สวัสดีครับ ทริปนี้เริ่มต้นกันที่ตั๋วเครื่องบินถูก! กับโปรจองโรงแรมแล้วบินฟรีกับ Airasia ก็ชวนเพื่อนแก็งค์เดิม แต่ไปๆมาๆไปกันแค่ 2 คน ผมจองล่วงหน้าเดือนครึ่ง ผ่านทาง Expedia ได้ตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ ราคาคนละ 474.56 บาท จ่ายผ่านบัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย ใช่ครับ! บัตรเดบิตก็จ่าย Expedia ได้ โดยสมัครบริการ Verified by Visa ซึ่งจะทำให้บัตรเดบิตของเราใช้จ่ายออนไลน์ได้เหมือนบัตรเครดิต แต่ต้องมีเงินในบัญชีนะครับ (สามารถเสิร์ชดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ว่า Verified by Visa คืออะไรสมัครยังไง)
ต้องบอกไว้ก่อนนะครับผมยังเป็นนักศึกษา ยังไม่มีรายได้ แต่เป็นคนชอบเที่ยว ชอบหาอะไรใหม่ๆให้ชีวิต รายจ่ายทั้งหมดเกิดจากการเก็บเงินเพื่อเที่ยวครับ ไม่ได้รบกวนพ่อแม่ ทริปนี้จึงเน้นประหยัดและคุ้มค่าที่สุดครับ สามารถดูกระทู้ Backpack ประหยัดๆ จากกระทู้เก่าๆผมได้เลยนะครับ ฮ่าๆๆ ไปมาเกือบหมด ทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ และล่าสุดก็ที่นี่ครับ "กระบี่"
สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางเพจ Facebook ได้นะครับ Khunjao's Backpacker
---------------------------------------------------------------------------
แผนการเดินทางคร่าวๆ
20 ก.ย. 59
เดินทางจากอุบลฯ - บุรีรัมย์ (รถไฟฟรี)
บุรีรัมย์ - กรุงเทพฯ (เครื่องบิน)
กรุงเทพฯ - กระบี่ (เครื่องบิน)
สนามบินกระบี่ - ตัวเมืองกระบี่ (Shuttle Bus)
พักที่ตัวเมืองกระบี่
21 ก.ย. 59
ตัวเมืองกระบี่ - หาดนพรัตน์ธารา เที่ยว 4 เกาะ (ซื้อทัวร์กับทางโรงแรม)
หาดนพรัตน์ธารา - ตัวเมืองกระบี่ (รถสองแถว บริษัททัวร์มาส่ง)
ตัวเมืองกระบี่ - อ่าวนาง (เช่ามอเตอร์ไซค์)
พักที่อ่าวนาง
22 ก.ย. 59
อ่าวนาง - วัดถ้ำเสือ - น้ำตกร้อน - สระมรกต (ขับมอเตอร์ไซค์)
เที่ยวชมเมืองกระบี่
พักที่ตัวเมืองกระบี่
23 ก.ย. 59
ตัวเมืองกระบี่ - สนามบินกระบี่ (จ้างรถมอเตอร์ไซค์ไปส่ง)
สนามบินกระบี่ - กรุงเทพฯ (เครื่องบิน)
กรุงเทพฯ - อุบลฯ (รถทัวร์)
ชมคลิปการเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทริปได้ที่คลิปนี้เลยครับ
