สวัสดีค่ะ

กลับมาสร้างกระทู้รีวิวอีกครั้ง กับเกาหลีครั้งแรกของเรา เราเป็นติ่งเกาหลีมานานแสนนาน แต่ก็ไม่ใช่ติ่งเดนตายอะไรนะ ก็ชื่นชอบอะไรหลายๆ อย่างของเกาหลี สนใจมากจึงลงเรียนวิชาเกาหลีตอนเรียนมหาลัย ฟังเพลง ดูหนัง ดูวาไรตี ดูซีรีส์ ไปตามเรื่องตามราว

แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเกาหลีสักที จนครั้งนี้แหละค่ะ จะไปทั้งที ก็ขอไปให้นานเท่าที่จะนานได้ จริงๆ เราอยากไปเที่ยวสัก 1 เดือน แต่เพื่อนไม่สามารถลางานได้ขนาดนั้น นอกจากจะลาออก ฮ่าาาาาาา

ทริปนี้แพลนล่วงหน้าเป็นปี จองตั๋ว เก็บเงิน และรอข้ามปี รอจนลืมความตื่นเต้นไปเลย เราเลือกที่จะไปช่วงใบไม้ร่วง เพราะชอบฤดูนี้มากกกก ประจวบกับเป็นช่วงที่จัดโซลแฟชั่นวีค ซึ่งอยากไปดูเช่นกัน ก็เลยลงตัว

ออกตัวก่อนว่า เราเที่ยวแบบเรื่อยยยย เรื่อยยยย เหนื่อยก็พัก ก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วอ่ะ ^^" ไม่อัดตารางเที่ยวแน่นมาก ออกเที่ยวสายๆ สายชิล สายถ่ายรูป สโลว์ไลฟ์ เอาที่เราและเพื่อนสบายใจ แต่ก็แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปหลายที่...เก็บไว้คราวหน้าบ้าง

เราจะไม่ลงลึกเส้นทางการเดินทางนะคะ เอาแค่ว่าพิกัดตรงไหน วันๆ ไปไหนมาบ้าง

กระทู้นี้ เรื่องมันยาววว หน่อยนะคะ แต่จะพยายามทำให้กระชับที่สุด!


เริ่มกันที่ตั๋วเครื่องบิน เราจองโปร 0 บาท แอร์เอเชีย เมื่อปีที่แล้ว ไปกลับราคาคนละ 10,115 บาท ซื้อโหลดกระเป๋าและเลือกที่นั่ง ช่วงเวลาเดินทาง 14-27 ตุลาคม 2559 เที่ยวโซล 10 วัน ปูซาน 4 วัน

ก่อนเดินทางประมาณ 2 เดือน เราก็เริ่มหาที่พักค่ะ ทริปนี้พักทั้งหมด 4 ที่ เพราะเราอยากลองที่พักหลายๆ แบบ เพื่อความหลากหลาย ตื่นเต้น สนุกสนาน ฮ่าๆๆ

รีวิวที่พัก เราทำแยกอีกกระทู้นึงค่ะ https://th.readme.me/p/6395

เราได้รับความตื่นเต้นจริงๆ เพราะโดนที่พักเท!! ตามไปอ่านค่ะ


[[Day 1]] Don Mueang, YG Entertainment, Hongdae

ตี 2 พร้อมบินค่ะ


หลังจากผ่านตม. มาแล้ว...ผมเขียวๆ ผ่านมายังไง ตามไปอ่านจ้าาา http://pantip.com/topic/35759573

เราต้องนั่ง Shuttle Train ไปยัง Terminal เพื่อไปเอากระเป๋าค่ะ


รับกระเป๋าแล้วก็มุ่งไปเอาซิมการ์ดที่จองเอาไว้ค่ะ เราจองผ่านเว็ปนี้ http://www.egsimcard.co.kr/ ก่อนเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์ มีแพ็คเกจเน็ตให้เลือกสรร + ค่าซิมนาโน 5,000 วอน



แต่ตอนที่เราจองมันมีแจกซิมฟรีพร้อมค่าโทร 2,000 วอน (เราว่าน่าจะมีแจกเรื่อยๆ ต้องคอยอัพเดท) ตอนจองต้องกรอกประวัติและแนบหน้าพาสปอร์ตของคนที่จองซิมด้วยตามจำนวน

ตอนไปรับซิมเราจะท็อปอัพเงินเพิ่ม ที่เค้าเตอร์ไม่ทำให้ เลยต้องพึ่งร้านมือถือในสนามบิน เราเติมเงินไป 50,000 วอน เพื่อให้ได้แพ็คเกจเน็ต 5 GB มันก็มีหลากหลายแพ็คเกจอ่ะนะ..เล่นเน็ตสบายใจ โทรติดต่อเพื่อนที่เกาหลีได้สะดวก ไม่กลัวหลง

