สวัสดีทุกท่านอีกรอบครับ กระทู้รีวิวการท่องเที่ยวของเราครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ครับ ยังไงก็ฝากกระทู้แรกด้วยนะครับ ไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬ เกาะเซบู ประเทศ ฟิลิปปินส์ http://pantip.com/topic/34856518



มาๆเร็ว ไม่รอช้า ไปลุยเกาะบาหลีกันเลย " เกาะบาหลี ได้รับการขนานนามว่า “อัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดีย " อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา บาหลีเป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความยาวจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะประมาณ 150 กโลเมตรอยู่ติดกับเกาะชวา มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน บาหลีได้ฉายาว่า เกาะมรกต เพราะมีต้นไม้เขียวขจีไปทั้งเกาะ เนื่องจากได้รับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมไว้ดีเยี่ยม มีกฏหมายไม่ให้ปลูกสิ่งก่อสร้าง ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมจากธรรมชาติ โดยอาคารที่สร้างจะสูงกว่า 15 เมตรไม่ได้ บาหลีเป็นตัวอย่างของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการดูแลรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด ธรรมชาติที่บริสุทธิ์เป็นเสน่ห์ของบาหลี ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปชมกัน

การเดินทางไปบาหลีครั้งนี้ขอเรามีเวลาเตรียมตัวเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และจะไปช่วงสงกรานต์ด้วย จะหาตั๋วเครื่องบินถูกที่ไหนละ ช่วงนี้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าตั๋วราคาสูงอยู่แล้ว ไม่ได้จองล่วงหน้านาน ราคาตั๋วไม่มีต่ำกว่าหมื่นอยู่แล้ว แต่สไตล์การท่องเที่ยวของเรา ถ้าตั๋วราคาเกินหมื่นจะคิดแล้วคิดอีก คิดไม่ต่ำกว่า 100 รอบ ก็คนมันงบจำกัดนี่เนาะ การที่จะจองตั๋วเครื่องบินจากกรุงเทพ ไป บาหลี Denpasar อย่าหวังเลยจะเจอตั๋วราคาต่ำกว่าหมื่น เพราะแม้แต่สายการบินหางแดงยังปล่อยราคามาสูงเกือบ... ทางเลือกนี้จึงจบไปสำหรับเรา แต่ไม่ย้อท้อนั่งหาตั๋วราคาถูกต่อไป ใช้เวลา 3 วันเต็มๆ ในการหาตั๋ว เปิดทุก app ที่มี การค้นหาทุกวิธีทางมาให้ได้ตั๋วในราคาที่โดนใจ จับเส้นทางหลายเส้นทางมาต่อกัน จนในที่สุดเราก็มีดวงตาเห็นธรรม เอ้ย.ไม่ใช่...เห็นช่องทางที่จะไปให้ได้ตั๋วราคาต่ำกว่าหมื่น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้


การเดินทางของเรา ส่วนใหญ่จองผ่าน App traveloka นะ เพราะต้องการหลีกเลี่ยงทำธรรมค่าจ่ายบัตรเครดิตของสายการบินหางแดง เราเลือกที่จะไม่บินตรง โดยจะออกจากดอนเมือง(DMK)ไปจาร์การ์ต้า(CGK) แล้วต่อเครื่องไปยังบาหลี (DPS) เราไม่ได้จองแบบ connecting flight นะ เราเลือกจองแบบที่ละ booking จับเวลาการเดินทางมาต่อกันเอง ตรงนี้อยากให้ทุกคนที่จะทำจองแบบนี้ ดูเวลาดีดี และให้เพื่อเวลาการเปลี่ยนเครื่องด้วย เพราะบางสนามบิน แถว ตม. จะยาวมาก ตรงนี้ต้องศึกษาให้ดี วันนึงถ้าคุณตกเครื่องมาสายการบินอาจจะไม่รับผิดชอบนะ เพราะเราผิดเอง โอเคร มาต่อกันดีกว่า การเดินทางของเราครั้งนี้ ยังเลือกใช้บริการหางแดง อยู่เหมือนเช่นเคย เพราะเราชอบ Concept now everyone can fly ทำให้เรา fly กับหางแดงหมดเงินไปหลายตังค์ล่ะ 555

1.จาก DMK-CKG-DMK เราได้ราคาตั๋วไป-กลับ อยู่ที่ 5,573 จองผ่าน traveloka ซึ่งราคาขายเท่ากับหน้า web air asia แต่ไม่เสียค่าธรรมเนียมการจอง

2. จาก CKG-DPS-CGK เราก็จองกับหางแดง เอาแต้มแลกไป 1,000 แต้ม ได้ราคาไป-กลับ ที่ 1,580 บาท จองตรงกับแอร์แอร์

สิริรวม ไปกลับครั้งนี้ 7,153 บาทถ้วน เห้ยราคารับได้ ประหยัดไปเกือบ 6,000 บาทเน่ะ แต่เสียเวลาหน่อยในการเดินทางเพราะต้องนั่งรอต่อเครื่อง แต่สำหรับเรานะโอเคเลย เอาเงินที่เหลือไปเที่ยวดีกว่า



**_** แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ก่อนเดินทาง Air Asia Indonesia ส่งเมลล์มาเปลี่ยนเวลาเดินทาง เที่ยวบินในประเทศ ทั้งขาไป-และกลับ เอาแล้วงานเค้า เปลี่ยนเวลามายังงี้ แล้วข้าจะขึ้นเครื่องกลับไทยได้ทันเวลาได้ไงฟร่ะ .. ทางสายการบินเสนอเงื่อนไขให้เรา 2 อย่างคือ ให้เปลี่ยนเวลาหรือวันเดินทาง กับขอเงินคืน เห้ยแลดูแย่ว่ะ จะให้ชั้นเปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้ ชั้นจะไปเวลานี้และวันนี้เท่านั้น เราจึงเลือกตัวเลือกที่ 2 คือ ขอ Full refund แล้วเราจะหาทางจองเที่ยวบินใหม่ ซึ่งกระบวนการคืนเงินใช่ว่าจะได้เงินกันง่ายๆ นะจ๊ะ รอกันเป็นเดือน แต่วันนี้ที่เรานั่งเขียนกระทู้เราได้เงินครบแล้วนะ (ปล. ใครอยากรู้วิธีการขอ Refund จากแอร์เอเชีย หลังไมค์มาได้นะ)