ขอบคุณเสียงเพลงประกอบจาก NoCopyrightSounds
ภาพถ่ายจาก
Canon EOS Kiss x7i
SJ CAM SJ4000 WiFi
iPhone 5
Wiko HIGHWAY SIGNS
ปล.ทุกภาพเป็นภาพสดหลังกล้อง ยกเว้น ภาพจาก SJ CAM ปรับแต่งสีเล็กน้อย
---------------------------------------------------------------------------------------
20 ก.ย. 59
วันแรกของการเดินทาง คือพวกเราเริ่มต้นเดินทางกันจากจังหวัดอุบลราชธานี
เวลา 05.30 น. นั่งรถแท็กซี่เพื่อไปขึ้นรถไฟฟรีไปบุรีรัมย์ แท็กซี่พาพวกเราไปเส้นทางรอบเมือง ระยะทางกว่า 13 ก.ม. ความจริงไปทางในเมืองก็ได้ระยะทาง ประมาณ 5-6 ก.ม. เช้าๆแบบนี้รถไม่น่าจะติด วันแรกเราก็โดนแท็กซี่ฟันหัวซะแล้ว ราคาคิดตามระยะทางโดนไป 130 บาท รวมค่าเรียกแท็กซี่
จากนั้นพวกเรานั่งรถไฟฟรีขบวน 428 เวลา 06.20 น. เพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องที่จังหวัดบุรีรัมย์
สาเหตุที่ทำไมมาต่อเครื่องที่บุรีรัมย์ ทำไมไม่บินที่อุบลฯไปกรุงเทพฯเลย เพราะผมได้ตั๋วถูก (อีกแล้ว) ใช้คะแนน BigPoint 500 แต้ม กับเงินค่าธรรมเนียมคนละ 99.90 บาท สรุปคือผมได้ตั๋ว บุรีรัมย์ - ดอนเมือง แค่คนละ 100 บาท
ถึงบุรีรัมย์เวลาประมาณ 10.00 น. และเดินทางไปสนามบินโดยนั่งรถสองแถวหน้าสถานีรถไฟ 10 บาท ไปลง บขส. จากนั้นต่อรถตู้เส้นทาง บุรีรัมย์ - สตึก บอกคนขับว่าลงที่สนามบินบุรีรัมย์ (รถจะเข้าไปส่งในสนามบินเลย) ราคาคนละ 80 บาท
ภาพบรรยากาศสนามบินบุรีรัมย์
สนามบินบุรีรัมย์มีเที่ยวบิน 3 เที่ยวบินต่อวัน นกแอร์ 2 เที่ยวบิน และ แอร์เอเชีย 1 เที่ยวบิน
สนามบินนี้เป็นของเรา เพราะเรามาถึงเร็วมากเครื่องออก 13.45 น. เรามาถึงประมาณ 11.00 น. รอยาวๆเลยครับ
ระหว่างที่รอก็หาอะไรกิน ชานมปั่น ราคา 50 บาท
รอขึ้นเครื่องเวลา ประมาณ 13.30 น.
Advertisement
ถึงกรุงเทพฯเวลาประมาณ 14.45 น.
จากนั้นพวกเราก็รอๆๆ รอต่อเครื่องไปกระบี่ และหาอะไรกินแบบประหยัดๆ ที่ เซเว่นในสนามบิน ราคาไม่แตกต่างจากเซเว่นด้านนอก มีเพียงบางรายการเท่านั้นที่แพงกว่าด้านนอก
ทั้งตัวมีเงินแค่นี้ 555
รอขึ้นเครื่องเวลาประมาณ 17.00 น.
มุ่งหน้าสู่ "กระบี่"
ถึงสนามบินกระบี่เวลาประมาณ 18.17 น.
