ภูกระดึง ถึงใครบางคน 2 คืน 3 วัน มหัศจรรย์การเดินทาง ไม่สบายเหมือนเดินห้าง แต่มีคนเดินข้างๆมันโอเค
บันทึกนักเดินทาง 8-10 ตุลาคม 2559 ทริป 2 คืน 3 วัน บนภูกระดึง บททดสอบที่สามของการหัดเดินป่า
แจ๊คมาอีกแล้วค่ะ เบื่อกันยัง ห้ามเบื่อนะ เพราะแจ๊คมีเรื่องเล่าตั้งเยอะที่อยากเล่าให้ฟัง อิอิ
เพื่อนๆคิดว่า อะไรคือหัวใจสำคัญของการเดินป่า
สำหรับแจ๊ค นอกจากร่างกายและใจสู้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเพื่อนร่วมทางที่ดี
ไม่จำเป็นต้องมีมากมาย แต่ขอแค่คนที่เข้าใจ และไม่ทิ้งกัน
2 สาวผู้บอบบางชวนกันขึ้นภูกระดึง จะเป็นไงบ้าง ติดตามนะคะ เรื่องเล่าเพียบ!!!!!
บอกก่อนเลยทริปนี้ นับการเดินขึ้นลง เดินเที่ยวบนภู ระยะทางทั้งหมดร่วม 50 โล เข่าไม่พังแต่เท้าบวม ร้าวววววไปทั้งตัว

ขายของแป๊ปปปป เรามีเพจนะคะ เพจเราชื่อ นักเดินทางตัวน้อย มีทั้งเดินทางคนเดียว ทริปเดินป่า

ยังไงก็ ฝากกดไลค์ ติดตามการเดินทางกันด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/journeymemories/

โอเค สบายใจได้โฆษณาเพจ รีวิวต่อได้



เมื่อพี่น้ำตาล พี่สาวนักเดินป่าที่รู้จักกันจากทริปเขาหลวงสุโขทัย ทัก line มา น้องแจ๊คไปภูกระดึงกัน

เวลาแล้วแต่น้องแจ๊คสะดวกเลย

เอาดิพี่ แจ๊คปิดเทอมพอดี เลยวางแผนไว้ว่าเดินทางคืนวันที่ 7 พี่น้ำตาลขับรถมาจากกำแพงเพ็ชร

แจ๊คนั่งรถทัวร์จากหมอชิต ถึงผานกเค้าเช้าวันที่ 8 แล้วเริ่มเดินกัน

หลังจากหาข้อมูลคร่าวๆ ต่างฝ่ายก็ต่างคิดว่า 1 คืนไม่พอว่ะ แจ๊คเลยทักพี่น้ำตาลไป

2 คืนดีกว่ามั้ยพี่ พี่ตอบกลับมาว่า พี่ก็คิดเหมือนกัน 55555

โอเคพี่ ตามนั้น 2 คืน 3 วันภูกระดึง ลุยยยยย

สำหรับทางเดินขึ้นภูกระดึงนั้นพวกเราไม่หวั่นกลัวเลย อาจเพราะผ่านความชันของเขาหลวงสุโขทัยมาแล้ว

สิ่งที่สร้างความวิตกกังวลมาก ระดับ10 คือน้องทาก คือเราเห็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทนี้ไม่ได้ไง มันขนลุก

แล้วยิ่งมันมาเกาะเรา หยึยยยยยยยยยยยยยยย แค่คิดก็ขนลุกละ



ภูกระดึง บทที่1 การเตรียมตัวและสิ่งที่ควรรู้ ก่อนขึ้นภูกระดึง


เอาแบบงูๆปลาๆแบบคนหัดเดินป่าแบบแจ๊คนะ

1. เตรียมตัวเตรียมใจฟิตร่างกายให้พร้อม เตรียมรองเท้า เตรียมยาสามัญ
2. ควรหาข้อมูลไปบ้างว่าทางเดินเป็นไง บนภูเที่ยวยังไงดี ซึ่งแจ๊คจะบอกในรีวิวนี้แหระ
3. เตรียมน้ำด้วยค่ะ ไว้ดื่มระหว่างทาง ถ้ากลัวหนักถือไปขวดเดียวก็ได้ แล้วไปซื้อตามทาง ถ้าตามซำ
น้ำเปล่าจะขวดละ 20หรือ25 นี่แหระ แต่ถ้าบนภูก็30-35
ลำดับขั้นการเดินจะแบ่งช่วงไว้ แต่ละช่วงเราจะเรียกว่าซำ จะมีตามภาพเลย ความชันก็ตามภาพเช่นกัน

ที่มาของภาพ http://www.trekkingthai.com/wordpress/


แต่ละซำมีของกินขายค่ะน้ำ สปอนเซอร์ ข้าว ส้มตำ กว๋ยเตี๋ยว ขนม น้ำแข็งไส ผลไม้ ถุงกันทาก เสื้อ แม้กระทั่งรองเท้าสตั๊ดดอย

4. กินข้าวไปให้เรียบร้อยนะ เพราะเราต้องใช้พลังงานเยอะ อาจจะเตรียมของกินไปกินระหว่างทางด้วยก็ดีค่ะ

หรือใครขี้เกียจถือก็ไปซื้อตามทางได้ค่ะ

5. เรื่องของน้องทาก ทางเดินขึ้นภูไม่มีทากค่ะ เดินกันได้อย่างสบายใจ น้องทากจะรอต้อนรับเราอยู่บนภูค่ะ

แถวลานกางเต๊นท์นี่แหล่งเลยค่ะ การป้องกัน ป้องกันได้หลายแบบ

5.1 ใช้ถุงกันทากก็ได้ ร้านค้าที่ทำการอุทยานมีขาย ตามซำต่างๆและบนภูก็มีขายค่ะ

แต่เราไม่ได้ซื้อนะ พี่น้ำตาลบอกว่าใส่แล้วมันน่ารำคาญ 5555 มาดูแบบที่เราใช้กันค่ะ เราไม่โดนทากเกาะขาเลยนะ

5.2 แบบนี้พี่น้ำตาลใช้ค่ะ ใส่ถุงเท้าข้างในและใส่ถุงน่องแบบหนาๆ ทอเนื้อแน่น ยาวถึงเข่า ใส่ 2-3 ชั้นเลย

อันนี้คือสวมทับขากางเกงเลยนะ สีสดๆหน่อย เราจะได้มองเห็นทากชัดเจนและไล่มันไปได้ทัน

5.3 แบบนี้ที่แจ๊คใช้ ใส่ถุงเท้าแบบบางทอเนื้อแน่นยาวถึงหน้าแข้ง และใส่ถุงเท้าฟุตบอล สวมทับปลายขากางเกงและสีสดเช่นกัน

แต่แจ๊คว่าถุงเท้าฟุตบอลมันทอเนื้อห่างมีโอกาสที่ทากจะเข้าได้ รูสึกไม่ค่อยมันใจ แต่ก็ไม่มีทากมาเกาะนะ

ที่สำคัญ เราฉีดน้ำมันมวยใส่ที่รองเท้า ขา แทบจะทุกๆ5 นาที คือถ้าหมดกลิ่นก็ฉีดเลย

ถ้าไปน้ำตกเราฉีดที่แขนด้วยป้องกันสุดฤทธิ์ บอกแล้วว่าเราโคตรกลัว

อยากให้เตรียมน้ำมันมวยซึ่งแจ๊คว่ามันได้ผลมากที่สุดนะ เลือกแบบเป็นสเปรย์จะใช้ง่าย นวดขาได้ ฉีดกันทาก ไล่ทากได้

ยิ่งมีพี่ที่เคยไปมาแล้ว ขู่ไว้เยอะด้วย โอ้ยยยยยตายๆๆๆๆ พี่น้ำตาลพกเกลือเอาไปโรยหน้าเต๊นท์ น้ำส้มสายชู น้ำมันมวย

ประมาณว่าหาข้อมูล ใครว่าอะไรกันได้เอาหมดค่ะ

6. บนภูมีร้านขายของที่ระลึก ส่งโปสการ์ดก็ได้ มีร้านอาหารมากมาย ไม่ต้องกลัวอด

7. บนภูมีห้องน้ำห้องอาบน้ำ สะดวกสบาย

8. ไฟฟ้า จะเปิดไปช่วง 7โมงเช้า - 4ทุ่ม ถ้าจะชาร์ตไฟ ชาร์ตที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้ แต่เราจำราคาไม่ได้ แหะๆ

