สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน กลับมาพบกันแก้ว และ โมบายโฟโตกราฟเฟอร์อีกแล้วนะครับ สำหรับ รีวิวนี้
แก้วมีความยินดีมากที่ได้รับเลือกให้ เป็น 1 ใน 10 Blogger ตามรอยพ่อหลวง โดย JetRadar และ Readme


ถานที่ที่แก้วจะพาเพื่อนๆ ไปในครั้งนี้ก็คือ โครงหลวงปังค่า ในพระราชดำริของในหลวงรัชดาลที่ 9 ซึ่งอยู่ที่จังหวัดพะเยาครับ ที่มาที่ไปทำไมแก้วถึงเลือกที่นี่ คือแก้วไปทำการบ้านมาครับว่า ที่นี่เพิ่งจะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่นาน
ยังไม่ค่อยมีคนไปมากนัก แก้วเลยอยาก ทำให้คนรู้จักที่นี่มากขึ้นครับ เพราะที่มาของมันมีความน่าสนใจมากๆ
ไว้จะเล่าให้ฟังเมื่อไปถึงนะครับ เอาล่ะ เดินทางกันดีกว่าครับ


แก้วออกเดินทางจาก สนามบินดอนเมืองครับ โดยสายการบิน LION AIR ด้วยความสนับสนุนจาก Jet Radar แอพพลิเคชั่น จองตั๋วเครื่องบิน ราคาถู๊กกกกถูก และ Readme ครับ อยากจะไปเดินทางท่องเที่ยวฟรีๆ แบบนี้ มีสปอนเซอร์ระหว่างการเดินทางต้องมาเขียนรีวิวแบบแก้วที่ Readme นะครับ


มีความโชคดีปนโชคร้ายครับ เพราะเครื่อง ดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง ไม่เป็นไรครับ เพื่อนเพียบ 55 5

ได้ทราบทีหลังครับว่าที่เครื่องดีเลย์ เพราะภาคเหนือ วันนี้เมฆหนามาก จะขึ้นจะลง จะลำบากนิดนึง

เอาล่ะฮะ ตอนนี้แก้วมาถึง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายแล้วครับ ไปรับรถที่เช่าไว้กันดีกว่า

เอาล่ะแก้ว ได้รถละ ที่ต้องเช่ารถเพราะว่า การเดินทางไปที่ปังค่านั้น แก้วมาลงเครื่องที่ เชียงราย
จะต้องเดินทางต่ออีก ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปยัง อำเภอเชียงคำครับ ซึ่งที่พักที่เราจองเอาไว้ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

หลังจากผ่านการเดินทางกว่า 2 ชม. ซึ่งแก้วขอบอกว่า ถนนอาจจะยังไม่ค่อยดีนะครับ ถ้าใช้รถเล็ก ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มาพอสมควรครับ และนี่ก็คือ ที่พักของแก้วในคืนนี้ Chiangkam Grand Villa : เชียงคำแกรนด์วิลล่านั่นเอง

บรรยากาศในโรงแรม เงียบสงบมาก ทุกอย่างยังใหม่ สะอาด เพราะพึ่งสร้างได้ไม่นาน
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาพะเยา หรือภูลังกาครับ





ห้องพักของที่นี่ก็กว้างขวางดี ที่จอดรถเพียบ ไม่มีอาหารเช้าบริการนะครับ ราคาต่อคืนประมาณ 650 - 2000 บาท
คืนนี้แก้วขอพักผ่อนก่อนนะครับ พรุ่งนี้เราไปลุย โครงการหลวงปังค่า และ ภูลังกากัน



เอาล่ะครับ นี่เช้าแล้ว ออกเดินทางกันดีกว่า จริงๆ แล้วแก้วออกจากโรงแรมตั้งแต่ ตี 4 ครึ่งนะครับ
เพื่อให้ไปถึง ทันอาทิตย์ขึ้น ที่ภูลังกา ที่อยู่ห่างไป 40 กิโลเมตรบนภูเขา เพื่อจะเก็บภาพทะเลหมอกสวยๆ


นี่ถือภาพวิวระหว่างทางไปสู่ ภูลังกา และโครงการหลวงปังค่า ตอนเช้า ๆ ชิวจริงๆ



ตอนนี้แก้วก็มาถึงภูลังกาเพื่อจะรีบขึ้นไปเก็บหมอกยามเช้าแล้วครับ จริงๆ อยากขึ้นยอดภูลังกามาก แต่ว่า
รถสำหรับเหมาขึ้นภูลังกา หมดตั้งแต่ ตี 4 แล้วครับ ชาวบ้านบอกว่าช่วงนี้รถวิ่งน้อยครับ