**นิดนึงๆ เพื่อนของเพื่อนเราที่ตามมาวีคที่สอง นางจองซิมฟรีเหมือนกัน แต่ปรากฏว่าวันที่ไปรับซิม ซิมหมด!!!! อดค่ะคุณ...อย่างนี้ก็ได้หรออออ**

สถานที่รับซิมก็ที่สนามบินเลย แต่ก็กระจายกันไป ดูรายละเอียดในเว็บเลยค่ะ


ส่วน T-Money นั้น ด้วยความประหยัด เลยยืมบัตรของเพื่อนมา แล้วมาเติมเงินเพิ่ม ฮิๆ

14 วัน เราเติมไป 2 รอบ รอบแรก 50,000 วอน รอบสอง 30,000 วอน ใช้นั่งรถซะส่วนใหญ่ ใช้ซื้อของนิดหน่อย เพราะใช้เงินสดมากกว่า จบทริปก็ยังเหลือนะ แต่ไม่ถึงหมื่นวอน

เอาล่ะ ควรออกจากสนามบินได้แล้ว เป้าหมายที่พักเราคือ สถานี Hongik Univ. Exit 3 นั่งยาวไปค่ะ



หลังจากเคลียร์เรื่องที่พัก และนัดเจอรุ่นน้องที่บินมาถึงก่อนแล้ว ก็เดินดุ่มๆ สุ่มเข้าร้านหมูย่าง ซึ่งอร่อยมาก เกลือร้านนี้ก็อร่อย...เอ๊ะ ยังไง ฮ่าาาา

ร้าน กูอูโซ (GUWOOSO) พิกัด สถานี Hongik Univ. (Line No.2) Exit 2


ด้วยตารางที่ไม่แน่น กลวงๆ ลอยๆ ฮ่าาาา เราเลยตามน้องไปธุระแถวฮับจอง นี่ก็จำไม่ได้หรอกนะว่าแถวฮับจองมีอะไร เลยเสิร์ชดู และได้คำตอบว่า มีตึก YG ค่ะคุณ!...นี่ติ่งวายจีไง ไปสิไป ไปถ่ายรูปหน้าตึก ไปดมกลิ่น ส่งกระแสจิตถึงคนในตึก อะไรก็ว่าไป

พิกัดตึก YG : สถานี Hapjeong (Line No.2) Exit 8


เมื่อหาสาระจากตึกวายจีไม่ได้ เราก็เลยกลับไปเดินเล่น ช็อปปิ้ง หาอาหาร แถวฮงแด...หมดไป 1 วัน


นี่สินะ คือ สาระ >//<


มื้อค่ำดุ่มๆ เข้าร้าน Chicken and Curry เหมือนจะอร่อย แต่ไม่ถูกปากเอาซะเลย เยอะมากกกกก กินกันสองคน ไม่หมดค่ะ ห่อกลับด้วยความงก ใครจะห่อกลับ บอกพนง.ไปเลยค่ะว่า "โพจัง ชูเซโย"


[[Day 2]] Ehwa Woman's University, Bigbang10 The Exhibition A to Z, Myeongdong

ตอนเช้าที่โฮสเทลมีขนมปัง น้ำ นม กาแฟ เตรียมไว้ให้,,แต่ยาคูลท์เราซื้อมาเอง

นี่เอาไก่เมื่อคืนมาเวฟกิน ออนนีเจ้าของที่พักทำหน้าอเมซิ่ง เพราะเค้าว่าคนเกาหลีไม่ค่อยห่ออาหารกลับบ้านกัน,,ก็เสียดายอ่ะ ออนนี


ทริปเราออกเที่ยวสายๆ ประมาณ 10 โมง สโลว์ไลฟ์ไปอีก

ที่แรกของวันนี้คือ มหาวิทยาลัยหญิงอีฮวา พิกัด Ehwa Womans Univ. Station (Line No.2) Exit 2 ก็ไปเดินเล่นแป๊บๆ ถ่ายรูปแลนมาร์ก

แล้วก็ไปที่อื่นต่อ...


เรานั่งรถมาลง Seongsu Station (Line No.2) Exit 3 เพื่อมาชม Bigbang10 The Exhibition A to Z ซึ่งจัดช่วงที่เราไปพอดี


เสียค่าเข้าคนละ 12,000 วอนค่ะ ด้านในห้ามถ่ายวิดีโอ ห้ามใช้กล้องถ่ายรูป ใช้กล้องมือถือได้ค่ะ


ตรงนี้คือโซนละลายทรัพย์ค่ะ ทรัพย์ของเพื่อนเพราะเพื่อนฝากซื้อ หมดไปหลายตังค์ แท็กรีฟันก็ไม่มี!!!!!!!!