ทำไงดีที่นี้ ก็ใช้ Search engine ที่มีทั้งหมดควานหาตั๋วไปกลับ CGK-DPS-CGK ซึ่งสายการบินในประเทศบ้านเค้ามีให้เลือกเยอะแยะนะ ไม่ว่าจะเป็น แอร์เอเชีย, Lionair, Citilink, Guaruda, Sriwijaya Air ในที่สุดก็ลงตัวที่ขาไปใช้แต้มของแอร์เอเชีย แลกเหมือนเดิมจาก CGK ไป DPS ราคาเที่ยวละ 740 บาท ส่วนขากลับจอง lion air ราคา 1,087จองผ่าน App traveloka ได้ส่วนลดมาอีก 200 บาท เพราะใช้บัตรกรุงศรี งั้นไง ถ้าจะถูกต้องอย่าลืมหาส่วนลดนะจ๊ะ 555

สรุปราคาไปกลับ สิริรวม 7,400 บาท เฮ้อแพงขึ้นจากเดิมมาหลักร้อย แต่ก็อะเคร และหวังว่าจะไม่มีการเปลี่ยนอีกนะ เธอว์.......

เดียวมาต่อนะไปๆ กันต่อ

หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อย ก็มาจัดแจงโปรแกรมว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหน มีอะไรน่าสนใจ อาหารการกินเป็นยังไง แล้วที่พักจะพักที่ไหน ข้อมูลคือไม่มีอะไรเลย ก็ได้กระทู้ในพันทิปที่นี่แหละที่ช่วย ข้อมูลในห้องนี้แน่นจริงๆ ทำให้เราวางแผนได้ง่ายขึ้น เราเริ่มจากการจองที่พัก ก่อน ที่พักของเราแบ่งออกเป็น 3 เมือง คือคืนแรก Kuta, 2 คืนที่ Ubud, และอีก 2 คืน ที่ Nusa Dua เดียวจะรีวิวแต่ละโรงแรมใน part การเดินทางให้นพครับ การจองห้องพักก็เช่นเคยจองกับ Agoda เพราะอะไรนะหรือ ที่จริงราคาก็ไม่ได้แตกต่างจากเว็บอื่นมาก แต่เราจะใช้ส่วนลดจากบัตรเครดิตเป็นส่วนลดอยู่เสมอๆ ก็จะทำให้เราได้ราคาที่ถูกลง ให้เครดิตเว็บนี้เลย รวบรวมส่วนลดบัตรเครดิตพร้อมลิ้งจอง https://2baht.com/agoda-promotion-credit-card-2016/

ได้ที่พักแล้ว ก็ถึงที่ต้องหาสถานที่ไปเที่ยวแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปบาหลีส่วนใหญ่ก็จะนิยมเช่ารถพร้อมคนขับรถเที่ยว วิธีนี้สะดวกสบาย และราคาไม่ได้สูงมาก หรือเช่ารถขับเที่ยวเอง ซึ่งจากที่เราดูราคาเช่ารถต่อวันไม่แพงเลย มีให้เลือกรถหลากหลายรุ่น และอีกวิธีก็คือการเช่ามอเตอร์ไซต์ วิธีนี้ก็ได้รับความนิคมไม่แพ้กัน แต่สำหรับเราแล้ว ไม่มีใบขับขี่สากล มอไซต์ก้อไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งกลางทาง 555 ก็เลยเลือกเช่ารถพร้อมคนขับ เราก็ส่งเมลล์ไปขอราคาหลายต่อหลายเจ้าที่ให้บริการนะ แต่สุดท้ายก็มาตกลงเอาของ Teddy Team ที่คนไทยที่ไปเที่ยวบาหลีคุ้นเคย กันดี เพราะทำตารางการเดินทาง รวมไปถึงค่าเข้าชมแต่ละสถานที่ และมื้ออาหารกลางวันที่บุปเฟ่ต์แต่ละที่จะไปวิวร้านอาหารดีมาก และคนก็รีวิวเยอะมาก ซึ่งตารางการเดินทางที่ทาง Teddy ส่งให้ ตามด้านล่างเลยครับ พร้อมราคามาให้ เบ็ดเสร็จ



Day 1 (14 Apr 2016)

09.00 am, pick you up at The Edelwess Boutique Hotel Kuta

- Taman Ayun/ mengwi royal temple, admission fee IDR 15,000/p

- Ulun danu beratan/ temple on the lake, Fee IDR 30,000/p

- Buffet lunch at Saranam Eco restaurant, IDr 90.000/p, include tax and services

- Twin lake/ buyan and tamblingan lake

- Tanah Lot/ Temple on the sea, IDR 30,000/p

- Check in at Villa Mandi Ubud

Cost IDR 450.000



Day 2 (15 Apr 2016)

09.00 am, pick you up at hotel

- Barong dance performance, Fee IDR 80,000/p

- Tegalalang rice terrace view, IDR 10,000/p

- Kintamani/ volcano and lake batur view, IDR 31,000/p

- Buffet lunch at Grand puncak sari restaurant, IDR 90.000/p, include tax and services

- Test coffee luwak/ animal coffee

- Tirta Empul/ holy water temple, IDR 15,000/p

- Back hotel

Cost IDR 500.000



Day 3 (16 Apr 2016)

09.00 am, pick you up at hotel

- Goa Gajah/ elephant cave, IDR 15,000/p

- Besakih/ Mother Temple, IDR 15,000/p

- Lunch at Mahagiri restaurant, IDR 90,000/p include tax and services

- Kehen Temple, IDR 20,000/p

- Penglipuran Traditional village, IDR 31,000/p

- Back to hotel

Cost IDR 500.000



Day 4 (17 Apr 2016)

09.00 am, pick you up at hotel

- Tegenungan water falls

- Batuan village temple

- Lunch local food

- Bajrasandi monument in Denpasar

- Uluwatu/ temple on the cliffs, fee IDR 30,000/p

- Check in at Park Hotel Nusa Dua

Cost IDR 450.000



The price per CAR, including fuel and parking fees. Not admission fee and meals.



