สวัสดีครับเจอกันอีกแล้วกับทริปนี้ ทริปเที่ยวภูเก็ตคนเดียว

เรื่องมันมีอยู่ว่า เห็นโปรโมชั่นต่างๆมากมาย ก็ไปเจอกับโปร Final Call Big Point ของแอร์เอเชีย ซึ่งผมเคยจองไว้ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แต่ไม่ได้ไปจ่ายเงินก็เลยปล่อยทิ้งไป พอมาวันนี้โปร Final Call มาอีกแล้ว และก็ชวนเพื่อน แต่เพื่อนก็มักคิดว่าผมพูดเล่นอยู่เสมอ และก็ไม่มีใครสนใจ ผมก็เลยกดจองไปคนเดียวเพราะไม่อยากพลาดโอกาสอีก ผมจองตั๋วไปกลับ กรุงเทพฯ - ภูเก็ต โดยใช้ 1,000 Big Point + 354 บาท + Processing Fee 42.80 = 396.80 บาท !!! (จองวันที่ 7 มี.ค. 59 เดินทางวันที่ 27 - 29 มี.ค. 59)


ทริปสไตล์ผมจะเป็นแบบเน้นประหยัดเพราะผมยังเรียนอยู่ ยังไม่ได้มีงานทำ ไม่มีเงินเดือน จึงต้องเน้นประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้และเก็บเงินไว้ใช้อย่างอื่นที่จำเป็น ต้องบอกก่อนเลยครับว่าทริปนี้ผมไม่ได้วางแผนอะไรเลย จองแค่ตั๋วไปกลับ กรุงเทพฯ - ภูเก็ต แค่นั้น ๕๕๕


ปล. ภาพจากกล้อง Canon Kiss X7i และ iPhone 5 ปรับแต่งสีด้วย Light Room เล็กน้อยมาเริ่มกันเลยดีกว่า !!!

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางเพจ Facebook ได้นะครับ Khunjao's Backpacker


----------------------------------------------------------------------------



26 มี.ค. 59

เนื่องจากผมอยู่จังหวัดอุบลราชธานีจึงต้องเดินทางไปกรุงเทพฯก่อน สิ่งที่เป็นมิตรกับ Backpacker อย่างผมที่ต้องการประหยัดงบคือ "รถไฟฟรี" แน่นอนครับผมนั่งรถไฟฟรี รถไฟฟรีเนี่ยผมนั่งเป็นสิบๆครั้งแล้วครับ เนื่องจากประหยัดงบไปได้ตั้งเยอะ ๕๕๕

รถออกจากอุบลราชธานี 08:45 และถึงกรุงเทพฯประมาณ 21:00 นั่งๆนอนไปดิ 12 ชั่วโมง

แต่ก็เหมือนเดิมครับ ได้เห็นวิถีชีวิตที่หลากหลายบนรถไฟฟรี มีทั้งเรื่องราวแปลกๆ ประทับใจ และอื่นๆอีกมากมาย ใครยังไม่เคยนั่งรถไฟฟรีแนะนำให้ไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตนะครับ ^^


ผมถึงสถานีชุมทางบางซื่อประมาณ 20:30 และเพื่อนก็มารับ ดีหน่อยครับเพื่อนผมมีสิทธิพิเศษ พาไปนอนโรงแรมฟรี อิอิ เสียแค่ค่าผ้าห่ม 40 บาท จากนั้นก็หาอะไรกินอาบน้ำ นอนพักผ่อนครับ


27 มี.ค. 59

ผมตื่นประมาณ 04:30 อาบน้ำแต่งตัว เก็บของเรียบร้อย และเป็นประจำที่ผมมากรุงเทพฯผมจะใช้แอพนี้เสมอนั่นคือ Grab Taxi ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Grab แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดด้วย ผมก็ใช้แอพนี้เรียกแท็กซี่เพื่อไปส่งที่สนามบิน แต่จากที่คำนวณดูแล้วจากที่พักไปถึงสนามบินค่าแท็กซี่ประมาณ 1-2 ร้อยบาท ซึ่งผมตั้งงบแท็กซี่ไปแค่ 100 บาท จึงเกิดแผน 2 ขึ้นมา โดยนั่งแท็กซี่ไปลงสถานีบางเขน แล้วต่อรถไฟฟรีไปที่สถานีดอนเมือง

