ธันวาคม เดือนแห่งการพักผ่อนประจำปี ด้วยความที่ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามา อีกทั้งยังใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่
เดือนนี้จึงเดือนที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยว เฉลิมฉลอง หาสถานที่รับลมหนาว จิบเบียร์เสียหน่อยสักหน่อย



" เขาใหญ่ "

เขาใหญ่คงเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเนื่องจากเดินทางไม่ไกลมากนักจาก กทม. ไปได้โดยง่าย 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้ส่วนตัวผมเองเรียกได้ว่าติดใจเสน่ห์ของเขาใหญ่ (ฝั่งปากช่อง) มานมนาน คงเป็นเพราะมีอากาศเย็นในช่วงหน้าหนาว มีร้านกิน ดื่ม มากมาย ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ก็เดินทางมาตลอด บางทีขับรถไป - กลับ เพื่อมากินข้าวก็ทำอยู่บ่อยครั้ง (อ่อบ้านผมอยู่อยุธยา ขับรถ ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว) แต่ว่าลมหนาวมาทั้งทีคราวนี้เลยขอนอนค้างสัมผัสความหนาวสักหน่อย ช่วงที่เดินทางคือ 27-28 ธ.ค. 59 เนื่องจากเชื่อในการพยากรณ์อากาศว่า จะมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนพัดลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีอากาศหนาวเย็นขึ้น 3-7 องศา (แหม่ก็อปมาทั้งดุ้นเลยแสส) บอกแฟนจ๋าจะรออะไรจ๊ะ จัดการจองโรงแรมเสร็จเรียบร้อยพร้อมเพื่อนร่วมทริปอีก 4 คน พร้อมแล้วไปลุยเขาใหญ่กัน


1. ตลาด 100 ปี เสาไห้, สระบุรี

... เริ่มทริปด้วยการกินสิตามสไตล์สายแหลก ที่นี่...ตลาด 100 ปี เสาไห้, สระบุรี เสาไห้ อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดสระบุรี มีตลาดเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่หลังที่ว่าการอำเภอเสาไห้ เลียบกับแม่น้ำป่าสัก

มีความวินเทจแบบธรรมชาติสุด ๆ


ที่นี่จะมีร้านอาหารอยู่สองสามร้าน แต่ร้านโปรดผมคือ ร้านเกี๊ยวกรอบกลางตลาด ที่รับรองว่าไม่เหมือนที่อื่น โดยมีเมนูอาทิ ผัดไทย ราดหน้า หรือจะบะหมี่เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ฯลฯ อร่อยทุกเมนู แต่พระเอกสำหรับผมคือ เกี๊ยวกรอบ มีทั้งกินเปล่า ๆ จิ้มกับน้ำจิ้ม นำมาทำผัดไทย หรือราดหน้าก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ที่สำคัญคือราคาน่ารักมาก คือจานละ 30 บาท


กระเพราเป็ดก็มี กระเพราอร่อยแต่ติดอย่างเดียวคือผมไม่ชอบกินข้าวเสาไห้ T T


ราดหน้าหมูหมัก จานนี้ก็ถือว่าทำได้ดีหมูหมักมีความนุ่ม ส่วนเส้นใหญ่คั่วจนหอม ลงตัวสุด ๆ


อิ่มแล้วก็มาต่อขนมหวานสักหน่อย ทุกอย่าง 20 บาท


ร้านส้มตำก็มี แต่ส่วนตัวยังไม่เคยได้ลองชิมเลย

.
.
หลังจากอิ่มอร่อยกันเสร็จก็ได้เวลามุ่งหน้าสู่เขาใหญ่


2. The Castle Restaurant

...The Castle Restaurant เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใน Thames valley khaoyai hotel ซึงอยูบนถนนธนะรัชต์หากเข้ามาจากทางฝั่งปากช่องเลย Palio มานิดนึงจะอยู่ทางขวามือ โดยจะเห็นร้านสะดุดตาด้วยตัวอาคารตกแต่งสไตล์ปราสาทยุโรปสวยงาม เลี้ยวเข้ามามีที่จอดรถอยู่พอสมควร