ความพยายามจะมาให้เช้าที่สุด ซึ่งเวลาที่ถึงคือ 5.50 น. ครับ แต่ก็พบกับ ฟ้าใส ไม่มีลม และ ไม่มีหมอกด้วยครับ T T

ฮืออออออออออ หมอกไปอยู่ไกลๆ ลิบๆ ในหุบเขาข้างหน้านู้นนน


แต่โดยรวมแล้ว บรรยากาศเงียบสงบ คนน้อย ลมเย็นสบาย ยังทำให้แก้วประทับใจ ถึงแม้ไม่มีทะเลหมอกก็ตาม

ลงจากภูลังกามาประมาณ 10 นาที แก้วก็มาถึง โครงการหลวงปังค่าแล้วฮะ


ด้านหน้าที่เห็นนั้น คือ ห้องอาหาร และศูนย์ให้บริการข้อมูลของที่นี่ครับ


มีแผง เล็กๆ ให้ชาวเขา และคนในหมู่บ้านใกล้เคียงนำสินค้ามาวางขายด้วยครับ

ที่นี่ยังแอบทำมุมถ่ายรูป ไว้รองรับ คนไทยสาย Selfie ที่ใครๆ มาก็ต้องไปถ่ายครับ

เส้นทางด้านหน้า นำไปสู่ ลานกางเต๊น และบ้านพัก รวมไปถึงห้องสัมมนาด้วยครับ

บรรยากาศของที่นี่เต็มไปด้วย สวนหลายๆ สวนมารวมกัน และดอกไม้เมืองเหนือ นาๆ ชนิด

โซนบ้านพัก และ ลานกางเต๊นท์ อยู่ใกล้ๆ กันครับ

เอาล่ะครับ ขับรถมาตั้งไกล ขอหาอะไรใส่ท้องกันก่อนดีกว่า



บรรยากาศการทานอาหารเช้าของที่นี่ นี่ชิวมากเลยทีเดียว ลมเย็นๆ แดดอ่อนๆ


เช้าๆ แบบนี้ทานอะไรเบาๆ อย่างข้าวต้มหมู กับกาแฟสักแก้ว ก็เพียงพอแล้วครับ
จริงๆ มีเมนูอื่นอีกเพียบเลยนะครับ ซึ่งจะใช้ ผลิตภัณฑ์ของที่นี่ในการปรุงอาหาร แต่ครัวจะเปิดตอนสายๆ ครับ


ประวัติของโครงการหลวงปังค่านั้น เริ่มขึ้นจากในสมัยก่อนเมื่อปี 2530 ครับ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราได้เดินทาง
มาเยี่ยมชาวบ้านในพื้นที่เชียงคำ และภูลังกา ทรงเห็นว่า ชาวบ้านที่นี่ ทำกินโดยการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฏหมาย
จึงเล็งเห็นว่า ควรจะให้ประชาชน ได้มีช่องทางการทำกินอย่างอื่น ที่ยั่งยืน และไม่ผิดกฏหมาย ซึ่งมีพระราชดำริให้
ตั้ง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีการเกษตร และส่งเสริมอาชีพแก่ประชาชน

เมื่อเดินลงจาก ส่วนที่พักลงมา ก็จะพบกับ เรือนเพาะชำขนาดใหญ่ หลายเรือนเรียงต่อกัน

เดินยากนิดนึงเนาะ จริงๆ มันมีทางสำหรับนักท่องเที่ยวครับ แต่แก้วอยากลองเป็นชาวสวน เลยมาเดินทางนี้แทน

สิ่งแรกที่แก้วเจอครับ คือ ไฮไลท์ของที่นี่เลย ฟักทองยักษ์ เป็นพันธุ์ที่เรียกว่า Big Moon ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก
และสีสันที่โดดเด่น จะมีให้ชมกันในช่วงเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม ของทุกๆ ปีครับ



มาต่อกันครับ แก้วถามจากชาวบ้านที่อยู่ในโครงการนี้ว่า เอ๊ะ ที่นี่มีแปลงผักอะไรบ้าง จริงๆ
มีเยอะมากครับ ทั้งคะน้าฮ่องกง ทั้งพริกหวานสีต่างๆ ผักเบบี้ของเต้ กวางตุ้ง ฯลฯ แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงที่
เก็บผลผลิตไปส่งคู่ค้า ทั้งไทยและต่างประเทศไปแล้ว จึงไม่ค่อยมีให้เห็นมาก
เสียดายที่อดดู แต่ดีใจที่มีคนมองเห็นคุณภาพของสินค้าจากที่นี่


