หลังจากขับล่าแสงเหนือไปสักพักผมก็ลองเดาดุว่าระหว่างทางมันจะเห็นที่น้ำตกนั้นไหมก็เลยลองขับย้อนไปเรื่อยแล้วกะจะว่าจะนอนที่ตรงน้ำตกนั้นเลย ก็ขับไปถ่ายรูปไปด้วยแล้วก็มาเจอแสงเหนือตรงน้ำตกจริงๆ ความแรงวันนี้อาจจะไม่เท่าไรแต่กแค่นี้ก็พอใจแล้ว


ผมก็เลยตั้งกล้องถ่ายยาวๆไป บริเวณที่ผมตั้งกล้องมีแผ่นน้ำแข็งตรงแม่น้ำที่ไหลลงเดินไปลื่นไป พอได้ภาพที่พอใจแล้ว ก็ไปนอนได้แล้วเพราะหนาวมากและง่วงมากจริงๆ แอบหวังว่าจะเห็นสายรุ้งตรงน้ำตกในตอนเช้า


ตื่นเช้ามาด้วยความคึกกินไส้กรอกสดๆแล้วออกมาถ่ายรูปต่อ รูปนี่ก็วิ่งไปมาอยู่หลายรอบกว่าจะได้รูปนี้ ผมเห็นคนขึ้นไปดูวิวจากด้านบนไหนๆก็ไม่รู้จะไปไหนละเลยคิดว่ามาทั้งทีลองขึ้นไปดูสักหน่อยละกันคงไม่เสียเที่ยวเดินไปครึ่งทางรู้สึกอยากลงแต่ก็มาครึ่งทางละเลยเดินต่อไป


วิวจากด้านบนก็ถือว่าใช้ได้แต่ถ้าเทียบกับมองจากโดรนละก็อย่าขึ้นมาเลยเหนื่อยเปล่าๆ เนื่องจากแผนเดินเปลี่ยนว่าจากเที่ยวรอบเกาะเป็นย้อนทางเดินเพราะ นางป่วยก็เลยลองหาที่เที่ยวดูแถวนี้ แล้วก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องบินที่ตกกลางหาดที่เราได้ยินคำบอกเล่ามาว่าเค้าปิดไม่ให้เข้าแล้ว และถึงแม้เข้าได้ทางไปก็สำหรับยกสูงซึ่งรถเรานี่ก็เตี้ยมาก ใจนึงก็กลัวจะโดนค่าปรับเพราะทำรถเค้าพัง อีกใจก็ไม่มีที่เที่ยวแล้วก็เลยเอาลองหาข้อมูลว่ามันเลี้ยวเข้าทางไหนเพราะเจ้าของที่เค้าเริ่มรู้สึกรำคาญที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ่อยเกินจนทำป้ายห้ามเข้า พอเจอทางเข้าปุ๊บก็เลี้ยวเข้าปั้บเกือบเลยแนะ พอวิ่งเข้าไปจะเห็นทางหลักแต่หินค่อนข้างเยอะเราก็เลยเลือกจะขับเลาะไปเรื่อยขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้างเรียกว่าเหมือนมาล่าสมบัติเพราะไม่เห็นวี่แววของเครื่องบินเลยสักนิด ขับไปก็คิดไปว่าจะเจอไหมเนี่ยรู้งี้ขับทางหลักดีกว่าเนินนี่ก็สูงต่ำต่างกันเหลือเกินกลัวรถจะคว่ำก่อนถึง ไม่ก็ติดหล่ม พอขับไปสักพักก็เลยคิดว่าขับแบบนี้อีกนานแน่กว่าจะเจอเลยเอาโดรนไปบินหาน่าจะง่ายกว่า ว่าแล้วก็ติดเครื่องบินกันเลย (วีดีโอนี้จะเห็นในวีดีโอรวมตอนท้ายนะครับพอดีไม่ได้อัพแยก) บินไปสักพัก เจออะไรแปลกเป็นลายล้อรถวิ่งเป็นวงกลมสวยดี แต่ยังไม่เจอเครื่องบิน จนบินไปสักพักถึงจะเจอพอเจอแล้วก็เลยรู้ว่าเราต้องขับไปทางไหนต่อ เมื่อมาถึงเครื่องบินก็ปรากฏว่าเรามาจากทางไม่ปกติเลยขับไปจอดใกล้ๆไม่ได้เพราะมันอยู่บนเนินที่สูงกว่ามากเลยต้องจอดรถแล้วเดินถ่ายรูปแทน ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ 11 โมงยังไม่มีใครมาเลยเราเป็นกลุ่มแรกของวัน