หลังจากที่เดินมาอาคารผู้โดยสารขาเข้า มองหาป้ายรถโดยสาร จะมีรถ Shuttle Bus กับรถแท็กซี่ พวกเราเลือกรถ Shuttle Bus ไปส่งที่ตัวเมืองกระบี่ราคา คนละ 90 บาท (ถ้าไปลงที่อ่าวนางคนละ 150 บาท)
รถมาจอดแถวๆ ศาลากลางกระบี่
จุดจอดรถ
พิกัด 8.058217, 98.916541
ขอบคุณภาพจาก Google Maps
จากนั้นพวกเราก็เดินไปที่พัก ระยะทางประมาณ 600 เมตร ฝนก็ตกรินๆ เดินท่ามกลางสายฝนไปเลย คืนนี้พักที่ The i Talay room & souvenir Guesthouse จองผ่าน Agoda คืนละ 333 บาท จ่ายผ่านบัตรเดบิต ห้องพัดลม ห้องน้ำรวม ห้องพักห้องน้ำสะอาดดีมาก ตอนช่วงที่ไปไม่ค่อยมีคน เพราะเป็นวันธรรมดา ห้องจึงสงบมากกก
ภาพด้านหน้าที่พัก
ขอบคุณภาพจาก Google Maps
หลังจากที่เช็คอินเข้าที่พัก พวกเราก็ซื้อทัวร์ 4 เกาะ ทีแรกราคา 500 บาท จึงต่อเหลือ 450 บาท แต่ถ้าจองผ่านบริษัททัวร์โดยตรงอาจจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้ พวกเราขี้เกียจและกลัวเขาจะไม่มารับ เลยจองผ่านโรงแรมไปเลย
หลังจากที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยไปเดินชมเมืองกระบี่ ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ
พวกเราไปนั่งชิวกันที่ร้าน Cozy Bar เบียร์ขวดละ 120 บาท ถือว่าราคาปกติเพราะเป็นย่านท่องเที่ยว ที่ร้านนี้มีแต่ฝรั่ง และจะมีกิจกรรมเกมส์ต่างๆให้เล่นมากมาย เช่นเกมถอดแท่งไม้ไม่ให้ล้ม จากนั้นก็นอนพักผ่อน เตรียมลุยวันถัดไป
21 ก.ย. 59
วันนี้พวกเราได้จองทัวร์ 4 เกาะกับทางโรงแรมไว้ ได้ราคา 450 บาท เดินทางด้วยเรือหางยาว กับบริษัท อันดามันกระบี่ ทราเวล รถมารับถึงโรงแรมในตัวเมืองกระบี่ เวลา 08.00 น. จากนั้นไปขึ้นเรือที่หาดนพรัตน์ธารา เวลาประมาณ 09.00 น. ระหว่างเดินทางผมได้นั่งข้างด้านในเรือซึ่งทัศนวิสัยไม่ดีเท่าไหร่ทำให้ผมเมาเรือแทบอ้วก
แนะนำสิ่งที่ควรเตรียมไป
- ซองกันน้ำโทรศัพท์มือถือ
- กระเป๋ากันน้ำ
- กล้องกันน้ำด้วยก็ดี
- ครีมกันแดด
เกาะแรก เกาะทับ หรือทะเลแหวก พอไปถึงเนื่องจากผมเมาเรือมาก รีบลงจากเรือ พอลงไปแล้วน้ำมันลึกมากถึงเอว ทำให้โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเปียกหมด จากนั้นมันก็รีสตาร์ทตัวเองอัตโนมัติ ขึ้นหน้าจอแอปเปิ้ลแล้ว iPhone 5 ของผมก็จากไป... (ที่เจ็บใจที่สุดคือ เอาซองกันน้ำไปด้วยแต่ยังไม่ได้ใส่!!!)
เกาะนี้เสียค่าเข้าอุทยานคนไทยคนละ 40 บาท ต่างชาติคนละ 400 บาท
แต่ผมลองถามเจ้าหน้าที่ว่ามีราคานักศึกษาไหมครับ พร้อมโชว์บัตรนักศึกษา พี่เขาถามว่ามาจากไหน ผมก็ตอบว่าอุบลฯ พี่เขาใจดีเลยให้พวกเราเข้าเกาะนี้ฟรี (แต่มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวเล่าตอนถัดไป)
