ภูเก็ต ได้รับสมญานามว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในด้านความสวยงามของทิวทัศน์ หาดทราย น้ำทะเลสีฟ้าใส นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะมาสัมผัสที่นี่สักครั้งในชีวิต

การมาภูเก็ตในครั้งนี้ของผมอาจมาผิดช่วงเวลาสักนิดหน่อย เพราะมาช่วงฤดูมรสุม เลยไม่กล้าวางแผนออกไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ทำได้แค่เพียงขับรถเที่ยวรอบเกาะภูเก็ตเท่านั้นครับ

โดยจุดแรกเริ่มที่หาดราไวย์ มองเห็นฟ้าสวยๆ แถมน้ำใสๆ เลยอดที่จะขอจอดถ่ายภาพไม่ได้ บริเวณหาดราไวย์ จะมีเรือจอดอยู่เยอะมากเลย ดูจากสายตาแล้ว น่าจะเป็นทั้งเรือประมงและเรือที่ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวครับ

จากนั้นมุ่งหน้าสู่แหลมพรหมเทพ จะเรียกว่าเป็นพระเอกของภูเก็ตก็คงไม่ผิด ผมว่าช่วงเย็นที่นี่จะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมารวมตัวกันมากที่สุดในภูเก็ตเลยครับ เพราะต่างจะมารอชมพระอาทิตย์ตกที่จุดนี้

จากแหลมพรหมเทพ ขับรถเลยต่อมา ยังหาดยะนุ้ยครับ

หาดยะนุ้ยเป็นหาดเล็กๆ ที่ผมว่าเงียบสงบดีครับ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ เหมาะกับการมานอนเล่นพักผ่อนมาก บริเวณหาดจะมีแนวชายหาดที่ไม่ยาวนัก ทรายถือว่าละเอียดแต่ไม่ขาวครับ บริเวณปลายชายหาดทั้งซ้ายและขวาเป็นแนวโขดหิน ที่เตะตาผมที่สุดเห็นจะเป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางซ้ายของหาด จะมีชายหาดทอดตัวไปยังเกาะเล็กแห่งนี้ ให้อารมณ์คล้ายๆ กับทะเลแหวกที่กระบี่ หรือเกาะนางยวน ที่สุราษฎร์ธานีเลยครับ

เส้นทางการเดินทางมาหาดยะนุ้ยถือว่าค่อนข้างสะดวกสำหรับผู้มีรถนะครับ มีที่จอดรถค่อนข้างน้อย

จากหาดยะนุ้ย ผมเลือกเดินทางต่อไปทางซ้ายมือ เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวบริเวณกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าครับ

บริเวณกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า ถือเป็นอีกจุดชมวิวหนึ่งที่ไม่ควรพลาด จากจุดชมวิวนี้ สามารถมองเห็นกังหันลม และหาดในหานได้ด้วยครับ

นอกจากนี้ยังเห็นหาดยะนุ้ยมุมสูง และเส้นทางที่จะไปยังแหลมพรหมเทพครับ

เกาะเล็กๆ บริเวณหาดยะนุ้ย ที่มีหาดทรายเชื่อมบริเวณชายหาดกับเกาะเล็กนั้น อารมณ์คล้ายๆ กับเกาะนางยวนเลยครับ

ต้นตาล พบเห็นได้ง่ายแถวๆ บริเวณแหลมพรหมเทพครับ

ออกจากจุดชมวิวบริเวณกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า ผมมุ่งหน้าสู่หาดกะตะ ระหว่างทางแวะชมวิวที่จุดชมวิว KARON View Point กันก่อนครับ

จากจุดชมวิว สามารถมองเห็นหาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกะรน (ไล่จากใกล้ไปไกล) ส่วนเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางซ้ายมือ คือ เกาะปู จุดชมวิวนี้ถือเป็นอีกจุดที่ผมมาภูเก็ตทีไรก็จะไม่พลาดมาแวะชมครับ

เห็นภาพ 3 หาดมุมสูงไปแล้ว คราวนี้ขอไปสัมผัสกับหาดทรายกันบ้างดีกว่า ผมเลือกแวะที่หาดกะรน เพราะที่หาดกะรนมีที่จอดรถค่อนข้างสะดวก

บริเวณหาดกะรน มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ที่มานอนอาบแดดและเล่นกิจกรรมทางทะเลกัน หาดทรายที่นี่ถึงแม้ไม่ขาว แต่เม็ดละเอียดนุ่มเท้ามากๆ ครับ