ซึ่งจากราคาการคำนวณ เบ็ดเสร็จ เราคิดว่าวันที่มันน่าเหนื่อยไปถ้าไปเที่ยวทุกวัน เราจึงส่งเมลล์ขอเท็ดดี้ ตัดออก เอาแค่ 3 วัน อีก 1 วัน เราจะขอนอนเล่น เดินเที่ยวเอง แถวๆ โรงแรม ซึ่งเท็ดดี้ก็น่ารัก ตอบเมลล์เร็วมาก ประทับใจ ตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้บริการเลย

http://teddybalitour.com/

Email [email protected] ติดต่อที่เมลล์นี้ได้เลย จะไปวันไหน แค่ระบุไปให้เค้า เดียวก็จะจัดแจงให้เราเลย หรือใครจะใช้เจ้าอื่น ที่ราคาถูกกว่านี้ ก็เอาตารางโปรแกรมนี้ไปใช้ได้เลยนะ เพราะปกติ สถานที่เที่ยวบาหลีหลักๆ ก็มีประมาณนี้ครับ ส่วนใครอยากทำกิจกรรมที่ adventureทาง Teddy เค้าก็มีบริการรับจอง ยังไงก็ลองติดต่อกันดูนะครับยังไม่จบนะครับ เดียวมาต่อให้พรุ่งนี้ วันนี้ขอตัวแว๊บก่อนวันที่ 13 คือวันออกเดินทางของเรา แน่นอนว่า ในวันนี้เราจะใช้เวลา ในการเดินทางทั้งวัน เครื่องออกดอนเมืองตอน 11.55 ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมงกว่าๆ ไปยัง จาร์การ์ต้า และ นั้งรอต่อเครื่องอีก 3 ชั่วโมง เพื่อไปยัง บาหลี สรุปเราไปถึงบาลี ก็เกือบ 4 ทุ่ม เพราะเวลาที่บาหลี กับจาร์การ์ต้า คือบาหลีเร็วกว่า 1 ชั่วโมงนะจ๊ะ ปรับเวลากันดีๆ ละเดียวงงเอา พอมาถึงสนามบิน เดินออกมาก็หา taxi ไปยังที่พัก ที่ kuta เดินออกมาก็จะเจอเค้าเตอร์ Taxi สนามบินเลยนะ แต่เราบินมาลงฝั่ง Domestic นะ ไม่รู้ที่ฝั่ง Inter เป็นยังไง ขอรีวิวในส่วนที่เราเจอแล้วกันนะ เดินออกมา เราก็ยื่น hotel voucher ให้เค้าดูเลย มาจะไปที่นี้ เค้าก็จะบอกราคามาที่ 100,000 rupia เราก็ถามย้ำอีก หนึ่งแสนจ่ายตรงนี้ ไม่มีจ่ายเพิ่มอีกแล้วใช้ไหม ทางนั้นก็บอกใช่ เราก็ย้ำอีก เค้าก็อะเคร เรื่อง Taxi ต้องย้ำนะ เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ 555 จากนั้นก้จะได้ตั๋วมาให้เดินไปหาเบอร์รถที่เค้าเขียนไว้ สนามบิน ไม่ไกลจาก Kuta มากนัก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ถึง 15 นาทีก็ถึง เราให้คนขับพาแวะไปซื้อซิมการ์ด แต่พอลงไปแล้ว ราคาซิมการ์ดแพงมาก 500-700 บาทแน่ะ ขายแพงจัง เราเลยตัดสินใจไม่เอาดีกว่า ใช้ไวไฟโรงแรมก็ได้ แอบงง เบาๆ เงินก็แลกมาจำกัด เดียวใช้ไม่พอ ระหว่างทางก็สนทนากับคนขับไปเรื่อยไป คนขับ Taxi พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก พูดน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว สักพักก็ มาถึงโรงแรม เราจองโรงแรม The edelweiss boutique hotel kuta คืนละ 814 บาท รวมอาหารเช้า

ที่พักใช้ได้เลย ทำเลดี ติดกับ Shopping Mall อาหารเช้าก็ดี หลากหลายดี ห้องอะเครนอนได้ แต่ไม่แนะนำให้นอนหลายคืนนะ เพราะห้องเล็ก ไปหน่อย เหมาะเอาไว้นอนถ้ามีไฟล์ทเช้าๆ เพราะใกล้กับสนามบินมากวันที่ 14 วันแรกที่เราจะได้ออกไปสำรวจเกาะบาหลี แล้ว สำหรับการมาทริปครั้งนี้ รูปทั้งหมดเราถ่ายด้วยกล้อง Sony A5100 นะครับ ทาง Teddy นัดกับเราไว้ว่าจะมารับ 10 โมงเช้า แต่ 9 โมงครึ่ง เราเห็นรถมาจอดรอแล้ว ที่สังเกตุได้ก็คือ รถของ เท็ดดี้ จะมีสติกเกอร์ติดหลังรถเป็นภาษาไทยเลย


