ท้องทุ่งกว้างที่เรียงรายไปด้วยภูเขารูปทรงแปลกตา จนไม่คิดว่าภูเขารูปทรงประหลาดแถมยังมีรูพรุนไปทั่วจะมีอยู่บนโลกใบนี้ คือภาพแรกที่เราได้สัมผัสถึงความเป็นคัปปาโดเกียที่ค่อยๆฉายให้เราเห็นชัดเจนมากขึ้นเมื่ออาทิตย์ค่อยๆสาดแสง
เมื่อรถบัสจอดสงบนิ่งในเขตตัวเมือง ทันทีที่เราย่างเท้าลงจากรถ ก็ทำให้สองสายตาถึงกับตะลึงกับสภาพบ้านเรือนที่เห็น เพราะเมื่อมองขึ้นไปโดยรอบสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา แต่นั้นไม่ใช่เป็นความแปลก เพราะสิ่งที่แปลกนั้นคือ คนที่เมืองนี้ยังคงใช้ภูเขาเป็นบ้านเหมือนเช่นมนุษย์สมัยหินเมื่อหลายล้านปีก่อน โดยเจาะภูเขาที่รูปทรงแปลกตาให้ทะลุเป็นรู แล้วเข้าไปสร้างบ้านเรือนอยู่ในนั้น รวมถึงเมืองใต้ดินอีกนับสิบๆแห่งที่ซ่อนตัวอยู่ในภูมิทัศน์อันน่าอัศจรรย์แห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องโลกเดินทางมายังที่แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่กลางดินแดนอนาโตเลีย หรือแผ่นดินตุรกีฝั่งทวีปเอเชีย
ความอัศจรรย์ของภูมิประเทศนี้เกิดขึ้นจากลาวาและเถ้าถ่านจากการระเบิดของภูเขาไฟเอร์ซีส (Erciyes) กับ ฮาซาน (Hasan) เมื่อ 2 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดการทับถมของชั้นดิน บวกกับการกัดกร่อนของกระแสน้ำ แรงลมและฝน จนกลายเป็นภูมิประเทศที่มีลักษณะแปลกตา มีภูเขารูปทรงประหลาด บ้างก็เป็นรูปกรวย บ้างก็เป็นรูปเห็ด และอีกสารพัดรูปจนสุดจะจินตนาการ ขึ้นกระจัดกระจายจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือโลกมนุษย์ ดินแดนแห่งนี้ผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน จนก่อเกิดเป็นอาณาจักรนามว่า คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล
อาณาจักรคัปปาโดเกียตั้งอยู่ในดินแดนอนาโตเลียอันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ที่ทอดยาวจากประเทศจีนไปยังอาณาจักรโรมันตะวันออก โดยเส้นทางสายไหมช่วงนี้เองที่ชาวเติร์กมีบทบาทสูง แต่ไม่ใช่ในฐานะพ่อค้าวาณิชที่รอนแรมมาเป็นกองคาราวาน หากแต่มาในฐานะผู้คุ้มครองความปลอดภัย
เพราะผ้าไหมและสินค้าล้ำค่าจากดินแดนจีนต้องถูกรักษาให้ปลอดภัยจนส่งถึงมือลูกค้า นั่นคืออาณาจักรโรมันตะวันออก สืบต่อถึงอาณาจักรไบแซนไทน์ในเวลาต่อมา จากการเป็นชนเผ่าเร่ร่อน แต่เก่งในด้านการรบ ชาวเติร์กจึงอาศัยความเก่งนี้เข้ามามีบทบาทในฐานะผู้คุ้มครองความปลอดภัยให้กับกองคาราวาน ที่มีความเสี่ยงจากกองโจรบนเส้นทางที่ยาวไกล จากการเป็นผู้คุ้มครอง ทำไปทำมาชาวเติร์กก็กลายเป็นผู้เก็บส่วยผ่านทาง จนนำมาซึ่งความมั่งคั่ง และก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นอีกหนึ่งอาณาจักร ดินแดนอนาโตเลียจึงถือเป็นฐานที่มั่นแรกของชาวเติร์กในประเทศตุรกี ก่อนที่จะยกทัพไปถล่มอาณาจักรไบแซนไทน์ จนได้ครองประเทศนี้ทั้งประเทศในเวลาต่อมา
ปัจจุบันพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ครอบคลุมเมืองหลายเมือง เช่น อวานอส (Avanos), อูร์กุป (Urgup), เนฟเชฮีร์ (Nevsehir) โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเกอเรเม (Goreme) ซึ่งก็คือเมืองที่เรากำลังยืนอยู่ ณ ขณะนี้
เกอเรเมในสายตาผมถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ได้ด้วยธุรกิจการท่องเที่ยวขนานแท้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน เมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เรียงรายไปด้วยโรงแรม บริษัททัวร์ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านเช่ารถทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และจักรยานสำหรับการเที่ยวชมความอัศจรรย์ทางธรรมชาติของดินแดนคัปปาโดเกีย
