หนีเมืองไปพึ่งเขา "ดอยหลวงเชียงดาว"

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาผมได้ไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวมา เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนๆ ผมใช้ข้อมูลการเดินทาง จากเว็บไซต์ http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doichiangdao.html ในเว็บนี้มีรายละเอียดค่อนข้างครบผมเลยจะขอเล่าในส่วนที่เพิ่มเติมจากเว็บนี้แทน

การเดินทางทั้งหมดเริ่มจากการโทรจองขึ้นอุทยาน จะได้ไปหรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้นี่แหละ เพราะอุทยานให้เข้าเขตฯได้ไม่เกินวันละ 150 คน เริ่มแรกผมโทรไปที่ "สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ" แต่เจ้าหน้าที่บอกให้ติดต่อโดยตรงไปที่ "สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่" แล้วผมก็โชคดีมาก จองได้พอดี เจ้าหน้าที่บอกว่าใกล้เต็มแล้วด้วยโชคดีสุดๆ

หลังจากจองเข้าอุทยานได้แล้วด่านต่อไปคือ ติดต่อคนนำทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแจ้งว่าจะให้ขึ้นดอยได้ต้องมีคนนำทางพาขึ้นด้วย ผมโทรไปหลายเจ้าตามที่มีคนมา Review ไว้ใน Pantip ปรากฏว่า เต็ม เต็ม เต็ม T_T จนกระทั่งมาเจอ "คุณสมพงษ์ แซ่ลี่ (อบต. ตุ๋ม)

089-9518823" ว่างวันที่พวกผมจะขึ้นพอดีเลยได้ไปกับทริปของพี่ตุ๋ม

พี่ตุ๋มจัดทริป 2 แบบคือ

1.จัดหาลูกหาบและรถ >> เราต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดไปเอง ทั้งอุปกรณ์ทำกับข้าว เต้นท์ เครื่องนอน และของที่สำคัญที่สุดคือ "น้ำ" แล้วก็เรายังจำเป็นต้องทำอาหารให้ลูกหาบกินตลอดการเดินทางด้วย

2.บริการแบบเหมา >> เราเตรียมแค่เสื้อผ้า ที่เหลือทางพี่ตุ๋มจะจัดการให้ทั้งหมด

ตอนแรกเราอยากจะเลือกแบบที่ 1 จนกระทั่งได้ยินว่า "ต้องทำอาหารให้ลูกหาบกินตลอดทริป" ด้วยความมั่นใจในการทำอาหารของตัวเอง (ถ้าทำกินเองหนะสบายๆ แต่ทำให้คนอื่นกินคงจะเป็นเรื่อง) เลยตัดสินใจเลือกแบบที่ 2 อย่างไม่ลังเล 555

การเดินทางผมนั่งรถทัวร์ 999 จากกรุงเทพ สาย กรุงเทพ-บ้านท่าตอน ออกตอน 18.30น.ไปลงที่จุดจอดเชียงดาว (โรงแรมเชียงดาวอินน์) ถึงเวลาประมาณ 5.45น. แล้วก็โทรเรียกพี่ตุ๋มมารับ ยืนหนาวหน้าโรงแรมประมาณ 15 นาทีรถของพี่ตุ๋มก็มา พี่แกพาไปกินข้าวเช้าที่ตลาดสดแถวๆนั้น

แล้วก็พาพวกเราไปเตรียมตัวขึ้นดอยที่จุดเริ่มเดินเท้า เด่นหญ้าขัด ทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางกับผมไปด้วยรวม 3 กลุ่ม คือกลุ่มพวกผม 5 คน และ พี่ๆที่ไปทริปเดียวกันอีก กลุ่มละ 2 คน รวม 9 คน

จากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวพี่ตุ๋มขับรถไปยังจุดเริ่มเดินเท้า เด่นหญ้าขัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กับเส้นทางมหาโหด ทั้งชัน ทั้งหลุม ทั้งโค้ง สาระพัด แค่นั่งก็เมื่อยแล้ว -*-