จากหาดกะรน ขับรถต่อไปยังหาดป่าตอง แต่คงมีโอกาสได้แค่ชื่นชมอยู่บนรถ เพราะหาที่จอดรถยากมากครับ เลยจากหาดป่าตอง ก็เข้าเขตของหาดกมลาครับ

เมื่อพูดถึง "หาดกมลา" หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนัก แต่ถ้าบอกว่า "ภูเก็ตแฟนตาซี" หลายคนอาจจะคุ้นหูมากกว่า ผมเองไปเที่ยวภูเก็ตก็หลายครั้งแล้ว เคยได้ยินชื่อหาดกมลามาก็นานพอสมควร แต่ขอบอกเลยว่า ผมเพิ่งจะเคยมาชายหาดกมลาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ผมว่าด้วยทำเลที่ตั้งของชายหาด อาจจะไม่ดีเท่าหาดอื่นๆ อย่างหาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน หาดราไวย์ ที่เราสามารถขับรถเที่ยวเลาะหาดไปได้ หาดทั้ง 4 จึงเป็นหาดที่มีชื่อติดอยู่ในลิสต์ท่องเที่ยวของภูเก็ต ซึ่งผิดกับหาดกมลา ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาที่หาดนี้เพียงเพื่อมาชมการแสดงที่ภูเก็ตแฟนตาซีเท่านั้น

จริงๆ แล้วหาดกมลาก็สวยและสงบ เป็นอีกหนึ่งหาดที่น่าสนใจมากๆ นะครับ

และวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ The Bell Pool Villa Resort Phuket ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดกมลา จะพูดว่าตั้งอยู่ที่หาดกมลาก็ไม่น่าจะถูกนัก เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ไม่ได้อยู่ติดชายหาด ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงคลื่น ไม่ได้เห็นแม้แต่วิวทะเล แล้วผมจะมาแนะนำรีสอร์ทแห่งนี้ทำไม ไว้คอยติดตามมาเรื่อยๆ นะครับ

การเดินทางมายัง The Bell Pool Villa Resort Phuket นั้นไม่ยากครับ จะมีซอยอยู่ด้านข้างของภูเก็ตแฟนตาซี จากนั้นขับรถตรงไปเรื่อยๆ ให้สังเกตแยกขวามือไว้ โดยจะมีป้ายรีสอร์ทเล็กๆ อยู่ ถ้าไม่สังเกตป้ายมีขับรถเลยแน่นอน ผมเองก็ขับเลยไปเหมือนกัน รีสอร์ทอยู่ห่างจากภูเก็ตแฟนตาซีประมาณ 1.5 ก.ม. ครับ

ตลอดสองข้างทางดูไม่เหมือนเส้นทางที่จะเข้ารีสอร์ทเลยครับ เส้นทางเหมือนจะเข้าหมู่บ้านซะมากกว่า ยิ่งบริเวณหน้ารีสอร์ทดูเป็นแหล่งชุมชนเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อขับรถเข้ามาด้านในรีสอร์ทแล้ว เหมือนหลุดเข้ามาอีกสถานที่หนึ่งเลย ด้านในดูสงบและร่มรื่นมากๆ ครับ

เมื่อจอดรถเรียบร้อย มีพนักงานในชุดสีขาวขลิบด้วยสีแดงออกมาต้อนรับ และพาผมเข้าไปยังบริเวณ Lobby เพื่อทำการ Check in

บริเวณ Lobby ตกแต่งออกแนวจีนเลยครับ เน้นสีแดง มีโคมไฟเป็นรูประฆังห้อยระย้าอยู่เต็มไปหมด

Welcome drink มาพร้อมกับผ้าเย็น เรียกความสดชื่นกลับมาได้เยอะเลยครับ ระหว่างที่ทำการ Check in น้องพนักงานจะมีใบสั่งอาหารเช้าให้เราเลือกด้วย เราอยากทานอะไรก็ติ๊กที่รายการอาหารนั้นๆ โดยจะมีการแบ่งเป็นหมวดๆ ไว้ เช่น ต้องการอาหารเช้าแบบไหน ออมเลทหรือไข่ดาว หรือจะเป็นข้าวต้ม ขนมปังต้องการแบบไหน ต้องการแยมอะไร มีให้เลือกค่อนข้างเยอะครับ แต่ถึงรายการเยอะ เราไม่สามารถเลือกได้ทุกรายการนะครับ ในแต่ละหมวดทางรีสอร์ทจะระบุว่าเราสามารถเลือกได้กี่ชนิด