หรือๆๆๆ เวลาไปกินข้าวตามร้านอาหาร เราสามารถขอชาร์ตไฟได้

9. ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลไม่ต้องจองเต๊นท์ล่วงหน้าก็ได้ ไปติดต่อหน้างานได้เลย เต๊นท์ หลังละ225บาท นอนได้3คน

แต่แจ๊คว่านอน 2 คนกำลังดี

ช่วงที่เราไปน้ำค้างแรงนอนเต๊นท์นี่น้ำหยด แหมะๆๆ คือน้ำค้างซึมเข้าเต๊นท์อย่างหนัก เตรียมไฟลชีทไปด้วยก็ดีค่ะ

10. ค่าลูกหาบกิโลละ 30 บาท ค่าบัตรติดกระเป๋า ใบละ 5 บาท ของ 1 ชิ้นต่อบัตร 1 ใบ เก็บหางบัตรไว้นะคะ

ไว้ให้พี่ลูกหาบเป็นหลักฐานรับกระเป๋า

11. การจองตั๋วกลับ ถ้าจองออนไลน์จะไม่ปรากฏจุดขึ้นรถผานกเค้า อาจจะต้องโทรสอบถาม

ถ้ายังไม่แน่ใจเวลาที่เราใช้ในการเดินลง อาจจะยังไม่ต้องจองก็ได้ค่ะ เผื่อลงมาไม่ทัน กว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก

สามารถซื้อตั๋วกลับได้ที่จุดขายตั๋วอยู่ติดกับร้านเจ้กิมเลยค่ะ

ตารางเวลาและเบอร์โทร ตามนี้เลยจ้ะ

แจ๊คก็ไม่ได้จอง จะเห็นว่า จากช่วง15.00 เวลาจะโดดไปที่ 19.00


แจ๊คพลาดรอบ15.00 จะกลับยังไง รอถึง 1 ทุ่มเลยเหรอ ไม่ใช่ปัญหาค่ะ แจ๊คใช้ทางเลือกนี้

ซื้อตั๋วรอบ15.45 รถไปสุดสายที่โคราช ราคา 202 บาท

ต่อรถโคราชเข้ากทม. 191 บาท ซึ่งรถโคราชเข้ากทม.มี24ชั่วโมง แจ่มเลยวิธีนี้ ให้ตายสิ่ แจ๊คเพิ่งรู้ ขอบคุณพี่คนขายตั๋วค่ะที่แนะนำ



วางแผนประมาณนี้ค่ะ วันแรกเดินขึ้น กว่าจะถึงก็บ่ายๆ เราจะไปเก็บแสงพระอาทิตย์ตกดินที่ ผาหมากดูกซึ่งเดินไม่ไกล

กลางคืนหามุมถ่ายดาวที่แถวลานกางเต๊นท์ เพราะมีน้องไปมาเมื่อวันเปิดภู น้องจับช้างได้ เราก็อยากเจอบ้าง

วันที่สอง ตอนเช้าไปรับพระอาทิตย์และน้องหมอกที่ผานกแอ่น และไปเก็บน้ำตก เก็บผาต่างๆไปจบที่ จุดไฮไลค์คือพระอาทิย์ตกดินที่ผาหล่มสัก

วันที่สามไปเก็บหมอกและพระอาทิตย์ตกดินกันอีกรอบ และเตรียมตัวเดินทางกลับ

โอ้วววววววแผนดีพูดเลย เดี๋ยวๆๆๆ แจ๊คอ่ะแผนดีตลอด แต่ได้ตามแผนมั้ยต้องติดตาม



ภูกระดึง บทที่2 เอาล่ะมาเริ่มเดินทางกันเลย

จองตั๋วของแอร์เมืองเลยไว้ล่วงหน้าค่ะ เป็น ป .1 ราคา 335บาท ตอนจองก็งงๆนะ เขียนว่า กรุงเทพ เอราวัณ เลย

แล้วมันไปเส้นทางไหน ไม่รู้ๆๆจองก่อนละกัน

เห็นเวลามัน ออก 20.45 ถึงผานกเค้าตี 5 กว่าๆ น่าจะโอเค ไม่อยากให้ถึงเช้าเกินไป

เดินทางคืนวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม2559



ภาพตัดมาที่ตอน 2 ทุ่ม

บทสนทนาระหว่างนักเดินทางตัวน้อยและพี่วินมอไซค์

ในช่วงเร่งด่วน

แจ๊ค: พี่คะไปหมอชิตเท่าไร!!!!!

พี่วิน: 60

แจ๊ค:โอเค ไปพี่ ด่วนนะพี่ หนูรีบ!!!

3นาทีผ่านไป วาร์ปมาอยู่หมอชิต

ถึงพี่วิน กราบบบบบบค่ะ ไม่งั้นตกรถจ้ะ



รอดตายแล้ว วิ่งๆๆๆๆค่ะ สายอีสานชั้น2 เดินไปหาช่องขายตั๋วของแอร์เมืองเลย หาไม่เจออีก

ก็ถามพวกที่ชอบมาถามเรานี่แหระ ไปไหนครับๆๆๆๆ ???? แอร์เมืองเลยช่องไหนพี่ ???? สรุปอยูช่อง6

ได้ตั๋วมาแว้ววววววว


ได้เวลาแล้ว ไปขึ้นรถกัน กว่าจะออกจากหมอชิตได้ นานเลยค่ะ รถติดมาก


รถคันนี้ไม่จอดจุดพักรถ แต่มีแวะเติมแก็ส แวะบขส. ให้เราเข้าห้องน้ำได้ แถมถึงช้าด้วยค่ะ ตี 5 พี่น้ำตาลโทรหา

คิดว่าแจ๊คนั่งเลยป้าย เพราะควรจะถึงได้แล้ว

แจ๊คนี่รีบเปิด google map เลย โอเค ยังไม่ถึง สรุปว่าถึงตอนตี 5.30 ถึงแล้วจ้าาาาา สวัสดีผานกเค้า

ข้ามฝั่งไปรอพี่น้ำตาลขับรถมารับที่ร้านเจ้กิม


พี่น้ำตาลมานอนที่ผานกเค้าเดอเลย1คืน เราไปที่พักก่อน

วิวผานกเค้าจากที่พักค่ะ


เติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูฝอยและขนม จากพี่น้ำตาล อิอิ น่ารักที่สุดพี่สาวคนนี้

ตัดภาพมาที่ทำการอุทยานเลยค่ะ



DAY 1 ภูกระดึง 2 คืน 3 วัน มหัศจรรย์การเดินทาง ไม่สบายเหมือนเดินห้าง แต่มีคนเดินข้างๆมันโอเค

จ่ายค่ายานพาหนะก่อนด่านแรก 30 บาท

ขับเข้าไปลานจอดรถ จะมีโซนที่จอดค้างคืน ลานจอดเต็มจ้า แต่มีใต้ต้นไม้ที่ยังพอจอดได้


ต้องลงทะเบียนนะคะ แล้วก็เข้าไปติดต่อด้านใน จ่ายค่าคน คนละ40บาท ติดต่อจองและจ่ายเงินค่าเต๊นท์

เก็บใบเสร็จไว้ดีๆนะ ไว้เป็นหลักฐานติดต่อด้านบน พวกเครื่องนอนติดต่อเช่าและจ่ายเงินด้านบนค่ะ


ลำดับต่อไปก็ไปติดต่อลูกหาบ จะมีเจ้าหน้าที่ ขายบัตรติดกระเป๋าค่ะ ใบละ5บาท เขียนชื่อเบอร์โทร ให้เรียบร้อย

เก็บหางบัตรไว้เป็นหลักฐานในการรับกระเป๋าด้วยนะ

เบาตัวแล้วก็เริ่มเดินค่ะ เดี๋ยวววววว ยังเดินไม่ได้ !!!!!!! ทำไมอ่า ต้องถ่ายรูปก่อน อิอิ


ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก่อนเดินไปลงทะเบียนก่อนค่ะ เขียนชื่อ ที่อยู่ มากี่คน หญิงกี่คน ชายกี่คน ขึ้นกี่โมง ประมาณนี้


เสื้อตัวนี้ กับผ้าขาวม้า กลายเป็นเครื่องแบบในการเดินป่าไปแล้ว


ขอบคุณภาพจากพี่น้ำตาล อิอิ


ใส่แต่เสื้อเพจเพื่อน เดี๋ยวต้องทำเสื้อเพจตัวเองบ้างแล้วเนอะ

จากตีนภูตรงศูนย์บริการบ้านศรีฐานนี้ ไปถึงหลังแป เป็นระยะทาง 5.5 กิโลเมตร

แล้วเราต้องเดินทางราบต่อไปอีก 3.5 กิโลเมตร ถึงจุดศูนย์บริการวังกวาง รวมทั้งหมด 9 กม.