เกาะต่อไปเกาะไก่ ซึ่งเรือไม่ได้พาเข้าไปใกล้มาก เกาะนี้ทางทัวร์ให้เราดำน้ำดูปะการังดูปลาในทะเล แต่ผมดำน้ำได้ไม่ถึง 10 นาที รูปก็ไม่ค่อยได้ถ่าย และก็ขึ้นมาเรือ มาอ้วกครับ! เมาเรือมาก ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปอ้วกให้ปลากิน 555
หลังจากนั้นไปต่อที่เกาะปอดะ พอลงจากเรือเจ้าหน้าที่ถามหาตั๋วเข้าอุทยาน พวกผมไม่มี! ก็แหงละ ก็พวกเราไม่ได้เสียตั้งแต่อยู่ทะเลแหวกแล้ว พวกเราก็พยายามอธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าที่ทะเลแหวกเขาไม่เก็บกับพวกเราเพราะเราเป็นนักศึกษา เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเขาอาจจะอนุโลมให้มั้ง ผมก็ไม่เถึยง แต่ก็ต้องมาเสียที่เกาะปอดะอยู่ดีคนละ 40 บาท ฮ่าๆๆ (อันนี้ผมไม่ได้โทษใครนะครับ คือพวกเราตั้งใจจะจ่ายอยู่แล้วตั้งแต่อยู่ทะเลแหวก ก็เลยลองถามว่ามีราคานักศึกษามั้ย เจ้าหน้าที่เขาใจดีเลยให้พวกเราเข้าฟรี ที่ถามเพราะบางอุทยานจะมีราคานักศึกษาลด 50%)
หลังจากนั้นไปกินข้าวที่เกาะปอดะซึ่งทางบริษัททัวร์เตรียมไว้ให้ อาหารแบบบุฟเฟต์ตักเอง กับข้าวสองอย่าง ผลไม้ โดยรวมถือว่าโอเค แต่กินเยอะไม่ได้จะอ้วก
ต่อไปไปชมถ้ำพระนาง ซึ่งวันนี้คลื่นลมแรงมาก ฝนตกเรือโคลงเคลงอย่างกับเล่นรถไฟเหาะ เรือไปจอดที่อ่าวไร่เลย์ตะวันออก จากนั้นเดินมาชมถ้ำพระนาง
จากนั้นเรือก็มุ่งหน้าไปที่หาดนพรัตน์ธาราและส่งพวกเรากลับโรงแรมที่ตัวเมืองกระบี่
หลังจากนั้นเกิดปัญหาอีกแล้วพวกเรามีแผนว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ไปพักที่อ่าวนาง แต่ฝนตกหนักมาก เวลาก็ใกล้จะค่ำ จึงตัดสินใจขับรถตากฝนไปที่อ่าวนาง พวกเราเช่ารถที่ร้าน...(จำชื่อร้านไม่ได้) ค่าเช่าวันละ 250 บาท พี่เจ้าของร้านใจดีมากๆ แนะนำดี ใครสนใจเช่ามอเตอร์ไซค์แนะนำร้านนี้เลย พิกัดอยู่ตรงข้าม The i Talay Guesthouse ใกล้ๆกับ Pak up Hostel โทร 090-8629022
เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้และก็ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมาด้วย
พิกัด 8.063194, 98.918088
ขอบคุณรูปจาก Google Maps แต่ในภาพยังเป็นรูปเก่ายังไม่เห็นร้านเช่ามอเตอร์ไซค์
ระหว่างทางขับรถตากฝนไปอ่าวนาง
แต่ขับไปขับมา หลงทางครับ แผนที่ก็ไม่มี ขับไปจนถึงสุสานหอย ซึ่งห่างจากอ่าวนางจุดหมายประมาณ 5 กิโลเมตร แต่ก็ดีถือโอกาสมาเยี่ยมชมสุสานหอย ฮ่าๆๆ
คืนนี้พวกเราพักที่ Slumber Party Hostel ชื่อก็บอกไว้แล้วว่ามีปาร์ตี้ ฮ่าา จองผ่าน Agoda คนละ 197.10 บาท จ่ายผ่านบัตรเดบิต ห้องดรอม นอนรวม ห้องน้ำรวม มีแต่ฝรั่งทั้งนั้น
หลังจากอาบน้ำเก็บข้าวของเสร็จ ขับมอเตอร์ไซค์เซอร์เวย์แถวอ่างนาง จากนั้นไปกินหมูกะทะบุฟเฟต์ เอิ่มมาถึงกระบี่มากินหมูกะทะ ฮ่าา รสชาติก็ไม่เท่าไหร่ครับ