ี้


ขากลับเดินผ่านร้านหมูย่างอาจุมม่าแถวๆ นั้น ดูโลคอลมาก ชอบ ชอบความโลคอล


เราแวะเอาของไปเก็บที่ห้อง แล้วออกมามยองดง พิกัด : Myeongdong Station (Line No.4) Exit 6

ถ่ายรูปมาน้อยนิด เพราะมัวแต่ช็อปปิ้งค่ะ บรรยากาศน่ากลัวชวนเสียทรัพย์มากกกกก


ดึกๆ กลับไปต้มมาม่ากินที่เกสท์เฮ้าส์ เราควรกินถูกกินแพงบ้าง เพื่อความสมดุลของกระเป๋าตังค์ ฮ่าาาา


[[DAY 3]] Myeongdong Cathedral, Hongdae

ตอนเช้าแวะมาโบสถ์ใหญ่ในมยองดง พิกัด : Myeongdong Station (Line No.4) Exit 8


Myeongdong Cathedral เป็นมหาวิหารของสังฆราชคาทอลิกในโซล ถือเป็นตึกก่ออิฐถือปูนแนวตะวันตกแห่งแรก โดยสร้างแบบเรอเนสซองส์ใหม่จากอิฐเผาแดงและสีเทากว่า 20 ชนิด [ขอบคุณกูเกิ้ล]


วันนี้เพื่อนเรานัดเพื่อนเกาหลีไว้จะไป Haneul Park กับ Seoul Forest พอไปถึง World Cup Stadium Station...ฝนตกค่ะ เลยไปหาข้าวกินและกลับไปฮงแด -.-" ฮงแดอีกแล้วหรออออ เปลี่ยนแผนไปโนแรบัง (ห้องคาราโอเกะ) แทน


ฝนตก อากาศหนาวๆ แนะนำโกโก้ร้อนเลยค่ะ ฟินมากกกกกกกก โกโก้ร้านนี้อร่อยมากกกก แต่จำพิกัดไม่ได้น่ะ



โนแรบัง อยู่ชั้นบนของตึกนี้ค่ะ ด้านนอกก็มีเด็กๆ สาวๆ รอเต็มไปหมด


มีเพลงไทยด้วยนะคะ ตั้ง 1 หน้าแหนะ ฮ่าาาาา


ร้อเพลงเสร็จก็เดินไปเดินมาในฮงแดนีแหละ แล้วก็เจอโอป้าคนนี้ เพื่อนเกาหลีบอกคนเสื้อสูทฟ้าคือดาราตลก ชื่อ ยุงฮยองบิน..กำลังแจกใบโปรโมทการแสดง...เราก็ไม่รู้จักอยู่ดีป่ะ ฮ่ะๆ



มื้อค่ำกิน street food ตรงบริเวณทางออก 9 แถวนี้มีร้านรถเข็นหลายร้านเลยค่ะ


[[DAY 4]] Royal Thai Embassy, Ihwa Mural Village

เพราะเราบินมาคืนวันที่ 13 ตุลาคม วันนี้พอมีเวลาเราจึงแวะไปสถานทูตไทยในเกาหลี เพื่อไปถวายความอาลัยแด่ในหลวง ร.9 ค่ะ สำหรับคนที่จะไปสถานทูต ไม่ว่าจะด้วยกิจใดๆ ไปตามแผนที่นี้เลยนะคะ เป็นแผนที่จากเว็บสถานทูตเลย

พิกัดสถานทูตไทย ณ กรุงโซล : Itaewon Station (Line No.6) Exit 3


จากนั้นก็หาอาหารกินแถวอิแทวอน นี่อยากกินบิงซูแต่เช้า ปรากฎเครื่องทำยังไม่พร้อม ต้องรอเป็นชั่วโมง...อดค่ะ มีอะไรก็กินไป



เที่ยงๆ บ่ายๆ ก็มูฟไป Ihwa Mural Village ที่นี่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และไฮไลท์คือ การเช่าชุดนักเรียนเกาหลีโบราณ

พิกัด Ihwa Mural Village : Hyehwa Station (Line No. 4) Exit 2


ขึ้นเขามาเรื่อยๆ ก็จะเจอภาพนี้




เดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ด้านขวามือจะมีป้ายร้านเช่าชุดนักเรียนเกาหลีโบราณอยู่ค่ะ ใครใคร่จะเช่าก็เดินลงไปตามทางเลย ร้านนี้คือร้านที่หมากคิมเคยมาเช่าน่ะ

ที่นี่มีชุดให้เลือกประมาณ 3-4 แบบ เราเช่าชุด 1 ชั่วโมง ราคา 5,000 วอน


ตรงนี้สินะ ที่เคยเป็นบันไดดอกไม้


ถ่ายรูปเสร็จก็เดินเล่นในหมู่บ้านค่ะ บอกเลยว่ากว้างใหญ่มากกกก เดินไม่ทั่วค่ะ อาจเพราะว่ามาช้าไป เหนื่อย เพลีย และแก่แล้ว ฮ่าๆ ใครที่คิดจะมาตามเก็บภาพ street art แนะนำให้มาตั้งแต่เช้าเลย