พร้อมแล้วก็ลุยยยยยค่ะ


ด่านแรกที่เราต้องเจอคือปางกกค่าทางยังไม่ชันนะ


จะไปเจอของจริงที่ซำแฮก ทางชันค่ะ แต่ไม่น่าตื่นเต้นนะ


เพราะตอนเราไปเขาหลวงก็เหมือนซำแฮกตลอดทางอยู่5555

แจ๊คกับพี่น้ำตาลเราเดินเหมือนๆกัน คือเรื่อยๆ ไม่รีบ เหนื่อยก็พัก เราอาจจะถึงช้ากว่าคนอื่น

นั่นไม่สำคัญ แค่เราชนะใจตัวเอง พาตัวเองขึ้นไปให้ถึงก็พอค่ะ

ทางเดินก็ประมาณนี้ค่ะ น้องตัวเล็กๆภาพบนนั่น ลูกหาบเด็กค่ะ เก่งมากลูก เดินตัวปลิวเลย

ลูกหาบผู้หญิงก็มีเยอะค่ะ โอ้วววววพวกพี่แข็งแกร่งมาก

พักหน่อยมั้ย555 พักกันตลอดทาง


ทางชันขึ้นเรื่อยๆ ไกล้ถึงซำแฮกแล้วน๊า


สุดท้ายเราก็ถึงซำแฮกจนได้


กว่าจะถึงซำแฮก หอบแฮกเลยค่ะ แต่ยังยิ้มหวานๆได้อยู่กว่าจะถึงซำแฮก หอบแฮกเลยค่ะ คุณป้าแม่ค้า ร้านแรก ปากหวานเราเลยแวะร้านแรก


คุณป้าเรียกคนสวยแค่นั้นแหระ ทุกอย่างจบ ปิดการขาย น้ำแข็งใส แตงโม เป๊ปซี่ น้ำเปล่า จัดมาเลยป้า

ตรงนี้เราได้เจอกับพี่กลุ่มหนึ่ง แจ๊คให้พี่เค้าช่วยถ่ายรูปให้ ขอมุมข้างหลัง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ จำเสื้อและจำเราได้


หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อย เราก็ลุยกันต่อ


ภูกระดึง บทที่3 ผ่านมาหลายซำ เมื่อไรจะมีซัม บอดี้ ผ่านมาซักที อิอิ

จากซำแฮก เดินไปพักไป มาดูเส้นทางค่ะ

เส้นทางแบบนี้ สบาย สวนหลังบ้านชัดๆ


มีป้ายบอกทางเพื่อเป็นกำลังใจอยู่ตลอดทางค่ะ


พักตลอดทาง ไม่ต้องถึงซำ เราก็พัก

และแล้วก็ถึงซำกกกอก


ซำกอซาง คุณป้าใจดี


เดินกันต่อค่ะทางเป็นบันไดพับไปพับมา

เดินไปพักไป ถึงพร่านพรานแปแล้วค่ะ


สวัสดีต้นไม้ใบหญ้า อยู่แบบนี้ไปนานๆนะ


ต่อไปจะเป็นซำกกหว้า อากาศดูครื้มฟ้าครื้มฝน ใจคอไม่ดีเลยค่ะ กลัวฝนตก


เราแวะเติมพลังกันที่นี่ค่ะ


ข้าวเหนียวหมูฝอยจากพี่น้ำตาล อิอิ ขอบคุณคร๊าาาา ไปกับพี่น้ำตาล ไม่ต้องกลัวอด


ได้เวลาก็เดินกันต่อเลย เส้นทางค่ะ ลื่นนิดหน่อย

จากการสอบถาม คุณลุงคุณป้าคู่นี้มาเที่ยวกันค่ะ หลังจากคุณลุงคุณป้าเดินผ่านไป แจ๊คกับพี่น้ำตาลเราคุยกัน


อิจฉาอ่ะ ดูแบบน่ารัก อยากมีโมเม้นแบบนี้บ้าง คุณลุงคุณป้าอาจจะมีความหลังอะไรกับที่นี่ก็ได้เนอะ

เดินกันต่อค่ะ ซำกกไผ่แล้ววววว

หลังจากซำกกไผ่ ทางเละมาก โคตรลื่น ไม้ท้าวช่วยได้ค่ะ หลังจากทางลื่นเละๆ ก็จะเป็นบันไดค่ะ


ซำต่อไปคือ ซำกกโดน


เสยๆกันบ้าง ต้นไม้ต้นใหญ่ๆ สวยๆทั้งนั้นค่ะ


ผ่านมาหลายซำแล้ว แต่ยังไม่เจอซัมบอดี้นะ 5555


มีร้านค้า และห้องน้ำไว้บริการ


เรานั่งพักและเข้าห้องน้ำกันที่นี่ แล้วก็เปิดข้อมูลดู ไกล้ยังเนี่ยยยย เหนื่อยแล้วน๊าาาา


ช้าอยู่ใย เดินกันต่อค่ะ สถานีต่อไปซำแคร่ ไกล้แล้วๆๆๆๆ

หลังจากซำแคร่ ก็จะไปหลังแป


ภูกระดึง บทที่ 4 กว่าจะถึงหลังแป

จากซำแคร่ แรกๆก็ยังชิลๆ

เดินๆไปเริ่ม มีความโหด ลื่น ทางเละ


บันได 1 และ 2

ทางเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ และบันไดชัน อารมณ์เหมือนเส้นทางเดินป่าตามหาน้ำตก


บันได 3 มีความลื่น


พื้นเละ ถ้าฝนตกคงดูไม่จืด


ทางลื่นแค่ไหนก็ยังยิ้มได้ สู้คร๊าาาาาาา


โอ้ววววว ไม่นะ เละมากจ้ะ


บันไดที่ 4


ขอบคุณภาพนี้จากพี่น้ำตาล บันไดไหนก็ไม่รู้


คอนเวิร์สคู่กรรม

บันได 5


บันได 6


จากบันได 6 มองลงไป ขาสั่นอยู่นะ โคตรชัน

แล้วก็บันได 7 หมดยังเนี่ยยยยยยย????


หมดแล้ว

บันไดเหรอ???

ป่าว!!!!!!!

แรงฉันเนี่ย หมดแล้วววว 5555

ค่อยๆไปค่ะ ไกล้แล้วววว ฮึบ

มองไปข้างหน้า เฮ้ยยยยยยยยยย หลังแปใช่มั้ยยยยยย ยังมีอีก 2 บันได เลือกได้ค่ะ

อันแรกเราไม่ขึ้น ดูมันชันไป หมดแรงแล้วอ่า เราเดินตรงไปอีกหน่อย ขึ้นบันไดสั้นๆ


ในที่สุดเราก็ถึงหลังแป เราทำได้


ตอนถึงหลังแป เราเจอผู้ชายคนหนึ่ง บอกว่า ผมลงแล้วนะครับ เรางง ถามว่า เพิ่งขึ้นมาไม่ใช่หราาา

สรุปคือ วันนี้เค้าขึ้นสองรอบละ มาซ้อมวิ่ง โหวววว คุณแข็งแกร่งมาก เราเลยรบกวนให้ถ่ายรูปเราสองคนซะเลย อิอิ

ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง เฮ๊ะ!!!!!


ถ่ายรูปเสร็จ พักแป๊ปปปนึงแล้วลุยกันต่อ อ้าวถึงหลังแปแล้วยังไม่จบเหรอ


ยังๆๆๆๆๆ เดินทางเรียบอีก 3.5 กม.