(มีอีก 1 เรื่องครับ คือโทรศัพท์ผมตกน้ำไม่ได้เอามาด้วย โทรศัพท์เพื่อนก็แบตหมด เลยไม่รู้เวลาว่าตอนนี้กี่ทุ่ม (คือกลัวจะอดกินวอดก้าฟรี!) จึงถามโต๊ะข้างๆ คุยกันไปกันมาเป็นคนอุบลฯบ้านเดียวกัน 555 พี่เขามาทำงานที่กระบี่ได้หลายปีแล้ว)
จากนั้นเวลา สองทุ่ม - สามทุ่มที่โฮสเทลมีฟรีวอดก้า!! พวกเราก็ไปนั่งแจม อยู่ร่วมปาร์ตี้จนดึก ฝรั่งเขาจะมีเกมอะไรเล่นเยอะแยะมากมาย ซึ่งเราก็เล่นไม่เป็นกับเขาหรอก ก็ไปแจมๆแอบเนียน และนั่งดูเขาเล่นไปงั้น เบียร์ที่นี่กระป๋องละ 60 บาท จากนั้นเที่ยงคืนทางโฮสเทลมีกิจกรรมพาไปเที่ยวผับแถวอ่าวนาง มีแต่ฝรั่งทั้งนั้น แต่ผมไม่ได้ไปกับเขาหรอกไม่ไหว ฮ่าาา
22 ก.ย. 59
วันนี้หลังจากตื่นทำธุระส่วนตัว เช็คเอ้าท์จากที่พัก ทางโฮสเทลมีอาหารเช้าให้ด้วยดีจริงๆ ราคา 197 บาท ฟรีทั้งวอดก้าตอนเย็น และอาหารเช้า
และขับรถไปชมวิวอ่าวนาง
จากนั้นขับรถไปหนองทะเล ไปดูบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ แต่!! ไม่รู้จักทาง ถามคนแถวนั้นก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นไรค่อยมาใหม่โอกาสหน้า
จากนั้นขับรถมาที่ตัวเมืองกระบี่เช็คอินเข้าที่พัก วันนี้เรานอนที่แพ็คอัพโฮสเทล ห้องรวม ห้องน้ำรวม มีแต่ฝรั่ง ราคาคนละ 211.32 บาท จองผ่านแอพ Traveloka และใช้โค้ดส่วนลด 20%
แผนวันนี้คือ วัดถ้ำเสือ น้ำตกร้อน และสระมรกต
จุดหมายแรกขับรถไปวัดถ้ำเสือห่างจาก Pak-Up Hostel ประมาณ 8 กิโลเมตร
วัดถ้ำเสือมีจุดเด่นคือเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้นไปจุดชมวิวบนภูเขา
จากนั้นเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังจุดชมวิวบนภูเขา 1,237 ขั้น พอเดินไปได้ 300 กว่าขั้น เฮ้ย.. มันโคตรเหนื่อยมาก บอกกับเพื่อนว่าเดินกลับเถอะ แทบอยากจะเดินลง 555 แต่ก็เดินไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แนะนำถ้าใครไม่แข็งแรงจริงอย่ามาวัดถ้ำเสือนะครับ เหนื่อยมากกกกก 555
แต่พอขึ้นไปคุ้มมาก วิวสวย ลมเย็น มองเห็นวิวทั้งเมืองกระบี่ ทั้งสนามบิน ตัวเมือง และอ่าวนาง แนะนำใครไม่สตรองจริงอย่าไปวัดถ้ำเสือ ชาวต่างชาตินิยมมาพิสูจน์ร่างกายตัวเอง ระหว่างทางมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น
จากนั้นเดินลงใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็เดินถึง แบบโคตรชิวมาก ฮ่าาา พอเดินมาข้างล่างเจอสองสามีภรรยาไทย-ฝรั่งที่ไปเที่ยว 4 เกาะด้วยกันเมื่อวานเลยถ่ายภาพเก็บไว้
(มีอีก 1 เรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟัง เราเจอฝรั่งคนหนึ่งระหว่างเดินทางจากบุรีรัมย์ไปกรุงเทพฯ นั่งไฟล์ทเดียวกันข้างๆกัน และบังเอิญมากขาไปกระบี่ก็นั่งไฟล์ทเดียวกันอีกแต่ฝรั่งนั่งแถวถัดลงไป และพอวันไปทัวร์ 4 เกาะ ยังเจอฝรั่งคนเดิมที่หาดนพรัตน์ธารา ยังไม่พอยังมาเจอกันอีกแถวๆอ่างนาง แต่ฝรั่งคนนั้นไม่เห็นพวกเรา มันเป็นเรื่องบังเอิญมากจริงๆ)