เส้นทางเดินเท้าของดอยหลวงเชียงดาวมีทางขึ้น 2 ทางคือ ทางเด่นหญ้าขัด และ ทางปางวัว

ทางเด่นหญ้าขัดมีทางเดินที่ราบและง่ายกว่าทางปางวัว แต่แลกมาด้วยระยะทางที่มากกว่าประมาณ 2 กม. กับถนนไปจุดเริ่มเดินเท้ามหาโหด

http://f.ptcdn.info/811/014/000/1390459795-1291130386-o.jpg

ก่อนขึ้นพี่ตุ๋มแจกข้าวให้พกติวตัวไปด้วยคนละห่อ และ น้ำอีกคนละ 2 ขวด เส้นทางเดินขึ้นดอยไปยังจุดกางเต็นท์เป็นทางเดินธรรมชาติ (ไม่มีบันไดไม้ ปูน เสาเหล็ก อะไรทั้งสิ้น)ทางเดียวแคบๆ ตลอดทาง

ทางส่วนใหญ่ฝั่งหนึ่งจะเป็นผา พูดง่ายๆคืออย่าริอาจหลุดออกนอกทางเดินที่มีอยู่ ไม่งั้นอาจได้ลงเขาก่อนกำหนด ทางเดินบางช่วงเป็นดินชื้นๆแฉะๆทำให้ลื่นมาก ใครที่จะเดินขึ้นหาไม้ค้ำสักอันไปด้วยจะช่วยได้มาก

ดอยหลวงเชียงดาวเป็นเส้นทางเดินป่าที่ไม่มีห้องน้ำให้เข้า ดังนั้นระหว่างทางถ้าเดินๆไปเจอแผ่นกระดาษทิชชู่อยู่บนพื้นก็อย่าไปเขี่ยเล่นเป็นอันขาด เพราะมันคือ แลนด์มาร์ค ของปุ๋ยคอกที่นักท่องเที่ยวสร้างไว้นั่นเอง 555+

เดินๆพักๆ ถึงจุดกางเต็นท์ประมาณบ่าย 3 ก็มาถามหาจุดกางเต็นท์ อบต.ตุ๋ม ซึ่งจุดที่พี่ตุ๋มแกเลือกไว้ค่อนข้างเป็นทำเลที่ดีทีเดียวเพราะอยู่จุดที่มีต้นไม้ล้อมรอบทำให้เวลากลางคืนโดนลมน้อยกว่าจุดอื่น แต่ก็หนาวอยู่ดี ~ ~

พ่อครัวประจำทริปของพี่ตุ๋ม อาหารอร่อยซะจนอยากจะพาพ่อครัวกลับกรุงเทพด้วยจริงๆ

หลังจากพักเหนื่อยกันแล้วพี่รุจ(คนนำทางประจำทริป)พาพวกเราไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดสูงสุด ยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว สูง 2225ม. จากระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย

วันถัดมาก็ได้มีการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดกิ่วลม ซึ่งวันที่ผมไปหมอกลงจัดมากจนมองไม่เห็นพระอาทิตย์ กว่าแดดจะส่องมาได้ก็เกือบ 10 โมงกว่าแล้วน่าเสียดายมาก T^T ทำให้วันถัดมาต้องมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดสูงสุดแทน

ส่วนขากลับพวกเราลงทางปางวัว ซึ่งมีระยะที่สั้นกว่าทางเด่นหญ้าขัด 2 กม. แต่ทางชันกว่ามากๆๆๆๆ และลื่นมากๆๆๆ จนไม่สะดวกที่จะถ่ายรูปมาด้วย พอลงมาถึงพี่ตุ๋มก็ขับรถมารับและพาพวกเราไปแช่บ่อน้ำร้อนของแฟนพี่เขา เขาต่อท่อน้ำร้อนมาจากบ่อน้ำพุร้อนกลางเขา น้ำที่บ่อนี่มีกลิ่นกำมะถันลอยมาเลย ซึ่งพี่เขาให้แช่ฟรี แต่เนื่องจากพวกผมรีบกลับ กทม. เลยไม่มีโอกาสได้แช่

เรื่องความสวยงามของธรรมชาติผมขอใช้รูปภาพเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องจะดีกว่า