ที่เห็นอยู่ด้านหน้านี่คือเรือนเพาะชำ ของ ต้นคะน้าฮ่องกง และเบบี้ฮ่องเต้ครับ เก็บไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

ต้นสวยๆ เขียวๆ สดใหม่ ไร้สารพิษ ได้ยินมาว่า คู่ค้ารายใหญ่ของที่นี่คือ ร้านสุกี้ MK นี่เองแหละครับ
ดีใจที่ธุรกิจในไทย เล็งเห็นความสำคัญของคุณภาพสินค้า และส่งเสริมคนไทยด้วยกันเอง


ต้นอ่อนเล็ก ๆ มีความน่ารัก อยากเอาไปปลูกบ้างเลย

เอาล่ะครับถึงเวลาที่รอคอย แก้วอยากจะซื้อผักจากสวนจริงๆ สักครั้งนึง ที่เห็นอยู่ข้างหน้านี่ก็คือ คะน้าฮ่องกงครับ

การจะส่งไปตามที่ต่างๆ ก็ต้องมีการตัดแต่งกันหน่อย ซึ่งที่แก้วซื้อมา ได้แค่ คะน้าฮ่องกง กิโลกรัมละ 40 บาท เบบี้ฮ่องกงกิโลกรัมละ 25 บาท ถูกแสนถูก กรอบอร่อยแน่นอน ถ้ามาซื้อไม่ไหว ไปอุดหนุนที่ ร้านดอยคำ แทนก็ได้ครับ

ได้ผักสดๆ กลับบ้านสมใจแล้ว ก่อนจะเดินทางกลับไปที่ท่าอากาศยานเชียงรายนั้น แก้วก็อยากทำบุญสักหน่อยครับ
ตามธรรมเนียมของคนไทย ต้องเข้าวัดบ้าง เวลาเดินทาง ขอพรรับปีใหม่นี้หน่อย ที่ วัดพระเจ้านั่งดิน



บรรยากาศ ภายในอุโบสถ ครับ



และที่เห็นอยู่ด้านหน้านี้คือ ที่ประดิษฐานของพระเจ้านั่งดินครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่า องค์พระนั้นตั้งอยู่บนพื้นดิน


ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระยาผู้ครองเมืองพุทธรสะได้ค้นพบประวัติ(ตำนาน) เมื่อนมจตุจุลศักราช 1,213 ปีระกา เดือน 6 วันจันทร์ พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกโปรดเมตตาสรรพสัตว์โดยทั่วทางอภินิหารจนพระองค์ได้เสด็จมาถึงเขตเวียงพุทธรสะ (อำเภอเชียงคำในปัจจุบัน) พระพุทธองค์ได้ประทับอยู่บนดอยสิงกุตตระ (พระธาตุดอยคำในปัจจุบัน) ทรงแผ่เมตตาประสาทพรตรัส ให้พระยาคำแดงเจ้าเมืองพุทธรสะในขณะนั้น สร้างรูปเหมือนพระองค์ไว้ยังเมืองพุทธรสะแห่งนี้ ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสจบ ก็ปรากฏว่าได้มีพระอินทร์หนึ่งองค์ พระยานาคหนึ่งตน ฤาษีสององค์ และพระอรหันต์สี่รูป ช่วยกันเนรมิตเอาดินศักดิ์สิทธิ์จาก เมืองลังกาทวีปเป็นเวลา 1 เดือนกับอีก 7 วัน จึงแล้วเสร็จ



ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ได้โปรดสัตว์ทั่วถึงแล้วจึงเสด็จเข้าสู่เมืองพุทธรสะ อีกครั้ง ทรงเห็นรูปเหมือนที่โปรดให้สร้างขึ้นนั้นเล็กกว่าองค์ตถาคต พระพุทธองค์จึงตรัสให้เอาดินมาเสริมให้ใหญ่เท่าพระพุทธองค์ จึงได้แผ่รัศมีออกครอบจักรวาลรูปปั้นจำลองได้เลื่อนลงจากฐานชุกชี(แท่น) มากราบไหว้พระพุทธองค์ตรัสกับรูปเหมือน พระพุทธองค์ที่ได้สร้างขึ้นนั้นว่า "ขอให้ท่านจงอยู่รักษาศาสนาของกูตถาคตให้ครบ 5,000 พระพรรษา" พระรูปเหมือนจึงได้น้อม รับเอาแล้วประดิษฐานอยู่ ณ พื้นดินที่นั้นสืบมา ด้วยเหตุนี้พุทธบริษัทจึงหมายเหตุเอาพระรูปเหมือนของพระพุทธองค์ว่า พระเจ้านั่งดิน