หลังจากลงเขาก็หาเครื่องดื่มกิน สดชื่นนนนมากกก 555
จากนั้นขับรถไปน้ำตกร้อน
ระหว่างทางเห็นเขาขายทุเรียนเลยแวะชิม เป็นทุเรียนบ้าน กิโลละ 50 บาท รสชาติก็ไม่อร่อยเท่าไหร่แต่ก็พอใช้ได้
ระหว่างทางเจอตำรวจตรวจใบขับขี่และทะเบียนรถ ก็บอกคุณตำรวจไปว่ารถเช่ามา แต่ก็ดีอยู่ที่ทะเบียนไม่ขาด รถเช่าถูกต้องตามกฏหมาย คุณตำรวจก็ถามจะไปไหน มาจากไหน ผมก็บอกไปมาจากอุบลฯ จะไปเที่ยวน้ำตกร้อน และสระมรกต จากนั้นตำรวจก็บอกว่าถ่ายรูปหน่อยเอาไปโพสต์ในเฟสบุ๊คว่ามากระบี่เจอตำรวจใจดี (ผมเอามาโพสต์ใน Readme แทนละกันนะครับคุณตำรวจ 555)
น้ำตกร้อนอยู่ห่างจากกระบี่ประมาณ 60 - 70 กิโลเมตร เสียค่าเข้าชาวไทยคนละ 20 บาท ต่างชาติน่าจะ 200 บาท น้ำตกร้อนที่นี่แช่แล้วสบายตัวมาก น้ำอุ่นกำลังดี ไม่ต้องไปแช่ออนเซ็นไกลถึงญี่ปุ่น มากระบี่ก็ได้ แต่เสียดายน้ำขุ่นไปนิด
จากนั้นรีบขับรถไปสระมรกต กลัวเขาจะปิดก่อน ฝนก็ตก ใกล้ค่ำแล้วด้วย
ค่าเข้าคนไทยคนละ 20 บาท จากนั้นเดิน เดิน เดิน เข้าไปในป่าลึก ประมาณกิโลครึ่งกว่าจะถึงสระมรกต
ระหว่างทางจะเจอสระแก้ว เอ๊ะ! มากระบี่มาโผล่สระแก้วได้ไง (นี่มุกใช่มั้ย??)
ถึงแล้ววว สระมรกต สวยงามสมชื่อจริงๆๆๆ บอกเลยสระมรกตเป็นอะไรที่สวยงามมาก มากระบี่ไม่มาสระมรกตถือว่าพลาด (ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกล้องใหญ่เพราะฝนตก)
จากนั้นพวกเราเล่นน้ำประมาณ 2 ชั่วโมง เล่นน้ำเหมือนคนไม่เคยเล่นน้ำมาก่อน 555 น้ำใส สวยมากจริงๆๆๆๆ
ทีแรกว่าจะไปที่สระน้ำผุด แต่ ณ วันที่ไปเขาปิดไม่ให้เข้าไปครับ น่าจะปิดช่วง พ.ค. - ต.ค. ให้นกได้ทำรังหรืออะไรสักอย่างถ้าผมจำไม่ผิด
และขับรถมอเตอร์ไซค์กลับกระบี่ ระหว่างทางฝนก็ตกหนักมากกก
พวกเราเช่ามอเตอร์ไซค์เกิน 24 ชั่วโมง จึงโทรไปถามร้านเช่าว่าเสียเพิ่มชั่วโมงละเท่าไหร่ แต่เจ้าของร้านใจดีมาก ไม่คิดเพิ่ม แนะนำร้านนี้เลยนะครับตรงข้าม The i Talay Guesthouse และถึงตัวเมืองกระบี่เวลาประมาณ 18.00 น. ตอนกลางคืนหาอะไรกิน อาหารตามสั่งข้างทาง และเข้าที่พัก
ภาพภายให้ห้องพัก Pak-Up Hostel
และไปแวะดู Playground Bar บาร์ที่ติดกับที่พัก แต่บรรยากาศเงียบมาก ไม่เข้าท่า (อาจจะเป็นเพราะฝนตก) เลยหาเดินชมวิวเมืองกระบี่ยามค่ำคืน กินส้มตำตอนห้าทุ่ม จิบเบียร์เบาๆ เมาแล้วเดินจากที่พักไปแถวถนนคนเดิน ถึง 2 รอบ คิดแล้วก็ฮา 555
เดินไปที่ลานปูดำ และ กิโลเมตรที่ 0 และกลับมานอนเตรียมตัวกลับบ้านในวันรุ่งขั้น
23 ก.ย. 59
หลังจากตื่นจากที่พักเช็คเอ้าท์ เราให้พี่ที่อยู่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ขับรถไปส่ง ค่าเสียหายคนละ 150 บาท ถ้านั่งแท็กซี่จะโดนประมาณ 400 - 500 บาท ถึงสนามบินประมาณ 7 โมงเข้าไปนั่งรถขึ้นเครื่อง ถึงกรุงเทพฯประมาณ 09.00 น.