ภูกระดึง บทที่ 5 ระหว่างทาง เรื่องของลูกหาบอาชีพที่ขาดไม่ได้และสงวนไว้สำหรับคนภูกระดึง

ตลอดทาง เราจะพบกับพี่ลูกหาบ แต่ละคนบรรทุกน้ำหนัก มากกว่า 30 โล เราสังเกตุเห็นว่า

ที่ไม้คานของพี่ลูกหาบจะมีลำโพงติดไว้ ส่วนใหญ่เปิดเพลงแนวลูกทุ่ง เพื่อชีวิต กลายเป็นภาพและเสียงที่คุ้นชิน

คือเดินๆอยู่ ได้ยินเสียงเพลงมา เราก็จะรู้เลยว่ามีลูกหาบมา เราจะหลบข้างทางให้เขาไปก่อน เพราะเราเดินกันช้าๆ ชิลๆ เกะกะ 5555

ภาพนี้ถ่ายตอนลงค่ะ ขอบคุณภาพจากพี่น้ำตาล


ลูกหาบจะหาบทุกสิ่งอย่างเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะขนส่งของขึ้นบนภู

ตั้งแต่ วัตถุดิบการทำอาหาร ของที่ขาย ภาชนะ หม้อ เครื่องไสน้ำแข็ง ถังน้ำแข็ง ถังไอติม หรือแม้แต่จักรยาน สรุปคือทุกอย่างอ่ะค่ะ

โหววววววว อาชีพนี้สำคัญมากจริงๆ ขอบคุณพวกคุณมากค่ะ

จริงที่งานลูกหาบเป็นงานที่ลำบากมากแบกของหนัก


แล้วต่อไปอาชีพลูกหาบอาจจะหายไปมั้ย เพราะเด็กๆรุ่นหลังคงไปนั่งทำงานออฟฟิชกันหมด

การเดินครั้งนี้แจ๊คกลับพบว่ามีลูกหาบทั้งหญิงชาย หลาย GEN ตั้งแต่รุ่นเก๋า รุ่นใหญ่ รุ่นกลางคน วันรุ่น ไปถึงเด็กๆ

ความจริงแล้ว มีลูกหาบหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดด้วยซ้ำ และมันเป็นอาชีพที่ทำรายได้อย่างงามด้วย ลองคิดดูนะ

สมมุติหาบ60โล คูณ 30ไปดิ่ ได้ละ 1800 บางคนก็ไม่ได้หาบรอบเดียวด้วย

และบางคนก็หาบน้ำหนักได้มากกว่านี้ด้วย หาบเสร็จมีเวลาไปทำไร่ทำสวนอีก

อย่างเด็กๆ ก็จะแบกป้ 1 ใบ เดินขึ้นก็จะประมาณ 10โล ได้ตังค์กินหนมละ 300 บาท แล้วน้องเดินกันอย่างชำนาญมากอ่ะ

อย่าไปเชื่อถ้าใครบอกว่าต่อไปจะไม่มีลูกหาบ

จากคำบอกเล่าของพี่น่อน พี่ที่เรารู้จักกันบนภู

พี่น่อนบอกว่า มันเป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนภูกระดึงเท่านั้น แม้แต่ร้านค้าก็มีข้อจำกัดคือห้ามขายห้ามเซ้ง

สืบทอดให้ทายาทได้ อารมณ์ประมาณที่ดิน สปก.อ่ะค่ะ ห้ามซื้อขาย เอาไว้ทำมาหากินเท่านั้น

เราว่าดีนะ อย่างน้อยมันก็จะยังสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่นอย่างแท้จริง ไม่ใช่พวกนายทุน

ภูกระดึงบทที่ 6 เหตุเกิดบนภูกระดึง

เดินทางเรียบอีก 3.5 กม. เดินกันอย่างไร้จุดหมาย เมื่อไรจะถึง

เดินไปไปเริ่มหมดพลัง นั่งกินข้าวกันกลางทางเลย


ตรงนี้คือไม่มีร้านอาหารนะ แต่เราพกเสบียงกันไป ข้าวเหนียวจากตอนเช้าค่ะ


เห็นรถเข็นสัมภาระผ่านมาเรานี่อยากจะกระโดดขึ้นรถไปเลย แต่เราก็เดินกันไปเรื่อยๆ รอให้รถเปล่าสวนมา เราจะขอแอ็คท่าถ่ายรูป

แล้วรถเปล่าผ่านมา พี่เค้ากำลังจะลงภู งั้นขอขึ้นไปถ่ายรูปนะ ใครรู้จักพี่ลูกหาบคนนี้บ้าง


แกบอกแกชื่อตะขาบเพ็ชร (แจ๊คจำชื่อผิดรึป่าว ไม่แน่ใจ 5555)

ไปถามใครก็ได้ ตะขาบเพ็ชรภูกระดึง อารมณ์ประมาณว่าใครๆก็รู้จักผม ไรงี้ โอเคพี่ พี่เป็นใครก็ไม่รู้นะ หนูขอถ่ายรูปคู่พี่หน่อยละกัน

แล้วเราก็เดินกันต่อ สักพักใหญ่ เหนื่อยมากค่ะ


เจอป้ายแล้ววววว มีความหวัง และแล้วก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สวัสดีๆๆๆๆ ถึงซะทีนะ


ก่อนอื่นเอาใบเสร็จไปติดต่อเต๊นท์ และเราเช่าแผ่นรองนอน (ถุงนอนเตรียมไปเอง)ต้องวางบัตรประชาชนด้วยนะคะ


และเก็บใบเสร็จไว้ดีๆนะ ต้องใช้เป็นหลักฐานในการรับบัตรคืนในวันกลับ

เมื่อจ่ายเงิน รับแผ่นรองนอนเรียบร้อยแล้ว ไปดูกระเป๋ากัน

เดินๆอยู่ ได้ยินเสียงคนเรียก เที่ยวสิ่วะ หันไปเป็นพี่กลุ่มที่เจอที่ซำแฮกนี่เอง ส่งยิ้มให้กัน มิตรภาพเริ่มก่อเกิด

มามองดูกระเป๋าที่ศาลายังไม่มีของเรา ลูกหาบเรายังมาไม่ถึง

งั้นก็ไปหาเต๊นท์กันก่อน เต๊นท์ไหนว่างก็จับจองได้เลย

สักพักเราก็ออกมาที่ศาลา เพื่อรอกระเป๋า เป็นเวลา 4 โมงเย็นเห็นจะได้


และกระเป๋าก็ยังไม่มา กะว่าจะอาบน้ำก่อนมืด เพราะเรากลัวทากในห้องน้ำ

เราก็ได้เจอกับกลุ่มพี่เมื่อกี้อีก คุยไปคุยมาพี่เค้าเลยชวนไปผาหมากดูก เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินอีกจุดหนึ่งค่ะ

เราก็ไปสิ่ ใจง่ายเนอะ 555555 แต่พี่น้ำตาลไม่ได้เอาน้ำมา เราเลยได้รู้ว่าที่ผามีร้านอาหาร มีน้ำขาย โอเค รอดค่ะ ไปกัน

ระหว่างทางได้ไปตามรอยต้นไม้ของพ่อค่ะ

ในวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงงานและทรงเยี่ยมราษฎรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

และได้ทรงปลูกต้นสนสองใบ และต้นสนสามใบ ไว้เป็นที่ระลึก

ดีใจที่ได้ไปเห็นด้วยตาค่ะ


คุยหลังจากนี้ พี่แกชื่อพี่น่อนเป็นคน จังหวัดเลย พี่เค้ามาบ่อยค่ะ เป็นแก๊งค์ถ่ายภาพ

ดูพี่แกเป็นพวกอนุรักษ์ และรู้ทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติ ป่าไม้ สัตว์ป่า ดีจังๆ ได้มุมมองและความรู้หลายๆอย่าง

ขอบคุณภาพนี้จากพี่น่อนค่ะ


เก็บภาพระหว่างทาง

ทุ่งหญ้าข้างทางและแนวกันไฟ


เห้ยยยยยยย ถึงแล้ววววว ผาหมากดูก

เดินประมาณ 2 กิโลเมตรจากลานกางเต๊นท์


อันดับแรกซื้อน้ำก่อนค่ะ

แล้วก็ไปแอ็คท่าถ่ายภาพกัน


ธงชาติกลายเป็น gadget ที่ขาดไม่ได้สำหรับเรา


มาดูมุมกว้างๆกัน


เราจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์นะ แต่ก็จะได้แสงทไวไลท์


อย่าเพิ่งเบื่อรูปแจ๊คนะ สัญญาว่าจะไม่หันหน้ามา


มุมนี้ก็สวย แต่มีคนอยุ่เป็นกลุ่มเลย เราเลยไม่ได้เข้าไปยืน


นั่งรอแสงสักพัก ดูๆแล้วคงไม่ได้ภาพสวยๆลุ้นให้ฟ้าระเบิดก็ไม่มี เราเลยขอกลับก่อน


ห่วงกระเป๋าด้วย เกรงใจพี่ลูกหาบด้วย เค้าคงต้องรอเรานาน เริ่มมืดค่ะ ไฟฉายก็ไม่ได้พกไป มีคนเดินหลายกลุ่ม


แต่ก็มีแซงพวกเราไปหมด ทันใดนั้นมีผู้ชายใจดี ฉายไฟให้และเดินไปพร้อมๆกับเราจนถึงลานกางเต๊นท์ ขอบคุณมากๆค่ะ