นี่พยายามเดินหาทางออก เดินให้เป็นวงกลม เพื่อจะได้กลับมายังจุดเริ่มต้น


ร้านนี้เป็นทางผ่านตอนเดินขึ้นเขา เราเล็งไว้ตั้งแต่แรกเลย


[[DAY 5]] Seoul Fashion Week, Garosu-gil

งานโซลแฟชั่นวีคจัดปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 สัปดาห์ คือ เดือนมีนาคม (autumn / winter) และเดือนตุลาคม (spring / summer) ใครสนใจจะไปดูหรือส่องผู้ชายก็แพลนทริปไปช่วงนี้แหละค่ะ

อันที่จริงเราได้บัตรเช้าชมโชว์ 2 แบรนด์ แต่โดนเทไป 1 แบรนด์ งงมากกกกกกกกก อยู่ๆ ก็เงียบหายตายจากไป ไม่ติดต่อมา

ชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีเส้นสายใดๆ อย่างเราก็สามารถเข้าชมโชว์ได้ โดยวิธีที่เราได้มาซึ่งบัตรนั้น...คือ การร่วมกิจกรรม Ticket Event อธิบายง่ายๆ คือ แบรนด์แจกบัตรฟรี แล้วเราก็ทำตามกติกาของเค้า จะได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ "ดวง" ล้วนๆ

สามารถเช็คตารางโชว์ในเว็บ http://www.seoulfashionweek.org/

วิธีแจกบัตรเกือบทุกแบรนด์ก็จะคล้ายๆ กัน คือ

1. follow ig ของแบรนด์

2. re-post ภาพ ticket event นั้นๆ พร้อมติด hashtags ต่างๆ มากมายตามคำสั่ง

3. comment ว่าทำไมถึงอยากได้บัตร และแท็คชื่อเพื่อนที่จะไปด้วยกัน,,เพราะส่วนใหญ่แบรนด์แจกรางวัลละ 2 ใบ

นี่เป็นครั้งแรกของเราและได้บัตรเลย ดีใจมากกก



ชมบรรยากาศพอประมาณนะ ช่วงที่เราไปยังไม่ค่อยเห็นนายแบบนางแบบมากเท่าไหร่


แบรนด์ที่เราได้เข้าชมคือ Big Park ของ Park Yoon Su


ขอโม้สักนิด ชุดผ้าตีนจก ตัดเย็บเอง ที่ใส่วันนี้ :-)


ดูโชว์เสร็จแล้วหิวมากกกกกกกกก รุ่นน้องที่เรียนที่นี่เลยพาไปกินปลาหมึกผัดเผ็ดร้านอร่อยมากกกกกกกกก...ที่ฮงแด ฮงแดอีกแล้วหรอ เป็นจุดตั้งหลักใช่หรือไม่

พิกัดร้าน Hong's Jjukkumi : Hongik Univ. Station (Line No. 2) Exit 8

คนรักปลาหมึกอย่างเราชอบมากกกกกกกก เมนูที่เราสั่งเป็นปลาหมึกกับหมูสามชั้น แต่งงกับข้าวดังที่อยู่ในน้ำเปล่า น้ำเปล่าจริงๆ ไม่มีรสชาติความเป็นน้ำซุปเลย เราไม่รู้ว่ากินไง เลยตักข้าวใส่กระทะคลุกไปกับปลาหมึกเลย พอใกล้ๆ หมดกระทะ น้องบอกว่าต้องบอกเค้าว่าเอาข้าวผัดนะ เค้าถึงจะทำให้ ไม่บอกก็ไม่ทำ บอกเค้าไป "พกกึมบับ ชูเซโย"

เค้าจะเอาของในกระทะออกหมด แล้วใส่ซอสเพิ่ม ใส่ข้าว ไข่กุ้ง และสาหร่ายลงไป ผัดๆ คลุกๆ เห็นหน้าตาแบบนี้นะ โอโหหหหหหหหหห คุณ! โคตรอร่อย...ร้านนี้แนะนำอย่างรุนแรง เราให้เป็นนัมเบอร์วันของทริปนี้เลย,,,ก็มัวแต่กิน เลยไม่ได้ถ่ายรูปเยอะ


ว่างแล้วไง ไปไหนดี เลยไปเดินเล่นที่ถนนกาโรซู หรือ กาโรซูกิล ได้แค่เดินเล่นจริงๆ มีแวะกินชีสเค้ก ช็อปนิดหน่อย และเดินนนนนนนน แถวนี้ย่านของแบรนด์เนม เสื้อผ้าเกรดดี ราคาสูง กว้างใหญ่อีกเช่นเคย จีงเดินไม่ทั่ว


นี่อะไร แป๊บๆ กินอีกละ คิดอะไรไม่ออก ก็ฮงแดดดดดดดดดดด ร้านหมูย่าง 24 ชั่วโมง จำชื่อร้านไม่ได้ เป็นร้านใหญ่สีเหลืองๆอยู่ข้างร้าน Hong's Jjukkumi ซึ่งแอบเล็งไว้ตอนเที่ยง น้องบอกร้านนี้อร่อย ก็เลยมาลอง


