<<<<< ตอน 2 https://th.readme.me/p/7023

หลังจากที่ส่งน้อง ๆ 3 คนที่สถานีรถไฟ เสียดายมาก ๆ ที่ไม่ได้ขึ้นไปดูรถไฟขบวนใหม่เลย เนื่องจากไม่อนุญาติให้จอดรถเป็นเวลานาน ๆ ให้จอดเฉพาะมาส่งผู้โดยสารลงแค่นั้นเอง จึงปิดทริปของพวกน้อง แต่สำหรับพวกเรา ยังคงอยู่ลั้นลาอีก 1 วัน อิ ๆ


จากสถานีรถไฟ 10 นาทีก็ถึงที่พักของเราในคืนนี้ ได้จองผ่านเวป traveloka อีกแล้ว แต่ใช้ code ลดแค่ 35% เองเสียดายจัง ตกคนละ 120 บาท เอง ถูกอีกแล้วใช่ไหม มาดูกันว่า 90 ที่ปาย กับ 120 ที่เชียงใหม่ จะเป็นอย่างไรหนอ

บ้านหลังนี้จะอยู่ใกล้ ๆ สนามบินเชียงใหม่ เราเคยมาพักแล้ว 1 ครั้ง ติดใจ เพราะราคาไม่แพง แถมตอนเช้ามีกาแฟ ขนมปัง ให้ทานรองท้องนิดหน่อยด้วยค่ะ เราก็จะนอนกับเจ้าของบ้านนะคะ เพราะเค้าจะแบ่งห้องให้พัก แต่ก็เป็นสัดส่วนดี อบอุ่นคล้ายอยู่บ้านญาติค่ะ

เราจองห้องแฟมิลี่นอนได้ 4 เตียง จึงต้องเสริมเพิ่ม 2 เตียงค่ะ

ห้องพักมีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ผ้าขนหนู และ สบู่ เครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำให้ค่ะ ที่พักสะอาด และเจ้าของนิสัยดี แต่ข้อเสียคือ ใกล้สนามบิน จะได้ยินเสียงเครื่องบินตลอด ถ้าใครขี้รำคาญ ก็อาจจะลำบากนิดหน่อยจ๊ะ

ปากซอยที่พัก จะมีร้านโจ๊กชื่อดัง คือ โจ๊กต้นพยอม จะเปิดทุกวัน 05.00 - 12.30 น.แต่เราไปนี่ก็จะทุ่มแล้วมั๊ง แต่ก็มีโจ๊กขายอยู่นะ 555 พวกเราจึงสั่งโจ๊ก และข้าวต้มกุ้ย ต้มยำ ยำ ผัดผัก เกาเหลามากิน ก็อร่อยดีค่ะ เว้นโจ๊กนะ 55 อาจเป็นเพราะเราไม่ชอบโจ๊กก็ได้นะ เลยไม่ค่อยจะโดนเท่าไหร่อ่ะ

นอนจ๊ะ พรุ่งนี้เราจะเที่ยวเชียงใหม่หลวม ๆ แบบไม่เร่งรีบ ขอชิว ๆ สัก 1 วันเนอะ ราตรีสวัสดิ์ ZZZzzz

8.00 น. กินกาแฟ ขนมปังเรียบร้อยก็เช็คเอ้าท์กันเลย มันเป็นที่ซุกหัวนอนชัด ๆ และเป็นสาเหตุ ที่เราไม่ชอบนอนที่พักแพง ๆ เพราะใช้สถานที่ยังไม่คุ้มเลย จะจ่ายแพงทำไมเนอะ

จากที่พัก ที่แรกวันนี้เราจะไปที่ไกลที่สุดก่อน คือ บ้านม้งดอยปุย หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยว มีพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้ซึ่งมีบริการถ่ายรูปแต่งชุดชาวเขา บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์ได้ นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ชาวบ้านที่นี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย และบางส่วน ทำการเกษตรกรรมกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ วีถีชีวิตแบบชาวเขา ความพอเพียง และความเรียบง่าย

ร้านค้าก็จะขายสินค้า เหมือน ๆ กัน แต่ถ้าสนใจ หรือชอบใจสินค้าชิ้นใหน ก็ให้ซื้อเลย เพราะเราจะขึ้นอีกทาง และลงอีกทางนะคะ