ในส่วนของร้านอาหารมีทั้งภายใน และนอกอาคาร

แน่นอนว่าหน้าหนาว เราก็ต้องเลือกด้านนอก บรรยากาศดีบวกกับลมหนาวเข้ามาปะทะเพิ่มความฟินเข้าไป


ในส่วนของของกินเนื่องจากพวกเราเพิ่งอิ่มข้าวมา จึงจัดชุด Afternoon Tea 1 ชุด 600 บาท และโทสต์ชาไทย 120 บาท มา ซึ่งต้องบอกว่าสำหรับผมไม่มีอะไรประทับใจเลยนอกจากชาที่รสชาติดี นอกนั้นไม่สมราคา แต่พอให้อภัยเพราะบรรยากาศดี

ในส่วนของเมนู


.

.

จากนั้นก็ได้เวลาเข้าอุทยานฯ ขึ้นไปสูดอากาศ มองวิวสักหน่อย โดยค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท + รถคันละ 50 บาท จริง ๆ วิวก็ไม่ได้เว่อวังมากมายแต่ผมกลับรู้สึกชอบระหว่างทางบนนั้นที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ มากมาย มีความชื้นของอากาศ มีไอน้ำเล็กน้อย มันก็เพียงพอที่จะให้ปอด สมอง และหัวใจได้พักผ่อนได้บ้าง



3. โรสวิลล่า รีสอร์ท ปากช่องหลังจากลงเขามาก็ตรงดิ่งเข้าโรงแรมซึ่งผมจองเอาไว้ผ่าน Booking ในราคา 699 บาทต่อคืน/ห้อง รวมอาหารเช้าที่มีเพียงกาแฟ โอวัลติน และขนมปังปิ้ง ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในอำเภอปากช่องทางไปทองสมบูรณ์คลับ (ซอยเทศบาล9 หากขับมาจากถนนมิตรภาพขับเข้าเมืองจะเห็นคำว่าประตูสู่อีสาน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าตรงไฟแดงนั้นแหละ) เข้าไปประมาณ 2 กม. โรงแรมอยู่ซ้ายมือ โดยห้องก็ทั่วไปมีความเหมาะสมกับราคา


4. บ้านไม้ชายน้ำ


...ร้านอาหารชื่อดังแห่งปากช่อง บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติติดกับคลองลำตะคอง ร้านนี้เป็นร้านที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ตลอด ว่าจะเข้า ๆ ก็เลี้ยวไปจอดกินร้านโมริตะ ก่อนทุกที มาคราวนี้ต้องตัดใจขับรถดิ่งเข้าไปโดยไม่มองร้านโปรด จนต้องพบว่าผมพลาดอะไรไปเมื่อชายอ้วนผู้หลงไหลในสายน้ำและต้นไม้มาพบกับร้านนี้เข้าเหมือนเข้าไปอยู่ในภวังค์ ทางเดินเข้าที่มีของเก่าสะสมมากมาย คือเยอะมาก เยอะสุด ๆ กว่าเดินไปถึงโต๊ะได้ก็เล่นไปเกือบ 20 นาที

ในส่วนของโซนร้านอาหารก็ตกแต่งได้น่านั่ง เป็นระเบียงยื่นออกมาสัมผัสกับเสียงน้ำไหลและไอเย็นอากาศบริสุทธิ์ของต้นไม้

สำหรับอาหารนั้นส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยภาคกลาง และโคราช ซึ่งรสชาตินั้นสำหรับผมว่าธรรมดานะไม่ได้ถึงกับว้าวแต่ก็ไม่ได้แย่ ส่วนราคาถือว่าปานกลาง ค่อนไปทางสูงโดยรวมถือว่ามากินเอาบรรยากาศ

