หายหน้าหายตาไปนานแสนนานเลยค่า ช่วงนี้คุณแฟนเข้าไนท์(อารมณ์เข้ากะดึก) ทั้งสัปดาห์เลย
ทำงานกลางคืน นอนกลางวัน
ผลคือ เราต้องพาลูกสาวตะลอนเที่ยวค่ะ ไม่งั้นเสียงดัง ป๊าไม่ได้นอนแน่ๆ เลยเป็นที่มาแห่งทริปเที่ยววัดใกล้บ้านใน 30 นาที
วันนี้ตั้งใจจะพาลูกสาวไปท้องฟ้าจำลองค่ะ ออกบ้านยิงยาวไปเลย ท้องฟ้าจำลองที่ทะเลสาบบ้านหมอ จังหวัดสระบุรีนะคะ
แต่ๆๆๆๆ...........ปิดปรับปรุงเจ้าค่าาาา เอ้า ขับไปเกือบ20กิโล จะให้ไปเก้อตีรถกลับเฉยๆหรอ ไม่แน่ๆ
ตัดสินใจแวะวัดสะตือเลยค่า ไหนๆก็อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้มาเป็นสิบปีแล้วด้วย ทั้งๆที่ไม่ไกลจากบ้านเลย เฮ้อ
มาค่ะ มาดูวัดสะตือในวันธรรมด๊าธรรมดา ที่ไม่มีเทศกาลอะไรให้คนวุ่นวายกัน ไปโลด ~~~
บรื้นๆๆๆ เอี๊ยดดด......ถึงแล้วจ้า วัดสะตือ ตอนก่อนถึงตัววัดจะมีโซนลานจอดรถด้านนอกวัด เราเกือบเลี้ยวแล้ววว แต่ไม่มีรถจอดสักคัน เลยเดาว่าเขามีไว้รองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดต่างๆ แต่วันนี้มันวันธรรมด๊าธรรมดา เราเลยคิดว่าน่าจะมีที่จอดข้างในวัด และเป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ เลี้ยวเข้ามาขับผ่านตลาด(ที่เงียบเหงาพอสมควร คงเพราะบ่ายแก่ๆแล้วและวันธรรมดาด้วย) จอดรถเตรียมลุยค่า
ตรงที่เราจอดคือด้านข้างรั้วของพระนอนเลย เดินใกล้แบบสามก้าวถึง วันที่ไปแดดแรงมากๆจ้า ลมหนาวที่นี่ไม่ช่วยอะไรเราเลย แดดเมืองไทยไม่ปราณีใครจริงๆนะจ๊ะ ยังไงใครจะมาพกร่มพกหมวกมาด้วยเด้อ
แดดแรงคั่กๆ ถึงขนาดแย่งร่มกันเลยค่ะ ยายกับหลาน
ขอแืรกเกร็ดความรู้เล็กน้อยนะคะ (เล็กน้อยจริงๆค่ะ) พระนอนที่นี่เป็นปางพระพุทธไสยาสน์ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2413
โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ได้มาทำการก่อสร้างพระพุทธรูป ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง (ในปัจจุบันคือวัดสะตือ)
สถานที่ก่อสร้างองพระประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ณ ริมคูวัดสะตือ ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก
ร่มของปัน ปันไม่แบ่งยายหรอกกกก ปันจะถือเองงงงง ..... สงสารยายค่ะ เหนื่อยกับหลาน แดดก็แรง เฮ้อออ
เดินมาอีกนิด นึกว่าเกาหลีค่ะ ที่อื่นเขาคล้องกุญแจ ที่นี่คล้องระฆังน้อยๆขอพรกันจ้ะ
สะท้อนแสงระยิบระยับมากเลย แปลกตาไปอีกแบบ
เก็บภาพอีกด้านของพระนอนมาฝากค่ะ แดดดี ได้แฟล์จากแสงแดดด้วย รีบกดชัตเตอร์เลย
สงสารกล้องและตาตัวเองค่ะ กลัวจะบอดเหมือนกัน อิอิ
วันที่เรามา เป็นช่วงทอดกฐินพอดีค่ะ เลยมีกองกฐินตั้งกันเยอะ เจ้าภาพร่วมเยอะค่ะ
วัดมีชื่อเสียง คิดว่าวันทอดกฐินคนแน่นวัดน่าดูเลย
เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบมาฝากค่ะ พวงมาลัยพวงใหญ่จำนวนมาก หลากสีสัน
แสดงออกถึงความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระพุทธศาสนาและวัดแห่งนี้ค่า
ชาวบ้านที่มีจิตศรัทธา มาช่วยดูแลเก็บดอกไม้ ธูปเทียน บางคนก็คอยเก็บเศษกระดาษที่คนเอาไปปิดทองแล้วทำร่วงไว้ค่ะ
ขูดเทียนที่แห้งแล้วบ้าง
เราแอบไปกดชัตเตอร์มา ปล่อยยายหลานเขาดูแลกันไป ทะเลาะกันไปค่ะ
พอเห็นเราเดินมา ลูกสาวนี่ร้องจะลงมาหาเราอย่างเดียวเลย
กำลังจะกลับแล้วค่ะ สาวน้อยร้องงอแงตลอดทริปนี้เลย
ให้เห็นกันชัดๆถึงรอยยิ้มที่สดใสของลูกสาว (สดใสมากกกกก)
ลาไปด้วยภาพนี้ค่ะ บริเวณวัดโดยรอบ คนน้อยรถโล่งมากค่า ก่อนกลับแวะซื้อบ้าบิ่นเจ้าดังของวัดสะือด้วย ได้แถมมาเนื่องจากเป็นตึ่งนั้งด้วยกันอีกแน่ะ (หมายถึงคนแต้จิ๋วค่ะ) พอดีแม่ไปพูดแต้จิ๋วใส่เขา (แต่จริงๆเราเป็นจีนไหหลำแหละ อุ๊บส์)
คำแนะนำการเดินทาง
เราตั้งต้นที่ตัวเมืองสระบุรีนะคะ วิ่งไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าลพบุรีเลยค่ะ แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกห้วยบง
จากนั้นขับตรงอย่างเดียวประมาณ20กิโลได้ค่ะ ขับผ่ากลางโรงปูน SCG ไปโลด จากนั้นมีป้ายบอกทางตลอด ไม่หลงแน่จ้า
แนะนำ - มาวันธรรมดาค่ะ คนน้อยมาก ใครมาช่วงเทศกาลทำใจเรื่องผู้คนและที่จอดค่ะ แต่ตลอดน่าจะคึกคักกว่านี้เยอะ
เอาว่าใครสะดวกเมื่อไร ก็มาได้ตลอดเล้ย
สรุปความประทับใจของการเที่ยววันธรรมดา ที่ไม่ธรราดม คุณจะไม่ต้องแย่งของกิน ห้องน้ำหรือที่จอดรถกับใคร
ได้ภาพสวยๆ บรรยากาศโล่งๆไม่แออัด จะหามุมภาพมุมไหนกี่ช๊อตก็ได้ สบายใจ
การเดินทางมาก็รถไม่ติด เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล ยังไงก็แนะนำ ลองเที่ยววันธรรมดากันดูค่ะ
เข้ามาพูดคุยหรือติดตามภาพสวยๆได้ที่ www.facebook.com/puifaistudio
PuiFai Miniiz
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 02.56 น.