พอผมกดใช้แอพปุ๊บรออยู่ค่อนข้างนาน ก็มีพี่แท็กซี่ตอบรับผม (ซึ่งผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ซอยไหน ถนนอะไร เนื่องจากเพื่อนมาส่ง) พี่แท็กซี่ก็โทรมาบอกว่าน้องอยู่ซอยไหน เราก็บอกว่าตามพิกัดในแอพเลยครับ แล้วพี่เขาก็ขับเลยไปคนละซอย เขาก็โทรมาหาผมอีก ผมก็บอกว่าตามพิกัดเลยครับ เพราะผมไม่รู้จักซอย แกบอกพิกัดไหนล่ะก็คุยโทรศัพท์อยู่เนี่ย (เหมือนไม่พอใจ)

ถ้าผมรู้จักแผนที่ผมไม่เรียกใช้แอพนี้หรอก แอบโมโหพี่แท็กซี่แกนิดๆเลย ในที่สุดผมก็ยกเลิกการใช้บริการกับแก และหาแท็กซี่คันใหม่


อย่างที่บอกแผนผมคือนั่งแท็กซี่ไปลงสถานีรถไฟบางเขน ค่ารถ 70 บาท และจะนั่งรถไฟต่อไปที่สถานีดอนเมือง ซึ่งผมก็ดูตารางมาคร่าวๆแล้วรถไฟออกประมาณ 05:43 แต่พอไปถึงเซอร์ไพรซ์ครับ รถมีเฉพาะวันจันทร์ - ศุกร์ ก็เลยเปลี่ยนแผนอีก นั่งรถเมล์ไปลงที่วัดดอนเมืองค่ารถ 13 บาท

จากนั้นก็เดินข้ามสะพานลอยมายังอาคารผู้โดยสาร 1 และเดินต่อมายังอาคารผู้โดยสาร 2 เพื่อพิมพ์บอร์ดดิ้งพาส โดยเที่ยวบินของผมปกติจะออกเดินทางเวลา 07:55 แต่เขาแจ้งเลื่อนเวลาเป็น 08:45 ค้าบบบ รอต่อไปๆๆๆ


หาถ่ายรูปเครื่องบินเล่น


จากนั้นก็เข้ามายังที่พักผู้โดยสาร และถ่ายรูปเครื่องบินเป็นกิจวัตร อิอิ


New Gen Airways เพิ่งเคยได้ยินครับชื่อนี้


สยามแอร์กำลัง Take off


หางแดงลำนี้แหละที่จะพาผมไปภูเก็ต ^^

ส่วนพี่สิงโตก็กำลัง Push back เตรียม Take off


เอ๊ะ! ไปคนเดียวทำไมมี Boarding Pass 2 ใบ (ความจริงผมปริ้นเกิน ๕๕๕)


ที่เป่ามือในห้องน้ำสนามบินดอนเมือง ทำให้คิดถึงที่เป่ามือที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เลย ๕๕๕


เติมน้ำมันแป๊บนะครับ


พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปสนามบินนานาชาติภูเก็ต ควันเต็มเครื่อง A320 เลย


ระหว่างเดินทาง ปกติผมจะไม่เลือกที่นั่งบนเครื่องบินเลย (แอบงก) จะให้มันสุ่มเอง ขาไปคราวนี้ผมได้นั่ง แถว C ฮื่อๆ ไกลหน้าต่างจัง ปกติเป็นคนชอบนั่งข้างหน้าต่าง แต่คราวนี้พี่คนข้างๆใจร้ายมาก ทั้งปิดม่านบังแสงและก็หลับตลอดทาง ถ้าเป็นผมได้นั่งข้างหน้าต่างนะจะไม่หลับเลย T_T