[[DAY 6]] Haneul Park, Insadong

วันนี้อากาศดี พร้อมไปยังฮานึล ปาร์ค เราออกกันมาสายๆ นั่งมาลง World Cup Stadium

พิกัด Haneul Park : World Cup Stadium Station (Line No. 6) Exit 1

เอาแค่หน้าสเตเดียม ยังไม่ทันถึงไหนเลย เจอต้นไม้เขียว เหลือง ส้ม แดง เราก็กระโดดใส่ละ ชอบมากกกกก ใช้เวลาตรงนี้นานมากกกกก


สมควรแก่เวลา ไปเดินหาฮานึล ปาร์ค กัน,,,เรารู้ว่ามีทางไปหลายวิธี วิธีที่เราเลือก คือ เดินเลาะสเตเดียมไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดหน้าสเตเดียมเลยค่ะ แล้วเลี้ยวซ้าย เดินนนนนนนนนนน จนจะเห็นทางสะพานข้ามถนน และมองเห็นบันได 293 ขั้นตรงโน้นนนนน เดินไปยังไงก็ได้ให้ไปถึงตรงนั้น ฮ่าาาา

แล้วมาเจอต้นไม้ตรงลานจอดรถ เราก็หยุดอีก! เขียว เหลือง ส้ม แดง


ผู้ร่วมเดินทางส่วนใหญ่เป็นป้าๆ ลุง แข็งแรงมากกกกก ส่วนเราเดินไปบ่นไป เมื่อไหร่จะถึงๆ


นี่ก็หยุดถ่ายรูปเป็นระยะๆ ให้เวลาทั้งวันเลย เอาเลยยยยยยยยยย อยากบอกว่า อย่าคิดว่าเมื่อขึ้นบันได 293 ขั้นมาแล้วจะเจอฮานึล ปาร์ค นะ,,,ไม่ค่ะ ไม่เลย มันยังไม่จบ!! ยังต้องเดินไปอีกกกกกกกก คนไม่เคยมาอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเดินไปไกลแค่ไหน ตามๆ เค้าไป จีพีเอสไม่เปิดค่ะ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น


กรี๊ดดดด ถึงแล้วค่ะคุณ ถึงสักที แนะนำให้พกเสบียงมาด้วยนะ ต้องอยู่กันยาว และเดินยาวววว


สามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย ชอบมากกกกกก


อยู่ฮานึล ปาร์ค จนเย็น เราก็รีบออกกันมา เพราะต้องบวกเวลาเดินย้อนกลับไปทางเดิม ก็เห็นว่ามีรถบริการนะ แต่คิวยาวมากกกก และไม่รู้ว่ารถไปถึงไหน เลยเดินละกัน สู้!

ตอนค่ำแวะมาหาอาหารที่อินซาดง ก็เป็นย่านวัฒนธรรมอ่ะนะ มีร้านขายของเกาหลีเก๋ๆ โบราณๆ มีคนเดินใส่ชุดฮันบกมากมาย ส่วนตึก Ssamziegil นั้น ก็มีของขายเก๋ๆ แต่เป็นของแนววัฒนธรรมเกาหลี

พิกัด Insadong : Anguk Station (Line No.3) Exit 6


[[DAY 7]] KTX to Busan, Nampodong Street

ไปปูซานเพื่อนเราจองตั๋ว KTX ไว้ล่วงหน้ากับ http://www.letskorail.com/ebizbf/EbizBfKrPassAbout...

เราเลือกประเภทที่เหมาะสมกับทริปและจำนวนคนเราที่สุด คือ Flexible 2-Day Pass แบบ Saver (Group of 2-5 people) มีเพื่อนมาเพิ่มอีก 3 คน ราคาคนละ 91,000 วอน ไป-กลับ ภายใน 10 วัน เที่ยวไหนก็ได้

ต้องปริ้นท์ voucher ไปแลกตั๋วที่เค้าท์เตอร์อีกที ระยะเวลาเดินทาง 13.50-16.29


นั่งรถแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงแล้วปูซานนนน


เราชอบปูซานมาก ผู้ชายหน้าตาดี ฮ่าาาาา คนที่นี่ก็ใจดี เป็นมิตร มีน้ำใจมาก โดยเฉพาะป้าๆ ลุงๆ

เราลงรถไฟฟ้ากันอย่างงงๆ ว่าไปทางไหนต่อ มีคุณน้าเข้ามาบอกว่าลิฟท์อยู่ทางโน้นนะ ไม่ต้องขนกระเป๋าขึ้นบันได พอจะออกจากสถานี เราก็ถามทางไปที่พักกับลุงๆ ป้าๆ แถวนั้น คุณน้าขึ้นมาเจอ ก็เลยอาสาพาเดินไปส่งซะเลย โหหหหห first impression สุดๆ


มาสำรวจและหาของกินที่ Nampodong Street ซึ่งเดินมาจากที่พักได้เลย เดินเรื่อยๆ แถวนี้เป็นย่านช็อปปิ้ง ไม่ต่างอะไรกับโซลมาก วัยรุ่นมากมาย