ปลาดุกฟูผัดพริกขิง รสชาติพอใช้ได้แต่ผมคิดว่าทำไว้เยอะ ๆ ทีเดียวซึ่งเสิร์ฟมาคือเย็นมาก

เซ็ทส้มตำ (ตำไทย+ผัดหมี่โคราช+แคปหมู) ส้มตำรสชาติอร่อย แต่ผัดหมี่ก็ผัดไว้นานแล้วเช่นกันมาแบบชืดสุด ๆ

แกงส้มชะอมทอดกุ้งสด (ถ้วยนี้ต้องขออภัยครับผมจำรสชาติสงสัยกำลังหัวเสียกับสองเมนูบน)

ตำโคราช อันนี้อร่อยแซบถูกใจ

หอยตลับผัดโหระพา

หมูสามชั้นทอดน้ำปลาจานนี้เด็ด

.

.
สำหรับมือนี้พวกเราหมดไป 1,300 บาท ถือว่าไม่ถูกไม่แพงอะไร
ประมาณนี้ครับสำหรับบ้านไม้ชายน้ำ มากินได้ดื่มด่ำบรรยากาศ จิบเบียร์กับครอบครัวเพื่อนฝูง แต่ถ้ามาเอารสชาติผมว่าปล่อยผ่าน


5. Dairy Home


ร้านนี้อยู่ติดถนน (เลี้ยวเข้ามานิดนึง 50 เมตร) แถวอำเภอมวกเหล็กฝั่งขาเข้า กทม. ครับ

ขึ้นชื่อเรื่องสเต็ก อาหารยุโรป ผลิตภัณฑ์จากนม โดยเฉพาะเนื้อนกกระจอกที่ผมติดใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ

ชอบร้องขอให้แม่พากินแอบนึกถึงความหลังหน่อย ๆ มากินตั้งร้านนี้มีโต๊ะแค่ 4 โต๊ะ จอดรถริมถนนอยู่เลย

จำได้ว่าตอนนั้นอร่อยสุด ๆ รู้สึกวิเศษทุกครั้งหากครอบครัวขับรถพามากินที่ร้านนี้

แต่ตอนนี้เนื้อนกกระจอกในความทรงจำมันค่อนข้างเปลี่ยนไป แต่ก็ยังถูกปากผมอยู่ดี

ในส่วนของเมนู


พอร์คชอพ 395 บาท

คุโรบุตะสเต็ก 395 บาท

ซี่โครงหมู บาร์บีคิว 395 บาท จานนี้ผมชอบที่สุด ซี่โครงหมูอย่างหนา 2 แผ่นนับรวมกันทั้งสิ้น 7 กระดูก ใหญ่จุใจถือว่าเกินราคามากจริง ๆ ถ้าเทียบกับร้านอื่น ๆ

เนื้อนกกระจอก ผัดซอสบาร์บีคิว 410 บาท เนื้อนกนุ่มมากแต่แอบมีกลิ่นหน่อย ๆ อันนี้ขึ้นกับความชอบของแแต่ละคนแล้วแหละ

ข้าวผัดอเมริกัน 130 บาท จานนี้เคยอร่อยมาก ๆ แต่คราวนี้รู้สึกผิดหวัง

สปาเกตตี้ จานนี้ธรรมดา

มันบด จานนี้ก็ธรรมดา

รวม ๆ

.
.
ทั้งหมดนี้ยังมีชีสทอด น้ำ และของหวาน (ไอศกรีม 2 ลูก + พานนาคอตตา) รวม 2,130 บาท คนละ 535 บาท ค่อนข้างแรงเลยทีเดียวมีเพียวซี่โครงหมูที่ผมรู้สึกว่าคุ้มค่า



รีวิว เขาใหญ่ 2วัน1คือ ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ตามสไตล์จงเจอนี่ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้าเร็ว ๆ นี้ครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม

Jongjourney - จงเจอนี่

 วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.40 น.

ความคิดเห็น