รถที่มารับเราก็กลางเก่ากลางใหม่ แต่แอร์เย็นดี เราชอบ คนขับรถของเราชื่อเดวา ขับรถดีเลยอ่ะ เราชอบ แบบไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินไป สถานที่แรกที่เดวา นำเราไป ก็คือ Tanahlot


- Tanah Lot/ Temple on the sea เป็นวัดที่อยู่กลางทะเล ถือว่าเป็น landmark ของบาหลีเลยก็ว่าได้ ใครมาบาหลีไม่ได้ที่นี้ ก็ถือว่าพลาด เพราะมันสวยจริงๆ มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ เยอะเลย ค่าเข้าที่นี้คนละ 30,000 rupia เสียค่าที่จอดรถอีก 5,000 rupia ซึ่งก็ไม่แพงเลย ง่ายๆ 1 บาท เท่ากับ 0.0027 Rupia เรทที่เราแลกเงินไป ที่ Superrich นะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปดูรูปที่ Tanah lot เลยครับ

ตอนไปถึง สักพักฝนตกลงมาแรงมาก แต่ไม่ถึง 15 นาที ก็หยุดแล้วแดดก็มา ท้องฟ้าก็โปร่ง เรื่องฝนเป็นปกติของบาหลีนะครับ ตกมาแปป ก็หยุดอากาศที่บาหลี ค่อนข้างร้อนอบอ้าว คือเดินกันทีเหงื่อไหล ไคลย้อย แนะนำสำหรับคนที่จะไปให้แต่งตัวเบาๆ นะ อย่าจัดหนักจัดแน่น เพราะคุณจะสลัดมันทิ้งหมด สำหรับผู้หญิงขาสั้นก็ใส่เที่ยวได้นะ แต่เวลาเข้าวัดบางสถานที่ อาจจะต้องติดผ้าถุงผ้าสโล่งไปด้วย แต่โดยปกติแล้ว ทางทีมงานของเท็ดดี้ รถเช่า จะเตรียมผ้าถุง/สโล่งไว้ให้เรา แล้วก็มีร่มให้ด้วย คือประทับใจ เตรียมมาให้พร้อมเสร็จสรรพ เสร็จจาก Tanah lot เราทำเวลาอยู่แค่ 1 ชั่วโมง เพียงพอครับ จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ ไปยัง Ulun danu beratan/ temple on the lake เป็นวัดที่อยู่บนทะเลสาบ วิวด้านหลังเป็นภูเขา เป็นสถานที่นิยมอีกที่หนึ่งเลย ถ้าไปบาหลี จะเห็นรูปวัดนี้ขึ้นป้ายเยอะแยะมากมาย เพราะมันสวยงามจริงๆ ค่าเข้าชมที่นี้อยู่คนละ 30,000 rupia คับ ขนาดของวัดไม่ได้ใหญ่มาก เดินแปปเดียวก็ทั้วทั้งวัด แต่ไฮไลน์มันอยู่ตรงวัดที่อยู่บนทะเลสาบนี่แหละ ไปดูรูปกันเลย


เสียดายนิดนึง ตอนไปฝนตก ฟ้าไม่โปร่ง มีเมฆเยอะบดบังวิวทะเลสาบ กับภูเขา


ปล. เราขอไม่ลงลึกเรื่องประวัติความเป็นมานี่นั้นนะ เพราะเราเองก็เที่ยว ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศอย่างเดียว เลยไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์มากนัก อีกอย่างไม่มีไกด์ด้วย เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียด บางครั้งอยากรู้ก็แอบเดินเลียบๆเคียงๆ กับไกด์คนอื่น ทำเป็นถ่ายรูปไปมา นี่นั้น แล้วก็ขอฟังด้วย 555 ประหยัดค่าไกด์แอบไปฟังของคนอื่นสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ในบาหลี ค่อนข้างห่างกันพอสมควร ส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการเดินทาง เพราะทางบ้านเค้าเป็นแค่ถนน 2 เลนส์แคบๆ เลยใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน เส้นทางก็เป็นทางขึ้นเขา สลับพื้นราบบ้างเล็กน้อย นั่งกันทีก็มีวิงเวียนบ้างเล็กน้อย แต่เราไม่เป็นรัยละ เพราะหลับ เวลาล่วงเลยมาพอสมควร บ่าย 2 ก็ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน อย่างที่บอกไป ในโปรแกรมของทางเท็ดนี้ จะบอกเราว่าจะไปทานอาหารกลางวันที่ไหน ราคาเท่าไร สำหรับมื้อนี้ คนขับ เดวา พาเราไปทานอาหารกลางวันแบบบุปเฟ่ต์ ที่ร้าน Eco restaurant อยู่ไม่ไกลจากวัด Ulun danu temple เลย บรรยากาศร้านอาหารอะเครครับ อาหารที่เสริฟเป็นบุฟเฟต์ อาหารเน้นไปทางอาหารสตายอินโดครับ ก็จะมีประมาณ หมีผัด, ผัดผัก, ไก่ทอด,ข้าวสวย, ข้าวผัด Nasik, และก็อะไรอีกมากมายเราจำไม่ได้ ราคาบุปเฟ่ต์คนละ 90,000 rupia ตีเป็นเงินไทย ก็ 240 บาท ก็เอาไดเอยู่นะ ราคาไม่แพงเลย แต่น้ำหรือเครื่องดื่มต้องซื้อเองนะครับ ไม่รวม ที่ไลน์บุปเฟต์มีแต่ชากับกาแฟให้เท่านั้นครับ เดวาบอกเราว่า ค่าบุปเฟ่ต์ให้จ่ายกับทางเดวาได้เลย เดียวเค้าไปจ่ายให้ เพราะจะไม่เสีย Vat แต่ถ้าเราไปจ่ายเองเราจะโดน Vat ด้วย เราก็อะเครยินดี ให้เดวาไปทำการจ่ายให้ บอกตรงๆ ที่แรกก็แอบคิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้าง แบบถ้าเราไปจ่ายเองจะถูกกว่าป่าว เค้าจะเอาค่าหัวคิว จากเราหรือเปล่า(เคยเจอแบบนี้มาบ่อยทั้งที่ไทยเองและต่างประเทศอื่นๆที่เคยไปมาบ้าง 55) แต่เดวา เค้าแสดงความบริสุทธฺ์ใจ คือถ้าไม่สะดวกไปจ่ายเองที่เค้าเตอร์ก็ได้ เค้าอะเคร แต่เราก็อ่านหาข้อมูลมาบ้าง ปกติเข้าร้านอาหารเกือบทุกร้านในบาหลี จะเสีย vat และ service charge ด้วย เดวาจัดการจ่ายเงินให้เรียบร้อย ก็เอาบิลมาให้เราด้วย ส่วนค่าน้ำที่ซื้อเองกับทางร้าน เสีย vat ด้วยนะจ๊ะ

ตอนกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ ฝนหยุด ท้องฟ้าแจ่มใสมาก โอยเจ็บปวด อยากกลับไปที่วัด Ulun อีกครั้ง คงได้ภาพสวยๆกว่านี้แน่นอนเลย..แต่ม่ะเป็นรัยยังมีที่อื่นรออยู่ ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ Twin Lake / ทะเลสาบฝาแฝด คือมีทะเลสาบ Buyan และ Tamblingan อยู่ติดกัน มีภูเขากั้น ฟ้าฝนไม่เป็นใจเช่นเคย พอแต่ออกเดินทางปุ๊ป ฝนก็เทลง เฮ้อ พอมาถึงฝนเริ่มซาลง แล้ว แต่เสียดาย หมอกหนา บดบังความสวยงามของทะเลสาบหมดเลย ไม่มีค่าเข้าชมแต่ใดๆ มีแต่ขอเก็บค่าจอดรถ แต่ครงนี้เราเห็นเดวาเป็นคนจ่าย เพราะเหมือนว่าชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นจะขอเรียกเก็บค่าที่จอดรถ ไปดุรูปกันเลย

หมอกลงเยอะมาก บดบังวิวภูเขา / รูปนี้ถ่ายด้วยกล้อง Action Camera Xiao mi , ถ้าใครอยากได้ภาพทะเลสาบ คู่กันแบบสวยๆ คงต้องใช้เลนส์ Wide หรือจะถ่ายแบบพาโนรามาก็ได้นะ เพราะจุดชมวิว มุมค่อนข้างจำกัด


ใกล้กับจุดชมวิว มีบริการถ่ายรูปกับค้างคาว กิ้งก่า ด้วยนะ ใครอยากลองก็ถามราคาดูรู้สึกว่าจะไม่แพงนะโปรแกรมเที่ยวขอเราวันแรกนี้ มีแค่ 4 ที่นะคร้าบ ตอนนี้เล่ามาถึง 3 สถานที่แล้ว เหลือที่สุดท้ายที่เราจะไปกันแล้ว คือวัด Taman Ayun / Mengwi royal temple ค่าเข้าชมที่ทางเท็ดดี้ส่งมาคือคนละ 15,000 rupia แต่มาจริงเค้าเก็บคนละ 20,000 rupia ประวัติความเป็นมาของวัดนี้ เป็นยังไงก็ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ เพราะเราเองก็ไม่ทราบ 55 รู้แต่ว่ามันสวยดี


วัดที่นี้ก็ขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก อ่อๆ ลืมเล่าสิ่งหนึ่งที่ทางเท็ดดี้ และคนขับรถเดวาเครียมให้เราด้วยคือโทรศัพท์มือถือ เค้าเอาไว้ให้เราไว้ติดต่อเค้าเวลาเราชมสถานที่เสร็จ ถ้าหาเค้าไม่เจอ ใช้เครื่องนี้ทรหาเค้าได้เลย ประทับใจมากเลย


เสร็จจากวัดนี้ เราก็โทรหาเดวาให้มารับหน้าวัด ตรงที่มาส่ง ไว้ เดวามาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รถยางรั่วแบน ติดพื้นเลย เราเห็นจึงบอกเดวา รถยางรั่วนะยูว์ เดวาก็บอกให้เรารอสักครู่ เดวาจัดการเปลี่ยนเองล้ออะไหล่เอง ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที รวดเร็วมาก สรุปมากับเท็ดดี้ ไม่ต้องกังวลนะ ทุกอย่างสะดวกสบายหมดเปลี่ยนยางเสร็จเราก้ออกเดินทางต่อ หมดโปรแกรมแล้วสำหรับวันนี้ ต่อไปคือเข้าที่พัก check -in คืนนี้เราเลือกพักที่ Ubud เพราะสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ อยู่ไม่ไกลจาก Ubud มากนัก เราจึงเลือก Ubud เป็น Center เราเลือกจองที่พักที่ Villa Mandi Ubud เป็นโรงแรมขนาดเล็ก 15 ห้อง 4 ดาว อยู่ห่างจากตลาด Ubud พอสมควร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที บรรยากาศรอบข้างโรงแรมเป็นทุ่งนา เงียบสงบดี พนักงานน่ารัก ตอนรับเป็นอย่างดี เราจองพักที่นี้ไป 2 คืน ในห้อง Superior ราคาคืนละ 781 บาท รวมอาหารเช้า ด้วยราคาเท่านี้ ทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอเข้าห้องไป และสำรวจโรงแรมรอบคือ ดีมาก เกินความคาดหวัง ใส่ใจลูกค้า มี Welcome letter และ เขียนใบไม้ Have a nice stay เฮ้ยคือใส่ใจเรามาก ชอบเลย ให้เต็ม 10 เลย

สระว่ายน้ำสวยดี ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ใช้ได้


นี่แหละคือสิ่งที่เราชอบ น่ารัก ใส่ใจลูกค้า ราคาห้องไม่ถึงพันบาท แต่บริการถึงจริงๆ