[[DAY 8]] Jagalchi Fish Market, Gamcheon Cultural Village, Busan Modern History Museum, Yongdusan Park

เราพักที่ Hotel MU อยู่ใกล้ Nampo Station เรานั่งรถไปลง Jagalchi Station (Line No.1) Exit 10 แค่สถานีเดียว

จะมาลองกินอาหารทะเลซะหน่อย..หอยที่ปูซานใหญ่มากกกกกกก


เดินเข้ามาสุดซอยจะมีอาคารหลายชั้น เราขึ้นมาทานอาหารที่ชั้น 2 ก็เลือกๆ มันสักร้าน เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ



เป็นซีฟู้ดที่ไม่มีความแซ่บเลยยย คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดดดด,,,ชอบซันนักจี (ปลาหมึกเป็นๆ) ที่สุดแล้ว


ออกมาชมวิวทะเลด้านหลังอาคาร ลมแรงและเย็นมากมายยยย



เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลง Toseong Station (Line No.1) Exit 6 จากนั้นเดินไปป้ายรถเมล์ เพื่อรอรถสาย 1-1, 2, 2-2 ไป Gamcheon Culture Village


ที่นี่ดีกับใจเรามากกกกกๆๆๆ ชอบมากกกกก อากาศดีๆ เดินไม่รู้เบื่อ แต่เหนื่อย ฮ่าาา ต้องกลับไปโดนอีกครั้ง


เดินมาเจอร้านปลาหมึกย่าง อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก ห้ามพลาด อยากให้แถวบ้านมีขายแบบนี้ ฮือออ


ว่างแล้ว อยากไปต่อแล้ว โนแพลนอีกแล้ว เย็นแล้ว ไปไหนไกลมากไม่ได้ เลยหาสถานที่เที่ยวใกล้ที่พัก จึงได้ความว่า ไป Busan Modern History Museum กันเถอะ เข้าชมฟรีด้วย

โดยนั่งรถเมล์กลับมายัง Toseong Station แล้วนั่งต่อไปลง Jungang Station (Line No.1) Exit 5


จากนั้นเดินมั่วๆ หาทางไปสวนสาธารณะยงดูซาน ขึ้นไปชมเมืองปูซานและปูซาน ทาวเวอร์


เดินมาเรื่อยจนมาถึง Nampodong Street หาข้าวเย็นกินกัน...อยากบอกว่าไอศครีม 32 เซ็น ที่มันดูน่ากินเนี่ย โคตรของโคตรๆๆๆๆ ไม่อร่อยเลย ไม่มีความอร่อยยันโคนไอศครีม นี่คิด่ว่ารสชาติจะเหมือนไอศครีมแม็คโดนัลท์ โนจ้ะ เทียบไม่ติดเลย


[[DAY 9]] Haedongyonggung Temple, Haeundae Beach, Kwangalli Beach

วันนี้นั่งรถออกไปไกลมาก เพื่อไปวัดแฮดงยงกุง นั่งรถไฟใต้ดินมาลง Haeundae Station (Line No.2) Exit 7 มารอขึ้นรถเมล์สาย 181


รถเมล์จอดแค่ถนนใหญ่ทางเข้าวัด เราต้องเดินขึ้นเนินไปอี๊กกกก



วันนี้เป็นวันหยุด คนมาเที่ยววัดเยอะ ทัวร์จีนก็เยอะเช่นเคย



กว่าจะได้เจอภาพนี้ ระยะทางช่างแสนไกล แต่ก็คุ้มค่ะ


ขากลับนั่งรถเมล์สาย 9 มาลงที่ Haeundae Station เหมือนเดิม เดินไปตรงทางออก 3, 5 แล้วเดินมาเรื่อยๆ จนเจอตลาดแฮอุนแด และหาดแฮอุนแด


แถวนี้มีความเป็นเมืองมาก ตึกสูงมากมาย


รู้สึกแปลกใหม่กับการใส่ชุดมิดชิดมาเที่ยวทะเล ฮ่าๆ


ตอนเย็นนัดเจอเพื่อนเกาหลีของเพื่อน เค้าบอกว่าวันนี้มีงานเทศกาลดอกไม้ไฟประจำปี มีปีละครั้ง เป็นงานที่ใหญ่มากๆๆ ช่างบังเอิญและโชคดีอะไรอย่างนี้ที่ได้มาดู

งานนี้จัดที่หาดกวางอัลลี พิกัด Kwangan Station (Line No.2) Exit 3, 5 แล้วก็เดินตามฝูงชนมากมายมหาศาลไปเลย คนเยอะมากกกกกก ตำรวจก็เยอะ น่าจะมาทั้งจังหวัด ฮ่าๆๆ ที่สำคัญตำรวจเอ๊อะๆ ใสๆ น่ารักมากค่ะ ยืนเฝ้ากันเรียงรายให้เลือกสรร