เรียกว่าถ่ายกันจนจุใจเพราะไม่มีคนเลย (ปีนขึ้นไปบนเครื่องบินนี่ต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะมันคมมากพวกรอยขาดของเครื่องอาจจะทำลายเสื้อผ้าเราหรือบาดเราจนเป็นแผลได้) จนสักพักเริ่มมีคนมาเป็นฝรั่งเอาสเกตบอร์ดมาเล่นตรงปีกเครื่องบิน ตินแรกแบบ เออ เท่อะพกมาเล่น สักพักคนเริ่มมาเพิ่มเยอะละ เลยชิ่งหนีออกก่อนดีกว่า ขากลับขี้เกียจหาทางเลาะเนินเลยยอมหาทางลงไปเชื่อมทางหลักระหว่างทางแล้วค่อยๆวิ่งออกมา แล้วก็มุ่งหน้าตรงกลับเข้าเมือง ในใจก็กลัวเหมือนกันว่าจะโดนค่าปรับทำช่วงล่างรถเค้าพังรึเปล่า


มาถึงเมืองก็ดึกแล้ววันนี้ก้ไปตายรังจอดรถนอนในศูนย์การค้าอีกเช่นเคยเพราะลมแรงมากจริงๆจอดในอาคารก็ยังดี เปิดฮีทเตอร์นอกหลับๆตื่นๆพอเช้าเลยลองหาที่เที่ยวในเมืองก็เจอร้านอาหารนี้อยู่บนเขา เลยลองมาดูจอดรถเข้ามาปุ้บรู้เรื่องเลยเจอคนทำท่าเหมือนแขนเจ็บเข้ามาทักว่าช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลหน่อย ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นจริงหรือหลอก เพราะมีคนแถวนั้นหลายคนแล้วผมก็ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลอยู่ที่ไหนด้วย เลยบอกเค้าว่าลองถามคนท้องถิ่นดู เข้ามาเช้าวันนี้ก็หมอกลงมองได้ไม่ไกลมานักลมแรง ด้านบนมีทางให้ออกไปเดินชมวิวได้ฟรีนะครับตึกนี้


ไหนๆก็มาชมวิวละเลยของลองกินอะไรที่นี่หน่อย เลยจัดชากับชีสเค้กมากินรสชาตใช้ได้เลยนะอร่อยดี


นี่คือหน้าตึกลมแรงมากหิมะนี่ตีหน้าจนเจ็บถ่ายไปสองรูปก็พอละขึ้นรถเถอะ


ไปหาที่เที่ยวในเมืองต่อคือไปเก็บโบรชัวในตึกมาเปิดดูว่ามีที่เที่ยวไหนบ้างที่เจอเลยคือพิพิธภัณฑ์แสงเหนือ กับ สัตว์น้ำ ก้เลยเปิดแมพขับไปอันแรกสัตว์น้ำดูยิ่งใหญ่จนกลับค่าเข้า ก็เลยขับมาดูแสงเหนือก็อารมณ์น่าจะเป็นแบบท้องฟ้าจำลองแต่เปิดแสงเหนือให้ดูอันนี้เดานะ


จอดแปปเดียวนี่หิมะเกาะรถขนาดนี้ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องเที่ยวไรไม่ได้แน่บรรยากาศแบบนี้ หาร้านกินข้าว ก่อนอื่นขับไปวนหาที่จอดรถที่นี่ก็เหมือนทั่วไปคือเอารถไปจอดแล้วเอาตังไปกดตู้แล้วเอากระดาษมาแปะหน้ารถจะจอดกี่ชมก็จ่ายไปตามนั้นแต่ต้องกะเอาเองนะซึ่งนี่ละยากสุดก็เลยกะว่าสักสองชมน่าจะกลับมาละ ไปร้านแรกอาหารดีน่ากินและแพง เดินไปถึงร้านเรียบร้อยลืมดูเวลาเปิดเค้าเปิดตอนเย็นนี่มาตั้งแต่เที่ยง เลยได้แค่ถ่ายหน้าร้านมา ไปร้านสองก็เช่นกัน