ถึงแล้วสนามบินนานาชาติภูเก็ต

จะเล่าเรื่องหวาดเสียวให้ฟังอยู่บนเครื่องนิดนึงครับ จากที่เมื่อวานเขาแจ้งเลื่อนไฟล์ทผมเลยโทรไปถามแอร์เอเชียร์ว่าทำไมเลื่อนไฟล์ทเขาบอกประมาณว่าเนื่องจากสภาพอากาศ พอเครื่องบินไต่ระดับขึ้นไป เมฆดำมาก มืดไปหมด เครื่องเริ่มสั่น และก็ตกหลุมอากาศอย่างแรงจนรู้สึกวูบลงมา คนบนเครื่องร้อง (ผมก็เช่นกัน) คู่ข้างๆผมเขาจับมือกันแน่น น้ำตาผมนี่ไหลคิดถึงพ่อแม่เลย T_T กลัวมาก ๕๕๕


จากนั้นก็เดินออกมาจากเครื่องบิน แล้วมาพบกับเครื่องบิน Boeing 747 ตัวเป็นๆ ลำใหญ่มากกก ผมกำลังจะเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "น้องๆ ทางออกทางนี้ครับ" ก็เลยได้แต่แอบถ่ายอยู่ไกลๆ ๕๕๕


บอกก่อนว่าที่มาภูเก็ตไม่มีแผนอะไรนอกจากต้องไปถ่ายรูปเครื่องบินที่หาดไม้ขาวให้ได้ จากนั้นก็เดินตรงไปหาแอร์พอร์ตบัส ทีแรกจะนั่งแอร์พอร์ตบัสเข้าไปในเมืองภูเก็ต ซึ่งศึกษาราคาคร่าวๆมาประมาณ 100 บาท แต่แผนใหม่ผมก็เริ่มขึ้น จึงเดินตรงไปที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถระยะทางจากสนามบินประมาณ 1-2 กิโลเมตร เพื่อจะเดินไปดูเครื่องบิน Landing ที่หาดในยาง

พอไปถึงหน้าอุทยานก็จะมีพี่ๆเก็บค่าเข้าคนละ 20 บาท


ผมก็ลองถามพี่ๆว่าแถวนี้มีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ไหม พี่แกก็บอกว่ามีๆ อยู่เลยร้าน Deewa อะไรสักอย่างค่อนข้างไกล พอดีมีพี่ขับซาเล้งมาพี่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วก็บอกให้พี่ขับซาเล้งพาผมไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ พี่แกก็บอกให้ขึ้นรถมา ในใจก็คิดเดี๋ยวๆพี่ผมแค่ถามว่ามีร้านเช่ามอไซค์ไหม พี่จะพาผมไปเลยเหรอ และก็ขึ้นรถกับพี่แกไป ไปไกลมากพอสมควรก็ถึงร้าน ต้องขอบคุณพี่ๆมากที่พาผมมาส่งถึงร้านเช่าเลย

พี่คนนี้แหละที่พาผมไปเช่ารถ


และก็ไปถึงหน้าร้าน ชื่อร้าน...ผมจำไม่ได้


แผนที่ร้านและระยะห่างจากสนามบิน


ค่าเช่ารถจักรยานยนต์วันละ 300 บาท ซึ่งผมเช่า 2 วัน

สำหรับใครที่ต้องการเช่ามอเตอร์ไซต์เพื่อขับไปหาดในยาง หาดไม้ขาว บริเวณสนามบินหรือแม้กระทั่งขับเข้าเมืองภูเก็ตสามารถติดต่อร้านนี้ได้เลย 088-1677651 สามารถรับรถได้ที่ร้านและสนามบิน (มั้งครับ) ลองโทรสอบถามดู และบริการดีมากๆครับ

คันที่ผมเช่า


จากนั้นผมก็ขับรถหาถ่ายรูปเล่น เริ่มที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ


จากนั้นก็จะไปดูเครื่องบิน Landing - Take off ที่หาดไม้ขาว มีทางไปสองวิธีคือเดินจากหาดในยางไปที่ปลายรันเวย์ประมาณ 1-2 กิโลเมตร กับขับรถไปที่หาดไม้ขาว และเดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงจุดที่เครื่องบินลง