ขากลับจากชมดอกไม้ไฟนี่โหดมาก เพราะจำนวนคนที่เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ทำให้จนท. ต้องปิดสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดชั่วคราว ไม่สามารถบรรทุกคนได้แล้วว่างั้น เราต้องเดินย้อนไปอีก 2 สถานี เพื่อไปขึ้นต้นๆ ทาง มีการวิ่งรถเปล่าเพื่อไปรับคนที่สถานีนั้น,,,ดูเป็นวาระแห่งชาติมาก


[[DAY 10]] Busan Station, Seoul Station, Gayang Station, Hongdae

เราแพลนไว้ว่าจะขึ้น KTX กลับโซลราวๆ เที่ยง เพราะไม่อยากถึงมืดค่ำ พอมาถึงสถานีปูซาน ก็เอาใบที่จองไว้ไปแลกตั๋ว พนง. บอกว่า "มีแต่ตั๋วยืนนะ" ดะ ดะ เดี๋ยวนะ ที่ฟังอะไรผิดมั้ย ตั๋วยืน?? ถ้าอยากได้ตั๋วนั่งก็มีอีกทีสามทุ่ม!!! เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์สินะ คนเลยกลับโซลเยอะ และความที่เป็นตั๋ว flexible ไง ไม่ระบุที่นั่งและวันเวลา

เอ่ออออ ยืนก็ยืนวะ สองชั่วโมงครึ่ง ไม่อยากเสียเวลารอ


แล้วเราก็ต้องยอมจำนนให้ตั๋วลูกเมียน้อย เราเลือกได้เลยว่าจะไปยืนระหว่างตู้ไหน ฮ่าาา //ในเสียงหัวเราะมีน้ำตา//


เราเลยเลือกตู้ 17 ด้วยเหตุผลว่าขามา มาตู้นี้ คุณ!! พอมาดูสภาพความเป็นอยู่ มันดีกว่าที่คิดมากเลย มีเก้าอี้พับ 2 ตัว เบียดๆ กันนั่งได้ มีห้องน้ำ ที่เก็บกระเป๋า ถังขยะ ตู้หยอดน้ำ ที่ชาร์จโทรศัพท์ แฟคซิลิตี้มากมาย

ที่สำคัญ เม้าท์มอยได้ไม่ต้องเกรงใจใคร ดีไปอีก บางช่วงก็มีคนขึ้นมายืนเป็นเพื่อน..ตั๋วยืนเหมือนกันสินะ พอคนเริ่มๆ ลง พนง. ก็อนุญาตให้เราเข้าไปนั่ง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปหรอก ตรงนี้ก็สบายดี


กลับถึงโซลก็แยกย้ายเข้าที่พัก เรากัเพื่อนไปพักกับโฮสที่สถานีคายัง แล้วก็นัดเจอกับเพื่อนๆ ที่ฮงแด ฮงแดอีกแล้วเนอะ ก็เพื่อนๆ ยังไม่เคยมา แหะๆ

มื้อเย็นไปลองกินซี่โครงชีสเจ้าดัง พิกัด : Hongik Univ. Station (Line No.2) Exit 8 ส่วนร้านไก่ทอดก็เดินดุ่มๆ เข้าไป...ไม่อร่อยเลย บอนชอนอร่อยกว่าา


[[DAY 11]] Indadong, Gyeongbokgung

วันนี้เที่ยงๆ แพลนไปเช่าชุดฮันบก เดินถ่ายรูปเก๋ๆ กัน เราไปตั้งต้นที่อินซาดง เพราะเล็งร้านเช่าชุดไว้ที่นั่น พิกัด Insadong : Anguk Station (Line No.3) Exit 6


ร้านนี้อยู่ตรงปากทางถนนอินซาดง ขวามือ ขึ้นไปชั้น 2 มีชุดให้เลือกมากมายหลายราคา ชุดที่เราเลือกสนนราคาที่ 17,600 วอน เราเพิ่มหมวกและกระเป๋า,,พัดนั้นเอามาเอง เช่า 4 ชั่วโมง


ได้เวลาเดินเข้าวัง ก็ลัดเลาะหาทางมาเรื่อยๆ จนเจอวัง ก็เดินเข้าสวยๆ เลย ชุดฮันบกเข้าฟรี


เม้าท์สักนิด..แบบสมาชิกกลุ่มเราป๊อปปูล่ามาก มีนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูปไม่หยุดหย่อน แล้วแบบหน้าตาเราถูกโฉลกกับฝรั่ง สเป็คฝรั่งว่างั้น ขนาดอยู่ในชุดฮันบก อยู่ในประเทศที่มีแต่โอป้า ก็ยังมีแต่ฝรั่งมาขอถ่ายรูป! ที่พีคสุดคือ หนุ่มโปแลนด์มาขอเฟสบุ้คเฉยเลย..งงเลย 55555


วังใหญ่โตมากกกก เดินมั่วมาก มั่วจนออกมาหน้าวังได้ ไปสุดแค่พระเจ้าเซจง ไปไม่ถึงคลอง เพราะขี้เกียจเดิน และใกล้เวลาคืนชุดแล้ว