ที่นี่เลยลองไปเดินในเมืองละร้านไหนเปิดก็ร้านนั้นละเลยได้ร้านนี้มากิน


ร้านนี้สั่งเป็นเซทมาอาหารก็อาจจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไรนัก แต่ที่แนะนำว่าต้องมาโดนร้านนี้คือจานของหวานอันนี้อร่อยแบบฟินไปเลย กินเสร็จก็ไม่ค่อยอิ่มนัก เลยออกมาเดินย่อยเล่นๆ ถนนตอนนี้คือลื่นมาก คนเดินไปมาล้มกันตลอดแล้วก็มาเจอร้านฮอตดอกเรียกว่าเป็นอาหารที่เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ที่สุดแล้ว ร้านขึ้นชื่อคนมากินกันเต็มไปหมดเลยจัดไปชิ้นนึง


แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ารถเราเกินเวลาไปแล้วนี่นาเลยรีบกลับมาที่รถกลับโดนค่าปรับแต่พอมาถึงไม่โดนแต่หอมะเกาะใต้ท้องรถเต็มไปหมดจะขุดเพื่อเอารถออกเลยทีเดียว มาคิดๆดอากาศแบบนี้คงไม่มีใครขยันมาแจกใบสั่งมั่ง แต่บ้านที่เราจองไว้เป็นเมืองเดียวกับสนามบินห่างจากเมืองหลวงไปครึ่งชม ก็เลยเอายำยำสุกี้กินเป็นมื้อเย็นแทน ยังเหลืออีกวันนึง ที่จะเที่ยวใจก็อยากไปเข้านั้นอีกทีนึงแต่ไกลใช้ได้ขับเต็มที่ก็ 6 ชม. ก็เลยตัดสินใจว่าให้นางนอนพักให้หายป่วยแล้วกันแล้วขับไปคนเดียว เรียกว่ารีบยิ่งกว่ารีบเพราะอย่างที่บอกคือมันสว่างแค่ 4 ชม เพราะฉะนั้นถ้าจะทันคือพระอาทิตย์ตกแต่ก็ไม่รู้ว่าฟ้าจะเปิดไหมอีก ต้องวัดดวง


ขับไปก็ถ่ายไปแต่พอถ่ายรูปนี้จบปุ๊บเป็นทางลงเนินซึ่งเราก็รีบอยู่แล้วแต่จัดก็ว่าเอาอยู่ข้างหน้าเป็นสามแยกเราต้องเลี้ยวขวา เท่านั้นละพอเลี้ยวปุ๊บดังครื้ดๆๆๆๆๆๆๆ รู้เลยว่าลงไปจมหิมะแน่แต่เพราะเราลงหลายรอบละเลยไม่ค่อยกลัวพอรถนิ่งนี่ขำซะอีกเพราะมันนิ่มจนไม่น่ากลัวเลย


สภาพก็อย่างนี้ละครับแถวนั้นก็ยังไม่มีรถผ่านมาฟ้าก็จะมืด รอจนมีรถใหญ่ผ่านมาพร้อมรถเล็ก คนขับรถใหญ่บอกผมลากเองเพราะเค้าน่าจะลากง่ายกว่ารถเล็ก


เรียกว่าลากทีเดียวหลุดออกมาเลยสุดยอดจริงๆ ต้องขอบคุณมากๆทีนี้เลยขับระวังขึ้นเพราะลงรอบหน้ากลัวไม่มีใครลากขึ้นมา มาถึงมุมที่จะถ่ายก็เรียกว่าผิดหวังกันไป เพราะไม่เห็นพระอาทิตย์ ก็เลยถ่ายมานิดหน่อยละรีบกลับ


รถก็ประตูพังไปข้างนึงลมเลยลอดเข้ามาเลยเอาเทปกาวติดประตูไว้ เพราะมันหนาวจริงๆ ขับไปเรื่อยเทปเริ่มไม่อยู่ดังเป็นระยะ พอกลับมาถึงเมืองเห็นแวปด้านข้างอะไรขยับๆ อ่าวเฮ้ยนั้นมันแสงเหนือนี่หว่า ผมนี่รีบขับกลับบ้านไปรับนางมาดูเลย