ซึ่งผมมีรถก็เลยเลือกขับรถไปที่หาดไม้ขาว แต่กว่าจะไปถึงขับรถหาปั๊มน้ำมันกว่าจะเห็น พอเห็นแล้วก็ขับไปยูเทิร์นรถไกลมาก หลังจากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆตามป้ายวัดไม้ขาว และก็แวะวัดไม้ขาว


จากนั้นก็ขับไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีมาผิดทาง ผมขับไปทางจังหวัดพังงา ก็มาเปิดดูแผนที่ ต้องขอบคุณ Google Map

และก็ไปถึงหาดไม้ขาว


สำหรับใครที่จะขับรถมาดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวแนะนำให้ตามแผนที่มากเลยครับ ๕๕๕

ไปได้หลายทางแต่ผมเลือกมาทางนี้


จากนั้นก็เป็นสวรรค์ของผมละครับ นั่งดูเครื่องบินแลนดิ้ง ฟินนนน

แต่แดดร้อนมากค้าบบบบ

พอมาถึงปุ๊บก็เห็นลำนี้แลนดิ้งเลย


สำหรับใครที่จะมาดูเครื่องบินแนะนำให้โหลดแอพ Flight radar 24 นะครับ จะมีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี เพื่อเอามาดูว่าเครื่องบินที่จะมา ถึงไหนแล้ว และจะลงรันเวย์ไหน


เขตหวงห้ามมม


สวรรค์ของผมมมม ^^


นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพเยอะแยะเลย


สำหรับใครที่ขับรถยนต์มาระวังรถติดทรายด้วยนะครับ


จากนั้นผมก็ขับรถ ชิวๆ เรื่อยๆ เข้าไปในเมืองภูเก็ต ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ขับแป๊บเดียวก็ถึง


และก็หาที่พัก ผมจองที่พักผ่าน Booking.com ล่วงหน้า เพียง 1 วัน เลือกที่อยู่ในเมืองเพราะตอนแรกคิดว่าจะนั่งแอร์พอร์ตบัสมาลงที่บขส.เก่า แล้วเดินมาที่พัก ซึ่งที่ผมจองคือ Win Backpacker ผมจองห้องละ 180 บาท เป็นห้องพัดลม ส่วนห้องแอร์ 250 บาท (รวมอาหารเช้า)

กว่าจะไปถึงขับรถอยู่ตั้งนาน เลยเปิด GPS ดูพิกัดของที่พัก ถนนในเมืองภูเก็ตบางที่จะเป็นวันเวย์ พอขับไปแล้วอ้าว เลยนี่หว่า กว่าจะวนกลับมาได้ต้องไปอ้อมไกลมาก เพราะมันเป็นถนนแบบวันเวย์

พอมาถึงที่พักก็มีชื่อเราเพราะเราจองมาล่วงหน้า ก็เช็คอินเรียบร้อย เจ้าของก็พาไปดูห้อง แต่เจ้าของที่พักก็แนะนำให้อยู่ห้องแอร์ 250 บาท ผมก็เลยต่อราคา พี่เขาก็ให้ที่ 200 บาท แต่ไม่รวมอาหารเช้า และที่พักไม่มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากเขากำลังทำถนนท่อระบายน้ำสักอย่าง ผมต้องไปจอดห่างจากที่พักประมาณ 50 เมตรในใจก็กลัวรถหายด้วย...


จากนั้นก็ขับรถจากที่พักไปยังหาดป่าตอง ระยะทางก็ประมาณ 10 กิโลเมตร

ชอบเมืองภูเก็ตอย่างหนึ่ง มักจะมีถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ที่กว้างมาก เวลาจอดที่ไฟจราจรจะมีช่องจอดสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ และที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก่อนถึงหาดป่าตองคือขับรถขึ้นเขา มันส์มาก ๕๕๕


ถึงแล้วครับหาดป่าตอง เป็นหาดที่สวยมาก คนเยอะมากโดยเฉพาะฝรั่ง และคลื่นทะเลจะนิ่งๆ และจะมาใหญ่ๆเป็นช่วงๆ ความรู้สึกต่างจากอ่าวไทยที่จะมาคลื่นใหญ่และบ่อยมาก