เพื่อนๆ จะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ภายในโบสถ์นั้น ถูกตั้งอยู่บนพื้นแทบทุกอย่างเลย
เพื่อมิให้มีสิ่งใด สูงไปกว่า พระเจ้านั่งดิน ซึ่งเป็นพระประธานของที่นี่นั่นเอง



ออกเดินทางกันต่อครับ จากอำเภอเชียงคำ กลับสู่ จังหวัดเชียงราย ระหว่างรอไฟลท์บินนั้น ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
เลยขอแวะไปเยี่ยมชม วัดร่องขุ่น อีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเชียงรายครับ ตอนเด็กๆ วัดนี้ ครอบครัว
เคยพามาตอนที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นัก



สิ่งที่พบเห็นได้ในวันนี้คือ นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
เป็นที่น่าดีใจ ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมาท่องเที่ยวภาคเหนือของเรามากมายขนาดนี้



และที่นี่ยังเป็นตัวอย่างที่ดี ของการรักษาความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวด้วย น่าชื่นชมมากครับ



ไหนๆ มาทั้งที ขอแวะบ่ออฐิธฐานจิต ขอพรต้อนรับปีใหม่สักหน่อยครับ

ระหว่างทางไปสนามบินครับ แก้วพบกับป้าย สถานที่ที่นึงที่น่าสนใจ นั่นก็คือ วนาฟาร์ม นั่นเอง ( เอพพิโซด 2 ด้วยนะ )


ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่พักผ่อน วันเสาร์อาทิตย์ของครอบครัว ได้มาใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งเปิดมานานมากแล้วครับ
จนพื้นที่เดิม เล็กไป จึงมีการย้ายที่ตั้งห่างออกมา 4 กิโลเมตร ซึ่งมีความกว้างขวางมากขึ้น



ที่นี่ก็จะมีสัตว์หลากหลายชนิด ให้เราได้เยี่ยมชม ถ่ายรูปด้วย ไม่ว่าจะเป็น เจ้านกกระจอกเทศด้านหลังนี้



มีรถม้าให้นั่งชมรอบๆ ด้วยนะครับ รอบละ 30 บาทเท่านั้น

ที่ขาดไม่ได้ครับ น้องแกะ 55 5 ทุกที่ต้องมีจริงๆ ดูท่ายืนด้วย โพสกันออกหน้าออกตา

เอาล่ะครับ และนี่คือตั้งหมด ของทริปตามรอยพ่อหลวงโดย โมบายโฟโตกราฟเฟอร์ กับเวลา 2 วัน 1 คืน เท่านั้น
เวลาแก้วท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ตามในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่แก้วจะพบเสมอ ก็คือ โครงการหลวงต่างๆ ที่ในหลวง
รัชกาลที่ 9 ทรงสร้างขึ้น เพื่อประชาชนของพระองค์ได้อยู่สุขสบาย แก้วขอฝากเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้อ่านนะครับ

ทุกครั้งที่เราได้ไปท่องเที่ยวโครงการหลวง เมื่อกับเราได้ออกไปพบกับสมบัติที่พระองค์ได้ทิ้งเอาไว้ให้
เป็นมรดกที่ไม่มีวันสูญหายไปจากประเทศไทย เคารพสถานที่ และส่งต่อสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่นด้วยนะครับ

แล้วไปเที่ยวด้วยกันใหม่ วันนี้สวัสดีครับ


ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
[ เกี่ยวกับผู้เขียน ]

ชื่อ "แก้ว" ครับ ชอบ เดินทาง ท่องเที่ยว และชอบถ่ายรูปมาก ตั้งแต่จำความได้เลย

ที่มาเขียนรีวิว และทำ Fanpage ก็เพราะว่า
อย่างแชร์สิ่งที่ตัวเองรัก ให้คนอื่นได้รักบ้าง

ชอบผลงานของแก้ว กด Follow Like

เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับIG : https://instagram.com/kaew.mobilefoto/
Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer

Mobile Photographer

 วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.00 น.

ความคิดเห็น