กลับมาได้กระเป๋าแล้ว ที่พื้นมีทากด้วยอ่ะ เรานี่กลัวมาก มองขาตัวเองแจ๊คกรี๊สสสสเลย

เพราะมีอะไรก็ไม่รู้มาเกาะที่ถุงเท้า ตื่นเต้นมากคิดว่าทาก พี่ลูกหาบมาหยิบออกให้ สรุปว่าไม่ใช่

แล้วพี่เค้าก็ฉีดน้ำอะไรก็ไม่รู้ใส่รองเท้าให้ มันกันทากได้ เราก็ฉีดน้ำมันมวยเพิ่ม คือเราหลอนกันมาก

ไปถึงเต๊นท์ แจ๊คจัดการเอาเกลือโรยหน้าเต๊นท์ กันทาก

ตอนนี้แหระช็อกค่ะ ทากกระโดดเกาะแขน กรี๊สๆๆๆๆๆๆ เห็นแจ๊คแมนๆแบบนี้นะ กรี๊สสสสสเลย ไม่กล้าจับ ดีดๆมันก็ไม่ไป

สเปรย์น้ำมันมวยก็อยู่ในเต๊นท์ ด้วยความตกใจ เกลือในมือนั่นแหระ โรยๆๆที่แขน แล้วทากก็หลุดไป



โอ้ยยยยยยยย จะเป็นลม ที่กรี้สหนักมาก คือไม่ได้เว่อ หรือดัดจริตนะ แต่ธรรมชาติของแจ๊คแพ้สัตว์ลักษณะแบบนี้ เห็นไม่ได้ค่ะ

ขนลุก และมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

เข้าเต๊นท์เอาไฟฉายส่อง เจอในเต๊นท์อีกตัว สองสาว ในมือมีน้ำมันมวย กระหน่ำฉีดเข้าไป

เจอพวกเราทากช็อกค่ะ มีคนบอกว่าแถวห้องน้ำก็มีเยอะ

ไม่ต้องคิดเลยค่ะ เราไม่อาบน้ำ แน่ๆ ใช้ชีวิตเยี่ยงอยู่ในป่า ทิชชู่เปียกช่วยชีวิตเรา



หลังจากอาบน้ำแห้งๆ แล้ว เราก็ตั้งใจจะไปกินหมูกะทะกัน มีร้านค้ามากมายค่ะเลือกไม่ถูก งั้นขอซื้อโปสการ์ดก่อนละกัน

สรุปว่าเราเลือกร้านที่คนไม่เยอะ ไม่สิ่ ไม่ใช่คนไม่เยอะ ต้องบอกว่า ไม่มีคน ร้านติดๆกัน คนเยอะมาก


สั่งหมูกะทะ แต่ป้าบอก กินหมูจุ่มนะ หมูกระทะป้าต้องติดเตา เราก็ยืนยันว่าจะกินหมูกะทะ


ป้าบอกต้องติดเตามันนาน อย่างงั้น อย่างงี้ (คือป้าขี้เกียจติดเตา ว่างั้นเหอะ)

เอาๆ เอาที่ป้าสบายใจก็แล้วกัน หมูจุ่มก็ได้ นั่งกินสักพัก มีมาอีก1โต๊ะ คืออะไร ป้าไปติดเตาให้เค้าเฉย แล้วหนูล่ะ



1ชุด 400 บาท เยอะมาก กินไม่หมดด้วย น่าเสียดาย แจ๊คว่ากิน 4 คน กำลังดี ร้านอาหารทีนี่ทุกร้านมีน้ำชาบริการฟรีค่ะ


สักพักมีผู้ชาย 2 คนมานั่งโต๊ะเดียวกับเรา เลยได้คุยกันพักใหญ่ เรื่องเดินน้ำตก และประเด็นสำคัญคือทาก

พี่เค้าบอกว่า ทากต้องเจออยู่แล้วอย่าไปกลัว ทั้ง 2 คนก็เล่าประสบการณ์การเจอทาก

โอ้ยยยย เรานี่ยิ่งหลอนค่ะ เราสองคนก็บอกเล่าถึง การป้องกันทากของพวกเรา สุดท้าย พี่น้ำตาลให้ดูว่าใส่ถุงเท้ากี่ชั้น

พี่คนหนึ่งพูดว่า "ใส่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่ทากเลย หมายังกัดไม่เข้าเลย" พี่คิดได้ไงว๊าาาา เรานี่ฮาเลย 555555555

สองหนุ่มเลยให้แอลกอฮอลและสำลี พลาสเตอร์ เอาไว้เผื่อโดนทากดูดเลือด

มีเสปรย์กันยุงแบบกันทากได้ แถมด้วยน้ำมันมวย 1ขวด พอดีพรุ่งนี้เค้าจะลงกันแล้ว ของพวกนี้ไม่ได้ใช้แล้ว เลยยกให้เรา

ขอบคุณมากๆค่ะ เจอแต่คนใจดี ดี๊ดีอ่ะทริปนี้

แล้วเราก็กลับเต๊นท์ แจ๊คขอถ่ายดาวก่อนเข้าเต๊นท์ ไม่เจอช้างนะ เจอแต่ดาวธรรมดา ถ่ายไปมองขาไป กลัวทากค่ะ

ภาพง่อยมาก


พอกลับเต๊นท์ สยองไปอีก ทากมาด้านบนหลังคาเต๊นท์แต่อยู่ด้านนอก มองเห็นผ่านตาข่าย น้ำมันมวยฉีดเลยค่ะ ทากช็อกไปอีกหนึ่ง


คืนนี้ก็หลับกันแบบหลอนๆ



DAY 2 ภูกระดึง วันนี้เรามีสมาชิกใหม่และการเดินเท้า 30 กว่าโล

เช้านี้เราจะไปชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปตอนตี 5 ให้ไปรวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

เอาไฟฉายไปด้วยนะ เพราะมันยังมืดอยู่เรานี่ไปช้าไม่กี่นาที เค้าไปกันแล้ว รีบตามเลยค่ะ เดี๋ยวหลง อากาศตอนเช้าหนาวค่ะ

แต่เดินๆไปก็เริ่มร้อนละ มาถึงผานกแอ่นกรี้สสสเลย มีทะเลหมอก

ที่ผ่านมาพระอาทิตย์ไม่มานะคะ มีแต่หมอก เราก็ไม่ได้หวังอะไร แค่หมอกกับแสงสวยๆก็พอใจแล้ว


มีแสงแบบนี้โผล่มา ดูมีความหวังที่จะได้เห็นคุณพระอาทิตย์


ลุ้นค่ะ


นั่งรอคุณพระอาทิตย์


มาแล้วววว

เราโชคดี ได้เห็นพระอาทิตย์ด้วย โหวววววววว ดีใจน้ำตาจะไหล


รักเธอประเทศไทย


เก็บภาพค่ะ รัวๆๆๆๆ


สนมั้ยคะ สนเรามั้ยคะ อิอิ


siluate กัน


ขอบคุณบิ้กที่ถ่ายภาพคู่ให้เรา


เริ่มสายแล้ว


บรรยากาศแบบนี้เหมาะกับการจิปกาแฟค่ะ แก้วละ25บาท ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะพี่เจ้าหน้าที่


ตรงผานกแอ่นมีห้องน้ำค่ะ เราไปใช้บริการมาแล้ว สะอาดใช้ได้ค่ะ


เจอกับกลุ่มพี่น่อนที่นี่อีก คุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน กลุ่มพี่เค้าจะเดินเก็บน้ำตก แล้วตัดไปเดินตามผา

ไปจบที่ผาหล่มสัก เดินกลับจะถึง 3-4 ทุ่ม แล้วก็ได้มีการแนะนำเส้นทางและการเตรียมตัวไว้ แจ๊คกับพี่น้ำตาลก็คิดๆกันอยู่

เราจะเดินเองมั้ย 2 สาว ตอนกลับนี่ดิ่ มันมืดนะ หรือไปกับกลุ่มพี่น่อน

ตอนนี้สายแล้วเราเดินกลับกันก่อน

ระหว่างทางก็สำคัญ เก็บหมดค่ะ


เก็บป้ายด้วยค่ะ


กลับมาที่เต๊นท์หาข้าวกิน ซื้อข้าวกลางวันเตรียมไปด้วย ถ้าเป็นข้าว ซื้อแบบใส่ถุง พกง่ายกว่า


วันนี้เราจะเดินเส้นน้ำตก แล้วไปจบที่ผาหล่มสัก เส้นน้ำตกนี้ไม่มีของขายนะ

เตรียมน้ำ อาหารไปให้พร้อมค่ะ สำหรับน้ำ แนะนำว่า 2 ขวดกำลังดี ไม่เจอกับกลุ่มพี่น่อน เราเดินกันก่อนเลย คงไปเจอกันที่ผาหล่มสัก