และจากนั้นขับรถไปยังแหลมพรหมเทพ ห่างจากหาดป่าตองประมาณ 20 กิโลเมตร

ผมถามคนแถวนั้นว่าระหว่างทางมีปั๊มน้ำมันไหม เขาก็แนะนำว่าให้เติมไปเลย เพราะกว่าจะถึงมันไกลมาก ก็เลยซื้อแบบขวด 1 ขวด 40 บาท พอขับออกมานอกเมืองอีกนิดหน่อย ขวดเท่ากันราคา 30 บาท ฉะนั้นออกมาเติมแถวๆนอกเมืองนะครับ ๕๕๕


พอไปถึงคนเยอะมากทั้งคนไทย คนจีน และฝรั่ง


พรีเวดดิ้งก็มา แต่ไม่ใช่คนไทยนะครับ


ภาพจากโทรศัพท์มือถือ


จากนั้นผมก็ขับรถจากแหลมพรหมเทพเข้ามายังเมืองภูเก็ตระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร


ด้วยความที่ไม่มีแผน เราอิสระอยากไปไหนก็ไป เลยเลือกไปเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต

อยากจะบอกว่าผมหลงทางในเซ็นทรัลเฟส เพราะผมเข้าชั้นสอง แต่มาหาทางออกชั้น 1 เดินหาอยู่ตั้งนานกว่าจะออกมาได้ ต้องเปิดแผนที่กันเลยทีเดียว ๕๕๕


ระหว่างทางบังเอิญเจอถนนคนเดิน หลาดใหญ่ ก็เลยแวะเดินสักหน่อย


พิกัดอยู่แถวถนนถลาง ผมไม่แน่ใจว่ามีตลาดทุกวันหรือเปล่า ใครรู้บอกด้วยนะครับ


จากนั้นก็กลับมายังห้องพัก Win Backpacker Hostel

คืนนี้ผมนอนกับฝรั่งคนหนึ่งมาจากสกอตแลนด์ อายุ 25 ปี ไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไหร่ เพราะผมมาถึงห้องประมาณสี่ทุ่มกว่า ต่างคนก็ต่างอยู่

และมีน้องวินนี่ ลูกเจ้าของโฮสเทลเข้ามาเล่นด้วย น้องน่ารักมาก ซนตามประสาเด็ก

ขออนุญาตด้วยนะครับ


28 มี.ค. 59

หลังจากตื่นนอนก็เตรียมตัวอาบน้ำเก็บของ เช็คเอ้าท์และผมฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทล แผนในวันนี้คือไปชมภูเก็ตเมืองเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส พิกัดอยู่แถวถนน พังงา ถลาง ดีบุก และถนนเยาวราช


ภาพอาจจะเอียงๆไปนิดนะครับ เพราะผมถ่ายขณะขับรถ


จากนั้นก็ไปที่หาดป่าตองอีกครั้ง เพราะผมจองที่พักคืนที่สอง ไว้ที่หาดป่าตอง (จองล่วงหน้าแค่ 1 วัน ๕๕๕)

ได้ราคาพิเศษลดประมาณ 10% เหลือ 179 บาท เพราะผมเป็นสมาชิก Genius ของ Booking.com


ที่ผมพักเป็นห้องพักรวม มี 3 ห้องใน 1 ห้องใหญ่ มีประมาณ 8 เตียง เป็นเตียงสองชั้นนอนได้มากกว่า 20 คน


แผนที่จากหาดป่าตองมาที่พัก


หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็มีฝรั่งคนหนึ่งเข้ามาทักทาย

Axel มาจาก Sweden เขาก็เข้ามา Say Hi ผมก็ชวนคุย เขาก็ชวนคุย เราก็ถามมากี่วัน มาคนเดียวเหรอ คุยกันไปมาเลยชวนไปเดินชายหาดป่าตอง

ก่อนลงมาจากห้องพัก เขาก็ถามผมประมาณว่าคุณไม่กลัวข้าวของหายเหรอ แบบใครจะมาขโมยน่ะ ผมก็บอกว่าให้เอาของมีค่าติดตัวไปด้วย

พอไปถึงรถเขาก็ถามเรามีใบขับขี่ไหม (สงสัยกลัวเราขับรถไม่เป็น ๕๕๕) เราก็ยื่นใบขับขี่ให้ดู