โรงแรมส่วนใหญ่ในเกอเรเมดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการเป็นโรงแรมถ้ำ คือห้องพักแต่ละห้องนั้นเจาะเข้าไปในภูเขา เหมือนเช่นการเป็นอยู่ของคนยุคเก่าในสมัยที่เป็นอาณาจักรคัปปาโดเกีย แม้เราอยากจะอยู่แบบนั้นสักครั้งในชีวิต แต่ดูจากราคาค่าห้องที่แพงลิบแล้ว การนอนในห้องพักที่จำลองเสมือนอยู่ในถ้ำก็คงให้ความรู้สึกไม่ต่างกันนัก แถมยังประหยัดค่าที่พักกว่าหลายเท่า
หลังจากนำสัมภาระไปเก็บในที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเลือกโปรแกรมสำหรับการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ตามมา การซื้อทัวร์แบบ One Day Trip นั้นมีหลายโปรแกรมให้เลือก ทั้งแบบเบาๆในละแวกไม่ไกลจากตัวเมืองเกอเรเม ซึ่งก็มีภูมิประเทศที่ประหลาดให้ได้ชมกันแบบจุใจ จนถึงไปเดินป่า มุดอุโมงค์ใต้ดินในเมืองที่ไกลออกไป
หลังจากการปรึกษากันเองและขอความเห็นจากเจ้าของโรงแรม เราจึงสรุปว่า สถานที่เที่ยวในละแวกเกอเรเมนั้นพอที่เราจะเช่ารถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เที่ยวกันเองได้ การเที่ยวเองจึงน่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับเวลาในขณะนี้ที่ใกล้เที่ยงเข้าไปทุกที แต่สำหรับวันพรุ่งนี้เราเลือกที่จะซื้อ One Day Trip แบบโปรแกรมใหญ่ที่พาไปเดินป่าและมุดลงอุโมงค์ใต้ดินในเมืองที่ไกลเกินกว่ารถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์จะไปถึง เมื่อสรุปเช่นนี้แล้วจึงไม่รอช้าที่จะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงพากันเดินกลับเข้าไปในเมืองเพื่อเช่ารถเที่ยว แต่ก่อนที่การท่องเที่ยวแบบหฤโหดของวันนี้จะเริ่มต้นขึ้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ร้านอาหารรสชาติเยี่ยมจึงเป็นสิ่งแรกที่เราตรงเข้าไปหา ซึ่งที่นี่เองเราได้ทำความรู้จักกับชาแอปเปิล เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวเตอร์กีสเป็นครั้งแรก เพียงแค่จิบเดียวก็สัมผัสได้ถึงความหอมอร่อยด้วยรสชาติชาที่เจือไว้ด้วยความเปรี้ยวอ่อนๆของแอปเปิล จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่ประเทศนี้จึงนิยมจิบชาแบบนี้แทบทุกมื้อของอาหาร
ร้านเช่ารถมีหลายร้านให้เลือก แต่ไม่ว่าจะร้านไหนก็อยู่ในเกณฑ์ราคาเดียวกัน นั้นคือค่อนข้างแพง เรา 6 คนเลือกเช่ารถที่ต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน พี่นึกกับทรงเลือกที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์ โดยมีพี่แป๋วกับน้องเนขอซ้อนท้ายด้วย ส่วนผมกับเคนเลือกที่จะเช่าจักรยาน เป็นเวลา 8 ชั่วโมง ค่าเช่าอยู่ที่ 25 ลีรา หรือราว 375 บาท
ดูสภาพจักรยานแล้ว แม้จะเป็นเสือภูเขา แต่ก็เป็นเสือเฒ่าที่แก่จนเขี้ยวเล็บแทบไม่มี ผมจึงใช้เวลานานพอควรกว่าจะทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนเกียร์ที่แสนติดขัดของจักรยานคันนี้ ในขณะที่เคนปั่นเสือภูเขาไปไกล และไม่ต้องพูดถึงพี่นึก พี่แป๋ว ทรงและน้องเนที่ขี่มอเตอร์ไซค์นั้นไปไกลแบบไม่เห็นเงา และนับจากเวลานี้ ความสนุก ความหฤโหดและความประทับใจอย่างไม่รู้ลืมจากการปั่นจักรยานท่องดินแดนคัปปาโดเกียของผมได้เริ่มขึ้นแล้ว
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันพฤหัสที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.03 น.