เอาแผนที่ไปดูก่อน

แผนที่ภูกระดึง ที่มา https://www.guest2go.com


นี่ๆๆๆๆ แจ๊คเรียบร้อยมะ ดูเกรียนๆมากกว่านะ เอาเสื้อใส่ในกางเกงด้วย เปล่าหรอก กลัวทากเข้าเสื้อ 5555

เราเริ่มเดินกัน ตามลูกศร มีป้ายบอกทางชัดเจน น้ำตกแรกคือน้ำตกวังกวาง


เราก็ยังต้องเดินกันต่อไป เดินไปได้หน่อย เฮ้ยยยย แจ๊คลืมขาตั้งกล้อง ช่างมันขี้เกียจเดินกลับละ


นี่ถึงแล้ว น้ำตกวังกวาง


ถ่ายตามมีตามเกิดละกัน วางกล้องไว้กับพื้น มุมภาพก็จะง่อยๆหน่อยนะ


จริงๆถ้าลงไปอีกชั้นจะสวยมาก แต่ดูๆแล้ว กลัวขึ้นไม่ได้ เลยไม่ได้ลงไปค่ะ


จากน้ำตกนี้เราได้เพื่อนใหม่1คน นายกิ๊ฟ (กิ๊ฟชื่อสาวมาก แจ๊ค ชื่อแมนมาก)

กิ๊ฟมาคนเดียว คุยไปคุยมา ป่ะ ไปเดินกับเราสองคน เย้ๆๆเรามีเพื่อนเดินแล้ว การเดินก็ตามป้ายค่ะ ตามคนอื่นๆด้วย


เหนื่อยอ่ะ แจ๊คขอนอนพักก่อนได้มั้ย 5555 เล่นใหญ่ตลอด

จากน้ำตกวังกวาง เราเดินไป 1.5 กม. ก็จะเจอน้ำตกเพ็ญพบใหม่


ขาตั้งกล้องอยู่หนายยยยยยย ต้องการมาก บทเรียนของคนขี้ลืม ต้องถ่ายน้ำตกด้วยมือเปล่าจ้ะ


เดินลงไปข้างล่างค่ะ


ถึงแค่น้ำตกที่ 2 ใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ แบตจะหมด มีอีกก้อนที่ชาร์ตมาแบบไม่เต็ม คือกลัวไม่ถึงผาหล่มสักไง


เดินกันต่อค่ะ ทางบางช่วงก็เละค่ะ ไม้ท้าวก็ลืม เดินลำบากอยู่นะ


น้ำตกพ่วงพบ

ไม่มีขาตั้งกล้องก็วางกล้องไว้กับพื้น ก็เลยได้มุมพื้นๆ


ต่อไปเป็นน้ำตกโผนพบ


มุมนี้แย่มาก ต้องลงไปถ่ายข้างล่าง จะได้มุมสวยๆ รอบนี้ไปครั้งแรกกลัวไม่ทันผาหล่มสัก ถ่ายแบบผ่านๆ ขาตั้งก็ลืม ไว้จะกลับไปซ่อมนะ


เดินไปตามทางเราจะพบกับป้ายนี้


ขอแวะ ถ่ายมุมข้างล่าง แต่เป็นมุมไกลมาก เลนส์ซุมไปไม่ถึง ภาพนี้ตัดมาค่ะ


ใบเมเปิ้ลแห่งความพยายาม เราดีใจกันมากที่เจอใบเมเปิ้ลสีแดง แต่มันจมน้ำอยู่ ถ่ายรูปยังไงก็ไม่ได้ดังใจ ไม่สวยสักที


เลยต้องมีการจัดฉากขึ้น เอาไม้เขี่ยอยู่นานเลย จนในที่สุดได้ตำแหน่งที่ต้องการ พยายามมั้ยล่ะ

ทางเดินดูมีเรื่องราว มองไปทางไหนก็เขียวค่ะ สบายตา แต่ไม่ค่อยสบายตัว เดินเหนื่อยค่ะ 5555


อย่าลืมน้ำมันมวยช่วยชีวิต พกใส่กระเป๋ากางเกงเลย ถ้ามีทากมาเกาะปุ๊ปปป จะได้ฉีดได้ไล่ได้ทันที


เราขาดภาพน้ำตกเพ็ญพบไปนะ เดี๋ยวเราไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่กถึงแล้วน้ำตกถ้ำใหญ่


ใบเมเปิ้ล


ก้อนหินสีเขียว อิอิ ถ้ามีใบเมเปิ้ลสีแดงเยอะๆต้องสวยมากแน่ๆ


อยากจะร้องไห้ ไม่มีขาตั้งกล้อง


ถ้าลงไปข้างล่างภาพน่าจะสวย แต่รีบค่ะ กลัวลื่นด้วย


ได้อยู่ไม่กี่มุมค่ะ


ถ่ายรูปอยู่นาน พี่น้ำตาลเรียกกินข้าวกัน เพราะพวกเราใช้เวลาตรงนี้นานแล้ว เรายังต้องเดินกันอีกยาวๆ


กินข้าวเสร็จเดินกันต่อค่ะ


ความสุขระหว่างทาง เกิดขึ้นตลอดการเดินเพราะเพื่อนร่ามทางที่ไปไหนไปกัน

แต่อีกสิ่งหนึ่งก็คือความงามจากต้นไม้ใบหญ้า ลำธาร ก้อนหิน ขอนไม้ เรียกรวมๆว่าธรรมชาติ

ตลอดทางที่เราเดินผ่าน มีหลายๆครั้งที่ธรรมชาติเรียกร้องให้เรากดชัตเตอร์

จากคำบอกเล่าของสองหนุ่มเมื่อคืน เมื่อเราออกจากน้ำตกถ้ำใหญ่ เดินตามทาง


น้ำตกธารสวรรค์จะอยู่ขวามือ คือจะไม่มีป้ายบอกอะไรเลย ให้ฟังเสียงน้ำไหลค่ะ

แจ๊คก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่น้ำตกนี้รึป่าว ใช่ธารสวรรค์หรือป่าวไม่รู้ ที่รู้คือ น้ำตกนี้ก็สวยไม่แพ้น้ำตกอื่น

โอ้ยยยยย ทำไมคิดถึงขาตั้งกล้องมากมายขนาดนี้

ออกจากน้ำตกนิรนาม เราจะออกจากโซนน้ำตกแล้วน๊าาาาา


เราออกมาจากโซนน้ำตกด้วยความเบิกบานใจ เราไม่โดนทากรบกวนหัวใจ


จะเดินไปผาหล่มสัก หรือเดินกลับไปศูนย์บริการเพื่อเช่าจักรยานปั่นไปผาหล่มสักก็ได้ แต่เราเดินค่ะจากตรงนี้ 7.8 กม.


เดินตามๆเค้าไป อ้าววววว พี่กลุ่มข้างหน้า พี่ไม่ไปกันเหรอ เค้าพักนั่งกินข้าวกันจ้ะ กะว่าจะเดินตามซะหน่อย

ไม่เป็นไร เรามากันตั้งสามคน กลัวที่ไหน 55555

แต่ๆๆๆ เจอป้ายแบบนี้เราสามคนถึงกับก็ยืนงง ป้ายล้มๆแบบนี้ในลานกว้างๆ เส้นทางไม่ชัดเจน แล้วเราไปทางไหนกันดี

คลำๆทางไปค่ะ เราไปถูกนะ


ลุยน้ำเล็กน้อย


ชอบภาพนี้ๆๆๆๆๆ


ไปตามทางชี้ไปผาหล่มสัก

ตามเส้นทางเจอต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงตลอดทางเลยค่ะ


ตามเส้นทางนี้จะมีทางเลี้ยวซ้ายตรงป้ายไปผานาน้อย พอไปถึงผานาน้อยก็เดินตามเส้นทางหน้าผา เดินเส้นหน้าผามันจะง่ายกว่าค่ะ

แต่เลี้ยวตรงนี้เราดูแผนที่แล้ว มันจะเหมือนเราเดินย้อนนิดนึง พวกเราเดินตรงต่อไปถึงสระอโนดาต


พี่น้ำตาลบอกขอเก็บทุกป้าย อิอิ


เราไปถึงสระอโนดาต ถามใครว่าไปผาหล่มสักมั้ย ไม่มีใครไปเลย 5555 ถ้าถึงจุดนี้เราจะมี 2 ทางค่ะ