พอถึงหาดป่าตองผมทำแว่นกันแดดหาย กลับมาหาที่รถก็ไม่เจอ เขาก็เลยให้ยืมเพราะผมเป็นคนขับรถ พวกเราก็เดินเล่นตามชายหาด คุยกันตามประสางูๆปลาๆ ภาษาผมก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ 555

ทีแรกจะถามว่า คุณจะเล่นน้ำไหม ก็กลัวเขาคิดว่าเราเป็นพวกโจร มิจฉาชีพหรือเปล่า เพราะว่าเขาถือของมีค่ามาด้วย กลัวเขาคิดว่าเราจะชิ่งกระเป๋า ก็เลยไม่กล้าถาม

สักพักเขาเลยลงเล่นน้ำเองและฝากกระเป๋าไว้ที่ผม ถือว่าเขาไว้ใจผมมากๆเลย

เขาลงเล่นน้ำแป๊บเดียวก็ขึ้นมา จากนั้นผมก็ชวนไปหาดกะรน เขาบอกว่าเดินไปเหรอ ผมบอกเปล่าๆขับรถไป ระยะทางประมาณ 5 ก.ม.


พอมาถึงหาดกะรน ก็เหมือนเดิมเดินคุยกันไปเรื่อยๆ แต่หาดนี้คนจะน้อยกว่าหาดป่าตอง ได้ยินแต่เขาพูดว่า Less People


สักพัก Axel อยากกินไอติมผมเลยพาไปซื้อแมกนัม ผมก็ถามเขาว่ารู้ไหมราคาจริงเท่าไหร่ (เพราะเขาซื้อแมกนัม 90 บาท) เราก็บอกว่าข้างนอกขาย 40 แต่เขาก็บอกว่าไอติม 90 บาทสำหรับเขามันถูกมาก

ผมก็เลยถามที่สวีเดนค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่ เขาก็หยิบโทรศัพท์ผมไปแปลงค่าเงิน

ที่สวีเดนค่าแรงขั้นต่ำประมาณ 3 พันกว่าบาทไทย น้ำมันลิตรละ 170 บาท

ค่าแรงขั้นต่ำ


ผมก็ถามว่าบ้านคุณอยู่เมืองไหนในสวีเดน

เขาก็บอกว่าคุณรู้จักที่ไหนบ้าง

ผมรู้แค่เมืองหลวง

เขาบอกบ้านเขาห่างจากกรุงสตอกโฮล์มเมืองหลวง ประมาณ 500 กิโลเมตร

และเขาก็ชี้พิกัดบ้านให้ดู เดี๋ยวว่างๆและมีเงินผมจะไปเยี่ยมนะ Axel 5555


และมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาถามผม ตามประโยคข้างล่างนี้เลย

ผมก็บอกว่า I don't understand. เขาเลยบอกให้ผมเปิด Google Translate เขาก็พิมพ์ๆ แต่แปลมาแล้วผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาก็เลยบอกว่า Never mind และเขาก็บอกผมประมาณว่า คุณเนี่ยขนาดพูดไม่ค่อยได้ก็ยังชวนคุยถือว่าคุณมีความพยายามที่จะอยากพูดอยากเรียนรู้ เขาก็ถามว่าผมเรียนรู้ภาษาจากไหน ก็เลยบอกจากหนังและฟังเพลง ผมก็เลยถามว่าสวีเดนใช้ภาษาอะไร เขาบอกการศึกษาส่วนมากจะใช้ภาษาอังกฤษ และพูดภาษา Swedish ผมก็บอกว่าที่ไทยบางคนก็ไม่ค่อยเก่งภาษา อย่างเช่นผม ๕๕๕ (ใครก็ได้แปลข้อความข้างล่างให้ที)


จากนั้นก็ Axel พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ออก ....Shopping center อ๋ออยากไปช้อปปิ้งก็เลยพาไปจังซีลอน


เขาถามผมว่าปกติกินข้าวที่ไหน (สงสัยจะชวนกินข้าว) ผมเลยบอกว่าบางครั้งก็เข้าร้านสะดวกซื้อ บางครั้งก็กินข้าวร้านข้างทางเพราะประหยัดเงิน

