จริงๆแล้วรีวิวนี้ เจ้าของกระทู้ไปมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ว่ายังประทับใจไม่หายเลยคิดว่าจะนำมาเขียนใหม่ ให้คนที่อยากจะไปลองเข้าไปดูเผื่อเป็นตัวเลือก แต่เอาจริงๆ ไม่ต้องเลือกละ ไปเลย สุดยอดจริงๆ ๕๕๕๕


เนื่องมาจากว่า ใกล้จะปิดเทอม พวกเราจึงได้ตั้งใจอ่านรีวิวท่องเที่ยว แทนที่จะอ่านหนังสือสอบ เย้ยยยย ไมใช่ละ ๕๕๕๕
หลังจากสอบก็มาหารีวิวท่องเที่ยวต่างหาก บังเอิ๊ญ บังเอิญว่า มี 1 ในสมาชิกกลุ่มไปติดใจกระทู้ในพันทิพนี่แหละ
ที่แฟนหนุ่มไปตามหาแฟนสาวที่ภูกระดึงเลยตั้งใจจะตามรอย
จึงได้ข้อสรุปว่า ไป ภูกระดึง กันนนน





จากที่หาๆมาว่าจะไปทะเล กินลมนั่นนู่นนี่ พับเก็บครับ ไม่ไปละ
ไปขึ้นเดินขึ้นดอยดีกว่า สนุกดี 10 Km เองเบาๆ ขาเบาเลยน่ะสิครับ
ก็นั่นแหละครับพอสอบเสร็จก็จัดแจง จองเต็นท์ที่พักของทางอุทยานผ่านทางเว็บไซต์ (อันที่จริงไปจองที่นั่นเลยก็ได้ครับ)
แล้วก็จองตั๋วออนไลน์ของ บขส. (เฉพาะขาไป ขากลับไปสุ๋ยเอาที่นู่นละกัน) กำหนดวันเดินทาง 6-9 ธันวาคม 2558

เราเริ่มเดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต สายอีสาน เวลา 20.30


เอาจริงๆรถกว่าจะออกก็เลทไปเล็กน้อยล่ะครับ ถึงที่หมายปลายทางประมาณ 04.00 เอาเวลาโดยประมาณแล้วกันนะครับ

ก็พากันเมาขี้หูขี้ตากระชากวิญญาณตัวเองให้ลงมาจากรถทัวร์ พร้อมอากาศเย็นๆ บรึ๋ยย



จากนั้นก็มานั่งรอนอนรออยู่หน้าร้านเจ๊กิม ตามรีวิวของชาวบ้านเค้าเป๊ะ แวะล้างหน้าล้างตา


สาวๆในทริปก็ทนในความสด(งดงาม)ของใบหน้าตัวเองไม่ไหว ก็จัดไปสักหน่อย

แวะกินข้าวกินน้ำ เวลา 6.30 รวมคนให้ได้ 10 คน เหมารถไปอุทยาน คันละ 300 บาท

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็ถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึงครับ



ก็มานั่งรอให้เค้าเปิดทำการอุทยานติดต่อเช่าเต็นท์ จ่ายค่าเข้า (ไปช่วงสิ้นปีนี้ ลดค่าเข้าอุทยาน 50% นะครับ)
เดินดูของฝากเล็กน้อย กายพร้อม ใจพร้อม ถ่ายรูปแชะๆ ก็พร้อมลุยยยย

ระหว่างทางก็จะมีจุดแวะพักเป็นระยะๆ ซึ่งทางขึ้นนั้นก็แบบ ธรรมชาติน่ะครับ เดินไปหอบไป จุดพักก็จะเรียกต่างๆกันไป เป็น ซำ ซำนั่นนู่นนี่มีทั้งหมด 5 ซำครับ ซึ่งแต่ละซำก็จะมีอาหารของว่างน้ำดื่มน้องน้ำไว้ให้บริการ ในเรื่องราคาก็ยิ่งซำสูงๆ ราคาก็ยิ่งจะสูงตามนะครับ



ตลอดระยะทางก็จะกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ลูกหาบผู้แข็งแรง ต้องบอกว่าโคตรแข็งแรงดีกว่าครับ แบกไปได้ยังไงตั้งหลายสิบกิโล สุดยอดจริงๆ ขนาดกระเป๋าเราเบาๆเดินขึ้นยังหอบแฮกๆ กันเลยทีเดียว



เดินไปเดินมา เดินแบบ ชิวๆ เราสตาร์ทกันที่ 07.30 ถึงหลังแปประมาณ 12.00 ถึงหลังแป ก็ใจชื้นแล้วนะครับ พอถามนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินลงว่าอีกไกลไหมครับ คำตอบเดียวตลอดทางคือ อีกนิดดดดดดดดดดดดดดดดดด เดียว ตั้งแต่ตีนเขายันบนเขา นิดเดียวจริงๆ สรุป ต้องเดินอีกประมาณ 3 กิโลเมตรกว่าๆ จะถึงที่กางเต้นของเรา ยังดีที่เป็นทางราบ ก็สโลว์ไลฟ์กันไป



ไปถึงที่พักก็ปาไปประมาณ 13.30 แล้วครับ
ก็จัดแจงเรื่องเต็นท์ และเครื่องนอน ให้เรียบร้อย
ข้างบนมีบริการชาร์ทแบตโทรศัพท์ แบทสำรอง และกล้องให้ด้วยนะครับ ส่วนราคาจำบ่ได้เน้ออ

