ามงอขา
ปล่อยตัวเองไหลไปกับสายน้ำ น้ำเข้าจมูก แอบสำลักไปบ้าง แต่ตื่นแต้นและสนุกค่ะ
ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่ไม่เคยลองมาก่อน
++ ขออภัย ภาพอาจจะไม่สุภาพสักเล็กน้อย แต่อยากให้เห็นบรรยากาศค่ะ ++
ตอนกลับขึ้นแพก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด
เพราะเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดีมาก
++ โปรดสังเกตสีหน้าคนดึง ท่าทางจะหนักเอาเรื่องอยู่ 555 ++
สนุกสนานกันถ้วนหน้า
กลับมาถึงบริเวณกองอำนวยการ ทางผู้ดูแลจัดเตรียมขนมและเครื่องดื่มรอไว้พร้อม
เกลี้ยงสิคะ ! ไม่มีเหลือสักชิ้น แย่งกันซะขนาดนี้
ในบริเวณเดียวกัน มีห้องอาบน้ำให้บริการและเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อม
เปลี่ยนชุดแล้ว ก็เดินทางกันต่อค่ะ
มื้อกลางวันก่อนกลับบ้าน แวะทานกันที่
"ร้านครัวคุณลำใย"
https://www.facebook.com/LamYaiKitCheN/
ด้วยเมนูอาหารไทยต่างๆ นอกจากนี้ที่ร้านยังมีบริการอาหารเวียดนามและจีนด้วยค่ะ
แวะเปลี่ยนอริยาบถกันที่ ปั๊มน้ำมัน"ปตท.ดงบังประจันตคาม"
ที่นี่ มี**ร้านประชารัฐสุขใจ**
แหล่งรวมสินค้าท้องถิ่นคุณภาพและจุดบริการข้อมูลท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของททท.
เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้และส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน
ณ สถานีบริการน้ำมันปตท. 148 แห่งทั่วประเทศ
นำเสนอสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจชุมชนที่มีคุณภาพ ของแต่ละจังหวัดมาวางจำหน่าย
.
และส่งท้ายทริปนี้ กับ **งานเทศกาลส้มโอหวานและของดีศรีมโหสถ**
ซึ่งปีนี้ 2559 จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอศรีมโหสถ
นอกจากส้มโอแล้ว ก็ยังมีการออกบูธขายสินค้า OTOP ของจังหวัดปราจีนบุรี
สำหรับส้มโอมาจากสวนโดยตรงค่ะ มีให้เลือกชิมเลือกซื้อตามอัธยาศัย
ติดใจส้มโอแถบนี้ตั้งแต่วันแรกหลังมื้ออาหารกลางวันแล้วค่ะ เพราะรสชาติดี ไม่ปนฝาด
แอบเสียดายนิดๆ
ที่ไม่มีโอกาสได้ไป"เดอะ เวโรน่า ทับลาน" เพราะมีเวลาไม่มากพอ
แต่บอกเลยว่าเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน ยังน้อยไปสำหรับทริปนครนายก-ปราจีนบุรี
ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายและใม่ไกลจากกรุงเทพฯ
.
สุดท้ายนี้ ... ขอบคุณ "ททท.สำนักงานนครนายก-ปราจีนบุรี" ผู้สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้
- ขอบคุณ -
เพจ “แฟนพาเที่ยว / My Life My Travel"
ที่ให้โอกาสเป็น 1 ใน 5 ผู้โชคดี ที่ได้ร่วมเดินทางไปกับทริปนี้
- และขอบคุณ -
ทุกๆท่านที่แวะมาทักทายและเยี่ยมชมรีวิวนี้ค่ะ
Nina's Journey
วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.29 น.