อ่างอาบน้ำให้ห้องน้ำ ใหญ่มากหลังจากนอนหลับ พักผ่อนเต็มที่ ก็ถึงเวลาทัวร์วันที่ 2 แล้ว เรานัด เดวา มารับตอน 09.30น. ซึ่งตามตารางต้องมารับ 09.00 น. แต่เราขอเลทเอง แล้วงานก็เข้า เมื่อโปรแกรมของวันที่ 2 ต้องไปดู barong dance เป็นการโชว์การแสดงของบาหลี ซึ่งโชว์เริ่มแสดง 09.30 น. ซึ่งเดวาเค้าก็ขอโทษเราที่ไม่ได้บอก เราก็เลยบอกไม่เป็นรัย เรานัดช้าเอง เพราะฉะนั้น โปรแกรมเราก็เปลี่ยนทันที ซึ่งที่แรกที่ เดวา พาเราก็คือวัดถ้าช้าง Goa Gajah จากที่พักเรามาที่วัดถ้ำช้าง ประมาณครึ่งชั่วโมง มาถึงแระมาณ 10 โมงเช้า ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ค่าเช้าชมที่นี้ คนละ 15,000 rupia ที่นี้คนใส่ขาสั่นมา จะต้องสวมสโล่งด้วยนะ ทางวัดมีบริการสโล่งให้สวมใส่ฟรีจ้า


Tirta Empal / วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ค่าเข้าขม 15,000 Rupia / คนมีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน เป็นที่เคารพสักการะของชาวบาหลี เชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำพุ ชาวบาหลีเชื่อว่าถ้าได้มาอาบน้ำ จะเป็นสิริมงคลและขับไล่สิ่งเลวร้าย ทั้งยังรักษาโรคต่าง ๆ ทุกปีผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ ก่อนการอาบน้ำ จะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำพุที่แท่นบูชา จะมาอาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กันที่ ที่อาบน้ำโบราณ


สาวกลุ่มนี้ เดินเรียงกันมา


คุณป้าขายกล้วย แบกถาดกล้วยบนศรีษะ


ทางเข้าวัด


ตรงนี้น้ำในสระใสมาก มิน้ำพุดขึ้นมาจากใต้ดิน


สถานที่อาบน้ำ น้ำใสมาก มีปลาในบ่อาบน้ำด้วยนะ ตัวใหญ่ดีเที่ยวชมวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เสร็จ ก็เดินทางกันต่อ ไปยังสถานที่ทดลองกาแฟขี้ชะมด ถ้าพูดถึงกาแฟขี้ชะมดแบบต้นตำหรับของแท้ต้นกำเนิด ต้องที่บาหลีเลยนะครับ เค้าขึ้นชื่อมาก


กาแฟขี้ชะมด หรือ Luwak Coffee มาถึงที่นี้ลงรถมีไกด์มาคอยแนะนำตลอดเลย. ดี๊ดี กาแฟขี้ชะมดจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือกาแฟขี้ชะมดตัวผู้ และกาแฟของขี้ชะมดตัวเมีย ซึ่งกาแฟจากขี้ตัวผู้นี้แรงกว่าของตัวเมีย เค้าบอกวิธีการสังเกตุด้วยนะ ถ้าเป็นเมล็ดกาแฟที่ออกมาเป็นเม็ดๆติดกันไม่แยกออกจากกันคือเมล็ดที่ออกมาจากตัวผู้ แต่ถ้าเมล็ดแยกออกจากกันนั้นคือของตัวเมีย .. น่าลั๊คอ่ะ แก้วนึงก็ขายไม่แพงนะ 50,000 rupia ประมาณ 140 บาท แต่ถ้ามาซื้อกินข้างนอกนี่แพงสุดๆไปเลย...รสชาติดีไม่ดีไม่รู้เพราะปกติไม่กินกาแฟ เลยไม่รู้รสชาติกาแฟที่ดีเป็นยังไง..ไปดูการ test กาแฟขี้ชะมดกันเลย

คุณป้านั่งคั้วกาแฟ ให้ดูเลย จะได้เห็นการทำวิธีขี้ชะมดกันชัดๆไปเลย


กาแฟมะพร้าวหอมอร่อย กาแฟวานิลลา ก็หอมกรุ่น ชาผลไม้ก็อร่อย สรุปคือดี ให้เต็ม 10 วิวก็ดีมาก


Arabica Luwak Coffee กาแฟขี้ชะมด จากตัวเมีย หอมมาก อันนี้ต้องสั่งนะ ไม่มีให้ชิม


มีมาให้เทสทั้งกาแฟ ชาผลไม้ คือแบบ ชิมฟรี จัดมาขนาดนี้ สุดยอดมากชิมกาแฟจนอิ่มหนำสมราญใจ ก็ถึงเวลาไปทานอาหารกลางวันแล้ว วันนี้ทางเท็ดดี้ทีม จัดโปรแกรมให้เราไปทานที่ Garnd puncak sari restaurant ราคาก็เท่าเดิมคือ 90,000 rupia ต่อคน ร้านอาหารที่นี้อยู่บนจุดชมวิว ภูเขาไฟ Kintamani ราคาอาหารหลักร้อยแต่วิวนี่หลักแสนเลย คือสวยมาก สำหรับอาหารก้บุปเฟ่ต์ทั่วไป