ไปตามป้ายผาหล่มสักจะเป็นเส้นทางเดียวกับน้ำตกถ้ำสอเหนือ หรืออีกทางคือไปตามป้ายผาเหยียบเมฆแล้วเดินตามเส้นทางหน้าผา

แต่เรามองไปเส้นทางผาเหยียบเมฆ เฮ้ยยยยมันนดูรก และเละ เราเลยเลือกไปตามลูกศรผาหล่มสัก นี่แหระคือจุดเริ่มต้นของของความพัง

คือทางที่พวกเราไปมันเป็นที่ช้างหากินค่ะ หลังบ่ายสามจะห้ามเข้าเพราะช้างจะออกหากิน


ตอนเราไปก็ไกล้เวลานั้นแล้ว



มาดูกันว่าพวกเราไปเจอเส้นทางแบบไหนบ้างมองเห็นอุโมงค์ต้นไม้ มืดๆข้างหน้ามั้ย นั่นแหระที่เราจะไปกัน

ใครบอกให้มาทางนี้ว๊าาาาาา เละพอกัน 555555

แต่ในความและของเส้นทางก็มีความสวยงามซ่อนอยู่ สีเขียวววววว น่าลงไปนอนจริงๆ


ต้องข้ามลำธาร

น้ำเหลือแค่นี้ ตายๆๆๆๆๆ จะไม่ค่อยได้ถ่ายภาพช่วงนี้นะ เดินๆไปฝนตกอีก เก็บกล้องเลยค่ะ


มาถึงจุดนี้เราต้องตัดสินใจแล้วว่า จะตรงไป หรือ ตัดเข้าผาแดง วิธีคิดของเราคือ น้ำเราจะหมด ถ้าตรงไปทางน้ำตก

เปอร์เซ็นที่จะมีน้ำขายเราว่ามีน้อย ถ้าตัดไปผาแดง ความน่าจะเป็นที่มีน้ำขาย มันมีมากนะ

คือตอนนั้นยังไม่รู้ไง ว่ามันมีน้ำขายทุกผา ก็ไปกันแบบมีความหวังครึ่งๆกลางๆ

เดินๆไป อ้าววววว มีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางอยู่ข้างหน้า เราพูดกันขำๆว่า


ถ้าไปถึงแล้วมีป้ายบอกว่าเขตสัตว์ป่าหาอาหาร ห้ามเข้า อะไรงี้ ร้องไห้เลยนะ 555

เส้นทางลุยน้ำ แรกๆก็พอหลบได้ มีอยู่ช่วงนึง โหวววววว หลบทางไหนวะ เปียกเลยจ้ะ รองเท้า ถุงเท้า หมดกัน

เดินกันอย่างไร้จุดหมาย ไม่ถึงสักที มองไปยังทุ่งหญ้าสะวันนาสองข้างทางมันเคว้งคว้างมาก


คิดว่าเดินอยู่แถบแอฟริกาใต้ ขาดก็แต่สิงโต กับม้าลายเท่านั้นเอง

พอเราเดินๆ ไป เจอควัน เห็นหลังคากระท่อม เฮ้ยยยยยยยยยย พวกเรารอดตายแล้วววววววว อารมณ์เหมือนคนหลงป่า แล้วไปเจอบ้านคน

พอถึงร้านค้า เราเจอเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันนั่งกินข้าวอยู่ คุยๆกันเรามาทางเดียวกันเลยจ้า 5555

เป็น Moment ที่มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้น แอบกลัวสัตว์ป่า ฮาก็ฮา เหนื่อยก็เหนื่อย

ปากก็บ่นนะแต่ลึกๆในใจแจ๊ครู้สึกว่าโคตรสนุกเลยการเดินป่าครั้งนี้ เพื่อนร่วมทางก็น่าจะคิดเหมือนกัน นี่ไงถึงได้มีเรื่องเล่า

เดินทางธรรมดาๆก็ไม่มีเรื่องเล่าอ่ะดิ่ ทริปนี้การเดินของพวกเรา แฝงไปด้วยอารมณ์แบบนี้เยอะมาก


เรียกว่าเราเดินสำรวจทางเพื่อเรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ อ่านแล้วมองคนหลงทางอย่างเราพวกเราดูมีหลักการขึ้นมาบ้างมั้ยคะ

แจ๊คแนะนำว่า ถ้าไปถึงสระอโนดาต ให้ตัดไปผาเหยียบเมฆจะเดินสบายกว่าค่ะ

รู้ละทำไมกลุ่มพี่น่อนแนะนำว่าไม่ต้องไปทางสระอโนดาต55555

พักที่ริมผาแดงกันก่อน ผึ่งถุงเท้า พักเท้าสักแป๊ปปปป เละค่ะ


พักกันหายเหนื่อยแล้วเรารีบเดินไปผาหล่มสัก ระยะทาง 2.4 กม.ฟ้าตอนนี้เหมือนฝนจะมาค่ะ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน


เราคุยกัน ว่าจะโบกรถ เพราะมีรถอีแต๋น ของเจ้าหน้าที่ตามหลังมา รถดูว่างๆ แต่เค้าจอดที่ผาแดง พวกเราก็เดินรอๆ เมื่อไรจะมาถึงเราซะที


และแล้วรถก็มา มาแล้ววววววววววว แววตามีความหวัง แต่สิ่งที่พวกเราเห็นคือ คนมาเต็มรถเลยจ้ะ

ยืนมองตาปริปๆๆๆๆๆ กลุ่มนี้ที่เราทักกันที่ผาแดง คนบนรถสบายดีกันมั้ยล่ะ มีชู2นิ้วใส่กล้องแจ๊คด้วย


หึหึ ไม่เป็นไร เราโอเค๊

ความหวังพังทลาย ตั้งหน้าตั้งตาเดินกันต่อไป เมื่อไรจะถึงซักทีว๊าาาาาาาา


2 สาวบ่นกัน ผู้หญิงบอบบางอย่างเราทำไมต้องมาเดินลำบากแบบนี้ กิ๊ฟพูดขึ้นมาว่า

ถ้ามาถึงขนาดนี้ ผมว่าไม่บอบบางนะครับ 55555555 เราคงดูถึกมากสิ่นะ ชิส์

สักพัก ฝนตกค่ะ พวกเรามีชุดกันฝน ขณะที่ฝนตกมีคนหลายกลุ่มเดินสวนกลับออกไป แต่พวกเราแคร์ซะที่ไหน


มาถึงขนาดนี้ละ ต้องไปให้ถึงผาหล่มสัก กลัวโดนประนามจากเพื่อนๆพี่ๆที่เคยไปมา

โด่วววว ไปไม่ถึงผาหล่มสักเหรอ ไรงี้ ไม่ได้ๆๆๆ5555



และเราก็เชื่อว่าฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอ ในใจแจ๊คคิดว่า เอาวะ วันนี้แสงจะเป็นไงก็ช่างขอให้ได้ภาพตรงมุมมหาชนเป็นพอ

ฝนตก เก็บกล้องแล้วนะ จากนี้เดินสักพักก็ถึงผาหล่มสัก

นั่งพัก เข้าห้องน้ำ รอฝนหยุด กินข้าว ข้าวจากมื้อกลางวัน เยอะมากกินต่อมื้อเย็นได้อีก

เรามารู้ตอนเดินลง พี่น่อนบอกว่าผาหล่มสักมีบราวนี่ร้านอร่อย ลืมบอก โถ่ววววว นั่นมันของโปรดแจ๊คนะ อดกินเลย

ตรงนี้จะมีของที่ระลึกขาย สมุดพวกนี้ คือเรื่องราวที่มีการบอกเล่าผ่านปลายปากกาของผู้ที่มาเยื่อน ในนี้บันทึกความรู้สึกมากมาย ไม่รู้ตั้งแต่ปี พ.ศ.เท่าไร แต่มันมีเยอะมากค่ะ


แจ๊คก็ได้ไปเขียนไว้ แล้วก็จะต้องกลับไปอ่าน และเขียนเพิ่มแน่นอนค่ะ

หลังจากฝนหยุดตก เราเดินกันไปที่แลนด์มาร์คผาหล่มสัก

รอเก็บแสงยามเย็นกันค่ะ


แสงยังจ้าอยู่เลย


สุดท้ายเมฆก็บังพระอาทิตย์ เราคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน คงได้แค่แสง