จัดแจงเรื่องที่พักเรียบร้อย ล้างไม้ล้างมือ ก็ไปหาอะไรกินกันสิครับ แหม่ะจะรออะไร


ทางอุทยานมีร้านขายอาหารเยอะแยะมากมายแล้วแต่จะเลือกเลยนะครับ ส่วนพวกเราก็กินกันที่ร้านเจ๊กิมนี่แหละครับ เจ้าเก่าเจ้าเดิม

ได้ข้าวเยอะมากๆเลยครับ เจ้าของร้านอัธยาศัยดี มีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้เยอะแยะเลย


พอเย็นๆก็ออกไปดูพระอาทิตย์ตกตามรีวิวเจ้าของร้านอาหารเลยครับ

อันที่จริงสถานที่ชมวิวข้างบนมีเยอะมากเลยครับ แต่ด้วยกำลังขา เวลา 1 คืน และระยะทางที่ไกลไปหลับอีกไกลมากกกก

เลยขอดูที่ใกล้ๆดีกว่าคับ การเดินทางก็เป็นการเดินทางเท้านะเหมือนเดิมครับ

อันที่จริงมีบริการเช่ารถจักรยานด้วย แต่พวกเรา Strong!! เดินดีกว่าครับ

สถานที่ที่เราจะไปนั้นคือ ผาหมากดูกครับ ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินสวยงามสมใจครับ

เดินกลับนี่ถ้าไม่มีไฟฉายก็ต้องคลำทางนะครับ ๕๕๕



กลับถึงเต็นท์ก็จัดแจง กัดฟันอาบน้ำ (หนาวมากกกกกกกกก) แล้วก็ไปหาอะไรกินกันครับ คืนนี้พวกเรากินเป็นหมูกระทะกันครับ ชุดกลาง 500 บาทนั่งโต๊ะญี่ปุ่น กินกับอากาศเย็นๆมีลมพัดโกรก ได้บรรยากาศดีมากครับ



อุทยานที่นี่จะปิดไฟและประกาศงดใช้เสียงให้เข้านอนในเวลา 21.58 นะครับ ซึ่งผมว่าเค้าค่อนข้างที่จะเคร่งครัดพอสมควร
สำหรับใครที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ทางอุทยานจะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปส่ง ที่ผานกแอ่นครับ ในเวลาตี 5
เหตุผลที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปส่งเพราะว่าเสี่ยงต่อการที่จะเจอกับสัตว์ป่า อย่างเช่น ช้างครับ

หลังจากกลับจากผานกแอ่นก็เตรียมตัวเก็บของคืนเต็นท์คืนผ้าห่ม หาอะไรกินก็ปาไป 09.30 ละครับ ก็พากันลงภูกระดึงไป ถึงข้างล่างค่อนข้างที่จะเร็วกว่ากำหนดครับ ถึงตอนประมาณ 13.30 แวะซื้อของฝากอีกนิดหน่อย ก็มานั่งรอรถแดงกลับร้านเจ๊กิม



ร้านเจ๊กิมนี่ผมว่าบริการครบวงจรมากครั้ง ห้องน้ำ อาหาร เครื่องดื่ม แม้กระทั่งตั๋วรถยังมีเลยครับ ๕๕๕๕ ก็ไปซื้อตั๋วรถกันข้างๆร้านเจ๊กิมนั่นแหละครับ ตอนแรกกะว่าจะยิ่งตรงเข้า กทม.เลย แต่ว่าต้องรอรอบ 1 ทุ่ม พวกผมเลยซื้อตั๋วไปลงโคราชแล้วต่อรถไป กทม. ออกจากผานกเค้า ประมาณ 15.45 ถึง กทม 00.00 พอดีเลยครับ เป็นอันว่าจบทริป ภูกระดึงของพวกเรา เย้!!!



สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริป รีวิวนี้จะสรุปให้เฉพาะแค่ค่ารถกับค่าที่พักนะครับ ค่ากินแล้วแค่คนเลยเน้ออออ

:: ค่ารถ ::

ค่ารถทัวร์ กรุงเทพ-ผานกเค้า 347 บาท

ค่ารถแดง (เที่ยวละ 300 บาท ) ขาไปขากลับ 600 บาท รถจะรอให้ครบ 10 คน จ่ายคนละ 30 บาท

ค่ารถทัวร์ เชียงคาน – โคราช 207 บาท

ค่ารถทัวร์ ป.1โคราช –กรุงเทพ 196 บาท

:: ค่าที่พัก ::

ค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาท

ค่าเต้นท์ เต้นท์ละ 225 บาท นอนได้ 3คน

ค่าเครื่องนอน ผ้าห่ม ผืนละ 50 บาท




ขออนุญาติจบการรีวิวไว้เพียงแค่นี้ เจอกันทริปหน้าา สวัสดีค้าบบบ
#ขอบคุณที่มีเสียงหัวเราะให้กันตลอดทาง #ขอบคุณผู้ร่วมทริปที่น่ารักทุกคน #ขอบคุณน้ำใจผู้คนบนนั้น ‪#‎ขอบคุณที่มาด้วยกันนะเพื่อน‬ ‪#‎ด้ว ‪#‎pohteytuktakmintpuppiesdooatloei
#mistertobaccoandfriends‬

ความคิดเห็น