(แต่ถ้าใครอยากประหยัดกว่านี้ แนะนำให้ต่อราคากว่านี้ก็ได้นะครับ พวกเราพลาดเองที่ไม่ได้ต่อราคา แต่ก็ไม่เป็นไรให้ๆพี่เขาไป เพราะพี่เขาใจดีมากกก)
จากนั้นแผนทีแรกคือจะนั่งรถไฟฟรีกลับ แต่รอไม่ไหว ใจอยากจะกลับบ้านแล้ว จึงนั่งรถเมล์ไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต 2 ค่ารถแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีก รู้งี้น่าจะจองโปรตั้งแต่วันนั้น 555 นั่งรถประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง นานกว่ารถไฟฟรีอีก รถพาอ้อมไปทางขอนก่อน สารคาม ร้อยเอ็ด ยโส ถึงอุบลฯ ห้าทุ่มครึ่ง
จบทริป!!! เจอกันทริปหน้า อิอิ
---------------------------------------------------------------------------
ค่าใช้จ่าย
ราคาเฉลี่ยต่อคน
20 ก.ย. 59
แท็กซี่จากหอพัก - สถานีรถไฟอุบลฯ 65 บาท
รถเมล์ สถานีรถไฟบุรีรัมย์ - บขส.บุรีรัมย์ 10 บาท
รถตู้ บขส.บุรีรัมย์ - สนามบินบุรีรัมย์ 80 บาท
เครื่องบิน บุรีรัมย์ - กรุงเทพฯ 99.90 บาท
เครื่องบิน กรุงเทพฯ - กระบี่ 237.27 บาท
Shuttle Bus สนามบินกระบี่ - ตัวเมืองกระบี่ 90 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 297.50 บาท
ที่พัก The i Talay Guesthouse 166.50 บาท
21 ก.ย. 59
ค่าทัวร์ 4 เกาะ 450 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
เช่ารถมอเตอร์ไซค์ 125 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 394 บาท
ที่พัก Slumber Party Hostel 197.10 บาท
22 ก.ย. 59
เติมน้ำมัน 30 บาท
ค่าเข้าน้ำตกร้อน 20 บาท
ค่าจอดรถ 2.50 บาท
ค่าเข้าสระมรกต 20 บาท
ค่าจอดรถ 5 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 334 บาท
ที่พัก Pak-Up Hostel 211.32 บาท
23 ก.ย. 59
จ้างรถมอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองกระบี่ - สนามบินกระบี่ 150 บาท
เครื่องบิน กระบี่ - กรุงเทพฯ 237.27 บาท
รถเมล์ 30 บาท
รถทัวร์ กรุงเทพฯ - อุบลฯ 464 บาท
แท็กซี่ บขส.อุบลฯ - หอพัก 30 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 70 บาท
รวม 3,856.36 บาท
สำหรับใครที่ไม่ดื่มประหยัดไปอีกประมาณ 440 บาท
3,856.36 - 440 = 3,416.36 บาท !!!
สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางเพจ Facebook ได้นะครับ Khunjao's Backpacker ขอบคุณครับ
Khunjao Backpacker
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.35 น.