พวกเราก็เลยซื้อของในบิ๊กซีจังซีลอน ทั้งพิซซ่า ข้าว ไอติม ขนม เบียร์ มากินที่อพาร์ตเมนต์ ดีหน่อยที่มีเครื่องครัวครบทุกอย่าง ทั้งไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องปิ้งขนมปัง กาต้มน้ำร้อน ถ้วย ช้อน จาน ส้อม ระหว่างทานข้าวก็พยามยามชวนคุย ผมเลยถามที่สวีเดนอาหารหลักคืออะไร เขาก็บอกว่าเป็นพวกมันหรืออะไรเนี่ยแหละ ... ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน ๕๕๕

ตอนอยู่ในห้างเขาอยากกินเบียร์ผมเลยแนะนำเบียร์ยี่ห้อตัวใหญ่ๆให้เขาก็บอกว่าน่าสน พอแนะนำอีกยี่ห้อหนึ่งก็น่าสนอีก และพอไปซื้อไอติมเขาก็ซื้อตาม ซื้อขนมปังครัวซองต์และพาย เขาก็ซื้อตาม สรุปคือเชียร์อันไหนเขาจะซื้อหมด ๕๕๕

ลืมบอก Axel อายุแค่ 20 ปี (น้อยกว่าผมอีก) เขาจะอยู่ที่ภูเก็ต 1 สัปดาห์แล้วไปทำงานที่ออสเตรเลีย ต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เขาเคยไปหลายประเทศมากในโซนยุโรปและอเมริกา ทั้งสเปน เดนมาร์ก ผมจำได้แค่นี้ แอบอิจฉาอยู่เหมือนกันนะเนี่ยยยย

พวกเราคุยกันตั้งแต่บ่ายสามจนถึงสามทุ่ม คุยกันจนเมื่อยมือ ทั้งใช้ Google translate ใช้เครื่องคิดเลข บางทีเราพูดเขาก็ไม่เข้าใจ บางทีเขาพูดเรายิ่งไม่เข้าใจ 555

นับเป็นครั้งแรกที่ประทับใจมากที่ได้พาฝรั่งเที่ยวและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถือได้ว่า Axel มีความสุภาพ ใจดีและเป็นกันเองมาก ที่สำคัญเขาไว้ใจผมมาก

เขาถามพรุ่งนี้จะกลับตอนไหน ผมก็บอก " 2 AM เอ้ยๆ 8 AM "

จากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำและพักผ่อน

รูปผมและ Axel (แต่น่าเสียดายพวกเราไม่ได้ขอช่องทางการติดต่อไว้เลยเผื่อได้ไปเล่นที่สวีเดนบ้าง 555)


มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟัง คือผมเจอฝรั่งเปิดไฟเลี้ยวรถมอเตอร์ไซค์ค้างไว้มานานมากแล้ว

พอจอดที่ไฟแดงผมก็ไม่รู้ว่าไฟเลี้ยวภาษาอังกฤษเขาพูดอะไร

ในใจตอนนั้นคิดไม่ออกก็เลยบอกไปว่า

"Your Flash ๆๆ" พร้อมชี้ไปทางไฟเลี้ยว 5555

เขาก็ทำหน้างงๆ แล้วก็พยักหน้า Thank you

(เอ๊ะ แฟลชนี่มันแสงวาบๆในกล้องนี่หว่า ไฟเลี้ยวเขาพูดว่าอะไรอ่ะ? 555)


อีกเรื่องฝรั่งถามวิธีสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ เขาสตาร์ทไม่เป็นและขอความช่วยเหลือจากผม

ผมก็บอกว่า "You must เอาขาตั้งขึ้น"

"แล้วก็ กำเบรค จากนั้นค่อยกดสตาร์ท"

ไม่รู้จะพูดว่ายังไง 555


29 มี.ค. 59

หลังจากอาบน้ำเสร็จเก็บของอะไรเรียบร้อยก็ขับรถมุ่งหน้าสู่สนามบินเพื่อไปถ่ายรูปเครื่องบินอีกครั้ง