หน้าตาอาหารบุปเฟต์ ร้านนี้คนเยอะ มาก ทัวร์ลงกันพรึบพรับ


วิวข้างนอกร้านอาหาร มันสวยงามจริง


ปกติการเข้ามายังจุดชมวิวนี้ จะต้องเสียค่าเข้ามา แต่เดวามีบัตรอะไรไม่รู้ บอกว่าไม่ต้องจ่าย ฟรี เราก็อ่อๆ อะเครทันทีทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็ลุยกันต่อ กินอิ่มนอนหลับ ก็นอนหลับ ตื่นมาอีกที เดวาปลุก ถึงแล้ว Penglipuran Traditional Village หมู่บ้านที่จัดได้ว่าเป็นมุมมองที่ unseen อีกจุดหนึ่งบนเกาะบาหลี ชมบ้านในแบบบาหลีรูปแบบดั้งเดิม ชมสถาปัตกรรมแบบบาหลีแท้ๆที่หลายคนไม่น้อยหลงใหล ค่าเข้าชมที่นี้คนละ 31,000 Rupia


อากาศร้อนมาก เราใช้เวลาอยู่ที่นี้ไม่นาน แค่ 15 นาที ก้อเหงื่อท่วมตัว เดินไม่ไหว อยากขึ้นรถกลับแล้ว เดินมาที่รถเห็นเดวานอนหลับอยู่ ด้วยความไม่อยากเร่ง ให้เค้านอนพักสักหน่อย เพราะเราเองรีบเดินรีบเที่ยวเร็วไปหน่อย เราก็นั่งเล่นรอใต้ต้นไม้ ไปเรื่อยเปื่อย พอเดวาตื่นเราก้ออกเดินทางกันต่อไป ที่อสุดท้ายของวันนี้ ไร่ข้าวที่ปลูกเป็นชั้น Tagalalang rice Terrace นาข้าวสีเขียวเรียงตัวกันเป็นชั้น สวยงาม และชดชื่นมาก ค่าเข้าชมที่นี้ คนละ 10,000 Rupia ที่จอดรถก็ไม่ค่อยมี ต้องอาศัยจอดข้างทางเอา


ชมไร่ข้าวเสร็จก็กลับไปที่โรงแรม Villa Mandi Ubud มื้อเย็นของเราทั้งสองวัน ฝากท้องไว้กับอาหารที่โรงแรมนี่แหละ ราคาถูกกว่าร้านอาหารในตลาก Ubud ไม่คิด Vat เพิ่ม มีทั้งอาหารอินโด และอาหารยุโรป รสชาติอร่อย ถูกด้วย เน้นข้อนี้มาก จบโปรแกรมสำหรับนี้เช้าวันที่ 3 ของทัวร์ วันนี้เราต้องไปพักที่โรงแรมอีกที่หนึง จองไว้ที่ Nusa Dua, 9 โมงเป๊ะ เดวามารอรับเราแล้ว เพราะวันนี้เราต้องรีบไป ดู Barong Dance หรือ ระบำสิงโต นาฏศิลป์จากเทพนิยายพื้นเมืองของบาหลี ตำนานเทพเจ้า ซึ่งให้เห็นการต่อสู้ ระหว่าง “บารอง" สิงโตที่คอย ช่วยเหลือมนุษย์โลก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของความดี กับ “รังตา" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ค่าเข้าชมคนละ 100,000 Rupia นะ ไปถึงก็บอกว่า Thailand เข้าก็จะแจกกระดาษเป็นบทละครอธิบาย แต่ละฉากๆ เพื่อให้เราเข้าใจ ปล. เค้าตีพิมหลายภาษามาก


การแสดงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็สนุกดี (แต่ไม่ได้สนุกมาก) เพราะอาจจะฟังภาษาไม่ค่อยรู้เรื่อง บางช่วงก็มีพูดภาษาอังกฤษบ้าง



จบจากดู Barong Dance เราก็ไปยังวัด Batuan temple ที่นี้ไม่เสียค่าชมนะ ให้บริจาคเอา แถมมีผ้าถุงให้ใส่ด้วย ไม่คิดค่าบริการ ไปดูวัดกันเลย

จบจากที่นี้ เราก็เดินทางยาวไปต่อกัน ที่วัด แม่ Basakih ซึ่งใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานเหมือนกัน จาก Ubud ไป Besakih เดินทางมาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว วันนี้อาหารกลางวัน เรามาทานที่ Mahagiri Restaurant ค่าอาหารราคาเท่าเดิม คือ 90,000 rupia ไม่รวมค่าเครื่องดื่มนะ ลงรถไป เดินไปถึงร้านอาหาร ถึงกับร้องว้าววววววว ... อาหารหลักร้อยวิวหลักแสนอีกแล้ว


เราชอบที่นี้มาก นั่งทานอาหารมีความสุขมาก และนั่งนานมาก คืออิ่มสุขอิ่มท้องมากเลย แต่ละที่ที่ทาง เท็ดดี้ทีม จัดให้นี่คือเด็ดจริงๆอิ่มกายอิ่มใจ ก็ไปกันต่อ มุ่งหน้าสู่ Besakih


ปุราเบซากิห์ (Pura Besakih) หรือวัดเบซากิห์ (วัดเบซากีห์) เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดบนเกาะบาหลี คนบาหลียกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple) เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของบาหลี ยังถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเหนือวัดทั้งปวง มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยวัดเล็กๆ อีก 23 แห่ง แห่งที่เรียงรายอยู่เป็นขั้นๆ กว่า 7 ขั้นไปตามไหล่เขา มีฉากหลังคือภูเขาไฟกุนุงอากุง เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดของเกาะบาหลี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมา ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เลยที่เดียว วัดเล็กๆ ดังกล่าวก็จะมีความสำคัญต่างๆ กันไปโดยวัดที่มีความสำคัญที่สุด คือ ปุราเปนาทารัน อากุง (Pura Penataraa Aguan) ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ทุกๆวันจะมีคนบาหลีเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนา ทำให้เป็นสถานที่ที่สามารถเห็นธรรมเนียมประเพณีและการแต่งกายแบบพื้นเมืองทั้งชายและหญิง รวมทั้งการแบกทูนของบูชาบนศีรษะตามแบบดั้งเดิมด้วย หากนักท่องเที่ยวต้องการปีนเขากุหนุงอากุงสามารถทำได้ในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงตุลาคม โดยจะต้องขออนุญาติจากทางวัดก่อนเพราะทางวัดไม่อนุญาตให้ปีนขึ้นไปสูงกว่าวัดขณะที่มีการทำพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ วัดเบซากิห์เปิดเข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น. (ไปก็อปมานะอันนี้ )