เมื่อทำการ Check in เรียบร้อย เลือกอาหารเช้าเรียบร้อย น้องพนักงานก็พาไปยังห้องพักครับ ที่พักที่นี่จะเป็นแบบ villa ทุกหลัง โดย 1 Villa จะแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น พร้อมสระว่ายน้ำ ถึงเพื่อนๆ จะจองห้องพักแบบ one bed room มา ทางรีสอร์ทก็จะเปิด villa แบบนี้ให้กับเพื่อนๆ แต่เขาจะปิดอีก 2 ห้องนอนไว้ และเปิดห้องนอนหลักไว้ให้กับเราครับ

ต้องบอกเลยว่า ภายใน villa มีการออกแบบได้อย่างสวยงาม เป็นสัดส่วน พื้นที่กว้างขวางมาก โดยมีสระว่ายน้ำอยู่กลางพื้นที่ ขนาบข้างด้วยห้องนั่งเล่น ห้องนอน และมีศาลาเล็กๆ สำหรับทำ Spa หรือนอนเล่นครับ

เข้ามาดูในห้องนั่งเล่นกันก่อนดีกว่า ภายในห้องกว้างขวางมาก สามารถมานั่งทำกิจกรรมได้ทั้งครอบครัว รองรับสมาชิกจำนวน 6 คนได้อย่างสบาย ที่เพดานมีโคมไฟเป็นรูประฆังใบใหญ่สีแดงอยู่ 2 ใบ คงคอนเซปของรีสอร์ทได้เป็นอย่างดีครับ

ชุดโซฟาก็กว้างขวางมาก อยากบอกว่าน้องๆ เตียงนอนเลยครับ

ผนังด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นจะเป็นกระจก สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้ ส่วนผนังอีกด้านก็ไม่ได้ปิดทึบเสียทีเดียว โดยจะมีกระจกที่สามารถมองออกไปเห็นต้นไม้เขียวได้ ทำให้ห้องนั่งเล่นนี้ดูโปร่ง โล่งสบาย สามารถทำกิจกรรมอยู่ในห้องนี้ได้ทั้งวันเหมือนกันครับ

ด้านหลังของชุดโซฟา เป็นโต๊ะทานข้าว และยังมีพื้นที่ในส่วนของครัวที่อัดแน่นด้วยอุปกรณ์ทำครัวหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ ถ้วย จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้ว เครื่องชงกาแฟ ตู้เย็น ถือว่าครบถ้วนเลยครับ

ติดกับห้องนั่งเล่น จะมีห้องน้ำเล็กไว้ให้ 1 ห้อง จริงๆ จะเรียกว่าเล็กก็ไม่ถูก เพราะมันใหญ่กว่าห้องน้ำบางโรงแรมที่ผมเคยเข้าพักมาซะอีก เอาเป็นว่าผมขอเรียกว่าห้องน้ำเล็ก (เมื่อเทียบกับอีกห้องน้ำหนึ่งในห้องนอนหลักซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า) ก็แล้วกัน ภายในห้องน้ำเล็กนี้มีทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และที่อาบน้ำแบบฝักบัวครับ

มาดูในส่วนของห้องนอนหลักกันบ้างครับ ภายในอาจจะไม่ได้ดูหรูหราอะไรมากนัก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันตามแบบฉบับของห้องนอน มีโต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า แต่ไม่มีทีวีนะครับ เพราะผมคิดว่าคนออกแบบเขาต้องการให้ห้องนอนคือห้องนอนจริงๆ หากต้องการดูทีวีก็ไปดูที่ห้องนั่งเล่นครับ

มาดูในส่วนของห้องน้ำในห้องนอนหลักกันบ้างดีกว่า ขอบอกว่าใหญ่มากๆ พื้นที่ประมาณ 2 ใน 3 ของห้องนอนเลยครับ เมื่อเปิดประตูเลื่อนจากห้องนอนมาจะพบกับอ่างล้างหน้าขนาบซ้ายขวาเลย

ด้านในสุดจะเป็นอ่างอาบน้ำ

ส่วนด้านในสุด หลังอ่างล้างหน้าทั้งสองด้าน จะเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบฝักบัว ผมว่าการให้สีกระเบื้องของพื้นที่อาบน้ำเป็นโทนสีดำ เวลาผนังแห้งมันจะเห็นเป็นคราบสีขาวของสบู่ ดูไม่สวยเลยครับ และบริเวณสายฝักบัวอาบน้ำมีขี้สนิมขึ้นเต็มเลยครับ

มีถุงผ้าดิบสำหรับใส่อุปกรณ์อาบน้ำ เช่น หมวกคลุมผม แปรงสีฟัน ของที่อยู่ด้านในถุงผ้าดิบหยิบติดกลับบ้านไปได้ แต่ถุงผ้า ถ้าหยิบติดมือกลับไป มีโดนปรับนะครับ