ซึ่งระหว่างไปถ่ายภาพที่นอกเมืองมันมือมากเลยทำให้ฝากล้องหายไปอันนึง แล้วระหว่างที่หาฝากล้องสักพักมือถือหายอีก ตอนนี้ใจเสียมากเพราะรถขับผ่านหลายคันกลับจะทับมือถือพังไปซะก่อน ก็เลยคิดว่าฝากล้องไม่เอาละขอแค่เจอมือถือก็พอ เรียกว่ารื้อทั้งรถหา มาเจออยู่บนถนนใกล้ๆรถ ก็เลยย้ายมาถ่ายตรงประภาคาร เอาเพราะคิดน่าจะสวยสุดของเมืองนี้แล้ว ถ่ายไปสักพัก แสงก็เริ่มจากมากๆแล้ว เลยตัดสินใจกลับไปนอนดีกว่าแล้วพรุ่งนี้เช้ามาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นแทน


ระหว่างทางก็เจอม้าเจ้าเก่าอีกแล้วเลยขอถ่ายเล่นสักนิดนึง


ถ่ายสักพักรีบกลับไปสนามบินเพราะยังไม่ได้เติมน้ำมันให้เต็มถังเพื่อเอาไปคืน เลยกะไปหาปั้มน้ำมันแถวสนามบิน ที่นี่การคืนรถก็ง่ายมาก เอารถไปจอดตรงที่จอดสนามบินเดี๋ยวบริษัทจะมารับรถกลับไปเอง


โดยสรุปทริปนี้เสียเงินไปคนละ 7 หมื่นบาท ครับซื้อซิมการ์ดใบเดียว แต่เติมเนตมา 5 GB ถ้าไม่นอนบ้านพักหรือโรงแรมก็จะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกเพราะที่อยู่ที่เเพงสุดคือโรงแรมที่พักระหว่างรอไปถ้ำนำเเข็งที่นั้นเเพงมากจำตัวเลขชัดๆไม่ได้เเต่ประมาณหลักพันปลายๆถึงหมื่นนิดๆนี่ละครับ แล้วก็ที่สำคัญเรื่องประตูรถห้ามทำพังขอย้ำว่าต้องระวังสุดๆ เพราะหลังจากผมกลับมาเพื่อนที่ไปเที่ยวเช่ารถใหญ่ไปโดนหนักกว่าผมอีก โดนไป 800 ยูโร ถ้าให้ดีจ่ายเงินสดจะดีที่สุดเพราะอย่างที่รู้กันว่าภาษีประเทศนี้แพงจ่ายสดจะถูกกว่าเพราะของผมได้ลดไป 40 ยูโรกรณีจ่ายเป็นเงินสด ว่าแล้วก็ขึ้นเครื่องกลับอังกฤษ ส่วนค่าน้ำมันของผมวันไหนที่ขับไกลหน่อยจะเติมสองรอบ ถ้าขับไม่เยอะจะเติมเเค่รอบเดี๋ยวตก ครั้งละ 50 ปอนด์

สุดท้ายนี้ก็มีวีดีโอมาฝากกันไว้สองตัวครับ



Ps. ต้องขอโทษด้วยที่มาลงตอนนี้ช้ามากๆครับเกิดปัญหาอัพรูปไม่ขึ้นกับตัดวีดีโอออกมายังไม่ถูกใจเลยรออัพทีเดียว

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่อดทนมาอ่านกันนะครับ ส่วนทริปหน้าจะไปเที่ยวที่ไหนเดี๋ยวจะรีบมาอัพกันนะครับ

ช่องทางการติดต่อพูดคุย สอบถาม ทักมาได้ครับไม่กัด



อันนี้พาทเเรกเผื่อยังไม่เคยอ่านกันครับ Part1: https://th.readme.me/p/1973

https://www.facebook.com/veephotographer/

IG: vverapat

อันนี้เก็บตกภาพตอนติดหิมะวันเเรก

นี่คือรอยหลังเอารถออกมาเเล้ว


whereveego

 วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 04.47 น.

ความคิดเห็น