ตอนเย็นหาข้าวกินที่อินซาดง แล้วพาเพื่อนไปช็อปที่ฮงแด ฮงแดดดด เพื่อนพักที่ฮงแดดดด


[[DAY 12]] MMCA, Samcheongdong Street, Lotte Mart

เราดูพยากรณ์อากาศว่าวันนี้ฝนจะตก เลยแพลนจะไปแค่ Lotte Mart ตอนเย็น จะไปหอบหิ้วของกิน ของฝากกลับไทย แบบกลางวันขี้เกียจออก อยากนอนตื่นสาย แต่พอตื่นแล้วก็หิว เลยลงไปหาของกินใต้อพาร์ตเม้นท์โฮส เป็นเบอร์เกอร์ข้าว ก็อร่อยดี


แล้วคือมันว่างไงคะ ว่างเกินไป เลยบอกเพื่อนว่าไป MMCA กันเถอะ อยากไป เมื่อวานก็เดินผ่านนะ แต่มันปิด

MMCA คือ National Museum of Modern and Contemporary Art พิพิธภัณฑ์งานศิลปะนั่นเอง ปิดวันจันทร์นะคะ

เรานั่งรถไฟไปลงที่อินซาดงเหมือนเมื่อวาน ค่าเข้ามิวเซียม 4,000 วอน เข้าไปเสพศิลป์กันค่ะ


มุมนี้เราชอบที่สุดเลย พลาสติกโฮโลแกรม (รึป่าว) พอแดดสาดเข้ามาก็ได้แสงออกมาเป็นแบบนี้ สีเหมือนโฮโลแกรมเลย


ส่วนนี่มองออกไปข้างนอก และมองจากข้างนอก


ออกจากมิวเซียมก็เดินไปถนนซัมชองดง จริงๆ จะไปหมู่บ้านฮันอก แต่ แต่ เหนื่อย ไกล เวลาไปพอ เลยไปสุดที่ Cafe Breezin แล้วก็ไป Lotte Mart


คุณพระ!!! การกินลมชมวิวจากที่สูงในฤดูนี้ มันช่างดีมากกกกก ดีจนอยากย้ายมาอยู่ที่นี่



[[DAY 13]] Nami Island

วันนี้ออกนอกโซล ไปเกาะนามิกันค่ะ บอกตรงๆ เราเป็นคนที่เฉยๆ กับเกาะนามิมาก รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย แต่เพื่อนอยากไป โอเค ไปๆ ไปให้รู้ พอไปถึงนี่ถึงกับกรี๊ดเลย เพราะต้นเมเปิ้ล และต้นแปะก๊วยเต็มเกาะเลยยยย คือชอบมากกกก ไม่เสียใจเลยที่มา

วิธีไปเกาะนามิ คือ นั่งรถไฟฟ้าไปลง Gapyeong Station (Line Gyeongchun)

เป็นการเดินทางที่ยาวไกลค่ะ ไปถึงสถานีแล้วเข้าคิวขึ้นแท็กซี่เลยค่ะ บอกไปเกาะนามิ เค้าจะไปส่งที่ท่าเรือ

ป.ล. เราไปกัน 5 คน แท็กซี่รับขึ้นมานะ แต่ก็บอกว่า จริงๆ อ่ะนั่งไม่ได้นะ 5 คน จำกัดแค่ 4 คน



เสียค่าขึ้นเรือคนละ 8,000 วอนค่ะ



ชมความงามของต้นไม้บนเกาะให้หนำใจ ทักคัลบี้ก็อร่อย แถวนี้เค้าดังเรื่องทักคัลบี้






แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้มาเกาะนามิฤดูนี้ค่ะ


[[DAY 14]] Incheon Int. Airport

วันกลับแล้ว เย้ คิดถึงอาหารไทยมาก เบื่ออาหารเกาหลีที่มีแต่สีแดงๆ เอะอะใส่โคชูจัง ฮ่าาาา

เรากลับไฟท์ 11 โมง โชคดีที่ที่พักอยู่ห่างจากสนามบินแค่ครึ่งชั่วโมง เลยไม่ต้องตาลีตาเหลือกมากค่ะ


จบแล้วค่ะ เกาหลี 14 วัน,,,ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ^^

สำหรับค่าใช้จ่ายหลักๆ คือ ค่าเครื่องบิน + ค่ากิน + ค่าที่พัก + ค่ารถต่างๆ ในเกาหลี + ค่าช็อปปิ้ง

เราตั้งไว้ที่อย่างละ 10,000 บาทค่ะ = 50,000 บาท ถัวเฉลี่ยกัน ไม่เกินนี้ค่ะ


แล้เจอกันใหม่รีวิวหน้า กับ "เวียดนามใต้ ฉบับเจ้าถิ่นพาเที่ยว"...ขอตัวไปเขียนรีวิวก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

ขอบคุณค่ะ

..วิญย่า

Winya Pawinya

 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.

ความคิดเห็น