ร้านนี้ เพื่อน ๆ หมดไปเยอะเลย เพราะมีแมวกวักนี่เอง อิ ๆ

อากาศหนาว ๆ คุณยายนั่งผิงไฟคลายหนาว

และก็เสียค่าเข้าชม สวนดอกไม้ คนละ 10 บาท ไป ๆ ไปดูกันว่าข้างบนจะมีอะไรให้ดูบ้าง

เข้ามาก็จะผ่าน "พิพิธภัณฑ์ชาวเขาบ้านม้งดอยปุย" ก็จะเป็นที่เก็บ อุปกรณ์ เครื่องใช้ ของชาวเขา

และที่สวนดอกไม้ จะมีเด็ก ๆ ชาวเขา แต่งกายพื้นเมือง น่ารัก ๆ พร้อมให้นักท่องเที่ยวเรียกใช้บริการถ่ายภาพค่ะ



นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ ถ่ายดอกไม้ได้สบาย ๆ เพลินเลย

ด้านบนมีร้านชา กาแฟบริการ ให้จิบคลายหนาวด้วยค่ะ ฟิน จริง ๆ

ดอกอะไร คงทราบกันดีนะ สวยมาก ๆ และก็แฝงด้วยอันตรายสุด ๆ ค่ะ

ถ่ายไว้ ๆ แถวบ้านไม่มี (ก็ลองมีสิ โดนตำรวจจับแน่ 555)

เด็กน้อยคนนี้ เงินสดซื้อเธอไม่ได้นะจ๊ะ ให้เงินขอถ่ายรูป เธอไม่ยอม แต่พอบอกว่าจะซื้อไส้กรอกให้เท่านั้นแหละ 555

เดินลงมาด้านล่างมั่ง.... หมดไปกะกระเป๋าอีกแล้วเพื่อนฉัน 555

ดอกกระดาษ จำได้สมัยเด็ก ๆ ถ้าได้มาเชียงใหม่ ต้องซื้อเป็นของฝากเสมอ ๆ

ออกจากบ้านม้งดอยปุย ก็ลงมาต่อที่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่ขอบอกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมาก ๆ ค่ะ

มาที่นี่ให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อยนะคะ อย่าใส่กางเกงขาสั้น หรือรัดรูป แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เข้าชมนะคะ เพราะเค้ามีบริการ ชุดให้นุ่งค่ะ เพื่อความเรียบร้อย อิ ๆ

แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกสดชื่น อากาศดีจริง ๆ ค่ะ

มีดอกไม้ นานาพันธุ์ ให้เราเดินเที่ยวชม ตลอดเส้นทางค่ะ

เวลามาที่นี่ เราชอบเดินตรงโซน ดอกกุหลาบค่ะ เพราะจะหอมมาก ๆ หอมตลอดเส้นทาง แถมดอกกุหลาบที่นี่ก็ดอกใหญ่สุด ๆ ด้วยค่ะ

แข่งกันสวย แข่งกันส่งกลิ่น ตลอดทางที่เดิน ช่างสุข เสียนี่กระไรค่ะ

เดินไปเรื่อย ๆ เพลิน ๆ อากาศดีมาก ๆ ไม่ร้อนเลย

จะเที่ยงแล้ว แดดไม่มี มีแต่ดอกไม้ สวย ๆ ทั้งนั้น

เดินมาเรื่อย ๆ ต้องตกใจ เพราะเจอเสือ

ไม่ต้องไปดูซากุระ ถึงญี่ปุ่น ที่ไทยก็มีนะ เธอคือดอกนางพญาเสือโคร่งนั่นเอง แม้จะไม่เป็นดง เท่าที่อื่น ๆ แต่ก็สวย ไม่แพ้กันค่ะ

ดูมุมไหนก็สวย

ดอกไม้สวย ๆ ที่นี่เยอะมาก ถ้าใครชื่นชอบถ่ายรูปคู่กับดอกไม้ ที่นี่เหมาะเลยค่ะ

อ่างเก็บน้ำ ด้านบนค่ะ

พลับพลาที่ประทับสร้างด้วยไม้สักทอง

เดินมาเรื่อย ๆ ใครบ่นเมื่อย ถือว่าแก่ .......ฮึบ ๆ ๆ

ลงมาก็เที่ยงนิด ๆ ขับไปทานอาหารเที่ยงกัน ที่ร้านค้าหน้าดอยสุเทพกันค่ะ ราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วยนะ

อิ่มหนำสำราญ ก็ลุยดอยสุเทพต่อเลย คนหนุ่มสาว จะเดินขึ้นบันได เราก็น่าจะเช่นกัน แต่ .... แต่เค้ามีลิฟท์ไว้บริการ แค่คนละ 20 บาท ไป-กลับ ราคาไม่แพง เก็บแรงเอาไว้ดีกว่าเนอะ 555

วัดพระธาตุดอยสุเทพ นี้เป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุกคน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่