ไกล้หกโมงเย็นแล้ว คิดว่าได้ภาพที่พอใจ รีบกลับกันค่ะ ต้องเดินอีกตั้ง 9 กิโลนะจ๊ะ


ไกล้หกโมงเย็นแล้ว คิดว่าได้ภาพที่พอใจ รีบกลับกันค่ะ ต้องเดินอีกตั้ง 9 กิโลนะจ๊ะ

เดินกันไป เก็บภาพอีกนิดหน่อย แสงหมดแล้วค่ะ ช่วงแรกๆยังมีกลุ่มที่เดินนำหน้า และกลุ่มที่ตามหลัง
หลายๆคนแซงพวกเราไป(อีกแล้ว เราสายชิลค่ะ)
เดินไปเรื่อยๆ เฮ้ยยยยยย ไม่มีแสงไฟอะไรเลยทั้งหน้าและหลัง
ทางบางช่วงเป็นเหมือนลานหิน กว้างๆ ทำเอางงเหมือนกันว่าเดินทางไหนดี หมอกลงจัดมาก ผมแจ๊คนี่เปียกเลย
เอาจริงๆคือ ทัศนวิสัยแย่มาก มองไม่เห็นทางค่ะ
ไม่เจอใครเลย คนอื่นเค้าคงไปถึงไหนต่อไหนกันหมดแล้ว สินะ อ้าววว แล้วกลุ่มจักรยานหายไปไหน ไม่มีมาเลยสักคัน
แล้วเราก็เห็นแสงไฟ ไกลๆ หมายความว่าเราเจอร้านค้าแล้ว ทันใดนั้น ก็มีแสงไฟวิ่งฉิวววววว
แซงพวกเราไปแต่โผล่มาอีกทางเป็นเส้นเรียบผา พวกเราถึงกับเหวอ 55555 และหัวเราะกัน อ้าวววว ทำไมพวกเรามาทางนี้
แล้วทำไมพวกเขามาทางนั้น เดินอีกนิดมีป้ายไปสระอโนดาตด้วย คุยกันว่าดีนะไม่หลงไปถึงสระอโนดาต


ไปถึงร้านค้า คุยกับพวกที่เจอๆหน้ากัน เค้าบอกว่า ผมก็ว่าพวกพี่หายไปทางไหนกัน 555 เฮ้ยยยย
เราไม่ได้หลงนะแค่ชอบเดินทางที่คนเค้าไม่เดินกัน กิ๊ฟบอกเล่นใหญ่ตลอดอ่ะพวกเรา เออว่ะ คำนี้คู่ควรกับพวกเรา
อารมณ์เดียวกับตอนกลางวันเลย งง ฮา เหนื่อย หลายๆอย่าง แต่สนุกนะ
ตรงร้านค้านี้เราเจอทุกๆคนที่เจอที่ผาหล่มสักเลย โถ่ววววว ไม่มีใครเดินทางเดียวกับพวกเราเลยเหรอนี่
เจอพี่คนหนึ่งสะพายเป้าใบใหญ่ ท่าทางคุ้นเคยกับแม่ค้า คุยกันสนิทสนม พี่เค้ามาคนเดียว มาบ่อยมาก
ที่นี่ต้องมีอะไรแน่ๆ หลายๆคนที่แจ๊คเจอ มันไม่ใช่การมาครั้งแรก ล้วนแต่เป็นการมาครั้งที่2 3 4 และหลายๆครั้ง
หลังจากพักได้แป๊ปปปปนึง

เราก็เดินกันต่อ ยิ่งดึกยิ่งเดินไวโดยอัตโนมัติ สปีดนรกมาก ถึงลานกางเต๊นท์ เกือบๆ 3 ทุ่ม
ถึงแล้วก็เติมพลังกันก่อนเข้าเต๊นท์ ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ เหมือนร่างจะพังค่ะ พี่น้ำตาลเปิดแอ็ปดู วันนี้เราเดินกันทั้งหมด 30 กิโล โหวววว
กินก่อนค่ะ น้ำชาต้องมา

กินเสร็จกลับไปที่เต๊นท์
เราพบว่าที่ลานกางเต๊นท์ ชื้นมาก น้ำขังหน้าเต๊นท์เต็มเลย โอ้วววว ฝนตกหนักเลยนี่นา ตอนเราอยู่ผาหล่มสักตกเบาๆเอง
ไหนๆๆๆๆ คืนนี้ จะถ่ายดาว เช้าพรุ่งนี้ใครจะไปผานกแอ่นอีกรอบ บ้าาาาาาา ใครจะไปแว๊ จะตายอยู่แล้วเนี่ย

คืนนี้ไม่อาบน้ำเช่นเคย เรารับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยจากน้องทาก

เช้านี้จะลงแล้วนะ กินข้าวก่อนค่ะ เดี๋ยวเราต้องใช้พลังงานเยอะ

เก็บของเสร็จ เอาใบเสร็จไปรับบัตรประชาชนคืน ส่งสัมภาระให้ลูกหาบ พาสปอร์ตอุทยานก็ลืม
ประทับตราใส่กระดาษละกัน ไปแปะใส่เล่มเอง
ตอนลง เราเจอลูกหาบหลายคน ไม่ได้แบกสัมภาระ แต่จะแบกพวกของขายไปส่งร้านค้า จากการสอบถาม พี่เค้าขึ้นกันมาประมาณตี 4 ตี 5 เลยค่ะ
ช่วงบันได เจอพี่ลูกหาบกำลังเก็บของ

ทราบมาว่าตกบันไดค่ะ โหวววว อันตราย
เจอกิ๊ฟเดินตามมา แต่กิ๊ฟรีบ เออ ไปเห๊อะ เห็นบอกจะไปเชียงคานต่อ

บ๊ายบาย ต้นไม้ใบหญ้า มีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะ
ไปเจอกลุ่มพี่น่อนตอนลงอีก เลยได้คุยกัน เลยได้ความรู้เรื่องลูกหาบ เรื่องร้านค้าบนภูกระดึงค่ะ
ตอนเดินไกล้ถึงที่ทำการ กรี้สสสเลย เฮ้ยยยยยถึงแล้วพี่น้ำตาล สำเร็จ เราทำได้ อิอิ
ขอเล่นใหญ่ภาพสุดท้าย55555555 ภูกระดึงนี่มันน่านอนทุกที่จริงๆ

ตอนลงก็ลงทะเบียนที่เดิม เค้าจะได้รู้ว่า ลงมาแล้วน๊าาาาา

รอลูกหาบอีกประมาณ 1 ชั่วโมงได้ค่ะ ตอนไปรับสัมภาระ รู้สึกจะเป็นพี่ผู้หญิงจากกลุ่มพี่น่อนตะโกนถามว่ามาอีกมั้ย แจ๊คได้ยินพี่น่อนบอก เชื่อสิ่ต้องกลับมาอีก แหะๆ นั่นดิ่ต้องกลับไปอีกแน่ๆ
อาบน้ำแล้วบ๊ายบายภูกระดึง
มีโปสการ์ดที่ยังไม่ได้ส่ง

ไปแวะหยอดที่ที่ทำการไปรษณี แต่ไม่ถึงจ้าาาาา อาจจะหายที่นิติที่คอนโด เสียใจอ่า
แล้วพี่น้ำตาลก็ไปส่งร้านเจ้กิมเพื่อขึ้นรถค่ะ
ความโหดของภูกระดึงในมุมมองของแจ๊คนะ ในส่วนของทางขึ้นเขา โหดแค่บางช่วงถือว่าไม่ลำบากมาก
ความโหดที่ 2 คือระยะทางเดินท่องเที่ยวบนภูกระดึง เราต้องเดินเยอะมาก ร่างแทบพัง เข้าใจละว่าภูกระดึงโหดยังไง
แต่ชอบนะ มีครบ น้ำตก พระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก พระอาทิตย์ตกดิน แล้วทำไมถึงจะไม่ไปล่ะ
พร้อมกันยัง ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋า ลุยภูกระดึงกันค่ะ
จบแล้วค่ะรีวิวแสนยาวของแจ๊คขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านนะคะ ขออภัยที่จบช้ามาก
ตอนนั่งรถกลับ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ "อยากกลับไปอีก"
ขอบคุณ เพื่อนที่เดินข้างๆ พี่น้ำตาล และกิ๊ฟ
ความพิเศษของทริปนี้เกิดขึ้นตลอดทาง ทุกๆอย่างเรามองว่ามันเป็นเรื่องสนุก ความสุขเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง
"ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเดินทาง"
แล้วพบกันใหม่เมื่อทริปเกิด ใครอยากไปเดินข้างๆแจ๊ค ไปคุยกันในเพจได้นะคะ
--------------------------
นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories/

นักเดินทางตัวน้อย

 วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 07.23 น.

ความคิดเห็น