รูปหาดป่าตองอีกจากมุมหนึ่ง


ระหว่างทางก็แวะที่หาดสุรินทร์ หาดนี้มีความเงียบสงบ คนไม่เยอะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบพื้นที่ส่วนตัวนะครับ


จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังหาดในทอน

หาดนี้คนไม่เยอะอีกเช่นกัน


และมุ่งหน้าต่อไปยังหาดไม้ขาวเพื่อชมเครื่องบินแลนดิ้งอีกครั้งงง

นี่แหละคือวัตถุประสงค์ที่ผมมาภูเก็ต


ชมภาพเครื่องบินต่อด้านล่างเลยครับ


จากนั้นก็กลับเข้ามาสนามบิน โดยร้านเช่ารถจักรยานยนต์เขาจะมารับรถเองที่สนามบินเลย

เช็คอินพิมพ์ Boarding Pass เรียบร้อย ถือว่าที่สนามบินภูเก็ตมีความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยดีมาก สแกนตั้งแต่เข้าอาคารผู้โดยสารมาเลย


เครื่องบินดีเลย์ประมาณ 30 นาที

วันนี้นั่งไปรษณีย์ไทยกลับกรุงเทพฯนะครับ


บนท้องฟ้าเหนืออ่าวไทย (หรือเปล่า)


ถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ


จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปยัง BTS หมอชิต เพื่อนก็มารับและไปส่งที่ สถานีขนส่งหมอชิต และเพื่อนก็มีสิทธิพิเศษอีกแล้ว ได้ส่วนลดค่ารถโดยสาร ป.1 ด้วย ต้องขอบคุณส่วนลดต่างๆของเพื่อนในครั้งนี้มาก ๕๕๕

30 มี.ค. 59
08:00 ถึงอุบลราชธานีโดยสวัสดิภาพ ^^

สรุป
ทริปนี้ที่ไม่ได้วางแผน คิดอย่างเดียวคือต้องไปถ่ายรูปเครื่องบินที่หาดไม้ขาว แต่มันกลับได้มากกว่าที่คิด คุ้มค่า สนุก อิสระ ได้มิตรภาพ ประทับใจ...เคยคิดมาตลอดว่าไปภูเก็ตจะต้องโดนโกงหรือกดราคาแน่นอน แต่ไม่ใช่เลยคนภูเก็ตใจดีมากก....มีโอกาสจะกลับไปอีกครั้ง "‎ภูเก็ต"


-----------------------------------------------------------------------------------


ค่าใช้จ่าย

26 มี.ค. 59
ค่ารถสองแถวไปสถานีรถไฟ 10 บาท
ผ้าห่มที่โรงแรม 40 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 190 บาท

27 มี.ค. 59
ค่า Taxi ไปสถานีรถไฟบางเขน 70 บาท
ค่ารถเมล์ไปสนามบินดอนเมือง 13 บาท
ค่าเข้าอุทยานสิรินาถ 20 บาท
ค่าเช่ารถมอจักรยานยนต์ 2 วัน 600 บาท
เติมน้ำมัน 50+40+60 = 150 บาท
ค่าห้องพัก Win Backpacker 200 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 142 บาท

28 มี.ค. 59
ค่าห้องพักป่าตองสตูดิโอ อพาร์ตเม้นท์ 179 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 155 บาท

29 มี.ค. 59
แว่นตากันแดด 199 บาท
ค่ารถเมล์ 30 บาท
ค่ารถทัวร์กลับอุบลฯ 322 บาท
อาหารและเครื่องดื่ม 139 บาท

30 มี.ค. 59
ค่าสองแถวกลับหอพัก 10 บาท

ค่าเครื่องบิน 396.80 บาท
รวมค่ารถและค่าเดินทาง 1,205 บาท
รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม 626 บาท
รวมค่าที่พัก 379 บาท
รวมค่าอื่นๆ 259 บาท

รวมทั้งหมด 2,865.80 บาท !!!

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางเพจ Facebook ได้นะครับ Khunjao's Backpacker

Khunjao Backpacker

 วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.41 น.

ความคิดเห็น