เราอยู่ที่นี่ไม่ได้นาน เพราะร้อน แดด เปรี้ยงเลย

สถานีต่อไป ก็คือ วัดพระธาตุดอยคำ (โปรแกรมนี้เราจับใส่มาเอง ต้องมาแก้บน เพราะได้โชคจากท่านเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมาค่ะ)

"หลวงพ่อทันใจ" อยู่ที่ "วัดพระธาตุดอยคำ" เป็นพระวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่มากว่า 1,400 ปี เป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมน้ำใจของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเลยก็ว่าได้

"หลวงพ่อทันใจ" ท่านให้โชคลาภและมีญาณวิเศษที่ให้ผู้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งอัมพฤกษ์หรืออัมพาต หายขาดมาได้รวมถึงผู้คนที่นิยมเสี่ยงดวงกับกับการซื้อหวย โชคดีกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ .... เราก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ก็ต้องเชื่อ สาธุ

วิธีบน ขอพรจาก "หลวงพ่อทันใจ"

การอธิษฐาน จะต้องใช้ดอกมะลิสด 50 พวงขึ้นไป (จะมากกว่านั้นก็ได้เป็นร้อยพวงก็เคยมีคนทำมาแล้ว) และสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการให้อธิษฐานขอพร คือ ขอได้เพียง "อย่างเดียวเท่านั้น" ท่านถึงจะให้พรได้สมใจหวัง

ซึ่งปัจจุบันผู้คนที่มาอธิฐานและขอพรหรือบนบานศาลกล่าวกันเป็นจำนวนมาก พอได้โชคลาภ โชคดีดังที่ขอ ก็จะนำดอกมะลิมากราบไหว้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละวันจะมีคนนำดอกมะลิมากราบไหว้ไม่น้อยกว่าหลายร้อยหลายพันพวงเลยทีเดียว

และที่สุดท้ายของเราในวันนี้คือ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ค่าเข้าคนละ 100 บาท ถือว่าแรงอยู่ แต่มีรถรางไว้บริการ ก็เลยไม่แพงนะ สำหรับสถานที่จัดแสดงสวนดอกไม้ พันธุ์ไม้ หลาย ๆ ประเทศ แค่ค่าบำรุงรักษา ค่าดูแลก็ต้องให้เค้าแหละค่ะ

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:00 น - 18:00 น. ถ้าจะดีให้มาช่วงเช้า หรือช่วงเย็นเลยนะคะ จะได้ไม่ร้อน และสามารถนั่งรถราง และลงเดินชม ตามสถานที่จัดสวนต่าง ๆ ได้ดีกว่าตอนกลางวันค่ะ

ซื้อตั๋วปุ๊ป ก็เดินไปนั่งรถรางปั๊ป 555 ใครจะเดิน

บนรถรางก็จะมี จนท.คอยพูดไมค์ให้ความรู้ ตลอดเส้นทาง ซ้าย-ขวา

ถ้าสนใจจุดไหน สามารถลงไปชมได้ และรอรถรางคันต่อไปได้เลยค่ะ จะมาทุก 15 นาที ที่แรกที่เราลงก็สวนกล้วยไม้

และไปต่อ

ลงเดินกันอีก

ไปประเทศเนเธอร์แลนด์กัน

และก็ไฮไลท์ หอคำหลวง เป็นอาคารหลังหนึ่งในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นล้านนา ภายใต้แนวคิดว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย"


ต้นโพธิ์ทอง

ลากันด้วยภาพนี้ค่ะ หลังจากที่ลงจากรถราง

และแวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารข้าวเม่าข้าวฟ่าง อาหารอร่อย ราคาไม่แพง บรรยากาศก็สุดยอดค่ะ ไว้มีโอกาสจะแวะมาทานอีกนะ


และส่งที่สนามบิน กลับด้วยสายการบิน เวียดเจ็ทแอร์ไลน์ ขอบคุณนะคะสำหรับราคาเบา ๆ ถ้ามีโปรฯลดราคาอีก จะกลับมาใช้บริการใหม่นะคะ ค่าโหลดกระเป๋าเจ้านี้เค้าดีจัง 20 กฺิโลกรัม แค่ 225 บาทเอง

สรุปค่าใช้จ่ายรวมทั้งทริป 3 วัน และ 4 วันจ๊ะ(ไม่รวมของฝาก เพราะค่าของฝาก พอ ๆ กับค่าเที่ยวเลย 555)

บ๊าย บาย ไว้เราจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะเชียงใหม่ เป็นบ้านหลังที่สองของเรานั่นเอง

แตงโมเนื้อทราย

 วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.03 น.

ความคิดเห็น