มาถึงวัดนี้ เดวาจัดองทรงเครื่องครบ เพราะเดวาจะลงไปกับเราด้วย ป้องกันไม่ให้ไกดด์มาเฟีย มาขูดรีดเงินจากเรา เพราะเดวาบอกไกด์ท้องถิ่นเยอะ อาจจะบอกให้เราช่วยทำบุญนี่นั้น ตลอดทางเดินไปยังวัด เดวาจึงพาเราไป ตรงนี้คือดีไปอีก ประทับใจไปอีก เดวาก็สามารถเป็นไกด์อธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับวัดได้เช่นกัน ไปดุความยิ่งใหญ่ของวัดนี้กันเลย

แค่จุดแรกก็ฟินเว่อร์ หน้าวัด


สาววัยรุ่น แต่งชุดสวยสตายล์บาหลี เข้าวัดกันเป็นหมู่คณะเลย ระหว่างทางเดินไป มีสาวน้อยมาขอถ่ายรูปกับเราด้วย ...รู้สึกแปลกประหลาดใจและก็แอบยิ้มเบาๆ 555


ที่สุดท้ายของวันนี้ และเป็นการจบทริปการเช่ารถของเท็ดดี้ด้วย


Pura Kehen เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และมีขนาดใหญ่วัดหนึ่งในบาหลี มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครและมีความเชื่อว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าแห่งไฟ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนบาหลีก็ด้วย เหตุผลคือมาชมความงามของที่วัดนี้ ทั้งความงามของธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่คือศาลาเมรุที่มีหลังคา 11 ชั้น ที่สร้างถวายพระศิวะ รวมทั้งแท่นบูชาจำนวนมากที่สร้างถวายเทพแห่งภูเขา

• เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30,000 Rupia/คน นะครับ



เสร็จสิ้นโปรแกรม ทัวร์สำหรับ 3 วัน เดวา ก้ใช้เวลาขับรถ 2 ชั่วโมงได้ มาส่งเราที่ฝั่ง Nusa Dua คืนนี้เราจองที่พักที่ The Wangsa Benoa พอมาถึงก็โบกมือลา แท้งกิ้ว เดวา สำหรับทริปสุดคุ้มค่า ในครั้งนี้


มาๆ ดูโรงแรมที่เราจองดีกว่า คือเราแบบชอบมาก

The wangsa benoa โรงแรมระดับ 4 ดาว⭐⭐⭐⭐ อยู่ห่างจากสนามบินเดนปาซาร์(บาหลี) 10 กม. โรงแรมเป็นแบบสไตล์คอนโด คือภายในห้องแยกเป็นสัดส่วน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ครบครัน สระว่ายน้ำด้านล่างใหญ่มาก ไวไฟในห้องพอเล่นได้ ไม่ถึงกับแรงมาก แต่ตรงสระว่ายน้ำสัญญาณดีเชียวแหละ โรงแรมอยู่ตรงข้ามกับ โรงแรม Conrad บาหลีเลยนะ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ จ่ายเพียงคืนละ 920 บาท รวมอาหารเช้า อาหารเช้าก็มีให้เลือก 3 แบบ Continental brakfast, Indonesian Breakfast หรือ American Breakfast ความเกร๋คือเสริฟที่ห้องเลยจ้า ไม่ต้องลงไปให้เสียเวลา

อาหารเช้าก้มาเสริฟให้ถึงห้อง หน้าตาอาหารดีงาม มาก ทุกอย่างคือฟินมากสำหรับที่นี้ นอนหลับสบายมากมายวันนี้เป็นวันที่ 5 ที่อยู่บาหลี วันนี้คือวันพักผ่อน ไม่ได้ไปไหน พักผ่อนนอนเล่น อยู่โรงแรมก็พอ แต่ๆๆๆ อยู่ไปแปปเดียวเริ่มเบื่อ เลยออกไปเดินชายหาด Nusa Dua กันดีกว่า หาดตรงที่เราไปไม่ได้สวยมาก ส่วนใหญ่คนนิยมเล่นกีฬาทางน้ำกันมากกว่า ราคาส่วนใหญ่คิดเป็นเงิน USD ราคาก็ค่อนข้างสูง แต่จะบอกว่า ต่อรองได้ ตามความสามารถนะครับ


บันทีกการเดินทาง ของเราก็ได้จบสิ้นลงแล้ว 6 วัน 5 คืน ในบาหลีมันเต็มอิ่มมาก สุขทั้งกายสุขทั้งใจ สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้


ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ทั้งหมด รวมทั้งในประเทศ ด้วยนะ = 7,400 บาท

ค่าเช่ารถพร้อมคนขับ 3 วัน 1,450,000 Rupia คิดเป็นเงินไทย 3,915 บาท หาร 2 คน = 1,957.5 บาท

ค่าที่พัก จำนวน 5 คืน รวม 4,216 หาร 2 = 2,108 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่าเข้าชม ค่าอาหาร shopping เฉลี่ยคนละ = 3,572.5 บาท

สิริรวมทั้งหมดต่อหนึ่งคน = 15,038 บาท

ทริปนี้เราไปกันแค่ 2 คนนะครับ ถ้าใครไป 3 คน เราเชื่อว่าใช้เงินน้อยกว่านี้อีก ยังไงก็ขอขอบคุณที่ติดตามเข้ามาอ่านบันทึกการเดินทางของเรานะครับ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น