สระว่ายน้ำที่นี่ใหญ่จริงๆ ครับ ทางรีสอร์ทเตรียมเบาะโฟมไว้ให้นอนเล่นบนน้ำด้วย นอกจากนี้ยังมีศาลาไว้ให้นอนเล่น ติดกับศาลาจะมีฝักบัวไว้สำหรับให้ล้างตัวด้วยครับ

พื้นที่ด้านนอกที่ติดกับห้องนั่งเล่น จะมีโต๊ะทานอาหารให้อีก 1 จุด ตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำเลยครับ

ไปชมบรรยากาศโดยรอบรีสอร์ทกันบ้างดีกว่าครับ บริเวณนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Lobby เลย มีระฆังใบใหญ่ สัญลักษณ์ของรีสอร์ทตั้งอยู่ ยามต้องแสงไฟ ระฆังเป็นสีทองมลังเมลืองเลยครับ

ซุ้มไผ่ ช่วยให้บรรยากาศดูเป็นจีนขึ้นอีกเยอะเลยครับ

บริเวณ Lobby ยามเปิดไฟ มันทำให้สีสันที่นี่ดูสดใสขึ้นอีกเป็นกอง

พื้นที่ด้านหน้าของ Lobby เป็นส่วนของห้องอาหาร Zhong จริงๆ พื้นที่ในส่วนของห้องอาหารจะเรียกว่าเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ก็ไม่น่าผิด เพราะผมเองก็ใช้พื้นที่ตรงนี้ตอนทำการ Check in ครับ หลังคาของห้องอาหารจะเป็นผ้าใบ สามารถยืดหดได้ เวลาฝนตกก็ยืดผ้าใบออกมาเป็นหลังคา เวลาปลอดฝนก็หดเก็บ ได้บรรยากาศแบบ Open air ครับ

ทางรีสอร์ทจะมีบริการรถรับส่งไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น หาดกมลา หาดป่าตอง ร้านสะดวกซื้อ แต่รถจะบริการเป็นรอบๆ ตามเวลาครับ

08.00 น. น้องพนักงานมาเคาะที่ประตู เพื่อมาเสิร์ฟอาหารตรงตามเวลาที่ผมนัดไว้ อาหารเช้าที่นี่จะเสิร์ฟถึง Villa เลยครับ อยากนั่งทานตรงส่วนไหนของ Villa บอกน้องพนักงานได้เลย ผมเลือกนั่งทานริมสระว่ายน้ำครับ

ผมว่าอาหารเช้ามันน้อยไปสำหรับคนที่หนักมื้อเช้าแบบผม ช่วงที่ทานก็จะมีนกเอี้ยงลงมาแย่งทานด้วย บรรยากาศมันดูสบายๆ เหมือนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก ส่วนใหญ่เวลานั่งทานอาหาร จะมีแมลงวันมากวน แต่ที่นี่มีนกเอี้ยงมากวนครับ

ไอเดียเก๋ๆ ของรีสอร์ท ที่เพ้นท์รูประฆังไว้บนรองเท้าแตะครับ

ต้องบอกเลยว่าที่นี่เหมาะกับการเข้าพักแบบครอบครัวมากๆ สมาชิกจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน มีปาร์ตี้เล็กๆ ริมสระน้ำ หรือจะมากับเพื่อนฝูงก็สนุกไปอีกแบบ จะมาเป็นคู่กระจู๋กระจี๋ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าโดยรอบรีสอร์ทจะอยู่ท่ามกลางชุมชน แต่บรรยากาศภายในรีสอร์ทถือว่าเงียบสงบเลยทีเดียว ห้องพักถึงแม้จะดูธรรมดาแต่อัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายครับ

ส่วนข้อด้อยของที่นี่ เห็นจะเป็นเรื่อง

- ทำเลที่ตั้ง ซึ่งอยู่ไกลจากชายหาด รวมถึงซุปเปอร์มาเก็ต แต่ทางรีสอร์ทก็ได้จัดเตรียมรถไว้คอยบริการครับ

- อาหารเช้ามีปริมาณน้อย ทานไม่อิ่ม

- อุปกรณ์บางอย่างดูเก่า เช่น สายฝักบัวเป็นสนิม

ผมว่าที่นี่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบสงบๆแต่ถ้าชอบการพักผ่อนแบบติดทะเล หรือใกล้แหล่งท่องเที่ยว แสงสีเสียง ที่นี่คงไม่เหมาะครับ

ความคิดเห็น